โดนข่มขืนจนตั้งครรภ์ ทำยังไงให้ครอบครัวรับได้ และวิธีวางตัวในสังคม ขอคำแนะนำด้วยค่ะ (เนื้อหายาวมาก)

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆพี่ๆที่น่ารักทุกคน  
จริงๆเราสิงสถิตอยู่ที่นี่นานหลายปีแล้วค่ะ แต่เรื่องที่กำลังจะเล่าต่อจากนี้ ไม่สามารถใช้ล็อกอินจริงมาโพสได้ เนื่องจากอันนั้นมันระบุตัวตนเราชัดเจนเกินไป ต้องกราบขอโทษด้วยนะคะ แหะๆ

เราชื่อ มxx  อายุ 2x เรียนอยู่ปี x เอ้ย ปีสี่ มทร.ล้านนา เป็นคนลำพูนโดยกำเนิดค่ะ  เราอยู่กับแม่ และยาย กับน้องชายอีกคนตั้งแต่จำความได้ เราไม่มีแฟน เป็นเสารองของครอบครัว (ยายเป็นเสาหลัก)  ทำงานตั้งแต่อายุ 16 และส่งเสียตัวเองมาโดยตลอด โดยสามารถซัพพอร์ตแม่ได้ในบางส่วนด้วย  แต่ยายเป็นคนมีเงินอยู่แล้ว เลยไม่มีปัญหาค่ะ  

ยายเป็นนักสู้ เป็นอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ต้อง Early retired (ควรเติม d หรือเปล่าไม่แน่ใจ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ) เนื่องจากปัญหาการเมืองภายใน และมาอุทิศตัวรับใช้หมู่บ้าน เป็นผู้ก่อตั้งชมรมผู้สูงอายุ มีส่วนในงานหลวงงานราษฎร์ของชุมชนเสมอมา เป็นผู้ใหญ่ที่ชาวบ้านนับถืออย่างมาก และเป็นที่รู้จักแพร่หลายไปหลายตำบล ขณะนี้ก็อายุ 7x แล้วค่ะ  และที่เกริ่นมา คือปัญหาใหญ่ที่สุดของเราในขณะนี้ ซึ่งต้องการความคิดเห็นและคำชี้แนะเป็นอย่างมากค่ะ

ย้อนกลับไปเมื่อวาน วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ ประมาณเก้าโมงเช้า  ก่อนที่เราถูกแม่(กับแฟนแม่) หิ้วปีกออกมาจากคลินิกทำแท้งชื่อดังแห่งหนึ่งกลางเวียงเชียงใหม่นั้น  เราได้พากันเดินทางจากบ้าน ตรงมาที่นี่เพื่อทำตามความประสงค์ของแม่ คือ “เอาเด็กออก” เด็กที่ไม่ได้เกิดจากความรัก  แต่เกิดจากความโหดร้ายของคน (บวกความโง่ของเราด้วยนิดๆ)

เราทำงานพิเศษที่ร้านกาแฟน่ารักๆ แห่งหนึ่งในเชียงใหม่ค่ะ  มีพนักงานทั้งชายและหญิง ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาจากมหาลัยต่างๆมาทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน  โดยน้องผู้ชายคนนี้เป็นเด็กปีหนึ่ง มหาลัยแถวๆช้างเผือก ดูท่าทางเป็นเด็กดี เงียบๆไม่ค่อยพูด  เราไม่ค่อยได้คุยกันค่ะ อยู่กับเพื่อนคนละกลุ่ม แต่พี่ที่เขานับถือ เป็นเพื่อนสนิทเรา  ซึ่งในคืนเกิดเหตุ คือคืนวันที่ 31 จนถึงเช้าวันที่ 1 เป็นคืนฉลองปีใหม่ของทางร้าน  เราดื่มหนักมาก(อันนี้ผิดเต็มๆ)และร้องไห้หนักมาก ขอตัดผ่านเลยแล้วกันนะคะ คือสุดท้ายเพื่อนหิ้วเราไปห้องน้องคนนี้เพราะมันอยากดื่มต่อ น้องคนนี้เอายาอะไรสักอย่างให้เรากินแล้วเราก็หลับไป แล้วเพื่อนเราก็ทิ้งเราไว้ที่นั่นเพราะเราหลับเอาไปไม่ได้ (ตรงนี้เราไม่ติดใจอะไร เราเข้าใจเพื่อนว่าทำดีที่สุดแล้ว ดีกว่าเอาไปทิ้งไว้ข้างถนนก็แล้วกัน และเพราะมันเชื่อใจน้องมันมาก มันบอกคิดไม่ถึงจริงๆ)


และเมื่อตื่นเช้ามา เมื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เราไม่ได้โวยวายอะไรเลย อาจเพราะยังมึนๆฤทธิ์ยา  น้องเขาก็ขอโทษแล้วขอโทษอีก แต่เราไม่โทษใคร เพราะเราเอาตัวเองมาอยู่ที่นั่นเอง ไม่ได้มีใครบังคับลากคอเรามา  หลังจากนั้นน้องก็ยังโทรมาขอโทษอย่างต่อเนื่อง เราคุยกับเขาดีมาก เราให้กำลังใจน้องที่ดูท่าทางเสียใจจริงและเครียดกว่าเรามาก แต่เราก็ยอมรับว่ารู้สึกรังเกียจในใจลึกๆ และไม่คุยไม่มองหน้ากันที่ทำงานอีกเลย เราฝืนทำไม่ได้จริงๆ

เราทานยาคุมฉุกเฉินทันทีที่รู้สึกตัว (ไม่เกิน 5-6 ชั่วโมงหลังจากเกิดเหตุแน่นอน) และอีก 12 ชั่วโมงทานอีกเม็ดต่อแบบตรงเวลาเป๊ะๆๆๆๆ


แต่แล้วประจำเดือนก็ไม่มา ผ่านไป 20 วัน วันที่ 20มกรา เราซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ ปรากฏขึ้นสองขีด เรายอมรับว่าช็อคที่สุด เหมือนเท้ายืนไม่ติดพื้น เหมือนโลกทั้งใบพังทลาย  เราต้องการความช่วยเหลือ เราต้องการหาทางออก  เรานั่งแช่อยู่ในห้องน้ำอย่างนั้นหลายชั่วโมง จนในที่สุดก็ตัดสินใจโทรหาน้องผู้ชายคนนี้  และเสียงที่ตอบรับกลับมาคือ น้ำเสียงเหยียดหยาม ด่าทอ ผลักไส และโวยวายๆๆๆเหมือนว่าเราทำทุกอย่างในชีวิตเขาพัง เราหยุดติดต่อเขาทันที เราลาเรียนวันนั้นโดยสัญญาว่าจะเล่าทุกอย่างให้อาจารย์ฟังทีหลังพร้อมหลักฐาน และเดินทางไปฝากครรภ์ด้วยตัวเองที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คุณหมอน่ารักมากๆๆๆทุกคนเลย เราไปฝั่งรัฐบาล ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาแพทย์ที่คอยดูแลเรา  

โดยเมื่อวันที่ 22 มกรานั้น เรามีอายุครรภ์นับจากประจำเดือนครั้งสุดท้ายคือกลางธันวาคม คือ 5weeks 2days เด็กมีขนาด 5.9mm ตรงนี้สงสารคุณหมอมาก เพราะเป็นน้องนักศึกษาแพทย์ผู้ชาย หัวเกรียนๆ ท่าทางเก้ๆกังๆ เป็นเจ้าของไข้เรา ตรวจภายในเจ็บมากกก และคอยหันหน้ามาถามอาจารย์หมอตลอด ...ต..ตรงนี้..ใช่มั้ยครับ?? ย..ยังงี้ใช่ไหม??  และโดนดุบ่อยๆ ท่าทางจะเขียนผิดเขียนถูกด้วย อาจารย์หมอใจดีก็คอยท้วงติงบ่อยๆ แต่สุดท้าย ในสมุดฝากครรภ์เรา นศพ.ซึ่งท่าทางเป็นรุ่นพี่ มาอ่านเห็นเข้าก็เรียกเพื่อนไปบ่นๆๆว่าดูสิน้องคนนี้เขียนอะไรเนี่ย?? อันนั้นก็ไม่เขียน อันนี้ก็ไม่เขียน แล้วก็ขีดฆ่าอะไรไม่รู้ และเขียนใหม่ให้ เรางี้เหงื่อตกเลย  เม่าเหม่อ


จนมาถึงวันที่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงคือ (ขอเล่าข้ามๆคร่าวๆนะคะ) คืนหนึ่ง เราได้โทรเรียกแม่ให้มารับที่หอน้องผู้ชายคนนั้น ด้วยอาการโคม่า(หรือเปล่า) จากการกรอกยาสตรีเบนโลเข้าปากในปริมาณที่น่ากลัว  ครั้งนั้นเรายอมรับว่าโง่เองที่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น  เราร้องไห้และคอยบอกลูกว่าให้เข้มแข็ง เราสองคนจะผ่านมันไป เราขอโทรหาแม่เพราะคิดว่าตัวเองจะตายแล้ว(สงสัยเมายาสตรีแล้วนอยด์ไปเอง)  แต่มันไม่ให้โทร มันนั่งเฝ้าอยู่แต่สุดท้ายก็ไม่ตกเลือดประการใด  มันจึงตัดสินใจจะพาเราไปทำแท้งในเช้าวันรุ่งขึ้น  เรากลัวมาก เราบอกลูกว่า อย่าให้มันเกิดขึ้นนะลูก ขอหนทางให้แม่ด้วย แต่ปัญหาคือมันไม่มีเงิน จึงต้องเดินทางไปที่ทำงานเพื่อขอเบิกเงินล่วงหน้า แล้วทิ้งเราไว้ที่หอเราสบโอกาสรีบโทรหาแม่ทันทีที่มันไป  เราสารภาพทุกอย่างและขอโทษ  แม่เรา ก็รีบบึ่งรถมากับแฟนของแม่ และมารับตัวเราไปทันที  ในตอนนั้นมันอยู่ที่ห้องแล้ว  แต่แม่เราเองก็ใจเย็นมาก บอกแค่ว่า ขอบคุณที่ไม่ฆ่าหรือทำร้ายเรา ขอให้ทุกอย่างจบลงตรงนี้ที่เหลือแม่จัดการเอง  


และมันก็กราบขอโทษแม่เรา  เอาเงินที่เบิกล่วงหน้ามายื่นให้แม่ และยกมือไหว้ขอโทษเราอีกครั้ง  ก่อนที่เราจะจากมาโดยไม่มีความรู้สึกใดๆ นอกจากความโล่งใจและคิดว่า รอดตายแล้วนะลูก

***อ้อ ขอเพิ่มเติมนิดนะคะคือ ยาสตรีเนี่ย ไม่ทำให้แท้งเจ้าค่ะ เราท้องอ่อนสุดๆ ยังไม่หลุดเลย เหอๆ ขอยืนยัน  อย่าได้คิดว่ามันช่วยให้แท้งได้ แต่เรากลัวลูกเป็นอันตรายเฉยๆ เลยประสาทเสียไปหน่อย และการดวดมันในปริมาณมากทำให้เราเมายาและอยากอ้วก ร่วมกับอาการสติแตกเราเลยคิดไปเองว่าจะตาย***

***ไม่แท้งนะคะ ยืนยันอีกรอบ แต่จะเป็นอันตรายหรือไม่ ลูกจะพิการไหม มันต้องรอดูระยะยาวอีกทีอะค่ะ แต่ ณ ตรงนี้ขอยกความผิดให้กับความโง่หลงกลคนง่าย ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรกับลูก เราจะดูแลให้ดีที่สุดแน่นอนค่ะ***

***สอบถามผู้รู้นะคะ ตั้งครรภ์ห้าสัปดาห์ (ถ้านับจากปฏิสนธิก็แค่สามสัปดาห์) ทานยาสตรีเข้าไปน่าจะร่วมๆขวดหรือไม่ถึง (สองขวด บวกลบที่พ่นออกมา บ้วนทิ้ง ล้วงคออ้วก) ลูกจะมีโอกาสพิการ ปากแหว่งเพดานโหว่ ฯลฯ มากน้อยประการใดคะ***

แต่แล้วหลังจากการสอบเครียดระหว่างเรากับแม่ และปรึกษากันอย่างถี่ถ้วนแล้ว แม่เรายืนยันอย่างเดียวว่าต้องเอาออกเท่านั้น ไม่มีหนทางอื่น  นี่คืออุบัติเหตุ และแม่รักเรากลัวชีวิตเราพัง และมั่นใจว่ายายรับเรื่องนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน รวมถึงคำครหาจากชาวบ้านที่จะตามมา

สุดท้ายเรายอม เรารักแม่กับยายมาก เราจะพังทุกอย่างเพื่อตัวเองไม่ได้  เราจึงขอเวลา รอออกจากงานสิ้นเดือนมกรา และลาเรียน เคลียร์งานให้เรียบร้อย โดยวันที่แน่นอนจึงเป็นวันที่ 4 กุมภา หรือก็คือเมื่อวาน

หลังจากนั้นเราไม่เคยนอนหลับเต็มอิ่มเลย เครียดมาก ปวดหัวทุกวัน ปวดท้องจุกอกโดยไม่ทราบสาเหตุ และปวดยาวนานมาก แม่บอกว่าสงสัยมันใกล้จะหลุดหรือเปล่า  เราฝันเห็นผีปีศาจ ฯลฯ หลับๆตื่นๆ ทนทุกข์ทรมาน จนวันที่แม่นัดคือเมื่อวาน เราหลับเที่ยงคืน ฝันเห็นผีเต็มไปหมด ตกใจตื่นมาตอนตีสาม ดีนะที่ไม่กลัวผี  และเราแอบคิดอยู่เสมอว่า ขอให้มันเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น  เราไม่ฝืนชะตา

เรารู้เหตุการณ์ว่าจะเป็นอย่างไร แม่กำหนดวันแท้งแล้ว ทุกอย่างไม่มีผกผัน ไม่มีตัวแปรที่จะทำให้กำหนดการถูกยกเลิกแน่นอน แต่เราเชื่อว่า ต่อให้นอนอยู่บนเตียงแล้ว ถ้าลูกเราจะได้อยู่ เขาจะอยู่ มันจะเป็นไป  มันจะมีเหตุการณ์นำพาไป  แล้วเราก็ทำตามที่แม่บอกทุกอย่างไม่ขัดขืนเลยค่ะ

เราออกจากบ้านไปถึงคลินิกประมาณแปดเก้าโมง  แม่เราเดินเข้าไปที่เคาท์เตอร์และกระซิบว่า “พาลูกมาทำแท้งค่ะ”  เจ้าหน้าที่เป็นป้าแก่เกือบทั้งหมด ไม่มีใครตกใจเลยแม้แต่น้อย ให้เรายื่นบัตรประชาชนและจ่ายทันทีที่เคาท์เตอร์ สองร้อยบาท  

เสร็จแล้วป้าแก่หน้าตาโหดร้ายก็พาเราเข้าไปห้องซาวด์ โดยใช้น้ำเสียงเหมือนพูดกับหมา(ที่ไปกัดไก่แกตาย)  ทั้งด่าทอสารพัด เหมือนในทีวีเป๊ะๆๆๆค่ะ ไม่ผิดเพี้ยน  ถามว่าตอนทำทำไมไม่คิด พวกเด็กหน้าโง่ไม่มีสมอง  และตะคอกๆๆๆบ่นๆๆ  ให้เราเปิดเสื้อขึ้นก็ตะคอกแบบเราไปฆ่าใครตายมา เสร็จแล้วก็ส่งกระดาษใบหนึ่งให้เราแล้วเข้าไปหาหมอที่ห้อง 5 หมอก็เหวี่ยงมาก ทุกคนปฏิบัติกับเราเหมือนไม่ใช่คน เหมือนเศษขยะ มองหัวจรดเท้า  และบอกเราด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า ดูดออกนะ ยาสลบ 3,500 ไม่ยา 2,800  เอาอันไหน แต่ไม่ยาสลบจะเจ็บมากนะ หน้าอย่างนี้คงทนไม่ไหวหรอก (เราผอมๆ หน้าซีดๆ ตอนนั้นคงซีดหลายเท่า)  


เราเรียกแม่ทันทีค่ะ  พอแม่ได้ยินปุ๊บ ก็ขอเวลาหมอออกมาคุยกันก่อน แม่มือเย็นมากและเปียกเหงื่อแบบไหลพรากๆเลย พอแม่จับมือเราปุ๊บเราทรุดเข่าลงร้องไห้เลย  แต่เราก็ยังไม่พูดอะไร ในใจไม่คิดหรอกว่าแม่จะเปลี่ยนใจ  แต่เรายอมทุกอย่าง ให้ดำเนินไปตามนั้นเลย  และเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ระหว่างที่แม่กอดเราด้วยมือที่เย็นเป็นน้ำแข็งอยู่นั้น แม่ก็พูดขึ้นเองว่า “ไม่ทำแล้วมั้ย เก็บไว้มั้ย”


เรากอดแม่แล้วขอบคุณ ไม่รู้ว่ากี่ครั้ง ทุกอย่างเป็นไปตามที่ควรเป็น ตอนนั้นเราร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก แม่เอากระดาษปึกนั้นไปคืนที่เคาท์เตอร์และบอกว่าไม่ทำแล้ว  ป้าๆไม่ได้พูดอะไร มองหน้าเฉยๆและรับกระดาษไว้ แล้วแม่กับแฟนแม่ก็พากันหิ้วปีกเราที่หน้าซีดเป็นกระดาษกลับขึ้นรถ

เราสัญญาว่าจะทำทุกอย่างให้ดีกว่าเดิม เราจะไม่ทำอะไรพังทั้งนั้น  แม่ก็บอกว่า แม่เชื่อว่าเราควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้ และจะทำได้ดี  แต่แม่แค่สงสาร ลูกแม่ที่ต้องมารับชะตากรรมแบบนี้ โดยไม่ใช่ความผิดตัวเอง  แต่แม่ก็ยังเรียกเราว่านักแก้ปัญหา(ที่ไม่เคยแก้ปัญหาตัวเองได้) เพราะตั้งแต่เกิดเรื่อง เราไม่เคยโวยวาย หรืออิดออด หรือตั้งคำถามต่อความโหดร้ายของโลกใบนี้เลย เราก้มหน้ายอมรับโชคชะตาทุกอย่าง และไหลตามมันทุกเรื่อง  เราเลยบอกแม่ว่า เปล่าหรอก เราไม่เคยก้มหน้ารับโชคชะตา แต่เรายืดอกรับอย่างกล้าหาญต่างหาก (ดู๊ววว อย่างเท่ห์ พูดไปงั้น)

ค่ะ ดูท่าทางจะแฮปปี้เอนดิ้ง แต่ เราคุยกับแม่แล้ว ว่าเรื่องนี้เราต้องบอกยาย ต้องบอกยายเท่านั้น วันแรกที่ลูกลืมตาดูโลกต้องมียายอยู่ร่วมด้วย และต้องรับทุกอย่างได้อย่างมีความสุข

แต่อุปสรรคตอนนี้นะคะ คือ ยายเป็นคนเข้มงวดมาก ยึดมั่นในประเพณี หัวโบราณแบบสุดโต่ง  เป็นผู้ใหญ่ที่มีหน้ามีตาในสังคม (บ้านนอก) เป็นที่เคารพนับถือ  โดยยายภาคภูมิใจในตัวเรามาโดยตลอด เป็นความภูมิใจเดียวของบ้าน เพราะแม่มีแฟนเยอะ ยายต่อต้านมาก (ถึงแม้จะเรียนเก่ง ประสบความสำเร็จ  มีกิจการของตัวเอง) แต่ยายก็ยังตำหนิอยู่เสมอ
และไม่ยอมให้แม่พาใครเข้าบ้านทั้งนั้น   ชาวบ้านแถวบ้านเราขี้นินทามาก ตัวเราไม่รู้สึกอะไรเลย แต่แม่เรากลัวมาก ถึงขั้นเก็บไปเครียด  ส่วนยาย  แคร์คำชาวบ้านอยู่แล้ว อีโก้สูงมาก ถ้าอยู่ดีๆ หลานคุณยายที่เคารพ ท้องไม่มีพ่อขึ้นมาซะเฉยๆ  ต้องเป็นขี้ปากชาวบ้านไปหลายปีแน่  และเรื่องต้องดัง เพราะเราไม่เคยเปิดเผยตัวว่ามีแฟน วางตัวดี ช่วยงานยายมาตลอด ชาวบ้านนิยม และถือเราเป็นแบบอย่างลูกหลานดี ไม่มีข่าวคาว

ซึ่งเราไม่แคร์  เราเป็นคนไม่สนคำพูดใคร  ตอนนี้แม่เราทำใจในระดับหนึ่งแล้ว แต่ถ้ามันมีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ แม่ก็อยากให้เราช่วยคิด  ส่วนเรื่องยายคือปัญหาหลักของปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมาค่ะ เม่าฝนตก

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่