ที่มา:
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1423224396
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในวันที่ 11-13 กุมภาพันธ์ 2558 คณะกรรมการบริหารการรถไฟไทย-จีน จะเดินทางไปประชุม ครั้งที่ 2 ที่ปักกิ่ง เพื่อเร่งรัดโครงการรถไฟทางคู่รางมาตรฐาน 1.435 เมตร เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-มาบตาพุด และแก่งคอย-กรุงเทพ ระยะทาง 873 กิโลเมตร มีประเด็นหารือร่วมกันหลักๆ 2 ส่วน คือ ทางด้านเทคนิค และการเงิน
โดยด้านเทคนิค จะคุยในเรื่องของขอบเขตของงาน แผนงาน กรอบเวลาทำงาน และพิจารณารายชื่อบริษัทของฝ่ายจีนว่าจะมีบริษัทใดบ้างที่จะเสนอให้ทางฝ่ายไทยได้พิจารณา จากนั้นก็จะมีการปรึกษาหารือกันว่ารูปแบบของการทำงานจะแบ่งงานทางด้านการก่อสร้างออกเป็นกี่ส่วน เช่น ส่วนของระบบสื่อสาร ระบบราง ไม้หมอน ระบบอาณัติสัญญาณ ระบบควบคุมการเดินรถ ระบบบำรุงรักษา เพื่อให้สื่อสารเข้าใจตรงกันทั้งสองฝ่าย
สำหรับด้านการเงิน หลังจากได้รูปแบบการลงทุนแล้ว สิ่งที่จะพิจารณาต่อไปคือสัดส่วนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและการเดินรถว่าแต่ละฝ่ายจะลงทุนในสัดส่วนเท่าไหร่ โดยจะพยายามให้ได้เจตจำนงร่วมกันในการประชุมครั้งที่ 2 คาดว่าจะลงนามร่วมกัน ภายในเดือนกุมภาพันธ์
จากนั้นประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคม จะทำการสำรวจและออกแบบรายละเอียด เพื่อให้ได้ข้อสรุปเรื่องวงเงินก่อสร้างจากเดิมที่กำหนดไว้เบื้องต้น ประมาณ 400,000 ล้าบาท ขณะเดียวกันจะพิจารณารายละเอียดข้อตกลงต่างๆว่าจะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งจะพยายามให้จบภายในเดือนมีนาคม
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จากปัญหาเรื่องการกำหนดรูปแบบการลงทุนและด้านการเงิน คาดว่าการวางแผนการดำเนินการก่อสร้างจะล่าช้าประมาณ 1 เดือน จากเดิมเดือนกันยายน อาจจะเป็นเดือนตุลาคม หรือเดือนธันวาคม หรือเดือนมกราคม 2559 เนื่องจากเราไม่มีการตัดสินใจตั้งแต่แรก
ส่วนกรณีเรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่จีนเสนอมาอยู่ที่ 2-4%นั้น พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ผลของการให้กู้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยพิเศษ อย่างไรก็ตามได้มีแผนสำรองไว้รองรับถ้าหากจีนไม่ยอมลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้ถูกลงกว่านี้ โดยอาจจะกู้จากแหล่งเงินกู้อื่น เช่น กู้ในประเทศ
"เราอาจะใช้เงินกู้จีนบางส่วนถ้าหากดอกเบี้ยยังสูง เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงในเอ็มโอยูที่ได้ลงนามกันไว้ ส่วนที่เหลืออาจจะใช้เงินกู้จากแหล่งอื่นแทน" พล.อ.อ.ประจินกล่าวย้ำ
"ประจิน" เล็งกู้ในประเทศสร้างรถไฟไทย-จีน เลื่อนตอกเข็ม เฟสแรกปลายปี-ต้นปี′59
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในวันที่ 11-13 กุมภาพันธ์ 2558 คณะกรรมการบริหารการรถไฟไทย-จีน จะเดินทางไปประชุม ครั้งที่ 2 ที่ปักกิ่ง เพื่อเร่งรัดโครงการรถไฟทางคู่รางมาตรฐาน 1.435 เมตร เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-มาบตาพุด และแก่งคอย-กรุงเทพ ระยะทาง 873 กิโลเมตร มีประเด็นหารือร่วมกันหลักๆ 2 ส่วน คือ ทางด้านเทคนิค และการเงิน
โดยด้านเทคนิค จะคุยในเรื่องของขอบเขตของงาน แผนงาน กรอบเวลาทำงาน และพิจารณารายชื่อบริษัทของฝ่ายจีนว่าจะมีบริษัทใดบ้างที่จะเสนอให้ทางฝ่ายไทยได้พิจารณา จากนั้นก็จะมีการปรึกษาหารือกันว่ารูปแบบของการทำงานจะแบ่งงานทางด้านการก่อสร้างออกเป็นกี่ส่วน เช่น ส่วนของระบบสื่อสาร ระบบราง ไม้หมอน ระบบอาณัติสัญญาณ ระบบควบคุมการเดินรถ ระบบบำรุงรักษา เพื่อให้สื่อสารเข้าใจตรงกันทั้งสองฝ่าย
สำหรับด้านการเงิน หลังจากได้รูปแบบการลงทุนแล้ว สิ่งที่จะพิจารณาต่อไปคือสัดส่วนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและการเดินรถว่าแต่ละฝ่ายจะลงทุนในสัดส่วนเท่าไหร่ โดยจะพยายามให้ได้เจตจำนงร่วมกันในการประชุมครั้งที่ 2 คาดว่าจะลงนามร่วมกัน ภายในเดือนกุมภาพันธ์
จากนั้นประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคม จะทำการสำรวจและออกแบบรายละเอียด เพื่อให้ได้ข้อสรุปเรื่องวงเงินก่อสร้างจากเดิมที่กำหนดไว้เบื้องต้น ประมาณ 400,000 ล้าบาท ขณะเดียวกันจะพิจารณารายละเอียดข้อตกลงต่างๆว่าจะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งจะพยายามให้จบภายในเดือนมีนาคม
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จากปัญหาเรื่องการกำหนดรูปแบบการลงทุนและด้านการเงิน คาดว่าการวางแผนการดำเนินการก่อสร้างจะล่าช้าประมาณ 1 เดือน จากเดิมเดือนกันยายน อาจจะเป็นเดือนตุลาคม หรือเดือนธันวาคม หรือเดือนมกราคม 2559 เนื่องจากเราไม่มีการตัดสินใจตั้งแต่แรก
ส่วนกรณีเรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่จีนเสนอมาอยู่ที่ 2-4%นั้น พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ผลของการให้กู้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยพิเศษ อย่างไรก็ตามได้มีแผนสำรองไว้รองรับถ้าหากจีนไม่ยอมลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้ถูกลงกว่านี้ โดยอาจจะกู้จากแหล่งเงินกู้อื่น เช่น กู้ในประเทศ
"เราอาจะใช้เงินกู้จีนบางส่วนถ้าหากดอกเบี้ยยังสูง เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงในเอ็มโอยูที่ได้ลงนามกันไว้ ส่วนที่เหลืออาจจะใช้เงินกู้จากแหล่งอื่นแทน" พล.อ.อ.ประจินกล่าวย้ำ