เริ่มเรื่องก่อนเลยว่าเรากับแฟนเราอยูกันมา 10 ปีแล้ว
แฟนเรากับเราอยู่กันเหมือนเพื่อนกัน คือไม่หวือหวาอะไรมาก แต่ดูแลเทคแคร์เอาใจใส่กันตลอดเวลา เราไม่เคยบกพร่องเรื่องงานบ้านงานเรือน ดูแลเค้าตลอดเสื้อผ้าทุกอย่างอาหารการกินไม่เคยขาด ส่วนเค้าก็ไม่เคยบกพร่องในเรื่องที่ผ.ชคนหนึ่งจะทำได้ ดูแลถามไถ่ เงินไห้เราไม่เคยขาด แต่
เรื่องมันมีอยู่ว่า เค้าชอบแอบไปใช้ยาเสพติด เราข้อร้องอ้อนวอนยังไงเค้าก็ไม่ยอมเลิก ยิ่งช่วง 2ปีหลัง เค้าใช้มันหนักขึ้นเพราะเค้ามีตำแหน่งที่ไหญ่ขึ้นเงินเดือนมากขึ้น เวลาว่างเยอะขึ้นด้วย ทุกครั้งที่เราจับได้เค้าก็จะมากอดมาอ้อนมาขอโทษ แล้วก็บอกว่าจะไม่ทำอีกแล้ว พูดเป็น100 ครั้งได้ พอไม่ถึงอาทิตย์ทำอีกแระ ความรู้สึกเราเหมือนเค้าย้ำยีความรู้สึกเราคือรับปากส่งเดชไห้เราหายโกรธไป เพราะเราดูสำหรับเค้าคือมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ มันดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา และเวลาใช้ก็ไม่ได้ทำความเดือนร้อนอะไรไห้ใคร คือจะอยู่ห้อง รื้อวิทยุเก่ามาซ่อม คอมพิวเตอร์มาแกะมาซ่อมทั้งคืน หรือไม่ก็เล่นเกมจนเช้าไม่ยอมนอน จริงอยู่มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรแต่เรามองว่า เราเริ่มหมดความศรัทธาในตัวเค้าไปเรื่อยๆ จากเป็นผ.ชที่ เป็นผู้นำดีทุกอย่างแต่ทำไมมองเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาคือไม่มีด้านไหนดีเลย ทั้งร่างกายสุขภาพ สังคม กฏหมาย บางครั้งเราขยะแขยง แล้วตอนนี้เรากับเค้ากำลังจะแต่งงานกัน เรายิ่งคิดมากว่าเราควรจะหยุดหรือไปต่อดี เพราะเรายังไม่มีพันธะอะไรผูกผันกับเค้า แต่ถ้าแต่งงานไปเราต้องยอมรับเรื่องนี้ใช่ไหมแล้วต้องมองเป็นเรื่องธรรมดาด้วยไช่ไหม คือพูดง่ายๆว่าชินหรอ
หยุดหรือไปต่อ 10 ปี ระยะเวลาไม่ช่วยอะไร
แฟนเรากับเราอยู่กันเหมือนเพื่อนกัน คือไม่หวือหวาอะไรมาก แต่ดูแลเทคแคร์เอาใจใส่กันตลอดเวลา เราไม่เคยบกพร่องเรื่องงานบ้านงานเรือน ดูแลเค้าตลอดเสื้อผ้าทุกอย่างอาหารการกินไม่เคยขาด ส่วนเค้าก็ไม่เคยบกพร่องในเรื่องที่ผ.ชคนหนึ่งจะทำได้ ดูแลถามไถ่ เงินไห้เราไม่เคยขาด แต่
เรื่องมันมีอยู่ว่า เค้าชอบแอบไปใช้ยาเสพติด เราข้อร้องอ้อนวอนยังไงเค้าก็ไม่ยอมเลิก ยิ่งช่วง 2ปีหลัง เค้าใช้มันหนักขึ้นเพราะเค้ามีตำแหน่งที่ไหญ่ขึ้นเงินเดือนมากขึ้น เวลาว่างเยอะขึ้นด้วย ทุกครั้งที่เราจับได้เค้าก็จะมากอดมาอ้อนมาขอโทษ แล้วก็บอกว่าจะไม่ทำอีกแล้ว พูดเป็น100 ครั้งได้ พอไม่ถึงอาทิตย์ทำอีกแระ ความรู้สึกเราเหมือนเค้าย้ำยีความรู้สึกเราคือรับปากส่งเดชไห้เราหายโกรธไป เพราะเราดูสำหรับเค้าคือมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ มันดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา และเวลาใช้ก็ไม่ได้ทำความเดือนร้อนอะไรไห้ใคร คือจะอยู่ห้อง รื้อวิทยุเก่ามาซ่อม คอมพิวเตอร์มาแกะมาซ่อมทั้งคืน หรือไม่ก็เล่นเกมจนเช้าไม่ยอมนอน จริงอยู่มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรแต่เรามองว่า เราเริ่มหมดความศรัทธาในตัวเค้าไปเรื่อยๆ จากเป็นผ.ชที่ เป็นผู้นำดีทุกอย่างแต่ทำไมมองเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาคือไม่มีด้านไหนดีเลย ทั้งร่างกายสุขภาพ สังคม กฏหมาย บางครั้งเราขยะแขยง แล้วตอนนี้เรากับเค้ากำลังจะแต่งงานกัน เรายิ่งคิดมากว่าเราควรจะหยุดหรือไปต่อดี เพราะเรายังไม่มีพันธะอะไรผูกผันกับเค้า แต่ถ้าแต่งงานไปเราต้องยอมรับเรื่องนี้ใช่ไหมแล้วต้องมองเป็นเรื่องธรรมดาด้วยไช่ไหม คือพูดง่ายๆว่าชินหรอ