
สวัสดีครับ เรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวชีวิตจริงของ จขกท เองนะครับ และอยากได้ความคิดเห็นจากเพื่อนๆครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่า 1 ปีที่ผ่านมาผมได้รู้จักรุ่นน้องผู้ชายคนนึง ซึ่งผมเคยเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันกับน้องเค้าครับ แต่ตอนผมเรียนอยู่นั้นน้องเค้ายังอยู่ประถมอยู่เลย เรื่องมันมีอยู่ว่า กลางเดือนกุมภาพันธ์ เดือนเกิดของผมเมื่อปีที่แล้วครับ
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ คือตอนนั้นผมมีรุ่นน้องผญ คนหนึ่งรู้จักกันนานพอสมควรเราสองคนเกิดเดือนเดียวกันครับ จึงได้เลี้ยงวันเกิดน้องเค้าและได้ชวนรุ่นน้องผช คนนึงมาด้วย ซึ่งเราก็ได้พูดคุยกันบ้างแล้วครับ แต่ยังไม่เจอตัวจริงครับ น้องเค้าเป็นเด็กม.3 นิสัยจะออกแนวกวนๆครับ กวนประสาทได้ตลอดเวลา ขี้อ้อน และชอบขอนุ่น ขอนี่บ่อยๆครับ แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนที่หวั่นไหวง่ายผมเลยไม่เรื่องมากครับ
วันนั้นเราก็ไปนั่งกินไอติมกันครับโดยมีผมเป็นคนเลี้ยงทั้งหมดครับ #นอกเรื่องนิดนึงครับ ผมเห็นว่าน้องเค้าน่ารักดีเลยชวนมาด้วยครับ อิอิ
เรื่องราวมันเกิดขึ้นหลังจากนี้ครับ หลังจากที่ผมกับน้องเค้าได้คุยกันมาระยะนึงครับ แต่ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ที่ กทม ปีสุดท้ายครับเราเลยไม่ได้เจอกันอีกเลย มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมได้มีโอกาสกลับบ้านครับ ผมดีใจมากที่จะได้เจอน้องเค้าอีกครั้งนึง และวันนั้นก็มาถึงครับ ผมได้เจอน้องเขาซึ่งน้องเขาชวนผมเล่นที่บ้านน้องเค้าครับ เราสองคนดูนิสัยเข้ากันได้ดีครับ หลังจากนั้นผมก็กลับมาฝึกงานเพื่อจบการศึกษาที่ กทม เช่นเคยครับจนกระทั่งได้กลับมาอยู่ที่บ้าน ผมดีใจอีกครั้งที่จะได้เจอน้องเขา ทุกวัน ผมใช้เวลาว่างงานอยู่นานเกือบ 2 เดือนครับ ช่วงเช้า บ่าย ผมจะอยู่ที่ห้องนั่งเล่นคอมรอเวลา 17.00 น. เพื่อออกไปรอรับน้องเขาที่โรงเรียนมาส่งที่บ้านครับ ตอนนี้น้องเขาเรียนอยู่ม.4แล้วครับ
ผมไม่รู้นะว่าที่ผมทำแบบนี้ทุกวัน เพราะอะไร บางคนอาจจะบอกว่าผมโง่ ให้เขาหลอกใช้มาตลอด ยังไม่รู้ตัวหรอ แต่ผมก็มานึกคิดอีกทีครับมันก็จริง แต่ทำไงได้ความสุขของเราคือการทำให้คนอื่นมีความสุข ผมก็ดีใจแล้วครับ
ผมมีความสุขมากๆช่วงนี้ครับ ที่ได้ไปไหนมาไหนกับน้องเค้า ไปดูบอล ดูหนัง ซื้อเสื้อผ้าด้วยกัน แต่มีบางครั้งที่น้องเขาทำตัวก้าวร้าวใส่ผม ผมเองก็รู้สึกน้อยใจบางครั้งครับที่น้องเขาทำแบบนี้กับผม แต่ก็เพราะความรู้สึกผูกพันธ์แหละครับที่ทำให้ผมไม่โกรธน้องเขาสักนิดเลย หลังจากนั้นผมก็ถึงเวลาที่ต้องไปครับ ผมต้องหางานทำเพื่อที่จะทำให้ตัวเองอยู่รอดเพราะยังขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่เลย ผมไม่กล้าทีจะบอกน้องเค้าเลยว่าต้องกลับกรุงเทพแล้ว คิดไป คิดมาแล้วได้เวลาที่ตัดสินใจได้ครับ ผมก็บอกน้องเค้าว่าต้องกลับไปทำงานที่ กทม น้องเขาไม่ยอมให้ผมไปครับ แต่ผมต้องไปทำไงได้ สุดท้ายเราก็ไม่ได้คุยกันอยู่ระยะนึงใหญ่ๆเลย
ผ่านไป 3 เดือนเราสองคนก็ได้กลับมาคุยกันอีกครั้งนึงครับ จะเริ่มบ่อยมากขึ้น แต่ไม่ได้คุยกันบ่อยเหมือนแต่ก่อนครับ บางทีผมก็คิดถึงน้องเค้ามากๆครับ มากจนเก็บมาฝันเรื่องไม่เป็นเรื่อง จนมาถึงช่วงเดือนธันวาคม ก่อนถึงวันปีใหม่ น้องเขาอยากได้ของชิ้นนึง ราคามันไม่แพงมาก ผมเลยซื้อให้น้องเค้าครับ และส่งของไปให้ที่บ้าน วันนั้นผมได้อ่านไลน์ 1 ข้อความ มีข้อความเสียง 1 ข้อความผมได้กดฟังแล้วร้องไห้ตามเลยครับ น้องเขาได้พูดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มรู้จักกัน จนสุดท้ายน้องเค้าได้พูดที่ท้ายไว้ว่า "ผมรักพี่นะ"
อนาคตจะเป็นอย่างไรผมไม่รู้ แต่ผมรักน้องคนนี้มาก รักมากเหมือนน้องชายแท้ๆเลย แต่มีเส้นบางๆ อยู่เส้นนึงทีผมทำเกินคำว่าพี่
แต่ผมก็แสดงออกต่อหน้าน้องเค้าตรงๆไม่ได้ครับ ผมกลัวว่าน้องเค้าจะเปลี่ยนไปและหายไปเลย
ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ ระหว่าง ปล่อยให้เป็นพี่น้องกันอย่างนี้ต่อไป หรือควรบอกไปตรงๆเลย "ว่าร้ก" :
ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านนะครับ ไว้โอกาสหน้าจะมาเล่าเรื่องดีๆให้ฟังอีกครับ
เราเป็นได้แค่ พี่น้องกัน..ใช่ไหม ?
เรื่องมันมีอยู่ว่า 1 ปีที่ผ่านมาผมได้รู้จักรุ่นน้องผู้ชายคนนึง ซึ่งผมเคยเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันกับน้องเค้าครับ แต่ตอนผมเรียนอยู่นั้นน้องเค้ายังอยู่ประถมอยู่เลย เรื่องมันมีอยู่ว่า กลางเดือนกุมภาพันธ์ เดือนเกิดของผมเมื่อปีที่แล้วครับ
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ คือตอนนั้นผมมีรุ่นน้องผญ คนหนึ่งรู้จักกันนานพอสมควรเราสองคนเกิดเดือนเดียวกันครับ จึงได้เลี้ยงวันเกิดน้องเค้าและได้ชวนรุ่นน้องผช คนนึงมาด้วย ซึ่งเราก็ได้พูดคุยกันบ้างแล้วครับ แต่ยังไม่เจอตัวจริงครับ น้องเค้าเป็นเด็กม.3 นิสัยจะออกแนวกวนๆครับ กวนประสาทได้ตลอดเวลา ขี้อ้อน และชอบขอนุ่น ขอนี่บ่อยๆครับ แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนที่หวั่นไหวง่ายผมเลยไม่เรื่องมากครับ
วันนั้นเราก็ไปนั่งกินไอติมกันครับโดยมีผมเป็นคนเลี้ยงทั้งหมดครับ #นอกเรื่องนิดนึงครับ ผมเห็นว่าน้องเค้าน่ารักดีเลยชวนมาด้วยครับ อิอิ
เรื่องราวมันเกิดขึ้นหลังจากนี้ครับ หลังจากที่ผมกับน้องเค้าได้คุยกันมาระยะนึงครับ แต่ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ที่ กทม ปีสุดท้ายครับเราเลยไม่ได้เจอกันอีกเลย มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมได้มีโอกาสกลับบ้านครับ ผมดีใจมากที่จะได้เจอน้องเค้าอีกครั้งนึง และวันนั้นก็มาถึงครับ ผมได้เจอน้องเขาซึ่งน้องเขาชวนผมเล่นที่บ้านน้องเค้าครับ เราสองคนดูนิสัยเข้ากันได้ดีครับ หลังจากนั้นผมก็กลับมาฝึกงานเพื่อจบการศึกษาที่ กทม เช่นเคยครับจนกระทั่งได้กลับมาอยู่ที่บ้าน ผมดีใจอีกครั้งที่จะได้เจอน้องเขา ทุกวัน ผมใช้เวลาว่างงานอยู่นานเกือบ 2 เดือนครับ ช่วงเช้า บ่าย ผมจะอยู่ที่ห้องนั่งเล่นคอมรอเวลา 17.00 น. เพื่อออกไปรอรับน้องเขาที่โรงเรียนมาส่งที่บ้านครับ ตอนนี้น้องเขาเรียนอยู่ม.4แล้วครับ
ผมไม่รู้นะว่าที่ผมทำแบบนี้ทุกวัน เพราะอะไร บางคนอาจจะบอกว่าผมโง่ ให้เขาหลอกใช้มาตลอด ยังไม่รู้ตัวหรอ แต่ผมก็มานึกคิดอีกทีครับมันก็จริง แต่ทำไงได้ความสุขของเราคือการทำให้คนอื่นมีความสุข ผมก็ดีใจแล้วครับ
ผมมีความสุขมากๆช่วงนี้ครับ ที่ได้ไปไหนมาไหนกับน้องเค้า ไปดูบอล ดูหนัง ซื้อเสื้อผ้าด้วยกัน แต่มีบางครั้งที่น้องเขาทำตัวก้าวร้าวใส่ผม ผมเองก็รู้สึกน้อยใจบางครั้งครับที่น้องเขาทำแบบนี้กับผม แต่ก็เพราะความรู้สึกผูกพันธ์แหละครับที่ทำให้ผมไม่โกรธน้องเขาสักนิดเลย หลังจากนั้นผมก็ถึงเวลาที่ต้องไปครับ ผมต้องหางานทำเพื่อที่จะทำให้ตัวเองอยู่รอดเพราะยังขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่เลย ผมไม่กล้าทีจะบอกน้องเค้าเลยว่าต้องกลับกรุงเทพแล้ว คิดไป คิดมาแล้วได้เวลาที่ตัดสินใจได้ครับ ผมก็บอกน้องเค้าว่าต้องกลับไปทำงานที่ กทม น้องเขาไม่ยอมให้ผมไปครับ แต่ผมต้องไปทำไงได้ สุดท้ายเราก็ไม่ได้คุยกันอยู่ระยะนึงใหญ่ๆเลย
ผ่านไป 3 เดือนเราสองคนก็ได้กลับมาคุยกันอีกครั้งนึงครับ จะเริ่มบ่อยมากขึ้น แต่ไม่ได้คุยกันบ่อยเหมือนแต่ก่อนครับ บางทีผมก็คิดถึงน้องเค้ามากๆครับ มากจนเก็บมาฝันเรื่องไม่เป็นเรื่อง จนมาถึงช่วงเดือนธันวาคม ก่อนถึงวันปีใหม่ น้องเขาอยากได้ของชิ้นนึง ราคามันไม่แพงมาก ผมเลยซื้อให้น้องเค้าครับ และส่งของไปให้ที่บ้าน วันนั้นผมได้อ่านไลน์ 1 ข้อความ มีข้อความเสียง 1 ข้อความผมได้กดฟังแล้วร้องไห้ตามเลยครับ น้องเขาได้พูดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มรู้จักกัน จนสุดท้ายน้องเค้าได้พูดที่ท้ายไว้ว่า "ผมรักพี่นะ"
อนาคตจะเป็นอย่างไรผมไม่รู้ แต่ผมรักน้องคนนี้มาก รักมากเหมือนน้องชายแท้ๆเลย แต่มีเส้นบางๆ อยู่เส้นนึงทีผมทำเกินคำว่าพี่
แต่ผมก็แสดงออกต่อหน้าน้องเค้าตรงๆไม่ได้ครับ ผมกลัวว่าน้องเค้าจะเปลี่ยนไปและหายไปเลย
ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ ระหว่าง ปล่อยให้เป็นพี่น้องกันอย่างนี้ต่อไป หรือควรบอกไปตรงๆเลย "ว่าร้ก" :
ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านนะครับ ไว้โอกาสหน้าจะมาเล่าเรื่องดีๆให้ฟังอีกครับ