เห็นไหม? ชีวิตและการขนส่งแบบไร้ระเบียบของ กทม. นักท่องเที่ยวและคนทำสารคดียังชอบเลย แล้วจะบ่นไปทำไม?

Bangkok : Handmade Transit จาก "สแตนฟอร์ด" สู่ "แสนแสบ"

ยรรยง บุญ-หลง (yanyong@alum.berkeley.edu)

เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว มีวิศวกรจากมหาลัยฯ Stanford โทรมาหาผม

“เรากำลังสร้าง Start Up อันใหม่” เขาบอกสั้นๆ ด้วยสำเนียง Silicon Valley

พวกเขานัดสุมหัวกินกาแฟกันสามคนแถวย่านเอกมัย

“เราน่าจะจัดทำหนังสือที่รวมรวมแบบแปลน และเครื่องยนต์ของระบบขนส่งที่คนธรรมดาๆ วิจัยและคิดค้นกันขึ้นมาเองนะ… อย่างเช่นเรือแสนแสบ ระบบวินมอเตอร์ไซค์ ระบบรถเข็นข้างถนน และระบบรถสองแถว ฯลฯ…ทำเป็นแบบ Open Source เลย ให้ประเทศอื่นเอาไปพัฒนาต่อได้” พวกเขาเสนอ

บริษัท Start Up อันใหม่ของพวกเขามีชื่อว่า afterword.co ก่อตั้งโดย กิตติศักดิ์ ปัญญาจิรกุล และ พราวพรรณราย มัลลิกะมาลย์

จริงๆ แล้วบริษัทนี้เป็นบริษัทที่ทำโครงการ “Crowdfunding” เพื่อตีพิมพ์หนังสือที่คนอ่านอยากจะอ่านแต่ยังไม่มีขายในท้องตลาด โดยจัดการระดมทุนผ่านผู้อ่านโดยตรง ไม่ต้องผ่านสำนักพิมพ์และร้านหนังสือ

ข้อดีของการตีพิมพ์แบบ Crowdfunding ก็คือเราสามารถซาวเสียงผู้อ่านก่อนได้ว่าอยากจะเห็นเนื้อหาอะไรบ้างในหนังสือ … คือนอกจากจะได้ระดมทุนแล้ว ยังได้ระดมสมองผู้อ่านอีกด้วย

อยู่ๆ ทำไมวิศวกรจากมหาลัยฯ Stanford จึงหันมาสนใจเครื่องยนต์ และการออกแบบ เรือแสนแสบ ระบบวินมอเตอร์ไซค์ รถตุ๊ก ตุ๊ก รถเข็นผลไม้ หรือรถเข็นแป๊ปเหล็ก ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

แต่ไม่กี่อาทิตย์หลังจากได้คุยและจิบกาแฟร่วมกันที่เอกมัย พวกเขาก็สามารถชักชวนทีมงานทำสารคดีมืออาชีพอย่าง “กลุ่มสายลม” มาร่วมทีมได้ โดยปกติแล้วทีมงานนี้จะถ่ายภาพสารคดีในต่างประเทศ

“จริงๆ แล้วประเทศไทยมีภาพ และนวัตกรรมที่เรามองข้ามไปเยอะมาก” นัฐพงษ์ แสงทองล้วน หมุนเลนส์ zoom ของกล้อง Canon ออกมาเช็ดถูอย่างจริงจัง

ในการวิจัยยานพาหนะที่เรียกว่า Informal Transit เหล่านี้ เรายังพบว่า ไม่เคยมีใครวาดแบบแปลนเครื่องยนต์และการออกแบบมาก่อนเลย ไม่มีการบันทึกแบบแปลนเหล่านี้เอาไว้ในรูปแบบการเขียน ทุกอย่างเป็นการบอกเล่ากันแบบปาก-ต่อ-ปาก ต่อๆ กันมา

“เราควรจะเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ในลักษณะ Open Source … ผู้คนในประเทศกำลังพัฒนา หรือประเทศพัฒนาแล้ว จะได้เข้าถึงได้ และนำไปช่วยกันคิดต่อ” วิศวกรจาก afterword.co กล่าว

ฝรั่งใน Amsterdam อาจจะตกใจก็ได้ว่าเรือแสนแสบของเราสามารถลำเลียงผู้โดยสารออกจากเรือในอัตรา 100 คน ภายในเวลา 5 วินาที (เพียงแค่กระตุก “ม่าน” ลง …คนก็ล้นตลิ่งแล้ว)

เรือแสนแสบเป็นนวัตกรรมที่ตรงกับสิ่งที่ Buckminster Fuller เรียกว่า Tensegrity Structure หรือโครงสร้างที่ผสมผสานระหว่าง tension และ compression

ฝรั่งเขาอาจจะสามารถเอานวัตกรรมอันนี้ไปปรับใช้ในคลอง Amsterdam ได้ หรือถ้าเขาเอาไปพัฒนาต่อได้ในลักษณะ open source เราอาจจะได้เห็นเรือพลังงาน Fuel Cell หลังคาผ้าใบ ที่ปรับระดับได้ตามความสูงของสะพาน เหมือนกับในคลองแสนแสบก็ได้

ประสิทธิภาพและ demand ของมอเตอร์ไซค์รับจ้างนั้น ถูกแสดงให้เห็นในราคาของเสื้อวิน (เสื้อวินฯ อโศก มีมูลค่าตัวละ 500,000 บาท … แพงกว่าเสื้อสูทชื่อดังจากอิตาลี)

ระบบการจัดการวินมอเตอร์ไซค์ กลายเป็นระบบที่มีตารางเวลาที่แน่นอนกว่ารถ Limousine ของเศรษฐีเสียอีก มีการจัดคิวที่แน่นอนเป็นระบบตามตารางเวลา ซึ่งคำนวณได้ค่อนข้างแน่นอน

มอเตอร์ไซค์รับจ้างสามารถแทรกซึกผ่านการจราจรที่ติดขัดไปได้ เหมือนกับการออสโมซิส เป็นระบบการขนส่งที่พนักงานบริษัทไว้วางใจ เช่นเดียวกับระบบรถไฟฟ้า BTS และ MRT ซึ่งสามารถกำหนดเวลาการเดินทางได้แน่นอนเช่นเดียวกัน

ในประเทศอินเดีย ทางภาครัฐก็เริ่มตระหนักเรื่องนี้และได้พยายามจัดทำระบบมอเตอร์ไซค์สำหรับขนส่งผู้ป่วยไปโรงพยายาบาล เนื่องจากมีผู้ป่วยที่ติดอยู่บนถนน ที่ไม่สามารถไปโรงพยาบาลได้ทันเวลาจำนวนมาก

ก็จะสามามารถนำเอาระบบการจัดการคิวของวินมอเตอร์ไซค์ในกรุงเทพฯ ไปประยุกต์ใช้สำหรับคิวมอเตอร์ไซค์พยาบาลได้ หากเราได้ทำการวิจัยและบันทึกระบบการจัดการวินมอเตอร์ไซค์เอาไว้เป็นภาษาอังกฤษ

ในปัจจุบันเรามีระบบการขนส่งที่สามารถกำหนดเวลาการเดินทางที่แน่นอนได้ 6 ระบบ
1.    ระบบรถไฟฟ้า BTS/MRT
2.    ระบบรถเมล์ BRT
3.    ระบบเรือในคลองแสนแสบ คลองภาษีเจริญ และเรือด่วนเจ้าพระยา
4.    ระบบมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
5.    ระบบจักรยาน
6.    ระบบทางเดินเท้า

จากระบบทั้งหมดที่คำนวณเวลาได้แน่นอนนั้น 4 ใน 6 เป็นระบบที่ภาคประชาชนเป็นผู้ริเริ่มทำกันขึ้นมาเอง

(เมื่อทำสำเร็จแล้ว รัฐจึงจะเข้ามาจัดการ)

ความสามารถที่จะกำหนดเวลาการเดินทางที่แน่นอนได้ มีผลต่อการวางแผนอนาคต ไม่ต่างจากชาวนาจีนที่นำที่ดินไปปล่อยเช่าในระยะเวลา 70 ปี เพื่อแลกกับรายได้ที่แน่นอนในการส่งลูกไปเรียนเมืองนอก

บริษัทเครดิตการ์ดหรือธนาคารจะปล่อยเงินกู้ให้ไปลงทุน หรือขยายกิจการ ก็ต่อเมื่อเราสามารถโชว์ให้เขาเห็นว่าเรามีรายได้ที่ค่อนข้างแน่นอน (ในอนาคต เราอาจจะเห็นบริษัทเครดิตปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำสำหรับคนที่ใช้ระบบการขนส่งที่มีตารางเวลาแน่นอน)

CEO ของบริษัทญี่ปุ่นผู้หนึ่ง เคยกล่าวอย่างภาคภูมิใจ ถึงการเดินทางในกรุงเทพฯ

“ผมชอบทำให้คณะกรรมการบริษัทตกใจอยู่เสมอ ด้วยการมาถึงที่ประชุมก่อนเวลากว่า 1 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่พวกเขานั่งรถ Limousine มาจากโรงแรมเดียวกัน” แกหัวเราะ

“แต่จริงๆ แล้วพวกคณะกรรมการบริษัทอาจจะตกใจ … ที่เสื้อสูทของผมมีละอองน้ำจากคลองแสนแสบติดอยู่ก็ได้ !”

… สมัยนั้นกรุงเทพฯ ยังไม่มีระบบรถไฟฟ้า BTS และ MRT สำหรับ CEO ผู้เร่งรีบ

เป็นที่น่าสังเกตว่า ระบบการขนส่งแบบ “ทำมือ” เหล่านี้กลับกลายเป็นเครื่องมือการเดินทางที่สามารถกำหนดเวลาที่แน่นอนได้ ไม่ต่างจากระบบการขนส่งสากล (ไฮโซ) อย่าง BTS หรือ MRT

แต่ระบบรถยนต์ส่วนตัวที่ชนชั้นกลางชอบใช้กันนั้น กลับไม่สามารถกำหนดเวลาที่แน่นอนได้ … ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโชคชะตา และอำนาจที่ไม่สามารถควบคุมได้

ผลกระทบทางด้านจิตวิทยาของการติดอยู่บนถนน และการไม่สามารถกำหนดเวลาและชีวิตของตนเองได้ หรือผลกระทบทางด้านความตื่นตัวทางสังคมของคนกลุ่มนี้ คงจะเป็นสิ่งที่ต้องศึกษากันต่อไป

แน่นอนว่าระบบขนส่ง “ทำมือ” ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ ถึงที่สุดแล้วก็จะต้องได้รับการสบับสนุนจากทางภาครัฐ หากชาวบ้านลงทุนทำเรือขึ้นมาวิ่งส่งคนในคลอง รัฐก็ควรจะมีงบประมาณในการปรับปรุงสร้างเขื่อนกันตลิ่งทรุดและการปะทะของคลื่นจากเรือ

( มีต่อ )
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่