[CR] Once upon a time กาลครั้งหนึ่ง ณ เมืองน่าน ความทรงจำที่มิอาจลบเลือน

ปล.ภาพที่พวกเราเก็บมาได้นั้นอาจไม่งดงามเท่ากับภาพจากกล้องมืออาชีพของใครหลายๆคน  เพราะเป็นภาพที่ถ่ายจาก iphone เท่านั้น  แต่พวกเรามั่นใจ ว่าภาพที่สวยที่สุดคือภาพที่พวกคุณได้มองผ่านสิ่งๆนั้นดวงตาของคุณเองเท่านั้น

การพบเจอกับรูมเมทสมัยมหาลัยที่ชอบสรรหาทริปเดินทาง  บวกกับความต้องการที่จะได้นอนดูดาวเป็นล้านๆดวงภายใต้ท้องฟ้าที่มืดสนิทของตัวเอง  การเดินทางในครั้งนี้จึงได้เริ่มต้นขึ้น......

การนั่งรถทัวร์ครั้งแรกก็ไม่นานเท่าไหร่ก็แค่ 9 ชม.(555+ใครว่าไม่นาน บิดตัวแล้วบิดตัวอีก) กว่าจะถึงขนส่งน่าน  5.45 น. อากาศ ณ ตอนนั้นกำลังสบายค่ะ 18 องศา ขนาดว่าปลายเดือนมกราคมแล้ว ที่แรกที่เราไปคือ  “ วัดพระธาตุเขาน้อย ”  เป็นวัดที่อยู่ด้านตะวันตกของตัวเมืองน่าน มีองค์พระธาตุตั้งอยู่บนยอดดอยเขาน้อย บริเวณลานชมทิวทัศน์ ประดิษฐานพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร จากจุดนี้เราสามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของตัวเมืองน่าน ได้อย่างชัดเจน  และในวันที่พวกเราไปในตอนเช้ายังคงมีหมอกจางๆปกคลุมเมืองด้านล่าง  ถือเป็นภาพแรกของเมืองน่านที่ทำให้พวกเราประทับใจ  
                                    

หลังจากใช้เวลาเก็บภาพประทับใจที่วัดเขาน้อยเสร็จเราก็เดินทางต่อที่ๆสองที่เราได้ไปคือ “ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ”
Signature ที่สำคัญคือ ซุ้มต้นลีลาวดีบริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์ ที่ขึ้นเป็นแถวเรียงรายแผ่ขยายกิ่งก้านโค้งเข้าหากัน ราวกับอุโมงค์ ภายในพิพิธภัณฑ์เองมีทั้งพระพุทธรูปที่เป็นของล้านนาแต่โบราณ แบบจำลองวิถีชีวิตของคนพื้นเมือง และประวัติศาสตร์ให้เราได้เรียนรู้มากมาย  เมื่อเทียบกับ 20 บาทสำหรับค่าเข้าชมถือว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
                       

แห่งที่สามคือ วัดพระธาตุช้างค้ำ  เดิมชื่อวัดกลางเวียง ภายในมีวิหารขนาดใหญ่สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมของล้านนา เสาภายในพระวิหารนั้นมีขนาดใหญ่ขนาด 2 คนโอบ สำหรับพระประธานภายในนั้นเป็นพระพุทธรูปทองคำปางลีลา ศิลปะสุโขทัย  วันที่พวกเราไปมีการจัดนิทรรศการภาพถ่ายบริเวณหน้าวัดด้วยถือว่าโชคดีจริงๆ

        

แห่งที่สี่ วัดภูมินทร์ เป็นวัดหลวง ตั้งอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านเป็นวัดที่สร้างทรงจตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทยไฮไลท์ของวัดนี้ก็คือภาพจิตกรรมฝาผนังภายในวัด ภาพปู่ม่านย่าม่าน หรือ กระซิบรัก บันลือโลก ที่เลื่องชื่อ ใครที่เสพศิลปะวัดนี้ไม่ควรพลาดเลยค่ะ  และถือเป็นความโชคดีอีกแล้วเพราะวันนั้นบริเวณหน้าวัดมีการจัดงานผ้าทอและเครื่องเงินเรียกว่าเดินเพลินกันทั้งก๊วน

      

หลังจากเที่ยวกันเพลินท้องก็เริ่มส่งเสียงค่ะ ก่อนมาเมืองน่านแอบหาข้อมูลร้านอาหารไว้ เห็นร้านข้าวซอยต้นน้ำมีชื่อพวกเราก็ไม่พลาดค่ะมาแล้วก็ต้องลองว่าอร่อยจริงรึเปล่า  ร้านขายทั้งข้าวซอยไก่ ข้าวซอยเนื้อ และก็ขนมจีนน้ำเงี้ยว เป็นร้านเล็กๆริมถนน นั่งสบายๆค่ะรสชาติดี แถมราคาไม่แพงด้วยข้าวซอยไก่ตามในภาพ 30 บาทค่ะถูกและดีหาได้ที่น่านจริงๆ

    

พอท้องอิ่มก็ลุยต่อค่ะสถานที่ต่อไปก็ยังคงเป็นวัด  จะบอกว่าพวกเราไม่เบื่อเลยเพราะแต่ละวัดมีความงดงามแตกต่างกัน พวกเราตื่นตาตื่นใจกับทุกๆวัด และแต่ละที่ก็สามารถเดินไปได้เพราะอยู่ละแวกเดียวกัน
วัดมิ่งเมือง คล้ายกับวัดร่องขุ่น จ. เชียงราย และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือเป็นที่ประดิษฐานของเสาหลักเมือง ซึ่งตั้งอยู่ในศาลาด้านหน้า ซึ่งถ้าใครมาเมืองน่านก็ไม่ควรลืมที่จะมาสักการะเสาหลักเมืองที่วัดแห่งนี้

  


วัดศรีพันต้น เป็นวัดสีทองอร่าม เหมือนวิหารบนสรวงสวรรค์ มีปูนปั้นรูปพญานาคหลายเศียรซ้อนสลับกันไปมาตรงส่วนหน้าประตูวิหาร
  

ตรงข้ามวัดมีร้านขนมหวานชื่อดังของจังหวัดน่าน ชื่อร้านขนมหวานป้านิ่ม เป็นเรือนทรงไทยมีทั้งขนมหวานหลากหลายและไอศกรีมหลากรส   แต่พวกเราไปเร็วเกินไปขนมหวานยังไม่พร้อมเลยอดลองขนมหวานค่ะ ได้แต่กินไอศกรีมแก้ขัดไปก่อน จากภาพไอศกรีมสองลูกพร้อมเครื่องเคียง ราคา 70 บาทค่ะ
  

ที่สุดท้ายเรียกได้ว่า  ใครมาเยือนแล้วไม่ได้มานมัสการพระธาตุแช่แห้ง ก็เหมือนไม่ได้มาเมืองน่าน เพราะว่า พระธาตุแช่แห้ง เป็นปูชนียสถานสำคัญ ศักดิ์สิทธิคู่บ้านคู่เมืองน่าน มานานกว่า 600 ปี องค์พระธาตุแช่แห้งมีสีเหลืองทองงามอร่ามโดดเด่นเห็นแต่ไกล



หลังจากตะลอนทัวร์ทำบุญไหว้พระ เสพศิลปะอันวิจิตรงดงามในตัวเมืองน่านจนจุใจแล้ว พวกเราก็เริ่มออกเดินทางไปตามเส้นทางธรรมชาติ สถานที่แรกที่เราไปคือ  “ เสาดินนาน้อย หรือ ฮ่อมจ๊อม ” ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติศรีน่าน เป็นผืนดินขนาดใหญ่กว่า 50 ไร่ มีลักษณะเป็นเสาดินขนาดใหญ่คล้าย “แพะเมืองผี” ที่จังหวัดแพร่ เป็นความงดงามที่เกิดจากธรรมชาติอย่างแท้จริง




ก้มมองนาฬิกาอีกทีก็เป็นเวลาเกือบหาโมงเย็นแล้ว ได้เวลาเดินทางไปที่พักแล้ว   แอบตื่นเต้นเงียบๆคนเดียว เพราะเป็นการนอนกางเต็นท์ครั้งแรกในชีวิต ภายใต้ผืนฟ้าที่ประดับประดาไปด้วยดวงดาวเป็นล้านดวง  “  ดอยเสมอดาว  ”  ในที่สุดก็มาถึง เนินเขาที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้  เต็นท์ลายทหารที่ถูกจัดเตรียมโดยเจ้าหน้าที่อช. บรรยากาศมันช่างกลมกลืนกันจริงๆ  อากาศกำลังดีประมาณ 18 องศา แต่ยิ่งมืดก็ยิ่งหนาวขึ้น  พวกเราจุดเตา ปิ้งเห็ด ปิ้งปลาหมึกกินกันก่อนนอนพร้อมๆกับการแหงนมองดวงดาวและดื่มด่ำบรรยากาศรอบๆ   พอตอนเช้าพวกเราก็ไม่พลาดที่จะตื่นมารับลมหนาว  ชมทะเลหมอก  และรอดูพระอาทิตย์ขึ้น นี่แหละความสุขที่แท้จริง





หลังจากตะวันเริ่มขึ้นเต็มที่พวกเราก็ออกเดินทางกันต่อค่ะเพราะแดดเริ่มแรงขึ้น สถานที่ต่อไปยังคงเป็นเส้นทางธรรมชาติเหมือนเดิมค่ะ พวกเราแอบหวังว่าจะยังทันได้ชมดอกพญาเสือโคร่ง เนื่องจากเป็นช่วงปลายเดือนมกราคมแล้ว  “ สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน  ” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติขุนสถาน  แต่เมื่อไปถึงเราก็ต้องผิดหวังนิดหน่อยเพราะดอกได้ร่วงโรยไปหมดแล้ว  แต่อย่างน้อยเราก็ยังได้ชมพรรณไม้ต่างๆมากมายค่ะรวมถึงความเขียวชอุ่มของพื้นที่สถานีวิจัยที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่า….เรากำลังได้รับการโอบอุ้มโดยธรรมชาติ






ที่สุดท้าย….กับความทรงจำที่มิอาจลบเลือน  “ ปลายมาง ทางรัก รีโซเทล ”รีสอร์ทอันแสนโรแมนติก ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลบ่อเกลือ รีสอร์ทเล็กๆที่มีขุนเขาโอบล้อมโดยรอบ มีแม่น้ำสายเล็กๆที่ชื่อว่าแม่น้ำมางไหลผ่าน  มีสายหมอกจางๆเปรียบเสมือนม่านสีขาวบางๆอยู่ตามทิวเขา  และที่ขาดไม่ได้คือความอบอุ่นจากการต้อนรับของเจ้าของรีสอร์ทที่เป็นกันเองเหมือนกันคนในครอบครัว  


ภายในรีสอร์ทมีบ้านพักลากหลายรูปแบบที่ตกแต่งไว้ให้เหมาะกับ lifestyle  ของแต่ละคน มีทั้งแบบหวานโรแมนติก แบบadventute ที่ต้องปีนขึ้นปีนลง และแบบเปิดระเบียงนอนดูดาว  




ซึ่งบ้านที่พวกเราเลือกพักเป็นแบบ adventure มีห้องน้ำในตัวแต่จะต้องปีนลงด้านล่าง ขอเตือนก่อนว่าไม่เหมาะกับผู้สูงวัยนะคะ บ้านพักอยู่ริมแม่น้ำมาง  เวลานอนจะได้ยินเสียงน้ำไหลรินตลอดเวลา




บรรยากาศโดยรอบรีสอร์ทได้ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย สบายตา  และไม่บดบังทัศนียภาพของธรรมชาติ




อากาศในวันนั้นประมาณ 14 องศา  แต่พอตกค่ำเหมือนว่าอากาศจะเย็นลงไปอีก พวกเราไม่อยากจะหลับเลยค่ะ อยากจะใช้เวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบๆให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้  แต่ร่างกายก็เพลียกับการเดินทางมากเหลือเกิน
เมื่อตื่นเช้ามาพวกเราก็เหมือนได้หายใจเต็มปอดค่ะ  อากาศบริสุทธิ์ ขุนเขา  สายลม  เสียงน้ำรินไหล และหมอกจางๆตามทิวเขา  ไม่อยากจะละสายตาไปแม้แต่วินาทีเดียว





ประมาณ 7.30 น.ทางรีสอร์ทก็จะทยอยมาเสิร์ฟอาหารเช้าให้นั่งทานริมน้ำแม่น้ำมางเพื่อนั่งชมบรรยากาศไปพร้อมๆกัน เมนูอาหารเช้ามีทั้งไข่กระทะ  ขนมปังเนย สลัด  ฟักทองนึ่ง ส่วนชา กาแฟและโอวันติลทางรีสอร์ทก็จัดไว้เราได้ชงกันเองตรงส่วนกลาง  เรียกว่าอิ่มท้องอิ่มใจไปนานเลยค่ะ



อาจเป็นรีวิวที่ยาวไปหน่อย แต่ก็อยากให้ทุกคนที่รักความเรียบง่าย ความเป็นธรรมชาติได้มีความสุขไปพร้อมๆกับเรา  และใครที่กำลังมองหาสถานที่สำหรับเติมเต็มพลังชีวิตของตัวเอง พลังชีวิตที่มาจากธรรมชาติ ขุนเขา  ป่าไม้ สายลม และดวงดาว  "น่าน" เมืองที่จะทำให้คุณสัญญากับตัวเองว่า "ฉันจะต้องกลับมาเป็นครั้งที่สอง"

“ ผืนป่า…ขุนเขา…สายลม…ดวงดาว…และม่านหมอก  ความทรงจำที่มิอาจลบเลือน  ”  ณ เมืองน่าน
ชื่อสินค้า:   น่าน - ดอยเสมอดาว - ขุนสถาน - ปลายมางทางรัก
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่