ถ้าเป็นคุณจะทำอย่างไร อดทนต่อหรือพอแค่นี้...

สวัสดีค่ะ อยากจะขอคำปรึกษาจากทุกท่านที่เคยผ่านสถานการณ์แบบนี้ นี่เป็นกระทู้แรกในชีวิต ปกติอ่านอย่างเดียวไม่เคยแม้กระทั่งจะคอมเมนท์ แต่วันนี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ

เรื่องมีอยู่ว่า ดิฉันคบกับแฟนมาปีนี้เป็นปีที่ 9 แล้ว ที่บ้านดิฉันไม่มีใครรู้ว่าดิฉันมีแฟน ที่ทำงานรู้ว่ามีแฟน แต่ไม่เคยเห็นหน้า
แปลกใช่ไม๊คะ ที่เก็บไว้ได้นานขนาดนี้ เนื่องจากว่าเราไม่พร้อมจะเปิดเผยสถานะทั้งคู่ สภาพแวดล้อมของเราต่างกันมากๆ จนไม่น่าเชื่อว่าจะมาคบกันได้
บ้านดิฉันค่อนข้างมีฐานะ ดิฉันเรียนจบโทต่างประเทศ พูดได้สามภาษา ไปเที่ยวต่างประเทศกับที่บ้านทุกปี ตอนนี้ทำงานองค์กรใหญ่ มีตำแหน่งเป็น ผจก  แฟนดิฉันทำงานเป็นนักวิเคราะห์การเงินอยู่บริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง ยังเป็นระดับ supervisor กว่าเขาจะมาถึงตรงนี้ก็ฝ่าฟันอะไรมามาก เพราะที่บ้านไม่ได้ฐานะดี ต้องทำงานไปด้วยเรียนภาคค่ำไปด้วย ตั้งแต่ระดับ ปวช จนจบ ป.ตรี สังคมแวดล้อมที่เคยเจอมาก็แตกต่างจากดิฉันมาก เพื่อนๆดิฉันก็เป็นเด็กมัธยม เด็กมหา'ลัยธรรมดา แต่เพื่อนๆเขามีหลากหลายมาก ทั้งคนปกติ ทั้งพวกขายยา ชอบเที่ยวก็มี เพื่อนผู้หญิงที่มีเสี่ยเลี้ยงก็มี แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ดิฉันชื่นชมเขาตรงที่เค้าไม่ได้หลงไปกับพวกนั้นและสามารถพาตัวเองขึ้นมาจนถึงจุดนี้ได้

ดิฉันเจอเขาตอนกลับมาทำงานเมืองไทยใหม่ๆ เราทำงานที่เดียวกัน แต่ต้องแอบคบกันเพราะเขาเคยมีภรรยาและลูกมาก่อน แต่ตอนนี้แยกกันอยู่ (เขาไม่ได้จดทะเบียนกันตั้งแต่แรกค่ะ) ขอเล่าข้ามๆนะคะ ถ้าละเอียดจะเป็น club friday ไปซะก่อน ตอนนี้ทำงานกันคนละที่ค่ะ ที่ไม่บอกที่บ้านเพราะแบบนี้ คือถ้าที่บ้านรู้ก็คงไม่ชอบใจเท่าไหร่ และตัวแฟนเองก็อยากจะพิสูจน์ตัวเองให้ได้ก่อนว่าเลี้ยงดูเราได้ อยากจะให้มีตำแหน่งสูงกว่านี้ ทำงานมั่นคงกว่านี้และอยากจะพัฒนาเรื่องภาษาให้ได้ ค่อยไปเปิดตัว พ่อกับแม่จะได้ไม่กังวลว่าจะเลี้ยงลูกสาวเค้าได้หรือเปล่า

เราต่างกันมากจริงๆค่ะ ทั้งวิธีคิดและนิสัย แต่เขาก็พยายามปรับตัวหลายๆเรื่อง ดิฉันเป็นคนชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว มีสังคม มีเพื่อนเยอะแยะ แต่เขาไม่มีกลุ่มเพื่อนเที่ยวแบบดิฉัน เขาไม่เข้าใจว่าผู้หญิงจะไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนผู้ชายได้ยังไง กลัวใครๆจะมาวางยา กลัวคนอื่นจะคิดไม่ดี และขี้หึงมากๆ จนบางทีกระทบเรื่องงาน สุดท้ายหลังจากทะเลาะกันหลายรอบ เขาก็เข้าใจ ก็พยายามปรับตัวปรับความคิดจนปัญหาเรื่องนี้ดีขึ้น

แต่มีอีกปัญหาหนึ่งที่เป็นมานานแล้ว จนดิฉันจะไม่ไหวแล้ว นั่นคือเรื่องเงินค่ะ เรื่องอื่นๆยังพอทนได้ ตอนเราคบกันใหม่ๆ เขามีปัญหาเครียดหนักเกี่ยวกับทางบ้าน ดิฉันจึงให้เขายืมเงินสดหนึ่งแสนบาท และขอสินเชื่อให้เขาอีกหนึ่งแสนบาท (เขาไม่ขอสินเชื่อเอง เนื่องจากเขาเคยติดแบล๊คลิสต์ บัตรเครดิตค่ะ) โดยที่เขายืนยันว่าเขาจะผ่อนชำระเอง แต่ไปๆมาๆ ด้วยภาระที่เขามี ทั้งค่ารถค่าบ้าน เขาก็ไม่สามารถจ่ายหนี้ของดิฉันได้ ดิฉันจึงจ่ายแทนให้ หลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็มีเรื่องบังเอิญให้เสียเงินเข้ามาเรื่อยๆ ดิฉันก็เห็นว่าเขาไม่ใช่คนเล่นการพนัน ไม่ได้ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย แต่จู่ๆเมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น เช่น ผ่อนบัตร ผ่อนเงินกู้ ใกล้หมด หรือมีโบนัสมา จะต้องมีเรื่องใช้เงินก้อนทุกครั้งเช่น ตัวเองป่วยต้องเข้า รพ กระทันหันไม่ได้ใช้ประกันสังคม รถโดนยึด ต้องหาเงินก้อนมาจ่ายเจ็ดหมื่น โดนศาลฟ้องเรื่องบัตรที่ค้างอยู่ต้องจ่ายเงินปิดคดีห้าหมื่น ค้ำประกันให้ลูกน้องแล้วลูกน้องหนีหนี้ ก็ต้องจ่ายให้ ค่าเทอมกับค่าสมัครเรียนลูกเงินไม่พอ น้ำท่วมเข้ารถ ต้องเสียค่าซ่อม ซึ่งทั้งหมดนี้ ดิฉันจ่ายให้ ไม่ว่าจะเงินสดเงินกู้ เขาไม่ได้ขอให้ดิฉันช่วยนะคะ แต่ดิฉันสงสารเขา เพราะตอนเกิดเรื่องแต่ละทีหาทางออกไม่ได้จริงๆ

เคยมีช่วงทนไม่ไหวขอเลิก (จริงๆก็เลิกเพราะหลายสาเหตุ) เขาก็อ้อนวอนขอร้อง ร้องไห้ว่าขาดดิฉันไม่ได้ จะปรับปรุงตัวทุกอย่าง เรื่องเงินจะไม่ให้เดือดร้อนอีก ดิฉันก็ให้โอกาสเขา เพราะเราเคยสัญญาว่าจะดูแลกันจนแก่เฒ่า จะช่วยกันสร้างเนื้อตัว สร้างฐานะ เขาก็ดีขึ้นนะคะ ทำงานเสริมทุกอย่าง พยายามทำภาระให้น้อยลง แต่รายเดือนเงินกู้ต่างๆบัตรต่างๆ ที่เขาใช้ ดิฉันก็ยังจ่ายอยู่ แต่แล้วพออะไรๆจะดีขึ้น มันก็กลับมาอีก ความโชคร้ายของเขา รถเสียหนักต้องจ่ายค่าซ่อม พ่อเข้าโรงพยาบาลและสุดท้ายก็ต้องจัดงานศพ คือ บ้านนี้ไม่มีเงินสำรองเลยค่ะ พอเขาต้องจ่ายเงินตรงนี้ หนี้อื่นๆเขาก็เงินไม่พอจ่าย ต้องขอยืมดิฉันไปหมุน ที่หนักสุดคือ ภรรยาเก่าไปสร้างหนี้ไว้ก้อนโตหลายแสน เจ้าหนี้ตามมาทวง มาขู่ จนลูกสาวกลัว จนแฟนดิฉันทำงานไม่ได้
ดิฉันก็จ่ายไปส่วนหนึ่งให้ ที่เหลือให้ภรรยาไปผ่อนจ่ายเอง

ช่วงแรกๆดิฉันคิดว่าตัวเองโดนหลอกหรือเปล่า เพราะใครมันจะซวยซ้ำซวยซ้อนได้ขนาดนี้ แต่ดิฉันก็พบว่ามีคนแบบนั้นจริงๆ คือแฟนดิฉันนี่แหละ และภรรยาเก่าของเขาก็ขยันสร้างปัญหาให้ตลอด ต้องคอยตามแก้กันอยู่เรื่อย แฟนจะไม่สนใจก็ไม่ได้เพราะก็เป็นหน้าที่สามีที่ต้องดูแล

ตอนนี้ดิฉันก็เริ่มไม่ไหวแล้ว บัตรทุกอย่างที่เขาใช้เป็นชื่อดิฉัน หนี้เยอะมากจนเงินเดือนจะไม่พอจ่าย ทั้งๆที่เงินเดือนเรียกว่าสูงทีเดียว ดิฉันไม่เคยบอกที่บ้านว่ามีปัญหาเรื่องเงิน ไม่กล้าบอกใครว่ามีแฟนเป็นแบบนี้ ที่ดิฉันให้เขายืม และช่วยเขามาตลอดเพราะเห็นว่าเขาก็ไม่ได้งอมืองอเท้ารอเงินจากดิฉัน เขาก็ทำงานหารายได้ ไม่ได้เอาไปเที่ยวเละเทะที่ไหน ก็เห็นพฤติกรรมกันตลอด และดิฉันคิดว่าคนเราถ้าไม่ท้อ ถ้าอดทน สักวันมันต้องเป็นวันของเรา อะไรๆมันต้องดีขึ้น

ดิฉันเหนื่อยกับความสัมพันธ์แบบนี้มาก คบคนเดียวแต่ต้องมารับภาระของทั้งครอบครัว
วันนี้เขาก็มีเรื่องเดือดร้อนอีก แต่ดิฉันไม่มีเงินให้เขายืมอีกแล้ว

อยากถามทุกท่านที่เสียสละเวลาอ่านกระทู้ยาวๆแบบนี้ ดิฉันควรทำอย่างไรดีคะ ควรจะเชื่อในตัวเขาต่อไปหรือตัดใจเลิก (จะดูเห็นแก่ตัวไปหรือเปล่า ทั้งๆที่สัญญากันไว้แล้ว)
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
จะเลิกกันหรือไม่ ยังไม่ต้องคิดมาก

แต่เลิกจ่ายเงินให้เขาเด็ดขาด
และวางแผนผ่อนชำระ เงินที่คุณจ่ายไปให้เขา จนหนี้ท่วมห้ว นี้ก่อน

พ่อเสียชีวิตไปแล้ว ยังมีหนี้ที่จะเกิดจากค่าเล่าเรียนลูก และเมียเก่าจอมล้างผลาญ

เราไม่เห็นความดีของผู้ชาย ที่สร้างภาระซ้ำซ้อนให้ผู้หญิงที่รักเขา(มากเกินไป) ขนาดนี้

ขออภัย ที่เราเห็นแต่คนหน้าเนื้อใจเสือ ไร้ความละอาย หลอกกินเปล่ามาเกือบสืบปี และคงจะหลอกต่อไปอีกนาน

ปล เรากลับมาต่อหน่อย เพราะเราไม่เชื่อว่าเป็น เมียเก่า
ผู้หญิงอาจยอมเล่นบท เมียเก่า เพราะผลประโยชน์ที่ได้จากคุณ มากเหลือเกิน
ค่าเลี้ยงดูลูกก็ไม่ต้องกังวล มีผู้ใจบุญอุปถัมภ์ค้ำจุนตลอด

น่าจะถึงเวลาที่คุณต้องปรึกษาทางบ้านคุณบ้างแล้ว อย่าอายเลย กลัวพ่อแม่เสียใจดีกว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่