การสอบเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย อาจเป็นเรื่องเครียดสำหรับเพื่อนหลายๆคน แต่ตอนนี้นสิ่งที่ฉันเครียดกว่าการสอบติดหรือไม่ติด คือ ฉันจะเรียนอะไรต่อดี เพราะฉันยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร และอยากทำอะไร ฉันไม่ใช่คนเรียนเก่ง ฉันเรียนโรงเรียนจังหวัด เกรดเฉลี่ยประมาน 2.80 ฉันอยากทำงานอะไรก็ได้ที่ได้เที่ยว ได้เจอผู้คน ตอนแรกเลยตั้งใจอยากเรียนการโรงแรม ฉันได้ส่งใบรับรองเกรด และใบสมัครเข้าวิทยาลัยที่หนึง และเข้าได้ตอบรับกลับมาให้ฉันขึ้นไปสัมภาษณ์ เพื่อรับโควต้านักศึกษาการโรงแรมภาคอินเตอร์ด้วยเหตุผลที่ว่าเกรดวิชาภาษาอังกฤษฉํนได้4มาตลอด (ความจริงอยากบอกว่า...ฉันไม่ได้เก่งอะไรเลย แค่จำศัทพ์ได้ อาศัยท่องตอนสอบ ไม่กล้าจะอ้าปากพูดสักเท่าไหร่ เพราะสำเนียงไม่ได้ ) หวั่นๆแต่ก็อยากลอง เลยบอกพ่อกับแม่ คำตอบที่ได้คือแม่เงียบ พ่อเป็นคนมาพูดกับฉัน ว่าไม่อยากให้ฉันเรียนด้านนี้ เพราะกลัวว่าจบมาแล้วตกงาน (ครอบครัวมีฐานะปานกลาง พ่อกับแม่ทำงานอาชีพค้าขาย ฉันมีพี่น้อง2คน ฉันเป็นคนโต ไม่เคยทำอะไรที่ทำให้พ่อแม่ผิดหวังและลำบากใจ ท่านเลยตั้งความหวังไว้กับฉัน ว่าฉันจะสามารถูแลท่าน และน้องน้องได้) ที่สำคัญพ่อบอกว่าฉันเป็นผู้หญิง ท่านทั้ง2เป็นห่วง (พ่อฉันหวงฉันมาก อย่าให้รุ้ว่าใครตามจีบ ตามรับตามส่ง ตามติดฉันทุกฝีก้าว) ความตั้งใจแรกฉันเลยจบลง เพราะฉันไม่เคยขัดใจพ่อกับแม่ และไม่มั่นใจเหมือนกันว่ามันเป็นสิ่งที่ใช่ที่สุดสำหรับฉัน อย่างน้อยพ่อกับแม่เป้นคนที่รักฉันมากที่สุก ท่านย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับฉัน
สมัยฉันเรียนจะมีโควต้าต่างๆส่งมาที่โรงเรียนเพื่อรับนักศึกษา และจะมีสอบตรง (จำไม่ได้ละว่าเรียกว่าอะไร) เขาให้เลือกได้4คณะ ก่อนเลือกตณะฉันเลยปรึกษาพ่อกับแม่ ท่านเลยบอกว่าอยากให้ฉันเรียนพยาบาลเหมือนอา จบมามีทำงานแน่นอน ที่สำคัญได้ดูแลพ่อแม่ ฉันเลยลงพยาบาลไว้กับดับ1และ2 ส่วน3,4 ฉันเลือกลงนิติสาสตร์ เพราะช่วงนั้นได้คุยกับอาเขยท่านเป็นตำรวจ ท่านก็มักจะพูดว่าเรียนนิติดีแบบนั้น แบบนี้ จนฉันรุ้สึกสนใจ ที่ฉันเลือกพยาบาลไว้1,2 เพราะคะแนนมันสูงกว่านิติ และฉันก็คิดว่าฉันคงไม่ติดชัวร์ อาชีพพยาบาลอาจเคยเป็นความฝันฉันสมัยเด็กๆ จินตนาการถึงสาวน่าๆรักๆในชุดขาว แลดูเหมือนนางฟ้า แต่พอโต เริ่มเห้นอะไรมากขึ้น เจออะไรมากขึ้น รุ้สึกว่าเฉยๆกับวิชาชีพนี้ ไม่ได้อคติ แต่ก้ไม่ได้อยุ่ในความคิด ผลสอบออกมาคะแนนฉันติดคณะพยาบาลอันดับที่2 และอันดับ3,4 คะแนนก็ถึง ขณะเดียวกันคณะนิติสาสตร์ของมหาวิทยาลัยหนึ่งก้ติดต่อมาว่าฉันมีสิทธิสอบสัมภาษณ์ชิงโควต้า ตอนนั้นฉันลังเลมาก แต่พอนึกถึงรอยยิ้มของพ่อแม่ที่รู้ว่าฉันติดพยาบาล ฉันเลยยอมสละสิทธิ และไปสอบสัมภาษณ์ที่คณะพยาบาล
เมื่อฉันตัดสินใจว่าจะเรียนเพื่อพ่อกับแม่ ฉันก้เลยตั้งใจและจริงจังกับการสอบสัมภาษณ์มาก ในห้องสอบสัมภาษณ์ มีอาจารย์นั่งอยุ่3คน ฉันตื่นเต้นจนมือสั่น สิ่งที่ฉันศึกษาเพิ่มเติมก่อนไปสัมภาษณ์คือ ข้อมุลของคณะและมหาวิทยาลัยที่ไปสัมภาษณ์ คำถามแรกที่ฉันเจอเป้นไปอย่างที่ฉันคิด ทำไมถึงอยากเรียนพยาบาล ?? แน่นอนแันต้องตอบให้ดุดี ฉันเลยตอบไปว่าเพราะอาเป็นพยาบาล ฉันอยากเป็นเหมือนอา ที่มีโอกาสได้ช่วยเหลือให้ผุ้อื่น และที่สำคัญมีความรุ้ที่สามารถดุแลพ่อแม่ตัวเองได้ คำถามที่2คือหากฉันเป็นพยาบาล แล้วมีผุ้ป่วยฉุกเฉินมา ขณะนั้นหมอไม่อยุ่จะทำยังไง ฉันตอบว่าฉันพอจะทราบว่าจะต้องมีแพทย์เวร และฉันก้จะไปตามเขามา อาจารยืสวนกลับมาว่าถ้าหมอไม่มาละ ?? ฉันเลยตอบว่า หมอไม่มีสิทะิปกิเสธการรักษาคนไข้ และฉันมั่นใจว่าหมอจะต้องมา หากหมอท่านนั้นไม่มาจริงๆ ฉันก้จะดุแลคนไข้เบื้องต้นและพยามหาหมอท่านที่อยุ่ใกล้ๆมาก่อน คำถามสุดท้ายให้คำนวนง่ายๆ การสัมภาษณืผ่านไปด้วยดี จบการสัมภาษณ์ด้วยคำชมของอาจารย์ว่าดีมาก ราบรื่นแต่ฉันก็ลุ้นไม่น้อย สัมภาาณ์เสร็จแม่บอกว่า ถ้าไม่ได้ลูกอยากไปสมัครอะไรใหม่แม่จะไม่ห้ามอีก ตอนแรกอาจไม่ได้อยากเรียน แต่พอไปสัมภาษณ์แล้ว แันก้อยากผ่านเพื่อให้แม่ภุมิใจ และสุดท้ายฉันก็สอบผ่าน
แล้วจะมาเล่าต่อนะว่า...สังคมนักศึกษาพยาบาลเป็นยังไง
ชีวิตนักศึกษาพยาบาล สู่พยาบาลวิชีพ
สมัยฉันเรียนจะมีโควต้าต่างๆส่งมาที่โรงเรียนเพื่อรับนักศึกษา และจะมีสอบตรง (จำไม่ได้ละว่าเรียกว่าอะไร) เขาให้เลือกได้4คณะ ก่อนเลือกตณะฉันเลยปรึกษาพ่อกับแม่ ท่านเลยบอกว่าอยากให้ฉันเรียนพยาบาลเหมือนอา จบมามีทำงานแน่นอน ที่สำคัญได้ดูแลพ่อแม่ ฉันเลยลงพยาบาลไว้กับดับ1และ2 ส่วน3,4 ฉันเลือกลงนิติสาสตร์ เพราะช่วงนั้นได้คุยกับอาเขยท่านเป็นตำรวจ ท่านก็มักจะพูดว่าเรียนนิติดีแบบนั้น แบบนี้ จนฉันรุ้สึกสนใจ ที่ฉันเลือกพยาบาลไว้1,2 เพราะคะแนนมันสูงกว่านิติ และฉันก็คิดว่าฉันคงไม่ติดชัวร์ อาชีพพยาบาลอาจเคยเป็นความฝันฉันสมัยเด็กๆ จินตนาการถึงสาวน่าๆรักๆในชุดขาว แลดูเหมือนนางฟ้า แต่พอโต เริ่มเห้นอะไรมากขึ้น เจออะไรมากขึ้น รุ้สึกว่าเฉยๆกับวิชาชีพนี้ ไม่ได้อคติ แต่ก้ไม่ได้อยุ่ในความคิด ผลสอบออกมาคะแนนฉันติดคณะพยาบาลอันดับที่2 และอันดับ3,4 คะแนนก็ถึง ขณะเดียวกันคณะนิติสาสตร์ของมหาวิทยาลัยหนึ่งก้ติดต่อมาว่าฉันมีสิทธิสอบสัมภาษณ์ชิงโควต้า ตอนนั้นฉันลังเลมาก แต่พอนึกถึงรอยยิ้มของพ่อแม่ที่รู้ว่าฉันติดพยาบาล ฉันเลยยอมสละสิทธิ และไปสอบสัมภาษณ์ที่คณะพยาบาล
เมื่อฉันตัดสินใจว่าจะเรียนเพื่อพ่อกับแม่ ฉันก้เลยตั้งใจและจริงจังกับการสอบสัมภาษณ์มาก ในห้องสอบสัมภาษณ์ มีอาจารย์นั่งอยุ่3คน ฉันตื่นเต้นจนมือสั่น สิ่งที่ฉันศึกษาเพิ่มเติมก่อนไปสัมภาษณ์คือ ข้อมุลของคณะและมหาวิทยาลัยที่ไปสัมภาษณ์ คำถามแรกที่ฉันเจอเป้นไปอย่างที่ฉันคิด ทำไมถึงอยากเรียนพยาบาล ?? แน่นอนแันต้องตอบให้ดุดี ฉันเลยตอบไปว่าเพราะอาเป็นพยาบาล ฉันอยากเป็นเหมือนอา ที่มีโอกาสได้ช่วยเหลือให้ผุ้อื่น และที่สำคัญมีความรุ้ที่สามารถดุแลพ่อแม่ตัวเองได้ คำถามที่2คือหากฉันเป็นพยาบาล แล้วมีผุ้ป่วยฉุกเฉินมา ขณะนั้นหมอไม่อยุ่จะทำยังไง ฉันตอบว่าฉันพอจะทราบว่าจะต้องมีแพทย์เวร และฉันก้จะไปตามเขามา อาจารยืสวนกลับมาว่าถ้าหมอไม่มาละ ?? ฉันเลยตอบว่า หมอไม่มีสิทะิปกิเสธการรักษาคนไข้ และฉันมั่นใจว่าหมอจะต้องมา หากหมอท่านนั้นไม่มาจริงๆ ฉันก้จะดุแลคนไข้เบื้องต้นและพยามหาหมอท่านที่อยุ่ใกล้ๆมาก่อน คำถามสุดท้ายให้คำนวนง่ายๆ การสัมภาษณืผ่านไปด้วยดี จบการสัมภาษณ์ด้วยคำชมของอาจารย์ว่าดีมาก ราบรื่นแต่ฉันก็ลุ้นไม่น้อย สัมภาาณ์เสร็จแม่บอกว่า ถ้าไม่ได้ลูกอยากไปสมัครอะไรใหม่แม่จะไม่ห้ามอีก ตอนแรกอาจไม่ได้อยากเรียน แต่พอไปสัมภาษณ์แล้ว แันก้อยากผ่านเพื่อให้แม่ภุมิใจ และสุดท้ายฉันก็สอบผ่าน
แล้วจะมาเล่าต่อนะว่า...สังคมนักศึกษาพยาบาลเป็นยังไง