เป็นลูกสาว หาเงินค่าสินสอดให้แม่ไม่ได้ ผิดมากไหมคะ ?

เรากับแฟนคบกันมาได้ เกือบปีแล้วค่ะ อายุ 25 เท่ากัน เป็นแฟนคนแรกที่เราเปิดตัวกับทางบ้าน ตั้งแต่มีความรักมา ก็มีแฟนคนนี้เป็นคนที่สองค่ะ
ครอบครัวเรากับแฟนเคยเจอกันแล้ว พูดคุยตกลงกันว่า จะจัดการเรื่องเราสองคนหลังจากที่เราเรียนจบ ซึ่งเหลืออีกแค่ 1 ปี

แฟนเป็นคนขยันและตั้งใจทำงานมากค่ะ หวังสร้างอนาคตร่วมกันอยู่เสมอ  ครอบครัวแฟนก็ดีกับเรามากค่ะ คอยช่วยเหลือเรา รักและดูแลเราเหมือนกับลูกสาวแท้ๆ ทางครอบครัวแฟนถือว่า มีฐานะดีกว่าครอบครัวเราระดับนึง
เรากับแฟนอยู่ด้วยกันแล้วค่ะ  ทั้งสองครอบครัว รับทราบและยินดีให้คบกัน
เรื่องมันเหมือนจะดำเนินไปด้วยดีค่ะ

แต่ติดแค่เรื่องเดียวจริงๆ ค่ะ
แม่เรามีนิสัยชอบกู้เงินค่ะ เพื่อมาใช้จ่ายในบ้าน ทั้งพ่อและแม่เราก็ทำงานทั้งคู่นะคะ แต่มันไม่พอใช้ ส่วนเราหาเงินใช้เอง ส่งตัวเองเรียนตั้งแต่อายุ 19
ขอเงินทางบ้านใช้แบบนับครั้งได้ ปกติเราจะเป็นคนรับรู้ปัญหาทางการเงินจากแม่ตลอด แม่จะโทรมาหาเราทุกครั้งที่เงินไม่พอใช้ เรามีก็จะโอนเงินให้แก
เท่าที่เรามีค่ะ  บางทีแฟนเราก็เอาเงินส่วนตัวโอนให้ค่ะ ซึ่งเรารู้สึกแย่และเกรงใจมาก เรื่องครอบครัวเราอยากจัดการเอง

สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกแย่มากๆ คือ แม่เรามักจะโทรหาบ่อยมากขึ้น เรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน เรื่องมีแฟน ค่าสินสอด ค่าเสียหายทีเราไปอยู่กินกับผู้ชาย แม่ชอบกำหนดวันเวลาให้ฝ่ายชายไปคุยเรื่องเหล่านี้ค่ะ หลังลอยกระทง หลังปีใหม่ หลังสงกรานต์ แต่เรากับแฟนก็ยุ่งเรื่องทำงาน ก้ลืมๆกันไปตลอดค่ะ
บ่อยครั้งที่แม่กดดันเราให้รีบเอาเงินค่าสินสอดไปให้ แม่บอกว่า เราเป็นผู้หญิงเราเสียหาย เราเข้าใจแม่นะคะ ว่าแม่รักและห่วงเรามาก  แต่มันจะรู้สึกดีกว่า ถ้าทุกครั้งที่แม่โทรหาเรา  ถามเราว่า โอเคดีมั้ย สบายดี กินอยุ่ยังไง โดยปราศจากเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง

ล่าสุดที่แกโทรมาหาเรา บอกว่า เจ้าหนี้ไม่ให้กู้ต่อแล้ว แม่ต้องส่งเงินก่อนวันที่ 25 นี้ ให้แฟนเรารีบๆไปคุยกับแก เดี๋ยวแกจะมาหาเราที่หอ
เราก็บอกว่า แม่ต้องรีบส่งเงิน  เด่วไปกู้เงินมาให้ก็ได้ ถ้ารีบขนาดนั้น  อย่าทำวิธีแบบนี้เลยแม่ ลูกกดดัน

แม่ก็บอกเราว่า อยู่แบบนี้มันเสียหายจะอยุ่กินกันเป็นปีๆ แล้วผู้ชายเบื่อ ทิ้งเราไปจะทำไงยังไง
ณ จุดๆนี้เราเข้าใจแม่ค่ะ เข้าใจมากๆ  
เราก็เลยบอกแม่ว่า แฟนเราอยุ่โรงพยาบาล ตอนนี้เราก็เครียดมาก งานก็ต้องไปทำ เรียนก็ต้องเรียน ไม่เคยได้มีวันพักเลย
คงไปคุยด้วยไม่ได้ ตอนนี้แฟนก็ไม่ค่อยมีเงินด้วยนะแม่ แม่ก้รู้ว่า เราก็กำลังสร้างตัว
รถมีขับก็ยังต้องผ่อน แต่หอนี่ก็ยังต้องเช่าอยุ่ รายจ่ายมีเยอะมาก

          แม่เราก็สวนกลับเลยค่ะ ว่า แฟนไม่มี ก็ครอบครัวเค้านั่นแหละ ที่ต้องรับผิดชอบ เราอึ้งเลยค่ะ
เลยถามแกไปตรงๆว่า แม่ต้องการเงินขนาดนั้นเลยหรอ แกตอบ ใช่ เรานี่จุกอกเลย  แม่ก็ใส่เรามาเยอะเลยค่ะ สมองเราเบลอทันที
ไม่รู้จะอธิบายกับแกยังไงแล้ว เราเลยบอก ขอทำงานก่อนนะแม่ งานยุ่ง แม่เราก็เงียบ เราเลยวางสายไปค่ะ
มานั่งน้ำตซึมที่โต๊ะทำงาน คิดว่าจะทำยังไงดี
         ก่อนหน้านี้แม่ชอบโทรกดดันเราตั้งแต่แรกๆที่คบกันแล้วค่ะ ว่าให้มาคุยกะพ่อแม่เรื่องสินสอด
แต่เราคิดว่า มันเร็วเกินไป  เหมือนเราจ้องจะไปหาเงินกับเค้า ทั้งๆ ที่เค้าก็คอยช่วยเหลือครอบครัวเราตลอด มากน้อยตามแต่สถานการณ์
เราก็ยังไม่อยากแต่งงานด้วย มันเหมือนกันเร่งรัดให้ผูกมัดกัน ทำไมแม่ไม่บอกให้เราจดทะเบียนกัน หรือหาแหวนซักวงมาหมั้นหรืออะไรก็แล้วแต่
ที่ไม่ใช่การเรียกร้องเอาแต่เรื่องเงิน เราเกรงใจครอบครัวแฟนด้วยค่ะ เพราะเค้าช่วยเหลือเราตลอด เรื่องการแต่งงานก็พุดคุยกันแล้ว
แต่แม่เรา .... เห้อ  เราไม่รู้จะทำยังไงดี ครั้งนี้เราไม่กล้าบอกแฟนเลยค่ะ ว่า แม่โทรมาเรื่องนี้อีกแล้ว เค้าเพิ่งออกากโรงพยาบาลเมื่อตอนเที่ยง
เราก็อยากให้ทุกคนสบายใจนะคะ ไม่ใช่เราไม่แคร์ เราแคร์ทุกคน อยากให้มีความสุขไปพร้อมๆกัน

         อีกแค่ สิบกว่าวัน เงินสามหมื่น ใครจะไปหาทัน ถ้าเรียกค่าสินสอดลูกแค่สามหมื่น เราว่ามันน้อยไปนะคะ มากกว่าสามหมื่น เราสองคนก็หามาให้แม่ได้
แต่ตอนนี้ไม่มีใครพร้อม เรียกเงินไป ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้มีงานแต่ง คือเรากับแฟนก็อยากมีงานแต่งกันค่ะ  
เราอยากให้ทุกคนพร้อม และมานั่งพูดคุยกันด้วยเกียรติให้สมศักดิ์ศรีทั้งสองบ้านในวันและเวลาที่เหมาะสม แต่การเร่งรัดแบบนี้เรากดดันเกินไปค่ะ
ไม่กล้าบอกแฟน ไม่อยากคุยกับแม่เรื่องเหล่านี้แล้ว เกือบปีที่เราฟังแม่บ่น  เราอยากจบเรื่องนี้ซะที  เราควรจะเริ่มทำยังไงก่อนดีคะ ?
สงสัยกินใบเตยมากไป  แน่นอก เซ็ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่