สวัสดีครับ
เคยตั้งกระทู้ไปแล้ว เกี่ยวกับเรื่องที่ว่า ว่ากันตามความสามารถทางด้านการประมวลผลกราฟฟิค การเรนเดอร์ต่างๆ นั้น PS4 คอนโซลที่ดีที่สุด ณ เวลานี้อยู่ที่จุดไหนในโลก PC ผลสรุปออกมาแล้วประว่าอยู่กลุ่ม "กลางบน"
เป็นความสามารถด้านกราฟฟิคที่คุณจะหาได้จากการจอราคาระหว่าง 7,000 - 10,000
ขออนุญาตลงรูปซ้ำอีกครั้ง
ข้อสรุปนี้ได้มาจากการเปรียบเทียบอย่างละเอียด แทบจะทุกตัวเลขที่สำคัญเกี่ยวการประมวลผลทางด้านกราฟฟิค
ทีนี้ กลับมาที่คำถาม สเปคนี้จะอยู่ได้กี่ปี?
การตอบคำถามนี้ต้องย้อนกลับไปที่ "ตัวเกมส์" ว่า
"ปัจจุบันเกมต่างๆ นั้นต้องใช้ specs เท่าไหร่ถึงจะรันแบบ Ultra ได้?"
เกมใหม่ที่เพิ่งออก/กำลังจะออกมามี
Recommended System Requirement เป็นดังนี้
GTA V :NVIDIA GTX 660 2GB / AMD HD7870 2GB
Far Cry 4: NVIDIA GeForce GTX 680 or AMD Radeon R9 290X or better
The Witcher 3: Nvidia GPU GeForce GTX 770 / AMD GPU Radeon R9 290
Battlefield Hardline: AMD Radeon R9 290, NVIDIA GeForce GTX 780
Dying Light: NVIDIA® GeForce® GTX 780 / AMD Radeon™ R9 290
Evolve: AMD Radeon R9 280 / NVIDIA GeForce GTX 670 or GTX 760
"เศรษฐกิจ" และการเติบโตของตลาดเกม PC: ปัจจัยหลักในการปรับรุ่นของการ์ดจอ (ซึ่งทำให้การ์ดจอเราตกรุ่น)
การ์ดจอ กับ เกม นั้นจะสัมพันธ์กัน เกมที่พัฒนามาให้ใช้ความสามารถด้านกราฟฟิคสูง ก็จะผลักดันให้นักเล่นเกมแสวงหาการ์ดใหม่ๆ แรงๆ เพื่อมาขับเคลื่อนเกมของตัวเอง
ในทางกลับกัน ยิ่งการ์ดใหม่ๆ พัฒนาให้แรงขึ้นมากเท่าไหร่ นักพัฒนาเกมก็ยิ่งทำเกมให้ออกมาสวย เพื่อใช้ประโยชน์จากศักยภาพของการ์ดจอได้มากเท่านั้น
แต่ ปัจจัยที่ทุกคนอาจจะลืม คือ "เศรษฐกิจ" ผู้ผลิตต้องควบคุมอัตราการเติบโตของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ไม่เช่นนั้นถึงแม้ว่าของใหม่จะดีแค่ไหน แต่ถ้าอัตรามันสูงกว่าเศรษฐกิจ
"ไปเร็วกว่ากำลังซื้อของผู้บริโภค"
เช่นว่า เฉลี่ยแล้วคนมีรายได้เพิ่มขึ้น 5% ต่อปี แต่จะปล่อยของที่ราคาแพงขึ้น 20% ต่อปี ย่อมมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง
สุดท้ายสินค้าก็ขายไม่ออก เพราะคนไม่มีเงินซื้อ แล้วนานวันเข้าก็ต้องลดราคาลง
เราจะเห็นลักษณะแบบเดียวกันนี้ใน โทรศัพท์ สมาร์ทโฟน ที่เราๆ เองโดยเฉพาะคนใช้ PC ย่อมรู้ดีว่าเทคโนโลยีหลายๆ อย่างของสมาร์ทโฟนมีมานานแล้วใน PC ไม่ว่าจะควอดคอร์ อ๊อกตาคอร์ ซีพียู 64bit การอัพเกรดเหล่านี้ไม่ใช่การพัฒนา แต่เป็นการ "ทยอย" ปล่อยของออกมาทีละขยัก เพื่อเรียกเงินจากผู้บริโภค
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าผู้ผลิตปล่อยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของตัวเองมาทีเดียว ตูมเดียว ราคา 2-3 เท่าของปกติ ผลคือ สินค้าขายไม่ออกเพราะแพงเกิน สินค้าที่ออกมาแล้วเกิดสภาวะตัน สินค้าใหม่ทิ้งช่วงนานกว่าจะออกมาเพราะ gap หรือช่วงรอยต่อระหว่างการพัฒนาทางเทคโนโลยีจริงๆ ที่ไม่ใช่การกั๊ก จะใช้เวลาหลายปี
เราจะสังเกตได้ว่า ไม่มีเกมไหนที่ถูกออกแบบมาให้ require หรือต้องการสเปคของการ์อจอตัวที่สูงสุดของทั้ง 2 ค่ายเลย
ถามว่า ทำไมนักพัฒนาไม่ทำเกมออกมาให้ต้องใช้ Titan Z หรือ R9 295X2 เลย
ก็เพราะว่ามันเกินขีดเศรษฐกิจ เกินกว่าที่กำลังซื้อของคนส่วนใหญ่จะซื้อ การมี Titan Z หรือ R9 295X จึงเกินขีดความสามารถของที่เกมจะแสดงผลได้ หรือที่เรียกว่า overkill คุณได้ดีที่สุดคือ ได้ resolution ที่สูง (4K) และมีเฟรมเรท (FPS) ที่เยอะ (แต่สายตาคนเราจำกัดได้ที่ 60FPS เท่านั้น) แต่จะไม่ได้มีฟีเจอร์หรืออะไรที่ดีไปกว่าที่การ์ดจอที่ค่ายเกม recommend มาแล้วทำได้
ดังนั้น
ค่ายเกม จึงพยายามทำเกมให้ออกมาสวยที่สุด โดยมีข้อแม้คือต้องรันได้บน "การ์ดจอที่ดีที่สุดที่คนส่วนใหญ่เข้าถึงได้"
ซึ่งโดยประมาณแล้วคือ ตัวล่างๆ ของตลาดบน การ์ดจอราคาขั้นต่ำ 10,000 บาทเป็นต้นไป
ถ้าคุณพบว่า การ์ดจอราคา 10,000 บาทนั้นสูงเกินไป ก็แปลว่า ตัวคุณเองอยู่ต่ำกว่าเส้นมาตรฐานเศรษฐกิจสูงสุดของที่ค่ายเกมเค้าประเมินมา
ในขณะที่ consoles เอง ทั้ง Microsoft และ Sony กำหนด "หลัก" ในการสร้าง console ของตัวเองออกมาโดยอยู่บน "มาตรกลางทางเศรษฐกิจโลก"
คือ "
ราคาเท่าไหร่ที่คนทั้งโลกจะเห็นตรงกันว่า ไม่แพงเกินไป และให้คุณภาพที่ดี" คำตอบของคำถามนี้ ก็คือราคาราว 400-500$ อย่างที่เราทราบกันนั่นล่ะครับ ก็คือเจ้า 15,000 ทอน 10 บาทในตอนนี้นั่นเอง ซึ่ง Sony และ Microsoft อาจทำ consoles ที่แรงพอๆ กับ Titan Z หรือ R9 295X2 ก็ได้ถ้าไม่ติดว่าคนส่วนใหญ่ในโลกจะไม่มีปัญญาครอบครองได้ (และยังเกินความจำเป็นของเกมในปัจจุบันและอนาคตอีกหลายปี)
PS4 จะเล่นเกมปัจจุบันปี 2015 ที่ Ultra ได้บางเกม และส่วนหนึ่งเพราะการ customized ของทางค่ายเกมมาช่วย ส่วนถ้าดูตาม specifications เพียวๆ แล้ว PS4 จะเล่นเกมส่วนใหญ่ที่โหมด High เมื่อเทียบกับ PC (ที่ต้องได้ตาม recommended system requirement)
ผู้พัฒนาเกม Tom Clancy's The Division เองให้สัมภาษณ์ว่าค่ายเกมพัฒนาเกมแยกกันต่างหากในแต่ละ platform โดยไม่ได้ทำบน PC แล้ว downgrade เพื่อเอามาลง consoles ทั้งนี้เพื่อดึงศักยภาพสูงสุดออกมาจากแต่ละ platform
อ้างอิง: http://www.gamespot.com/articles/the-division-dev-talks-graphics-parity-between-xbo/1100-6423384/
และแน่นอน ถ้า PC ของคุณไม่ได้มีสเปคที่ GTX670, 760, 770, 780, AMD R9 280, R9 290 คุณก็ไม่ได้เล่นเกมที่ Ultra เต็มประสิทธิภาพเหมือนกัน
ถ้าการ์ดจอที่มีต่ำกว่านั้น ไม่ว่าจะ GTX660, 750, R9 270 จะเล่น Ultra ก็ต้องยอมรับกับ framerate ที่ตกลง
ในกรณีของ PS4 นั้น บางค่ายเกมจะยอมลด framrate ลงเพื่อคงคุณภาพของกราฟฟิคไว้ เช่นเกม Bloodborne ก็คอนเฟิร์มว่าจะออกมาในเวอร์ชั่น 30fps เพื่อเน้นที่รายละเอียดของภาพอย่างเต็มที่
ส่วนจากนี้ไป เกมใหม่ๆ ที่จะมี Recommended System Requirement ที่ GTX760, HD7870, R9 270 (เช่น GTA V) ซึ่งเทียบเท่า PS4 และทำให้ PS4 รันเกมได้ที่ Ultra Mode นั้นคงจะน้อย แต่ส่วนใหญ่จะสูงกว่านี้เล็กน้อย
เมื่อเทียบกับการเติบโตของตลาดการ์ดจอที่ผ่านๆ มา จะมีการปรับลดระดับลงทุกๆ 2 ปีเป็นอย่างเร็ว ถ้าคุณมีการ์ดจอที่ดีที่สุดของค่าย (ซึ่งราวๆ 1-2 ขั้นเหนือกว่า recommended system requirement ซึ่งเกินจำเป็นหรือที่เรียกว่า overkill) มันจะใช้เวลาราวๆ 2-3 ปี ก่อนที่การ์ดจอตัวนั้นจะตกลงมาอยู่ใน recommended system requirement และใช้เวลาอีกราวๆ 2-3 ปีก่อนที่มันจะเริ่มตกลงไปอีก ทำให้ "อาจจะ" ไม่สามารถรันเกมใหม่ๆ ที่ Ultra ได้
และลดลงไปเรื่อยๆ ตามลำดับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นจะช้าหรือเร็วแค่ไหน ขึ้นอยู่กับ เศรษฐกิจ ด้วยว่าเติบโตเร็วแค่ไหน ถ้ากำลังซื้อของผู้บริโภคมีเยอะ ค่ายเกมก็ปล่อยของออกมาได้เร็ว ฟันกำไรได้เร็ว
อัตตราการเติบโตสูง ของเก่าก็หมดสภาพเร็ว
ปัจจุบันตลาด PC และ Laptop ที่เสียพื้นที่ในตลาดไปเรื่อยๆ ให้กับ "สมาร์ทโฟน"
อาจถือว่าโชคดีของคอเกมทั้ง PC และ Consoles ไป ที่การเติบโตอย่างพรวดพราวของตลาดเกมบนสมาร์ทโฟนมาชะลอการเติบโตของตลาดเกมบน PC & Consoles เลยทำให้ การ์ดจอของคุณ ควรจะรันเกมที่โหมดเดิมต่อไปราวๆ 3-5 ปี
อย่างมากที่สุดแล้ว PS4 ควรจะรันเกมที่ Ultra ได้ไม่เกิน 2 ปีนี้ และ High ต่อไปได้อีก 2-3 ปี
ถ้าโชคดี 5 ปีจากนี้ PS4 อาจยังรันเกมที่ High ได้ แต่ถ้าไม่ มันก็จะตกลงมาเป็น Medium
สวัสดีครับ
Prediction: PS4 & PC จะรันเกมที่ High/Ultra ได้กี่ปี และเกมใหม่ Recommended System Requirement ณ ปัจจุบัน
เคยตั้งกระทู้ไปแล้ว เกี่ยวกับเรื่องที่ว่า ว่ากันตามความสามารถทางด้านการประมวลผลกราฟฟิค การเรนเดอร์ต่างๆ นั้น PS4 คอนโซลที่ดีที่สุด ณ เวลานี้อยู่ที่จุดไหนในโลก PC ผลสรุปออกมาแล้วประว่าอยู่กลุ่ม "กลางบน"
เป็นความสามารถด้านกราฟฟิคที่คุณจะหาได้จากการจอราคาระหว่าง 7,000 - 10,000
ขออนุญาตลงรูปซ้ำอีกครั้ง
ข้อสรุปนี้ได้มาจากการเปรียบเทียบอย่างละเอียด แทบจะทุกตัวเลขที่สำคัญเกี่ยวการประมวลผลทางด้านกราฟฟิค
ทีนี้ กลับมาที่คำถาม สเปคนี้จะอยู่ได้กี่ปี?
การตอบคำถามนี้ต้องย้อนกลับไปที่ "ตัวเกมส์" ว่า "ปัจจุบันเกมต่างๆ นั้นต้องใช้ specs เท่าไหร่ถึงจะรันแบบ Ultra ได้?"
เกมใหม่ที่เพิ่งออก/กำลังจะออกมามี Recommended System Requirement เป็นดังนี้
GTA V :NVIDIA GTX 660 2GB / AMD HD7870 2GB
Far Cry 4: NVIDIA GeForce GTX 680 or AMD Radeon R9 290X or better
The Witcher 3: Nvidia GPU GeForce GTX 770 / AMD GPU Radeon R9 290
Battlefield Hardline: AMD Radeon R9 290, NVIDIA GeForce GTX 780
Dying Light: NVIDIA® GeForce® GTX 780 / AMD Radeon™ R9 290
Evolve: AMD Radeon R9 280 / NVIDIA GeForce GTX 670 or GTX 760
"เศรษฐกิจ" และการเติบโตของตลาดเกม PC: ปัจจัยหลักในการปรับรุ่นของการ์ดจอ (ซึ่งทำให้การ์ดจอเราตกรุ่น)
การ์ดจอ กับ เกม นั้นจะสัมพันธ์กัน เกมที่พัฒนามาให้ใช้ความสามารถด้านกราฟฟิคสูง ก็จะผลักดันให้นักเล่นเกมแสวงหาการ์ดใหม่ๆ แรงๆ เพื่อมาขับเคลื่อนเกมของตัวเอง
ในทางกลับกัน ยิ่งการ์ดใหม่ๆ พัฒนาให้แรงขึ้นมากเท่าไหร่ นักพัฒนาเกมก็ยิ่งทำเกมให้ออกมาสวย เพื่อใช้ประโยชน์จากศักยภาพของการ์ดจอได้มากเท่านั้น
แต่ ปัจจัยที่ทุกคนอาจจะลืม คือ "เศรษฐกิจ" ผู้ผลิตต้องควบคุมอัตราการเติบโตของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ไม่เช่นนั้นถึงแม้ว่าของใหม่จะดีแค่ไหน แต่ถ้าอัตรามันสูงกว่าเศรษฐกิจ "ไปเร็วกว่ากำลังซื้อของผู้บริโภค"
เช่นว่า เฉลี่ยแล้วคนมีรายได้เพิ่มขึ้น 5% ต่อปี แต่จะปล่อยของที่ราคาแพงขึ้น 20% ต่อปี ย่อมมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง
สุดท้ายสินค้าก็ขายไม่ออก เพราะคนไม่มีเงินซื้อ แล้วนานวันเข้าก็ต้องลดราคาลง
เราจะเห็นลักษณะแบบเดียวกันนี้ใน โทรศัพท์ สมาร์ทโฟน ที่เราๆ เองโดยเฉพาะคนใช้ PC ย่อมรู้ดีว่าเทคโนโลยีหลายๆ อย่างของสมาร์ทโฟนมีมานานแล้วใน PC ไม่ว่าจะควอดคอร์ อ๊อกตาคอร์ ซีพียู 64bit การอัพเกรดเหล่านี้ไม่ใช่การพัฒนา แต่เป็นการ "ทยอย" ปล่อยของออกมาทีละขยัก เพื่อเรียกเงินจากผู้บริโภค
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าผู้ผลิตปล่อยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของตัวเองมาทีเดียว ตูมเดียว ราคา 2-3 เท่าของปกติ ผลคือ สินค้าขายไม่ออกเพราะแพงเกิน สินค้าที่ออกมาแล้วเกิดสภาวะตัน สินค้าใหม่ทิ้งช่วงนานกว่าจะออกมาเพราะ gap หรือช่วงรอยต่อระหว่างการพัฒนาทางเทคโนโลยีจริงๆ ที่ไม่ใช่การกั๊ก จะใช้เวลาหลายปี
เราจะสังเกตได้ว่า ไม่มีเกมไหนที่ถูกออกแบบมาให้ require หรือต้องการสเปคของการ์อจอตัวที่สูงสุดของทั้ง 2 ค่ายเลย
ถามว่า ทำไมนักพัฒนาไม่ทำเกมออกมาให้ต้องใช้ Titan Z หรือ R9 295X2 เลย
ก็เพราะว่ามันเกินขีดเศรษฐกิจ เกินกว่าที่กำลังซื้อของคนส่วนใหญ่จะซื้อ การมี Titan Z หรือ R9 295X จึงเกินขีดความสามารถของที่เกมจะแสดงผลได้ หรือที่เรียกว่า overkill คุณได้ดีที่สุดคือ ได้ resolution ที่สูง (4K) และมีเฟรมเรท (FPS) ที่เยอะ (แต่สายตาคนเราจำกัดได้ที่ 60FPS เท่านั้น) แต่จะไม่ได้มีฟีเจอร์หรืออะไรที่ดีไปกว่าที่การ์ดจอที่ค่ายเกม recommend มาแล้วทำได้
ดังนั้น ค่ายเกม จึงพยายามทำเกมให้ออกมาสวยที่สุด โดยมีข้อแม้คือต้องรันได้บน "การ์ดจอที่ดีที่สุดที่คนส่วนใหญ่เข้าถึงได้"
ซึ่งโดยประมาณแล้วคือ ตัวล่างๆ ของตลาดบน การ์ดจอราคาขั้นต่ำ 10,000 บาทเป็นต้นไป
ถ้าคุณพบว่า การ์ดจอราคา 10,000 บาทนั้นสูงเกินไป ก็แปลว่า ตัวคุณเองอยู่ต่ำกว่าเส้นมาตรฐานเศรษฐกิจสูงสุดของที่ค่ายเกมเค้าประเมินมา
ในขณะที่ consoles เอง ทั้ง Microsoft และ Sony กำหนด "หลัก" ในการสร้าง console ของตัวเองออกมาโดยอยู่บน "มาตรกลางทางเศรษฐกิจโลก"
คือ "ราคาเท่าไหร่ที่คนทั้งโลกจะเห็นตรงกันว่า ไม่แพงเกินไป และให้คุณภาพที่ดี" คำตอบของคำถามนี้ ก็คือราคาราว 400-500$ อย่างที่เราทราบกันนั่นล่ะครับ ก็คือเจ้า 15,000 ทอน 10 บาทในตอนนี้นั่นเอง ซึ่ง Sony และ Microsoft อาจทำ consoles ที่แรงพอๆ กับ Titan Z หรือ R9 295X2 ก็ได้ถ้าไม่ติดว่าคนส่วนใหญ่ในโลกจะไม่มีปัญญาครอบครองได้ (และยังเกินความจำเป็นของเกมในปัจจุบันและอนาคตอีกหลายปี)
PS4 จะเล่นเกมปัจจุบันปี 2015 ที่ Ultra ได้บางเกม และส่วนหนึ่งเพราะการ customized ของทางค่ายเกมมาช่วย ส่วนถ้าดูตาม specifications เพียวๆ แล้ว PS4 จะเล่นเกมส่วนใหญ่ที่โหมด High เมื่อเทียบกับ PC (ที่ต้องได้ตาม recommended system requirement)
ผู้พัฒนาเกม Tom Clancy's The Division เองให้สัมภาษณ์ว่าค่ายเกมพัฒนาเกมแยกกันต่างหากในแต่ละ platform โดยไม่ได้ทำบน PC แล้ว downgrade เพื่อเอามาลง consoles ทั้งนี้เพื่อดึงศักยภาพสูงสุดออกมาจากแต่ละ platform
อ้างอิง: http://www.gamespot.com/articles/the-division-dev-talks-graphics-parity-between-xbo/1100-6423384/
และแน่นอน ถ้า PC ของคุณไม่ได้มีสเปคที่ GTX670, 760, 770, 780, AMD R9 280, R9 290 คุณก็ไม่ได้เล่นเกมที่ Ultra เต็มประสิทธิภาพเหมือนกัน
ถ้าการ์ดจอที่มีต่ำกว่านั้น ไม่ว่าจะ GTX660, 750, R9 270 จะเล่น Ultra ก็ต้องยอมรับกับ framerate ที่ตกลง
ในกรณีของ PS4 นั้น บางค่ายเกมจะยอมลด framrate ลงเพื่อคงคุณภาพของกราฟฟิคไว้ เช่นเกม Bloodborne ก็คอนเฟิร์มว่าจะออกมาในเวอร์ชั่น 30fps เพื่อเน้นที่รายละเอียดของภาพอย่างเต็มที่
ส่วนจากนี้ไป เกมใหม่ๆ ที่จะมี Recommended System Requirement ที่ GTX760, HD7870, R9 270 (เช่น GTA V) ซึ่งเทียบเท่า PS4 และทำให้ PS4 รันเกมได้ที่ Ultra Mode นั้นคงจะน้อย แต่ส่วนใหญ่จะสูงกว่านี้เล็กน้อย
เมื่อเทียบกับการเติบโตของตลาดการ์ดจอที่ผ่านๆ มา จะมีการปรับลดระดับลงทุกๆ 2 ปีเป็นอย่างเร็ว ถ้าคุณมีการ์ดจอที่ดีที่สุดของค่าย (ซึ่งราวๆ 1-2 ขั้นเหนือกว่า recommended system requirement ซึ่งเกินจำเป็นหรือที่เรียกว่า overkill) มันจะใช้เวลาราวๆ 2-3 ปี ก่อนที่การ์ดจอตัวนั้นจะตกลงมาอยู่ใน recommended system requirement และใช้เวลาอีกราวๆ 2-3 ปีก่อนที่มันจะเริ่มตกลงไปอีก ทำให้ "อาจจะ" ไม่สามารถรันเกมใหม่ๆ ที่ Ultra ได้
และลดลงไปเรื่อยๆ ตามลำดับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นจะช้าหรือเร็วแค่ไหน ขึ้นอยู่กับ เศรษฐกิจ ด้วยว่าเติบโตเร็วแค่ไหน ถ้ากำลังซื้อของผู้บริโภคมีเยอะ ค่ายเกมก็ปล่อยของออกมาได้เร็ว ฟันกำไรได้เร็ว อัตตราการเติบโตสูง ของเก่าก็หมดสภาพเร็ว
ปัจจุบันตลาด PC และ Laptop ที่เสียพื้นที่ในตลาดไปเรื่อยๆ ให้กับ "สมาร์ทโฟน"
อาจถือว่าโชคดีของคอเกมทั้ง PC และ Consoles ไป ที่การเติบโตอย่างพรวดพราวของตลาดเกมบนสมาร์ทโฟนมาชะลอการเติบโตของตลาดเกมบน PC & Consoles เลยทำให้ การ์ดจอของคุณ ควรจะรันเกมที่โหมดเดิมต่อไปราวๆ 3-5 ปี
อย่างมากที่สุดแล้ว PS4 ควรจะรันเกมที่ Ultra ได้ไม่เกิน 2 ปีนี้ และ High ต่อไปได้อีก 2-3 ปี
ถ้าโชคดี 5 ปีจากนี้ PS4 อาจยังรันเกมที่ High ได้ แต่ถ้าไม่ มันก็จะตกลงมาเป็น Medium
สวัสดีครับ