ก็พูดความจริงไม่ครบถ้วนไง พูดชี้นำว่าฟ้องเอาค่างวดที่เหลือไม่ได้ แต่ไม่ยอมพูดถึงว่าเขาฟ้องร้องค่าเสียหายจากการบอกเลิกสัญญาได้  มันอาจเป็นคนละกรณีในทางกฎหมาย แต่มันกรณีเดียวกันในมุมมองของผู้เช่าซื้อนี่แหละ คือยังไงก็ต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่ม ไม่ใช่คืนรถแล้วจบเลย ไม่มีทาง

จริงอยู่ค่าเบี้ยปรับ ค่าธรรมเนียมบางอันคิดเว่อๆไป อาจจะพอได้ลดจากคำสั่งศาล แต่ตัวหนี้หลัก ยังไงก็ต้องชดใช้(เพิ่มดอกเบี้ย 7.5%ต่อปีด้วยนะ) แถมติดblack list ติดเครดิตบูโรอีกไม่ยอมพูดถึง แทนที่จะแนะนำว่าให้หาขายดาวน์เปลี่ยนสัญญา ประนีประนอมไป ซึ่งเป็นทางออกที่ดีที่สุดกัน ดันมาแนะว่าให้คืนรถ แต่ไม่บอกว่ารอโดนฟ้องค่าเสียหายด้วยนะ

หวังดีจริงๆน่ะหรือ?

ป.ล. เนื้อหาฎีกาก็ไม่ยอมพูดถึงอีกนะ ว่าเขามีเงื่อนไข หรือเหตุการณ์อะไรให้เป็นแบบนั้น มันไม่ใช่เคสปกติของผู้เช่าซื้อทั่วไปเลย
ป.ล.2 บางทีก็งง ว่าบางท่านคงซื้อรถแต่เงินสด เลยไม่เคยอ่านสัญญาเช่าซื้อเต็มๆ แล้วพูดมาได้ว่าไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายจากการบอกเลิกสัญญา