เรื่องมีอยู่ว่าตอนผมอยู่ต่างจังหวัด ตอนนั้นอายุสัก 17-18 ตามประสาวัยรุ่น วัยเรียนครับ เพื่อนเยอะ สนุกทั้งเรียน สนุกทั้งเที่ยว เกเร บ้างแต่ก็เข้าเรียน และเวลาเลิกเรียน สิ่งที่ชอบทำที่สุด คือตั้งวง กินเหล้ากับเพื่อนๆ ดีดกีต้าร์ ร้องเพลงสนุกเฮฮา ชีวิตวัยรุ่นนี่มันช่างมีความสุขเหลือเกิน ติดอยู่เรื่องเดียวครับ.....เรื่องเงิน
ผมเป็นคนใจดีครับ ใจกว้าง ชอบเลี้ยงเพื่อนแต่เงินไม่ค่อยมี เวลามาเรียนนั่งรถไฟมาเรียน บางครั้ง กินเหล้ากับเพื่อนเงิน ชนิดที่แบบ ไม่มีเงินสักบาทกลับบ้าน ไปหาขอคนรู้จักเอาข้างหน้า ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่สวนใหญ่มันจะได้ หลายๆครั้ง สิ่งมีค่าที่มีอยู่ในมือ แม่ให้ทองมา โทรศัพท์ หรือกีต้าร์ ได้เอาไปเล่จำนอง เพื่อนมีเงินไปเที่ยวกับเพื่อน ได้กินเหล้ากับเพื่อน ถึงไม่ได้เลี้ยง ช่วยออกก็ยังดี คือแบบ จนครับ แต่อยากช่วยจ่าย ไม่อยากเอาเปรียบเพื่อน รวมถึงเงิน กยศ. ก็ได้ใช้แบบ มีสาระบ้าง แต่จะไร้สาระสะส่วนใหญ่
ความคิดส่วนตัวของผม ๆ คิดว่า เป็นคนที่ดีแล้ว ทำถูกต้องไปเที่ยวกินเหล้าไม่เอาเปรียบใคร จะตัวเองจะไม่มีเงินใช้ เงินกินข้าว หรือไม่มีเงินกลับบ้าน ยืมคนอื่นก็ได้ ไม่เห็นเป็นไร เรายืมเราก็คืน ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แต่สิ่งที่เริ่มมีปัญหา เกาะกวนใจคือ เงินขาดมือ..... เวลาจะใช้เรื่องจำเป็น เช่น ต้องจ่ายค่าชุด รด. ค่าห้อง หรืออะไรที่มันสำคัญๆ เงินจะหายไป และทำให้ฉกคิดว่า ถ้าวันนั้น ไม่-หมดไป 2,000 ป่านนี้คงสบายไปละ ไม่ต้องหายืม เงินค่าชุด หรืออะไรที่จำเป็นต้องจ่าย ป่านนี้คงเป็นอย่างนี้ ป่านนี้คงเป็น อย่างนั้น บ่นไปบ่นมา แก้ปัญหา โดยการ จำนำ สิ่งของ หรือหายืมใครสักคน สเตปเดิม ติดหนี้ แล้วต้องมาหาจ่าย และยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองก็ติดลบอยู่แล้วจากเงินกู้
จนไปเจอรุ่นพี่คนนึงไม่ได้เจอกันนาน ได้ข่าวว่าลาออกจาก รร ไปทำงานกรุงเทพ รู้จักกันหลายปีครับ พี่คนนี้ตอนอยู่ที่บ้านผมเรียกพี่ พอไปอยู่กรุงเทพฯ กลับมาผมเรียก เฮีย ที่เรียกเฮียเพราะว่า แก ดูรวยขึ้นมาก โทรศัพท์ รุ่นอะไรอัพเดท แก ก็ใช้รุ่นนั้นแหล่ะ โนเกียบ้าบอคอแตกอะไร ซื้อใช้หมด กินเหล้าเลี้ยงตลอด ไม่ใช่แสงโสมนะครับ Red lable เบียร์ ไฮเนเก้น เมากันยันเช้า ตื่นมา เลี้ยงข้าวอีก เลี้ยงแบบนี้ หลายครั้ง หลายปี ทุกครั้งที่กลับ แกจัดให้ตลอด ผมประทับใจและรู้สึกดีกับพี่เค้ามาก ใจดีเหลือเกิน ทุกๆ ปีใหม่ ผมตั้งตาคอยพี่เค้าเลยครับ แกเลี้ยงทุกปีกลับมาบางปี มาไถ่โทรศัพท์ให้ผมด้วยเพราะแกรำคาญโทรหาไม่ติด
และเรื่อง คลายแมก ก็เกิดขึ้นกับตัวผม มีอยู่คืนนึง ผมกับพี่แก ไปเที่ยวกัน ผมมีเงินติดกระเป๋าอยู่ 500 บาท กินไปเที่ยวไป ไปจ่ายอะไรไม่รู้หมดกระเป๋า ไม่คิดอะไรครับ ..............ผมว่า เป็นใคร ใครก็ไม่คิดนะ ไม่เห็นจะมีไรเลย เที่ยวเงินหมด 500 บาท พอตื่นเช้ามา จะขับรถกลับบ้าน บ้านไกลครับ ห่างจาก ที่เรียนอยู่ประมาณ 60 กิโล มองเห็นขีดน้ำมัน .....น้ำมันจะหมดครับ ณ ตอนนั้นเติมน้ำมัน 20 บาท ขับกลับถึงบ้านครับ เอาไงหล่ะ ไม่มีเงินสักบาท เมื่อคืนเที่ยวหมดแล้ว ขับรถเข้าบ้านเฮียเลยครับ ผมเชื่อว่า ยืมเงิน 20 บาท เฮียให้แน่นอน เลี้ยงเหล้าหมด เป็นพันเป็นหมื่น เงินแค่นี้คงไม่มีปัญหา ว่าแล้วก็ขับรถถึงบ้านเฮียพอดี เจอเฮียนั่งอยู่ในรถ เลยเดินเข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับบอก “เฮียๆ ผมขอยืมเงิน 20 บาท เติมน้ำมันกลับบ้าน เด่วถึงบ้าน ผมจะเอามาคืนให้นะ” เข้าใจมั้ยครับ ผมยืม ไม่ได้ขอ
คำตอบที่ได้ “กรูไม่ให้ยืม”........................................สตั้นสิครับ
คิดในใจ here ไรเนี้ย เงิน 20 บาท เงินแค่เนี้ย
แล้วผมก็เหลือบไปมอง ช่องตรงกลางระหว่างคนขับ เงินแบงค์พัน เป็นฟ่อน ได้แต่ งงไรวะ???
เฮียผมพูดต่อ “เอ็งรู้ตัวมะ เอ็งไม่รู้จักใช้เงิน”
ผมคิดในใจ ห๊า!! ผมเนี้ยไม่รู้จักใช้เงิน ยื้มเงินเติมน้ำกลับบ้านมันเป็นเรื่องสำคัญ แล้วไอ้ที่เฮีย เลี้ยงเหล้าเลี้ยงเบียร์ มันรู้จักใช้เงินตรงไหนวะ เงินแดรกเหล้ามันเป็น want แต่ เรื่องกิน เรื่องน้ำมันเนี้ย มันเป็นสิ่งจำเป็นเฟ้ย <<< ความคิดเด็กอยากจะเกรียนเริ่มบังเกิด แต่ผมไม่ได้โต้เถียงอะไร จะเงียบ และรอฟังต่อ เพราะผมขอใครก็ได้แถวนั้น ได้แน่นอน 20 บาท
เฮียเริ่มเลย “เมิงอ่ะ ใช้เงินสุลุ่ยสุร่าย ใช้เงินไม่คิด บริหารเงินไม่เป็น ไม่รู้จักอะไร ควรใช้ไม่ควรใช้ พอไม่มีเงิน ก็เอาของไปจำนอง สิ่งที่แย่ที่สุดในตัวเอ็งคืออะไรรู้มั้ย??
ผม......อะไรครับ
เฮีย....สิ่งที่แย่ที่สุดของเอ็งคือ เอ็งคิดว่าวันนี้ใช้เงินให้หมด แล้วไปหายืมใครก็ได้ และที่แย่ไปกว่านั้น คนพวกนั้น เสรือกให้เมิงยืม
ผม....ชิหายละ!!! คิดในใจ รู้ได้ไงเนี้ย และตอนนั้นผมคิดแบบนั้นจริงๆ หมด ค่อยไปยืม เด่วมาคืนก็ได้
ผมเดินออกจากรถเฮียแล้วบอกว่า ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เอาก็ได้ ผมไปขอพี่อีกคน พี่เค้าให้มาเลยครับ 20 บาทไม่ต้องยืม
ผมเสียความรู้สึกมากขับมอร์ไซค์กลับบ้านระยะทาง 60 กม. ขับไปเสียใจไป ขับไปโกรธพี่เค้าไป แต่ระหว่างขับไปก็แอบคิดถามตัวเองนิดนึงว่า
ผม แย่แบบที่พี่เค้าพูดจริงๆ เหรอ เงิน 20 บาท มันต้องซีเรียสขนาดนั้นเลยเหรอ ได้.....................ต่อไป กรูจะไม่ยืมเงินใครอีกแล้ว คิดด้วยความโกรธ
พอวันต่อไป ผมเริ่มปรับตัวใหม่ ผมบอกกับตัวเองว่า คนที่สามารถให้เงินผมยืมได้ ตายไปหมดแล้ว ผมจะไม่ยืมเงินใครทั้งนั้น ผมจึงเกิดความ ระมัดระวังการใช้เงิน เงินมีเท่าไหร่ เอามานั่งคิด ผมจะใช้เงินแบบไหนที่จะอยู่ได้ถึงเดือนโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากขอยืมใคร รวมถึงแม่ที่บ้านด้วย
แรกๆผมไม่รู้สึกตัวนะครับว่า พฤติกรรมผมเปลี่ยน เลิกเที่ยว เลิกใช้จ่ายอะไรที่ไม่จำเป็น เกรงว่าเงินจะหมด ผมจะไม่กลืนน้ำลายตัวเองเด็ดขาด
พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ รู้สึกอีกที กลายเป็นคนใช้เงินมีระบบขึ้น เงินไม่ช็อต ไม่ต้องหาของไปจำนอง ไปไถ่ออก และจำนอง หลุดพ้นจาก วงจร ดอกเบี้ย โดยปริยาย ใช้ชีวิตไป ใช้ชีวิต มา ก็เริ่มจะคิดได้ เห็นมุมมองที่โตขึ้น จนเข้าใจว่า
อ๋อ การที่คนเราจะเที่ยว กินเหล้า ฟุ้มเฟ้อ ฟุ่มเฟือยเลี้ยงเพื่อน หน้าใหญ่ ใจโต หรืออะไรก็ช่าง คุณควร ดูแล และรับผิดชอบตัวคุณเองให้ดีก่อน ไม่ใช่ จะแดรกยังไม่มี ยังจะสะเร่อ กินเที่ยว ใช้ของฟุ่มเฟือย พอเงินช็อต ไปเที่ยวขอยืมคนอื่น ใช้เหตุด้านความจำเป็น มันก็จำเป็นสิ ในเมื่อ คุณเมิง ใช้เงินในสิ่งที่ไม่จำเป็นไปหมดแล้ว เที่ยวหมด มาขอยืมเงิน รับประทานข้าว แบบเนี้ย ถ้าไม่มีขนาดเนี้ย อย่าสะเอ่อ เที่ยวดีกว่า
และการให้เงินคนอื่นยืม มันดูเหมือนเป็นคนดี มีน้ำใจ แต่บางทีมันก็ไม่ใช่ ถ้าให้ยืมเพราะคนๆ นั้นไม่รู้จักใช้เงิน เค้าก็จะทำตัวเหมือนเดิม ฟุ่มเฟือนเหมือนเดิม เค้าจะไม่คิดที่จะเปลี่ยนตัวเองใหม่ ไม่รู้จักปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ฟุ่มเฟือน เงินชอต ขอยืม ใช้หนี้ วนลูบอยู่อย่างนี้เรื่อยไป แล้วยิ่งคนที่เค้าเคยยืมได้ เค้าก็จะยืมแล้วยืมอีกจนเสียนิสัย ถึงแม้จะไม่ชักดาบก็ตาม
ผมบอกเลย วันนั้นที่ผม โกรธเฮีย เสียความรู้สึกกับเฮีย พอผมคิดได้ ผมรู้แย่กับตัวเองมากกว่า มันกลายเป็นว่า ผมรู้สึกผิดกับเฮียมาก ผมแทบไม่อยากเชื่อว่า เงิน 20 บาท จะทำให้ผมเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้ขนาดนี้ ถ้าวันนั้น เฮียให้ผม 20 บาท ป่านนี้ผมคงวนเวียนอยู่ในสภาวะเดิมๆ และอาจจะเสียนิสัยกว่าเดิม
หลายปีต่อมา ผมมาเจอเฮียที่ กทม. เลยได้คุยก่ะเฮียเรื่องเงิน 20 บาทนะ ผมบอกว่า ผมขอบคุณเฮียมากที่ให้ข้อคิดกับผม
เฮียหัวเราะแล้วบอกว่า เงิน 20 บาท เอ็งโกรธพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ ผมก็หัวเราะและตอบว่า ตอนนั้นโกรธมาก แต่ตอนนี้ไม่รู้จะขอบคุณเฮียยัง และผมถามเฮียต่ออีกคำว่า เฮียครับ แล้วเฮียเคยยืมเงินคนบ้างมั้ยครับ
เฮียบอกว่า เคยนะ การยืมเงินคนอื่น มันต้องเกิดจากความจำเป็น เราใช้เงินดีแล้ว ประหยัดแล้ว แต่เกิดเรื่องที่มันสุดวิสัย เช่น เจ็บไข้ได้ป่วย เข้าโรงพยาบาล ประสบอุบัติเหตุ หรือต้องจ่ายค่าเทอม อะไรแบบนี้ พี่จะให้ยืม
ผม....โอเค ครับเฮีย ผมจะเรียนต่อ ป.ตรี ขอยืมค่าเทอมสัก 4000 นะครับ และเฮียก็ให้ครับ ให้เลยด้วย ไม่เอาคืน เฮียบอกผมว่า ถ้ามันเป็นทางที่ดี พี่จะสนับสนุน
ผมขอฝากประสบการณ์นี้ให้กับคนที่ยังมีหนี้ มีเรื่องจำเป็นที่ต้องใช้จ่าย ผมอยากให้คุณตั้งสติ ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นเสียก่อน ไม่ใช่ เห็นใครๆ เที่ยว ก็จะไปเที่ยวเหมือนใครๆ เค้า เห็นใครๆ เค้าใช้ ของแพงๆ ก็จะไปใช้เหมือนคนอื่นเค้า สุดท้าย เงินช็อตแล้วมาขอยืมคนอื่น คนที่เค้าฟุ่มเฟือยเค้าอาจจะฐานะครอบครัวดีแล้วถึงทำอะไรแบบนั้นได้ ถ้าเราไม่พร้อมก็ควรใช้เท่าที่มีเท่าที่จำเป็นนะครับ เพราะคุณมายืม แล้วมีคนให้ คุณก็ไม่มีวันเปลี่ยนตัวเอง เหมือนที่ผมเคยเป็น แต่ผมไม่กล้าจะบอกคุณตรงๆ เลยเอาประสบการณ์ส่วนตัวที่เจอกับตัวมาจริงๆ มาเล่าให้ฟัง เผื่อจะสะกิดใจ คิดได้อย่างผม มันอาจเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดชีวิตเลยครับ คุณลองคำนวณบ้างมั้ย ดอกเบี้ยบัตรเครดิต จ่ายค่าห้องคุณได้ทั้งเดือนเลยครับ ขอจบแต่เพียงเท่านีครับ ขอบคุณครับ
เรื่อง "เงิน" 20 บาท
ผมเป็นคนใจดีครับ ใจกว้าง ชอบเลี้ยงเพื่อนแต่เงินไม่ค่อยมี เวลามาเรียนนั่งรถไฟมาเรียน บางครั้ง กินเหล้ากับเพื่อนเงิน ชนิดที่แบบ ไม่มีเงินสักบาทกลับบ้าน ไปหาขอคนรู้จักเอาข้างหน้า ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่สวนใหญ่มันจะได้ หลายๆครั้ง สิ่งมีค่าที่มีอยู่ในมือ แม่ให้ทองมา โทรศัพท์ หรือกีต้าร์ ได้เอาไปเล่จำนอง เพื่อนมีเงินไปเที่ยวกับเพื่อน ได้กินเหล้ากับเพื่อน ถึงไม่ได้เลี้ยง ช่วยออกก็ยังดี คือแบบ จนครับ แต่อยากช่วยจ่าย ไม่อยากเอาเปรียบเพื่อน รวมถึงเงิน กยศ. ก็ได้ใช้แบบ มีสาระบ้าง แต่จะไร้สาระสะส่วนใหญ่
ความคิดส่วนตัวของผม ๆ คิดว่า เป็นคนที่ดีแล้ว ทำถูกต้องไปเที่ยวกินเหล้าไม่เอาเปรียบใคร จะตัวเองจะไม่มีเงินใช้ เงินกินข้าว หรือไม่มีเงินกลับบ้าน ยืมคนอื่นก็ได้ ไม่เห็นเป็นไร เรายืมเราก็คืน ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แต่สิ่งที่เริ่มมีปัญหา เกาะกวนใจคือ เงินขาดมือ..... เวลาจะใช้เรื่องจำเป็น เช่น ต้องจ่ายค่าชุด รด. ค่าห้อง หรืออะไรที่มันสำคัญๆ เงินจะหายไป และทำให้ฉกคิดว่า ถ้าวันนั้น ไม่-หมดไป 2,000 ป่านนี้คงสบายไปละ ไม่ต้องหายืม เงินค่าชุด หรืออะไรที่จำเป็นต้องจ่าย ป่านนี้คงเป็นอย่างนี้ ป่านนี้คงเป็น อย่างนั้น บ่นไปบ่นมา แก้ปัญหา โดยการ จำนำ สิ่งของ หรือหายืมใครสักคน สเตปเดิม ติดหนี้ แล้วต้องมาหาจ่าย และยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองก็ติดลบอยู่แล้วจากเงินกู้
จนไปเจอรุ่นพี่คนนึงไม่ได้เจอกันนาน ได้ข่าวว่าลาออกจาก รร ไปทำงานกรุงเทพ รู้จักกันหลายปีครับ พี่คนนี้ตอนอยู่ที่บ้านผมเรียกพี่ พอไปอยู่กรุงเทพฯ กลับมาผมเรียก เฮีย ที่เรียกเฮียเพราะว่า แก ดูรวยขึ้นมาก โทรศัพท์ รุ่นอะไรอัพเดท แก ก็ใช้รุ่นนั้นแหล่ะ โนเกียบ้าบอคอแตกอะไร ซื้อใช้หมด กินเหล้าเลี้ยงตลอด ไม่ใช่แสงโสมนะครับ Red lable เบียร์ ไฮเนเก้น เมากันยันเช้า ตื่นมา เลี้ยงข้าวอีก เลี้ยงแบบนี้ หลายครั้ง หลายปี ทุกครั้งที่กลับ แกจัดให้ตลอด ผมประทับใจและรู้สึกดีกับพี่เค้ามาก ใจดีเหลือเกิน ทุกๆ ปีใหม่ ผมตั้งตาคอยพี่เค้าเลยครับ แกเลี้ยงทุกปีกลับมาบางปี มาไถ่โทรศัพท์ให้ผมด้วยเพราะแกรำคาญโทรหาไม่ติด
และเรื่อง คลายแมก ก็เกิดขึ้นกับตัวผม มีอยู่คืนนึง ผมกับพี่แก ไปเที่ยวกัน ผมมีเงินติดกระเป๋าอยู่ 500 บาท กินไปเที่ยวไป ไปจ่ายอะไรไม่รู้หมดกระเป๋า ไม่คิดอะไรครับ ..............ผมว่า เป็นใคร ใครก็ไม่คิดนะ ไม่เห็นจะมีไรเลย เที่ยวเงินหมด 500 บาท พอตื่นเช้ามา จะขับรถกลับบ้าน บ้านไกลครับ ห่างจาก ที่เรียนอยู่ประมาณ 60 กิโล มองเห็นขีดน้ำมัน .....น้ำมันจะหมดครับ ณ ตอนนั้นเติมน้ำมัน 20 บาท ขับกลับถึงบ้านครับ เอาไงหล่ะ ไม่มีเงินสักบาท เมื่อคืนเที่ยวหมดแล้ว ขับรถเข้าบ้านเฮียเลยครับ ผมเชื่อว่า ยืมเงิน 20 บาท เฮียให้แน่นอน เลี้ยงเหล้าหมด เป็นพันเป็นหมื่น เงินแค่นี้คงไม่มีปัญหา ว่าแล้วก็ขับรถถึงบ้านเฮียพอดี เจอเฮียนั่งอยู่ในรถ เลยเดินเข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับบอก “เฮียๆ ผมขอยืมเงิน 20 บาท เติมน้ำมันกลับบ้าน เด่วถึงบ้าน ผมจะเอามาคืนให้นะ” เข้าใจมั้ยครับ ผมยืม ไม่ได้ขอ
คำตอบที่ได้ “กรูไม่ให้ยืม”........................................สตั้นสิครับ
คิดในใจ here ไรเนี้ย เงิน 20 บาท เงินแค่เนี้ย
แล้วผมก็เหลือบไปมอง ช่องตรงกลางระหว่างคนขับ เงินแบงค์พัน เป็นฟ่อน ได้แต่ งงไรวะ???
เฮียผมพูดต่อ “เอ็งรู้ตัวมะ เอ็งไม่รู้จักใช้เงิน”
ผมคิดในใจ ห๊า!! ผมเนี้ยไม่รู้จักใช้เงิน ยื้มเงินเติมน้ำกลับบ้านมันเป็นเรื่องสำคัญ แล้วไอ้ที่เฮีย เลี้ยงเหล้าเลี้ยงเบียร์ มันรู้จักใช้เงินตรงไหนวะ เงินแดรกเหล้ามันเป็น want แต่ เรื่องกิน เรื่องน้ำมันเนี้ย มันเป็นสิ่งจำเป็นเฟ้ย <<< ความคิดเด็กอยากจะเกรียนเริ่มบังเกิด แต่ผมไม่ได้โต้เถียงอะไร จะเงียบ และรอฟังต่อ เพราะผมขอใครก็ได้แถวนั้น ได้แน่นอน 20 บาท
เฮียเริ่มเลย “เมิงอ่ะ ใช้เงินสุลุ่ยสุร่าย ใช้เงินไม่คิด บริหารเงินไม่เป็น ไม่รู้จักอะไร ควรใช้ไม่ควรใช้ พอไม่มีเงิน ก็เอาของไปจำนอง สิ่งที่แย่ที่สุดในตัวเอ็งคืออะไรรู้มั้ย??
ผม......อะไรครับ
เฮีย....สิ่งที่แย่ที่สุดของเอ็งคือ เอ็งคิดว่าวันนี้ใช้เงินให้หมด แล้วไปหายืมใครก็ได้ และที่แย่ไปกว่านั้น คนพวกนั้น เสรือกให้เมิงยืม
ผม....ชิหายละ!!! คิดในใจ รู้ได้ไงเนี้ย และตอนนั้นผมคิดแบบนั้นจริงๆ หมด ค่อยไปยืม เด่วมาคืนก็ได้
ผมเดินออกจากรถเฮียแล้วบอกว่า ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เอาก็ได้ ผมไปขอพี่อีกคน พี่เค้าให้มาเลยครับ 20 บาทไม่ต้องยืม
ผมเสียความรู้สึกมากขับมอร์ไซค์กลับบ้านระยะทาง 60 กม. ขับไปเสียใจไป ขับไปโกรธพี่เค้าไป แต่ระหว่างขับไปก็แอบคิดถามตัวเองนิดนึงว่า
ผม แย่แบบที่พี่เค้าพูดจริงๆ เหรอ เงิน 20 บาท มันต้องซีเรียสขนาดนั้นเลยเหรอ ได้.....................ต่อไป กรูจะไม่ยืมเงินใครอีกแล้ว คิดด้วยความโกรธ
พอวันต่อไป ผมเริ่มปรับตัวใหม่ ผมบอกกับตัวเองว่า คนที่สามารถให้เงินผมยืมได้ ตายไปหมดแล้ว ผมจะไม่ยืมเงินใครทั้งนั้น ผมจึงเกิดความ ระมัดระวังการใช้เงิน เงินมีเท่าไหร่ เอามานั่งคิด ผมจะใช้เงินแบบไหนที่จะอยู่ได้ถึงเดือนโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากขอยืมใคร รวมถึงแม่ที่บ้านด้วย
แรกๆผมไม่รู้สึกตัวนะครับว่า พฤติกรรมผมเปลี่ยน เลิกเที่ยว เลิกใช้จ่ายอะไรที่ไม่จำเป็น เกรงว่าเงินจะหมด ผมจะไม่กลืนน้ำลายตัวเองเด็ดขาด
พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ รู้สึกอีกที กลายเป็นคนใช้เงินมีระบบขึ้น เงินไม่ช็อต ไม่ต้องหาของไปจำนอง ไปไถ่ออก และจำนอง หลุดพ้นจาก วงจร ดอกเบี้ย โดยปริยาย ใช้ชีวิตไป ใช้ชีวิต มา ก็เริ่มจะคิดได้ เห็นมุมมองที่โตขึ้น จนเข้าใจว่า
อ๋อ การที่คนเราจะเที่ยว กินเหล้า ฟุ้มเฟ้อ ฟุ่มเฟือยเลี้ยงเพื่อน หน้าใหญ่ ใจโต หรืออะไรก็ช่าง คุณควร ดูแล และรับผิดชอบตัวคุณเองให้ดีก่อน ไม่ใช่ จะแดรกยังไม่มี ยังจะสะเร่อ กินเที่ยว ใช้ของฟุ่มเฟือย พอเงินช็อต ไปเที่ยวขอยืมคนอื่น ใช้เหตุด้านความจำเป็น มันก็จำเป็นสิ ในเมื่อ คุณเมิง ใช้เงินในสิ่งที่ไม่จำเป็นไปหมดแล้ว เที่ยวหมด มาขอยืมเงิน รับประทานข้าว แบบเนี้ย ถ้าไม่มีขนาดเนี้ย อย่าสะเอ่อ เที่ยวดีกว่า
และการให้เงินคนอื่นยืม มันดูเหมือนเป็นคนดี มีน้ำใจ แต่บางทีมันก็ไม่ใช่ ถ้าให้ยืมเพราะคนๆ นั้นไม่รู้จักใช้เงิน เค้าก็จะทำตัวเหมือนเดิม ฟุ่มเฟือนเหมือนเดิม เค้าจะไม่คิดที่จะเปลี่ยนตัวเองใหม่ ไม่รู้จักปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ฟุ่มเฟือน เงินชอต ขอยืม ใช้หนี้ วนลูบอยู่อย่างนี้เรื่อยไป แล้วยิ่งคนที่เค้าเคยยืมได้ เค้าก็จะยืมแล้วยืมอีกจนเสียนิสัย ถึงแม้จะไม่ชักดาบก็ตาม
ผมบอกเลย วันนั้นที่ผม โกรธเฮีย เสียความรู้สึกกับเฮีย พอผมคิดได้ ผมรู้แย่กับตัวเองมากกว่า มันกลายเป็นว่า ผมรู้สึกผิดกับเฮียมาก ผมแทบไม่อยากเชื่อว่า เงิน 20 บาท จะทำให้ผมเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้ขนาดนี้ ถ้าวันนั้น เฮียให้ผม 20 บาท ป่านนี้ผมคงวนเวียนอยู่ในสภาวะเดิมๆ และอาจจะเสียนิสัยกว่าเดิม
หลายปีต่อมา ผมมาเจอเฮียที่ กทม. เลยได้คุยก่ะเฮียเรื่องเงิน 20 บาทนะ ผมบอกว่า ผมขอบคุณเฮียมากที่ให้ข้อคิดกับผม
เฮียหัวเราะแล้วบอกว่า เงิน 20 บาท เอ็งโกรธพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ ผมก็หัวเราะและตอบว่า ตอนนั้นโกรธมาก แต่ตอนนี้ไม่รู้จะขอบคุณเฮียยัง และผมถามเฮียต่ออีกคำว่า เฮียครับ แล้วเฮียเคยยืมเงินคนบ้างมั้ยครับ
เฮียบอกว่า เคยนะ การยืมเงินคนอื่น มันต้องเกิดจากความจำเป็น เราใช้เงินดีแล้ว ประหยัดแล้ว แต่เกิดเรื่องที่มันสุดวิสัย เช่น เจ็บไข้ได้ป่วย เข้าโรงพยาบาล ประสบอุบัติเหตุ หรือต้องจ่ายค่าเทอม อะไรแบบนี้ พี่จะให้ยืม
ผม....โอเค ครับเฮีย ผมจะเรียนต่อ ป.ตรี ขอยืมค่าเทอมสัก 4000 นะครับ และเฮียก็ให้ครับ ให้เลยด้วย ไม่เอาคืน เฮียบอกผมว่า ถ้ามันเป็นทางที่ดี พี่จะสนับสนุน
ผมขอฝากประสบการณ์นี้ให้กับคนที่ยังมีหนี้ มีเรื่องจำเป็นที่ต้องใช้จ่าย ผมอยากให้คุณตั้งสติ ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นเสียก่อน ไม่ใช่ เห็นใครๆ เที่ยว ก็จะไปเที่ยวเหมือนใครๆ เค้า เห็นใครๆ เค้าใช้ ของแพงๆ ก็จะไปใช้เหมือนคนอื่นเค้า สุดท้าย เงินช็อตแล้วมาขอยืมคนอื่น คนที่เค้าฟุ่มเฟือยเค้าอาจจะฐานะครอบครัวดีแล้วถึงทำอะไรแบบนั้นได้ ถ้าเราไม่พร้อมก็ควรใช้เท่าที่มีเท่าที่จำเป็นนะครับ เพราะคุณมายืม แล้วมีคนให้ คุณก็ไม่มีวันเปลี่ยนตัวเอง เหมือนที่ผมเคยเป็น แต่ผมไม่กล้าจะบอกคุณตรงๆ เลยเอาประสบการณ์ส่วนตัวที่เจอกับตัวมาจริงๆ มาเล่าให้ฟัง เผื่อจะสะกิดใจ คิดได้อย่างผม มันอาจเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดชีวิตเลยครับ คุณลองคำนวณบ้างมั้ย ดอกเบี้ยบัตรเครดิต จ่ายค่าห้องคุณได้ทั้งเดือนเลยครับ ขอจบแต่เพียงเท่านีครับ ขอบคุณครับ