เราเคยทำงานใน รพ. เกือบสิบปี และพอจะมีความรู้อยู่บ้าง ค่อนข้างแน่ใจว่าคนที่รักษาลูกเราไม่ใช่แพทย์หรือพยาบาลแน่ๆ
ลูกเราอายุ 3.4 ปี น้ำหนัก 13 กก. เราแจ้งคุณหมอ? (ขอเรียกคุณหมอไปก่อนนะคะ) ว่า
รับลูกกลับจาก รร. ตอนสี่โมงเย็นลูกบ่นปวดท้อง ตอนห้าโมงกว่าเลยพาไปทานข้าว เพราะบางทีลูกหิวก็จะบอกว่าปวดท้อง
ทานข้าวกับปลาหมึกทอดกระเทียมไปได้ 3-4 คำ ลูกยังร่าเริง เล่นได้ปกติ บ่นปวดท้องบ้าง พาไปห้องน้ำก็ไม่ถ่าย
จนหกโมงครึ่งลูกอาเจียนเป็นเศษอาหาร เลยให้นอนพักยังคุยเล่นกับพ่อบนเตียงได้ แต่ไม่ยอมทานอาหารดื่มแต่น้ำ
สักทุ่มนึงก็อาเจียนเอาน้ำออกมาหมด แล้วหลับไป จนสองทุ่มครึ่งลูกลุกมาอาเจียนเป็นน้ำย่อย เลยตัดสินใจพามาหาหมอ
เป็นคลินิก 24 ชม.นะคะ ใหญ่พอสมควรเลยไว้ใจ เบื้องต้นเจอน้อง nurse aid สองคนวัดไข้ ซักประวัติ ลูกไม่มีไข้ เพลีย+งอแงนิดหน่อย
เค้าบอกว่ารอสัก 5 นาที คุณหมอมาสามทุ่ม
แล้วก็มี ผญ สาว อายุไม่น่าเกิน 30 เดินเข้ามาทัก จนท. สองคนแรกแบบเพื่อนกัน
เรายังนึกว่าสงสัยคนไข้เยอะ ให้ nurse aid อยู่เวรคืนนึงสามคนเลย ปรากฏว่าเค้าเดินไปใส่เสื้อกาวน์สั้น (ซึ่งเราว่าไม่ใช่กาวน์ของแพทย์)
แล้วเริ่มเรียกเด็ก 5-6 ขวบคนไข้คนแรกเข้าไปตรวจ (ลูกเราคิวที่สอง)
เราก็เริ่มจิตตกนิดๆ แต่แอบนึกถึง พญ. คุณหญิงพรทิพย์ เลยยอมรอตรวจ
ที่นึกอย่างนั้นเพราะ คุณหมอที่ว่าแต่งหน้าแนววิ้งๆ มันๆ เงาๆ คล้ายรูปที่เค้าฮิตโพสกันตอนเรื่องสาปพระเพ็งอ่ะ
ถ้าไม่รวมแก้มกับจมูกก็พอได้อยู่ แค่แต่งหน้าหนักมือไปนิด
แต่ตรงแก้มกับจมูกที่เป็นสีเดียวกับหน้าผากงิ้ว เข้มเท่างิ้วจริงๆ แต่เป็นปื้นอยู่ที่จมูกกับแก้มสองข้าง แทนหน้าผาก
เห็นหน้าคุณหมอชัดๆ จิตเราเริ่มตกไปที่สะดือ
พอคุณหมอเริ่มซักประวัติ จิตเราเริ่มตกไปถึงหัวเข่าละ
เออๆ เป็นไงมาอ่ะ กินข้าวไม่ตรงเวลาอ่ะเด่ะ ไหนฟังท้องหน่อย โอ่ย..โครกครากเชียะ ไหวป่ะ เออหน่ะๆ
(ตอนนี้เปลี่ยนจาก พญ.คุณหญิงพรทิพย์เป็นนึกถึงสก๊อยซ์สาวไปแล้ว)
อ่ะเด่ะๆ ป่ะๆ เชียะๆ ตลอดการซักประวัติ
อุตส่าห์ข่มใจคิดว่าคุณหมอคนนี้แกอาจจะ “แนว” กว่านั้น แต่สุดท้ายจิตก็ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มจริงๆ
คุณหมอบอกว่าลูกเราเป็นโรคกระเพาะเหมือนผู้ใหญ่เรานี่แหละ ทานอาหารไม่ตรงเวลา เครียด ก็เป็นได้
ควรกินยา ranitidine สักสิบวันต่อเนื่อง ยาตัวเดียวกับผู้ใหญ่นี่แหละแต่เป็นของเด็ก
แล้วก็เอา motilium และ buscopan เด็กไปกินนะ ไม่เป็นไรยาเด็กๆๆ ให้น้องกินเดี๋ยวก็หาย
(ค่ะ คุณหมอ ดิฉันคุ้นเคยกับยาทั้งสามตัวนี้ดี เพราะดิฉันแผลในกระเพาะอย่างรุนแรงมานานนับสิบปี คุ้นเคยกับยาพวกนี้โคดๆ ขนาดจำชื่อทางเคมีของยาได้แหละ)
เลยแกล้งถามคุณหมอว่า ลูกอาเจียนต้องกินเกลือแร่ไหม
ลูกเราปากแห้งเพราะอากาศแห้งอยู่แล้ว และแดงเพราะอาเจียนเอาน้ำแดงที่กินตอนเย็นออกมา ถ้าไม่บอกลูกดูเหมือนเด็กเสียน้ำมากๆ
คุณหมอเลยนึกได้บอกว่า เออๆ กินเกลือแร่ก็ดีเหมือนกันนะ จะสั่ง ORS ให้ แต่เราไม่เอาแล้ว
คุณหมอถามเราว่าฉีดวัคซีนที่ไหน เราบอกว่าที่ รพ.ที่น้องเกิด คุณหมอบอกว่ามาฉีดที่นี่ก็ได้นะ ที่นี่ก็มีวัคซีนเด็ก
เหอะๆๆ ตรูคงมาอีกหรอกนะ
ออกมารอจ่ายเงินข้างนอกเลยบอกน้องสาวว่า เดี๋ยวพาหลานไปตรวจที่ รพ. เถอะ ที่นี่น่าจะเป็นหมอปลอม
น้องเราเริ่มประสาทเสียเพราะเพิ่งมาตรวจมะเร็งปากมดลูกไปไม่นาน น้องอยากเห็นหน้าคนตรวจ
เราเลยให้แกล้งเดินไปขอพบคุณหมอในห้องถามว่า ถ้ากลับไปแล้วน้องถ่ายเหลวต้องมาตรวจอีกหรือเปล่า
คุณหมอบอกว่า เออ จริงดั๊วะ ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย แล้วก็ขีดยา ranidine ซึ่งเป็นยาหลักในตอนแรกทิ้งไปเฉยๆ ซะงั้น
เปลี่ยนเป็นยาฆ่าเชื้อ sulfanethoxazole 200 mg. + trimethoprim 40 mg./5 ml. ให้ทาน 1 ชช. หลังอาหารเข้า-เย็นแทน
นี่มันอัลไลลลลลล ไหนตอนแรกบอกว่าลูกเราเป็นโรคกระเพาะไง ต้องกินยาต่อเนื่องเป็นสิบวัน
ออกจากคลินิกมุ่งหน้าไป รพ. น้องสาวเราประกาศกร้าวว่า “กรูจะร้องเรียน” เราตอบว่า “จริงดิ่” เลยโดนน้องด่า
“เจ้รู้มั้ย เด็กคนที่ตรวจก่อนหน้านี้ มีไข้สูงมาก ถ้าเค้าตรวจผิดแล้วเด็กกลับไปเป็นอะไรที่บ้านจะทำยังไง ไม่สงสารเด็กเหรอ คนอื่นๆ อีก
สังคมมันจะแย่ถ้าเราเห็นอะไรผิดแล้วไม่ช่วยกันแก้ไข จำไว้นะถ้าเจอเรืองแบบนี้ต้องจัดการ
ถ้ามันไม่ถึงขนาดจะโดนขู่ฆ่าล้างโคตร หรือเสียเงินไม่เกินหมื่น มันจะยุ่งยากเสียเวลาแค่ไหนก็ต้องทำ แล้วนี่จะให้หลานกินยาก่อนมั้ย”
เรา: “ชั้นไม่มีวันให้ลูกกินยาที่จ่ายโดยคนที่ไม่น่าไว้วางใจขนาดนี้หรอก”
น้อง:"เห็นมั้ย ลูกแกๆ ยังเป็นห่วง แล้วลูกคนอื่นล่ะ”
ไปเจอคุณหมอตัวจริงเลยเอายาให้ดู คุณหมอบอกว่า buscopan (ให้เป็นยี่ห้อ oscin) ยังไม่น่าใช้ในเด็กเล็กถ้าไม่จำเป็น
ส่วน motilium (ให้เป็นยี่ห้อ moridon) เด็ก 13 กก. ไม่ต้องกินถึง 5 มล. แค่ 3 มล. ก็พอ
ข้างขวดเขียนว่า ¼ ชช. ต่อ นน.ตัว 5 กก. เด็ก 13 กก. ใช้ 3.25 มล.<< อันนี้เราคำนวณเอง น่าจะถูกนะ
หลังออกจากคลินิกลูกเราอาเจียน 1 ครั้งบนรถ พอฉีดยาที่ รพ. คุณพยาบาลบอกให้นั่งรอดูอาการเผื่อแพ้ยาอีกครึ่ง ชม.
ลูกเราหิวมาก เลยให้ทานน้ำซุปในข้าวต้มหมู (ทานแต่น้ำ)
พอครบครึ่ง ชม. ลูกอาเจียนซ้ำอีกครั้ง ดูอ่อนเพลียมากและท้องไม่รับอาหารหรือน้ำเลย
คุณหมอแนะนำให้ admit ให้น้ำเกลือ + ยาฆ่าเชื้อ สรุป ได้ออกจาก รพ. สี่โมงเย็นวันรุ่งขึ้น
จริงๆ ลูกตื่นมาอย่างสดชื่นร่าเริงตั้งแต่เช้าละ รอให้ยาฆ่าเชื้อจนครบ+สังเกตอาการเลยได้ออกตอนเย็น
คิดแล้วก็น่าเป็นห่วงจริงๆ คลินิก 24 ชม. คนมาตอนดึกก็คืออาการแย่พอประมาณ
ถ้าคุณหมอปลอมคนนี้ตรวจผิดไป หรือให้ยาขาดๆ เกินๆ อะไรจะเกิดขึ้น
ถ้าเด็กคนนั้นเป็นไข้เลือดออกหรืออะไรที่หนักกว่านั้นล่ะ
ลูกเราพอได้น้ำเกลือก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ทรมานเพราะความหิวและอ่อนเพลีย
ถ้าเป็นลูกคนอื่น ถ้าเป็นเด็กที่เล็กกว่าลูกเราล่ะ
เราเลยว่าจะร้องเรียนแต่ไม่รู้ว่าถ้าไม่มีหลักฐานเลย จะทำได้หรือเปล่า?
คลินิกนี้มีใบอนุญาตของแพทย์ติดอยู่ 4 คนนะคะ แต่ไม่ใช่ของคนที่ตรวจให้ลูกเรา
ใครเจ็บป่วยถ้าเป็นมากกว่าไข้หวัด ไปหาคุณหมอที่น่าเชื่อถือดีกว่าค่ะ แพงหน่อยก็ยอมเถอะ
ขออภัยที่เล่ายาวมาก
เจอคลินิก 24 ชม.ที่ให้ nurse aid เป็นผู้ตรวจรักษาจ่ายยาให้คนไข้ จะร้องเรียนได้ไหมคะ (ไม่มีหลักฐานอะไรนอกจากยาที่ได้มา)
ลูกเราอายุ 3.4 ปี น้ำหนัก 13 กก. เราแจ้งคุณหมอ? (ขอเรียกคุณหมอไปก่อนนะคะ) ว่า
รับลูกกลับจาก รร. ตอนสี่โมงเย็นลูกบ่นปวดท้อง ตอนห้าโมงกว่าเลยพาไปทานข้าว เพราะบางทีลูกหิวก็จะบอกว่าปวดท้อง
ทานข้าวกับปลาหมึกทอดกระเทียมไปได้ 3-4 คำ ลูกยังร่าเริง เล่นได้ปกติ บ่นปวดท้องบ้าง พาไปห้องน้ำก็ไม่ถ่าย
จนหกโมงครึ่งลูกอาเจียนเป็นเศษอาหาร เลยให้นอนพักยังคุยเล่นกับพ่อบนเตียงได้ แต่ไม่ยอมทานอาหารดื่มแต่น้ำ
สักทุ่มนึงก็อาเจียนเอาน้ำออกมาหมด แล้วหลับไป จนสองทุ่มครึ่งลูกลุกมาอาเจียนเป็นน้ำย่อย เลยตัดสินใจพามาหาหมอ
เป็นคลินิก 24 ชม.นะคะ ใหญ่พอสมควรเลยไว้ใจ เบื้องต้นเจอน้อง nurse aid สองคนวัดไข้ ซักประวัติ ลูกไม่มีไข้ เพลีย+งอแงนิดหน่อย
เค้าบอกว่ารอสัก 5 นาที คุณหมอมาสามทุ่ม
แล้วก็มี ผญ สาว อายุไม่น่าเกิน 30 เดินเข้ามาทัก จนท. สองคนแรกแบบเพื่อนกัน
เรายังนึกว่าสงสัยคนไข้เยอะ ให้ nurse aid อยู่เวรคืนนึงสามคนเลย ปรากฏว่าเค้าเดินไปใส่เสื้อกาวน์สั้น (ซึ่งเราว่าไม่ใช่กาวน์ของแพทย์)
แล้วเริ่มเรียกเด็ก 5-6 ขวบคนไข้คนแรกเข้าไปตรวจ (ลูกเราคิวที่สอง)
เราก็เริ่มจิตตกนิดๆ แต่แอบนึกถึง พญ. คุณหญิงพรทิพย์ เลยยอมรอตรวจ
ที่นึกอย่างนั้นเพราะ คุณหมอที่ว่าแต่งหน้าแนววิ้งๆ มันๆ เงาๆ คล้ายรูปที่เค้าฮิตโพสกันตอนเรื่องสาปพระเพ็งอ่ะ
ถ้าไม่รวมแก้มกับจมูกก็พอได้อยู่ แค่แต่งหน้าหนักมือไปนิด
แต่ตรงแก้มกับจมูกที่เป็นสีเดียวกับหน้าผากงิ้ว เข้มเท่างิ้วจริงๆ แต่เป็นปื้นอยู่ที่จมูกกับแก้มสองข้าง แทนหน้าผาก
เห็นหน้าคุณหมอชัดๆ จิตเราเริ่มตกไปที่สะดือ
พอคุณหมอเริ่มซักประวัติ จิตเราเริ่มตกไปถึงหัวเข่าละ
เออๆ เป็นไงมาอ่ะ กินข้าวไม่ตรงเวลาอ่ะเด่ะ ไหนฟังท้องหน่อย โอ่ย..โครกครากเชียะ ไหวป่ะ เออหน่ะๆ
(ตอนนี้เปลี่ยนจาก พญ.คุณหญิงพรทิพย์เป็นนึกถึงสก๊อยซ์สาวไปแล้ว)
อ่ะเด่ะๆ ป่ะๆ เชียะๆ ตลอดการซักประวัติ
อุตส่าห์ข่มใจคิดว่าคุณหมอคนนี้แกอาจจะ “แนว” กว่านั้น แต่สุดท้ายจิตก็ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มจริงๆ
คุณหมอบอกว่าลูกเราเป็นโรคกระเพาะเหมือนผู้ใหญ่เรานี่แหละ ทานอาหารไม่ตรงเวลา เครียด ก็เป็นได้
ควรกินยา ranitidine สักสิบวันต่อเนื่อง ยาตัวเดียวกับผู้ใหญ่นี่แหละแต่เป็นของเด็ก
แล้วก็เอา motilium และ buscopan เด็กไปกินนะ ไม่เป็นไรยาเด็กๆๆ ให้น้องกินเดี๋ยวก็หาย
(ค่ะ คุณหมอ ดิฉันคุ้นเคยกับยาทั้งสามตัวนี้ดี เพราะดิฉันแผลในกระเพาะอย่างรุนแรงมานานนับสิบปี คุ้นเคยกับยาพวกนี้โคดๆ ขนาดจำชื่อทางเคมีของยาได้แหละ)
เลยแกล้งถามคุณหมอว่า ลูกอาเจียนต้องกินเกลือแร่ไหม
ลูกเราปากแห้งเพราะอากาศแห้งอยู่แล้ว และแดงเพราะอาเจียนเอาน้ำแดงที่กินตอนเย็นออกมา ถ้าไม่บอกลูกดูเหมือนเด็กเสียน้ำมากๆ
คุณหมอเลยนึกได้บอกว่า เออๆ กินเกลือแร่ก็ดีเหมือนกันนะ จะสั่ง ORS ให้ แต่เราไม่เอาแล้ว
คุณหมอถามเราว่าฉีดวัคซีนที่ไหน เราบอกว่าที่ รพ.ที่น้องเกิด คุณหมอบอกว่ามาฉีดที่นี่ก็ได้นะ ที่นี่ก็มีวัคซีนเด็ก
เหอะๆๆ ตรูคงมาอีกหรอกนะ
ออกมารอจ่ายเงินข้างนอกเลยบอกน้องสาวว่า เดี๋ยวพาหลานไปตรวจที่ รพ. เถอะ ที่นี่น่าจะเป็นหมอปลอม
น้องเราเริ่มประสาทเสียเพราะเพิ่งมาตรวจมะเร็งปากมดลูกไปไม่นาน น้องอยากเห็นหน้าคนตรวจ
เราเลยให้แกล้งเดินไปขอพบคุณหมอในห้องถามว่า ถ้ากลับไปแล้วน้องถ่ายเหลวต้องมาตรวจอีกหรือเปล่า
คุณหมอบอกว่า เออ จริงดั๊วะ ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย แล้วก็ขีดยา ranidine ซึ่งเป็นยาหลักในตอนแรกทิ้งไปเฉยๆ ซะงั้น
เปลี่ยนเป็นยาฆ่าเชื้อ sulfanethoxazole 200 mg. + trimethoprim 40 mg./5 ml. ให้ทาน 1 ชช. หลังอาหารเข้า-เย็นแทน
นี่มันอัลไลลลลลล ไหนตอนแรกบอกว่าลูกเราเป็นโรคกระเพาะไง ต้องกินยาต่อเนื่องเป็นสิบวัน
ออกจากคลินิกมุ่งหน้าไป รพ. น้องสาวเราประกาศกร้าวว่า “กรูจะร้องเรียน” เราตอบว่า “จริงดิ่” เลยโดนน้องด่า
“เจ้รู้มั้ย เด็กคนที่ตรวจก่อนหน้านี้ มีไข้สูงมาก ถ้าเค้าตรวจผิดแล้วเด็กกลับไปเป็นอะไรที่บ้านจะทำยังไง ไม่สงสารเด็กเหรอ คนอื่นๆ อีก
สังคมมันจะแย่ถ้าเราเห็นอะไรผิดแล้วไม่ช่วยกันแก้ไข จำไว้นะถ้าเจอเรืองแบบนี้ต้องจัดการ
ถ้ามันไม่ถึงขนาดจะโดนขู่ฆ่าล้างโคตร หรือเสียเงินไม่เกินหมื่น มันจะยุ่งยากเสียเวลาแค่ไหนก็ต้องทำ แล้วนี่จะให้หลานกินยาก่อนมั้ย”
เรา: “ชั้นไม่มีวันให้ลูกกินยาที่จ่ายโดยคนที่ไม่น่าไว้วางใจขนาดนี้หรอก”
น้อง:"เห็นมั้ย ลูกแกๆ ยังเป็นห่วง แล้วลูกคนอื่นล่ะ”
ไปเจอคุณหมอตัวจริงเลยเอายาให้ดู คุณหมอบอกว่า buscopan (ให้เป็นยี่ห้อ oscin) ยังไม่น่าใช้ในเด็กเล็กถ้าไม่จำเป็น
ส่วน motilium (ให้เป็นยี่ห้อ moridon) เด็ก 13 กก. ไม่ต้องกินถึง 5 มล. แค่ 3 มล. ก็พอ
ข้างขวดเขียนว่า ¼ ชช. ต่อ นน.ตัว 5 กก. เด็ก 13 กก. ใช้ 3.25 มล.<< อันนี้เราคำนวณเอง น่าจะถูกนะ
หลังออกจากคลินิกลูกเราอาเจียน 1 ครั้งบนรถ พอฉีดยาที่ รพ. คุณพยาบาลบอกให้นั่งรอดูอาการเผื่อแพ้ยาอีกครึ่ง ชม.
ลูกเราหิวมาก เลยให้ทานน้ำซุปในข้าวต้มหมู (ทานแต่น้ำ)
พอครบครึ่ง ชม. ลูกอาเจียนซ้ำอีกครั้ง ดูอ่อนเพลียมากและท้องไม่รับอาหารหรือน้ำเลย
คุณหมอแนะนำให้ admit ให้น้ำเกลือ + ยาฆ่าเชื้อ สรุป ได้ออกจาก รพ. สี่โมงเย็นวันรุ่งขึ้น
จริงๆ ลูกตื่นมาอย่างสดชื่นร่าเริงตั้งแต่เช้าละ รอให้ยาฆ่าเชื้อจนครบ+สังเกตอาการเลยได้ออกตอนเย็น
คิดแล้วก็น่าเป็นห่วงจริงๆ คลินิก 24 ชม. คนมาตอนดึกก็คืออาการแย่พอประมาณ
ถ้าคุณหมอปลอมคนนี้ตรวจผิดไป หรือให้ยาขาดๆ เกินๆ อะไรจะเกิดขึ้น
ถ้าเด็กคนนั้นเป็นไข้เลือดออกหรืออะไรที่หนักกว่านั้นล่ะ
ลูกเราพอได้น้ำเกลือก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ทรมานเพราะความหิวและอ่อนเพลีย
ถ้าเป็นลูกคนอื่น ถ้าเป็นเด็กที่เล็กกว่าลูกเราล่ะ
เราเลยว่าจะร้องเรียนแต่ไม่รู้ว่าถ้าไม่มีหลักฐานเลย จะทำได้หรือเปล่า?
คลินิกนี้มีใบอนุญาตของแพทย์ติดอยู่ 4 คนนะคะ แต่ไม่ใช่ของคนที่ตรวจให้ลูกเรา
ใครเจ็บป่วยถ้าเป็นมากกว่าไข้หวัด ไปหาคุณหมอที่น่าเชื่อถือดีกว่าค่ะ แพงหน่อยก็ยอมเถอะ
ขออภัยที่เล่ายาวมาก