6 กุมภาพันธ์สำหรับใครหลายๆคนก็เป็นแค่ 1 ใน 365 วันอันสุดแสนจะธรรมดาของปี
แต่สำหรับบ่ายวันพฤหัสที่ 6 กุมภาพันธ์ 1958 วันที่แสนจะธรรมดากลับทำให้ผู้คนในอีก 57 ปีให้หลังที่แมนเชสเตอร์และทั่วโลกที่เฝ้าติดตามพวกเขาไม่เคยลืมเลือน
มันเหมือนเกิดขึ้นเมื่อนานแสนนานมาแล้ว แต่สำหรับ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน และ แฮร์รี่ เกร็ก มันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
นาฬิกาเก่าๆเรือนหนึ่งทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของโอลด์ แทรฟฟอร์ด บอกเวลาไว้ที่ 15.03 และเหมือนกับว่ามันไม่เคยเดินอีกเลยนับจากนั้น
คนรุ่นใหม่เฝ้ามองมันอย่างสงสัยว่านาฬิกาเก่าๆเรือนนี้มันมีไว้ทำอะไร
แต่มันก็เหมือนทั้ง 23 ชีวิตที่มิวนิค ที่ลมหายใจของพวกเขาจบสิ้นลงเหมือนดั่งเข็มนาฬิกาที่หยุดนิ่ง
เมื่อคุณอ่านตรงนี้จบลงจนถึงบรรทัดสุดท้ายคุณก็จะพบคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไม
ทำไมนาฬิกาเรือนนี้จึงรู้สึกเหมือนกับไม่เคยเดินไปข้างหน้า?
ทำไม 6 กุมภาพันธ์ 1958 จึงเป็นความทรงจำอันเจ็บปวดที่สุดของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด?
ในเรื่องราวของโศกนาฏกรรมแห่งมิวนิค 1958
วันที่ประวัติศาสตร์บอกเล่าถึงเรื่องราวอันน่าเศร้า

Munich Air Disaster 1958 : โศกนาฏกรรมแห่งมิวนิค ความสูญเสีย คราบน้ำตา นาฬิกาที่ไม่เคยเดินไปข้างหน้า
6 กุมภาพันธ์สำหรับใครหลายๆคนก็เป็นแค่ 1 ใน 365 วันอันสุดแสนจะธรรมดาของปี
แต่สำหรับบ่ายวันพฤหัสที่ 6 กุมภาพันธ์ 1958 วันที่แสนจะธรรมดากลับทำให้ผู้คนในอีก 57 ปีให้หลังที่แมนเชสเตอร์และทั่วโลกที่เฝ้าติดตามพวกเขาไม่เคยลืมเลือน
มันเหมือนเกิดขึ้นเมื่อนานแสนนานมาแล้ว แต่สำหรับ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน และ แฮร์รี่ เกร็ก มันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
นาฬิกาเก่าๆเรือนหนึ่งทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของโอลด์ แทรฟฟอร์ด บอกเวลาไว้ที่ 15.03 และเหมือนกับว่ามันไม่เคยเดินอีกเลยนับจากนั้น
คนรุ่นใหม่เฝ้ามองมันอย่างสงสัยว่านาฬิกาเก่าๆเรือนนี้มันมีไว้ทำอะไร
แต่มันก็เหมือนทั้ง 23 ชีวิตที่มิวนิค ที่ลมหายใจของพวกเขาจบสิ้นลงเหมือนดั่งเข็มนาฬิกาที่หยุดนิ่ง
เมื่อคุณอ่านตรงนี้จบลงจนถึงบรรทัดสุดท้ายคุณก็จะพบคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไม
ทำไมนาฬิกาเรือนนี้จึงรู้สึกเหมือนกับไม่เคยเดินไปข้างหน้า?
ทำไม 6 กุมภาพันธ์ 1958 จึงเป็นความทรงจำอันเจ็บปวดที่สุดของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด?
ในเรื่องราวของโศกนาฏกรรมแห่งมิวนิค 1958
วันที่ประวัติศาสตร์บอกเล่าถึงเรื่องราวอันน่าเศร้า