ซึ่งเรื่องนี้ ถือว่าเป็นที่ใจจดใจจ่อกับแฟนคลับของพี่น้อง Wachowskis ซึ่งผมก็ไม่ถึงขั้นเดนตายถวายหัว แต่ก็ชื่นชอบและเป็นแฟนหนัง ถึงขั้นตามล่าหาผลงานเก่าๆของเขามาให้ครบให้ได้ (ซึ่งยากพอสมควร)
หลังจากที่ Larry ได้ติสท์แตก Transgender ตัวเองให้ไปเป็นผู้หญิง (ไม่รู้ว่าเต็มตัวหรือเปล่านะ) ซึ่งสร้างความตะลึงให้แฟนหนังพอสมควร
แต่สองพี่น้อง ก็จัดเรื่อง Cloud Atlas ออกมา โดยได้ผู้กำกับมือเทพอย่าง Tom Tykwer ที่ตัว Tom นอกจากจะกำกับแล้ว ยังทำเพลงประกอบควบคู่ด้วยอีก
ผลตอบรับ ก็มาในแง่ดีพอสมควร แต่ไม่ถึงกับร้องว้าว! จนแล้วจนเล่า ผ่านไปปีกว่า Jupier Ascending ก็คลอดกำหนดออกมา เป็นสิงหาคมปี 2014
และคงเป็นเหตุผลด้านธุรกิจ ทำให้ต้องเลื่อนมาเป็นกุมภาพันธ์ 2015 และสมใจอยากคนรอคอย ผมก็จัดตั๋ว 3D ไปดูทันทีโดยไม่รีรอ และแน่นอนว่า คำวิจารณ์และเสียงในแง่ลบ ไม่สามารถห้ามผมไม่ให้ดูเรื่องนี้ได้
Jupiter Ascending เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของ Jupiter ซึ่งเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เกิดมาท่ามกลางครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ ครอบครัวรัสเซีย แต่พ่อตาย แม่อพยพ เกิดมาก็เหมือนไม่สัญชาติ โตมาก็เป็นแม่บ้านทำความสะอาด (โอย รันทดพอกับนางเอกละครไทยเลย!)
จนกระทั่งชะตาพลิกผัน เชื้อสายตัวเอง กลายเป็นผู้สืบทอดปกครองโลก เพียงแค่เพราะ "ความเชื่อว่า แม่ผู้สร้างโลก กลับชาติมาเกิด โดยตรวจจากยีนส์พันธุกรรม"
เอาล่ะสิ! พี่น้อง Wachowskis คิดอะไรแปลกๆมาได้ตลอด
บทมันดูน่าสนใจ บวกกับ Trailer ที่ดูอลังค์ แต่ด้วยความที่อายุเยอะขึ้น หรือเข้าใจผู้กำกับยาก ทำให้ตัวบทดูง่าย และเดาง่าย ทำให้ไม่มีอารมณ์ลุ้นตัวโก่ง หรือทึ่งไปกับฉากต่อสู้เหมือนอย่างใน The Matrix เลย
ตอนนี้ก็ยังค้างคาอยู่เลยว่า ทำไม Jupiter ถึงถูกตามฆ่า แต่ถึงเวลาจริง กลับไม่ฆ่า รวมถึงดาวอื่นๆ ก็ไม่ได้อธิบายให้เคลียร์ อธิบายแค่ว่า ต้องเก็บเกี่ยวโลก เพื่อเพิ่มเวลาให้ตัวเอง และอื่นๆที่สัมผัสได้ในเรื่องของบทภาพยนตร์
ซึ่งตรงนี้ถ้าผมพูดกับเขาได้ ผมอาจจะบอกว่า "หาคนเขียนเก่งๆมาช่วยบ้างก็ดีนะ"
แต่ความรู้สึกที่สัมผัสได้อีกอย่าง และรู้สึกคุ้มค่าไปกับเรื่องนี้คือ เทคนิคการกำกับ ลำดับภาพ CG และอื่นๆ กลับทำให้เหมือนไปอยู่ในโลกจินตนาการของ Andy และ Lana ไปได้เฉย
ความรู้สึกราวกับอ่านการ์ตูน Sci-Fi ของญี่ปุ่น แต่ได้ดูในเวอร์ชั่นภาพเคลื่อนไหว หรืออาจจะเป็นเพราะทั้ง Andy และ Lana ชอบ Akira Kurosawa เป็นพิเศษก็เป็นได้
และฉากยิง ฉากต่อสู้แบบประชิด ครั้งนี้ทำได้ดูเป็น Sci-Fi มาก ดูแล้ว เนื้อเรื่องมันอาจจะไม่สนุก แต่มันเท่ว่ะครับ! แล้วยิ่งได้ Channing Tatum พระเอกลุคเท่ มาประกบกับ Mila Kunis ไปอีก ยิ่งทำให้เป็นองค์ประกอบที่เท่ไปใหญ่
คือดูแล้ว ก็ชี้ได้เลยว่า "นี่มัน Wachowskis Style ชัดๆ!"
ยิ่งรองเท้าบูทบินได้ โคตะระชอบ!
และได้ Michael Giacchino มาทำดนตรีประกอบแล้ว มันรู้สึกอลังค์ไปกับภาพที่สวยงามและดูโอ่อ่ามาก!
สุดท้ายแล้ว ก็มีหลายคนที่บ่นออกมาเยอะว่า Andy กับ Lana มือตก แต่สำหรับผม ก็ขอเป็นกลางละกัน ก็ยอมรับว่าเขาทั้งคู่มือตกไประดับหนึ่ง
แต่เทคนิคการกำกับและสร้างภาพ เขาพัฒนาขึ้นหลายเท่า ติ่งอย่างผมก็ประทับใจและแฮปปี้ที่ได้ดูผลงานของเขา หลังจากรอมานาน
ถือว่าคุ้มค่ากับการรอคอย สำหรับภาพยนตร์เท่ๆแบบนี้ครับ
Jupiter Ascending จากใจติ่งที่รอข้ามปี! (Spoil นิดหน่อย)
ซึ่งเรื่องนี้ ถือว่าเป็นที่ใจจดใจจ่อกับแฟนคลับของพี่น้อง Wachowskis ซึ่งผมก็ไม่ถึงขั้นเดนตายถวายหัว แต่ก็ชื่นชอบและเป็นแฟนหนัง ถึงขั้นตามล่าหาผลงานเก่าๆของเขามาให้ครบให้ได้ (ซึ่งยากพอสมควร)
หลังจากที่ Larry ได้ติสท์แตก Transgender ตัวเองให้ไปเป็นผู้หญิง (ไม่รู้ว่าเต็มตัวหรือเปล่านะ) ซึ่งสร้างความตะลึงให้แฟนหนังพอสมควร
แต่สองพี่น้อง ก็จัดเรื่อง Cloud Atlas ออกมา โดยได้ผู้กำกับมือเทพอย่าง Tom Tykwer ที่ตัว Tom นอกจากจะกำกับแล้ว ยังทำเพลงประกอบควบคู่ด้วยอีก
ผลตอบรับ ก็มาในแง่ดีพอสมควร แต่ไม่ถึงกับร้องว้าว! จนแล้วจนเล่า ผ่านไปปีกว่า Jupier Ascending ก็คลอดกำหนดออกมา เป็นสิงหาคมปี 2014
และคงเป็นเหตุผลด้านธุรกิจ ทำให้ต้องเลื่อนมาเป็นกุมภาพันธ์ 2015 และสมใจอยากคนรอคอย ผมก็จัดตั๋ว 3D ไปดูทันทีโดยไม่รีรอ และแน่นอนว่า คำวิจารณ์และเสียงในแง่ลบ ไม่สามารถห้ามผมไม่ให้ดูเรื่องนี้ได้
Jupiter Ascending เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของ Jupiter ซึ่งเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เกิดมาท่ามกลางครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ ครอบครัวรัสเซีย แต่พ่อตาย แม่อพยพ เกิดมาก็เหมือนไม่สัญชาติ โตมาก็เป็นแม่บ้านทำความสะอาด (โอย รันทดพอกับนางเอกละครไทยเลย!)
จนกระทั่งชะตาพลิกผัน เชื้อสายตัวเอง กลายเป็นผู้สืบทอดปกครองโลก เพียงแค่เพราะ "ความเชื่อว่า แม่ผู้สร้างโลก กลับชาติมาเกิด โดยตรวจจากยีนส์พันธุกรรม"
เอาล่ะสิ! พี่น้อง Wachowskis คิดอะไรแปลกๆมาได้ตลอด
บทมันดูน่าสนใจ บวกกับ Trailer ที่ดูอลังค์ แต่ด้วยความที่อายุเยอะขึ้น หรือเข้าใจผู้กำกับยาก ทำให้ตัวบทดูง่าย และเดาง่าย ทำให้ไม่มีอารมณ์ลุ้นตัวโก่ง หรือทึ่งไปกับฉากต่อสู้เหมือนอย่างใน The Matrix เลย
ตอนนี้ก็ยังค้างคาอยู่เลยว่า ทำไม Jupiter ถึงถูกตามฆ่า แต่ถึงเวลาจริง กลับไม่ฆ่า รวมถึงดาวอื่นๆ ก็ไม่ได้อธิบายให้เคลียร์ อธิบายแค่ว่า ต้องเก็บเกี่ยวโลก เพื่อเพิ่มเวลาให้ตัวเอง และอื่นๆที่สัมผัสได้ในเรื่องของบทภาพยนตร์
ซึ่งตรงนี้ถ้าผมพูดกับเขาได้ ผมอาจจะบอกว่า "หาคนเขียนเก่งๆมาช่วยบ้างก็ดีนะ"
แต่ความรู้สึกที่สัมผัสได้อีกอย่าง และรู้สึกคุ้มค่าไปกับเรื่องนี้คือ เทคนิคการกำกับ ลำดับภาพ CG และอื่นๆ กลับทำให้เหมือนไปอยู่ในโลกจินตนาการของ Andy และ Lana ไปได้เฉย
ความรู้สึกราวกับอ่านการ์ตูน Sci-Fi ของญี่ปุ่น แต่ได้ดูในเวอร์ชั่นภาพเคลื่อนไหว หรืออาจจะเป็นเพราะทั้ง Andy และ Lana ชอบ Akira Kurosawa เป็นพิเศษก็เป็นได้
และฉากยิง ฉากต่อสู้แบบประชิด ครั้งนี้ทำได้ดูเป็น Sci-Fi มาก ดูแล้ว เนื้อเรื่องมันอาจจะไม่สนุก แต่มันเท่ว่ะครับ! แล้วยิ่งได้ Channing Tatum พระเอกลุคเท่ มาประกบกับ Mila Kunis ไปอีก ยิ่งทำให้เป็นองค์ประกอบที่เท่ไปใหญ่
คือดูแล้ว ก็ชี้ได้เลยว่า "นี่มัน Wachowskis Style ชัดๆ!"
ยิ่งรองเท้าบูทบินได้ โคตะระชอบ!
และได้ Michael Giacchino มาทำดนตรีประกอบแล้ว มันรู้สึกอลังค์ไปกับภาพที่สวยงามและดูโอ่อ่ามาก!
สุดท้ายแล้ว ก็มีหลายคนที่บ่นออกมาเยอะว่า Andy กับ Lana มือตก แต่สำหรับผม ก็ขอเป็นกลางละกัน ก็ยอมรับว่าเขาทั้งคู่มือตกไประดับหนึ่ง
แต่เทคนิคการกำกับและสร้างภาพ เขาพัฒนาขึ้นหลายเท่า ติ่งอย่างผมก็ประทับใจและแฮปปี้ที่ได้ดูผลงานของเขา หลังจากรอมานาน
ถือว่าคุ้มค่ากับการรอคอย สำหรับภาพยนตร์เท่ๆแบบนี้ครับ