เรือยนต์ขนาดใหญ่สองลำแล่นอยู่เหนือน่านน้ำของอ่าวไทยด้วยอัตราเคลื่อนที่ที่ไม่เร็วนัก ดูเหมือนเรือสำราญของเศรษฐีผู้มั่งคั่งกำลังเริ่มรมย์เสพความสุขจากเงินที่มากมาย โดยที่ไม่มีใครสนใจด้วยความคิดแค่ว่าก็แค่เศรษฐี ภายในลำเรือทั้งสองลำเต็มไปด้วยชายฉกรรจ์นับ 10 คน กำลังสาละวันทำการอะไรสักอย่างหนึ่งด้วยความว่องไวและแนบเนียม
“เฮ้ย ! เร็วซิวะเดี๋ยวพ่อก็แห่กันมาหรอก ทำอะไรกันให้มันเร็วๆ หน่อย” ชายคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดสูทสีดำสนิทใส่แว่นดำ ดูเหมือนหัวหน้างานกำลังสั่งงานด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉลียว ชายฉกรรจ์ผู้ที่กำลังทำงานอยู่นั้นกำลังก้มหน้าก้มตาช่วยกันดึงสิ่งของชนิดหนึ่ง ลักษณะสัณฐานสี่เหลียมผืนผ้าเป็นกล่องดูเหมือนโลงศพ! ขึ้นมาบนเรือ “เออๆ ค่อยๆ เดี๋ยวของนายจะเสียหาย” ชายผู้ที่ใส่สูทและยื่นสั่งงานกล่าวเตือนพร้อมหันไปพูดอะไรอยู่กับชายอีกคนหนึ่งด้วยความสนิทสนม “ขอบใจ You มากๆ เลยมาร์คของงวดนี้สมกับราคาที่เจ้านายของ I ให้ You มากๆ เลย”
“ไม่เป็นไรคุณสุเมธเรามันคนกันเองทำการค้ามาด้วยกันก็นานแล้ว ทำไมผมถึงจะไม่รู้ใจเจ้านายคุณละ” ผู้ซึ่งถูกเรียกว่า “ มาร์ค” เป็นชาวต่างชาติดูมีอายุ แต่งกายในชุดสูทสีครีม นัยน์ตาสีฟ้า รอยยิ้มอ่อนโยนดูเป็นกันเอง ตอบมาด้วยเสียงที่นุ่มลึกสมกับบุคลิกของเขาเอง “ว่าแต่ตกลงไอ้ของที่ You ขายให้นาย I เนี่ยมันคืออะไรกันแน่ I เองก็ดูหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่รู้สักทีว่ามันคืออะไร”
สุเมธถามอย่างสงสัยพร้อมกับเปิดโลงแล้วหยิบสิ่งของอันมีรูปร่างคล้ายๆ หยดน้ำขนาดข้อนิ้วก้อยวางเรียงอยู่ 3 ชิ้นอยู่ในโลงนั้น มันใสแจ๋วใสยิ่งกว่าเพชรน้ำเอกและส่งประกายระยิบระยับอยู่ในตัวเองตลอดเวลา “ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับคุณสุเมธ ผมว่าทางที่ดีคุณไปถามเจ้านายของคุณเองดีกว่า ผมเองเป็นแค่ผู้จัดหาสิ่งเหล่านี้ตามออเดอร์ของเจ้านายคุณก็เท่านั้น” มาร์คตอบอย่างคนฉลาดที่จะปิดความลับไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย “ไม่เอาน่ามาร์ค.... ถ้าคุณไม่รู้แล้วคุณจะไปหาของเหล่านี้มาจากไหนกันละ” สุเมธกัดไม่ปล่อยพยายามถามหาความจริงจากปากของมาร์คและเปลี่ยนคำพูดจาก You เป็นคุณในภาษาไทยเพื่อให้อีกฝ่ายฟังดูน่าเชื่อถือขึ้น “น้ำตาเงือก!” มาร์คกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังผิดไปจากเดิม “ผมบอกคุณได้แค่นี้จริงๆ คุณสุเมธที่เหลือคุณก็ไปรายละเอียดเอาเองก็แล้วกัน ลาก่อน” มาร์คพูดตัดบทพร้อมบอกลาก้าวขึ้นไปยังเรืออีกลำนึ่ง แล้วแล่นออกห่างปล่อยให้สุเมธยืนทำหน้างงอยู่เช่นนั้นเอง เรือของมาร์คแล่นออกไปเรื่อยๆ ประมาณ 500 เมตร อย่างที่ไม่มีใครคิดมาก่อนท้องน้ำบริเวณที่เรือของมาร์คแล่นไปนั้นเกิดเป็นน้ำวน ! ท้องฟ้าเบื้องบนเหนือลำเรือเกิดครึ้มคะนองฟาดสายฟ้าลงมายังลำเรือ ทุกคนบนเรือของสุเมธต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ! เรือของมาร์คถูกฟ้าผ่าไฟไหม้ทั้งลำ ลูกเรือต่างกระโดดลงมาหวังหนีตาย แต่แล้วท้องน้ำที่เป็นน้ำวนอยู่นั้น กลับมีสิ่งมีชีวิตสิ่งหนึ่งกระโดดขึ้นมากัดฟัดเหวี่ยงลูกเรือที่กระโดดลงไป สัณฐานของสิ่งมีชีวิตนั้นมีลักษณะคล้ายปลาแต่ส่วนบนนั้นเป็นมนุษย์ผู้หญิง ท้องเรือบริเวณนั้นเป็นสีเลือด ซึ่งแน่ละมันคือเลือดของลูกเรือของมาร์ค! สุเมธตื่นจากตะลึงพร้อมตะโกนบอกลูกเรือของตนที่บางคนเริ่มอลมานด้วยความตกใจในเหตุการณ์ “เฮ้ย! พวกเร็วเข้าออกเรือให้ไวที่สุด! “ ลูกเรือทั้งหลายต่างรีบติดเรือและวิ่งหาหน้าที่ของตนกันจ้าละหวั่น เรือของสุเมธออกตัวเข้าหาฝั่งด้วยความรวดเร็ว ไม่ทราบว่าเป็นอุปทานหรือสุเมธคิดไปเองดูเหมือนเมฆก้อนนั้นจะตามเรือของเขามาพร้อมกับฝูงสัตว์ประหลาดที่สัณฐานคล้ายปลาและคน เค้าร้องบอกให้คนขับเรือเร่งเครื่องยนต์เรือให้เร็วขึ้นอีก แต่ดูเหมือนไม่จำเป็นซะแล้ว เมื่อเข้าเขตชายฝั่งไทย เมฆก้อนมหึมากับฝูงปลาประหลาดฝูงนั้นค่อยๆ หายไปทีละน้อย แต่ก่อนที่มันจะลับหายไปเหมือนสุเมธจะได้ยินเสียงหนึ่งมันเป็นเสียงกรี๊ดร้องอย่างเจ็บแค้นของผู้หญิง! ร้องอย่างเจ็บใจและอาฆาตแค้น ทุกคนบนเรือต่างพากันสะดุ้งกายพร้อมกับขนลุกเกรียว “มันอะไรกันวะเนี่ย! “ สุเมธถามตนเองอย่างงงๆ พลันสายตาของเค้าก็เหลือบไปมองยังโลงใส่ของที่มาร์คให้มา ซึ่งเค้าบอกว่ามันคือ “น้ำตาเงือก” ทั้ง 3 ชิ้นนั้นกำลังส่งประกายระยิบระยับพราวยิ่งกว่าเก่านับสิบเท่าแสงของมันแทบจะสว่างไปทั้งลำเรือ!”
อ่านเล่นเพลินๆ อย่าด่าผมนะเขียนขึ้นมาเพราะเข้าเส้น "นำ้ตาเงือก"
“เฮ้ย ! เร็วซิวะเดี๋ยวพ่อก็แห่กันมาหรอก ทำอะไรกันให้มันเร็วๆ หน่อย” ชายคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดสูทสีดำสนิทใส่แว่นดำ ดูเหมือนหัวหน้างานกำลังสั่งงานด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉลียว ชายฉกรรจ์ผู้ที่กำลังทำงานอยู่นั้นกำลังก้มหน้าก้มตาช่วยกันดึงสิ่งของชนิดหนึ่ง ลักษณะสัณฐานสี่เหลียมผืนผ้าเป็นกล่องดูเหมือนโลงศพ! ขึ้นมาบนเรือ “เออๆ ค่อยๆ เดี๋ยวของนายจะเสียหาย” ชายผู้ที่ใส่สูทและยื่นสั่งงานกล่าวเตือนพร้อมหันไปพูดอะไรอยู่กับชายอีกคนหนึ่งด้วยความสนิทสนม “ขอบใจ You มากๆ เลยมาร์คของงวดนี้สมกับราคาที่เจ้านายของ I ให้ You มากๆ เลย”
“ไม่เป็นไรคุณสุเมธเรามันคนกันเองทำการค้ามาด้วยกันก็นานแล้ว ทำไมผมถึงจะไม่รู้ใจเจ้านายคุณละ” ผู้ซึ่งถูกเรียกว่า “ มาร์ค” เป็นชาวต่างชาติดูมีอายุ แต่งกายในชุดสูทสีครีม นัยน์ตาสีฟ้า รอยยิ้มอ่อนโยนดูเป็นกันเอง ตอบมาด้วยเสียงที่นุ่มลึกสมกับบุคลิกของเขาเอง “ว่าแต่ตกลงไอ้ของที่ You ขายให้นาย I เนี่ยมันคืออะไรกันแน่ I เองก็ดูหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่รู้สักทีว่ามันคืออะไร”
สุเมธถามอย่างสงสัยพร้อมกับเปิดโลงแล้วหยิบสิ่งของอันมีรูปร่างคล้ายๆ หยดน้ำขนาดข้อนิ้วก้อยวางเรียงอยู่ 3 ชิ้นอยู่ในโลงนั้น มันใสแจ๋วใสยิ่งกว่าเพชรน้ำเอกและส่งประกายระยิบระยับอยู่ในตัวเองตลอดเวลา “ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับคุณสุเมธ ผมว่าทางที่ดีคุณไปถามเจ้านายของคุณเองดีกว่า ผมเองเป็นแค่ผู้จัดหาสิ่งเหล่านี้ตามออเดอร์ของเจ้านายคุณก็เท่านั้น” มาร์คตอบอย่างคนฉลาดที่จะปิดความลับไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย “ไม่เอาน่ามาร์ค.... ถ้าคุณไม่รู้แล้วคุณจะไปหาของเหล่านี้มาจากไหนกันละ” สุเมธกัดไม่ปล่อยพยายามถามหาความจริงจากปากของมาร์คและเปลี่ยนคำพูดจาก You เป็นคุณในภาษาไทยเพื่อให้อีกฝ่ายฟังดูน่าเชื่อถือขึ้น “น้ำตาเงือก!” มาร์คกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังผิดไปจากเดิม “ผมบอกคุณได้แค่นี้จริงๆ คุณสุเมธที่เหลือคุณก็ไปรายละเอียดเอาเองก็แล้วกัน ลาก่อน” มาร์คพูดตัดบทพร้อมบอกลาก้าวขึ้นไปยังเรืออีกลำนึ่ง แล้วแล่นออกห่างปล่อยให้สุเมธยืนทำหน้างงอยู่เช่นนั้นเอง เรือของมาร์คแล่นออกไปเรื่อยๆ ประมาณ 500 เมตร อย่างที่ไม่มีใครคิดมาก่อนท้องน้ำบริเวณที่เรือของมาร์คแล่นไปนั้นเกิดเป็นน้ำวน ! ท้องฟ้าเบื้องบนเหนือลำเรือเกิดครึ้มคะนองฟาดสายฟ้าลงมายังลำเรือ ทุกคนบนเรือของสุเมธต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ! เรือของมาร์คถูกฟ้าผ่าไฟไหม้ทั้งลำ ลูกเรือต่างกระโดดลงมาหวังหนีตาย แต่แล้วท้องน้ำที่เป็นน้ำวนอยู่นั้น กลับมีสิ่งมีชีวิตสิ่งหนึ่งกระโดดขึ้นมากัดฟัดเหวี่ยงลูกเรือที่กระโดดลงไป สัณฐานของสิ่งมีชีวิตนั้นมีลักษณะคล้ายปลาแต่ส่วนบนนั้นเป็นมนุษย์ผู้หญิง ท้องเรือบริเวณนั้นเป็นสีเลือด ซึ่งแน่ละมันคือเลือดของลูกเรือของมาร์ค! สุเมธตื่นจากตะลึงพร้อมตะโกนบอกลูกเรือของตนที่บางคนเริ่มอลมานด้วยความตกใจในเหตุการณ์ “เฮ้ย! พวกเร็วเข้าออกเรือให้ไวที่สุด! “ ลูกเรือทั้งหลายต่างรีบติดเรือและวิ่งหาหน้าที่ของตนกันจ้าละหวั่น เรือของสุเมธออกตัวเข้าหาฝั่งด้วยความรวดเร็ว ไม่ทราบว่าเป็นอุปทานหรือสุเมธคิดไปเองดูเหมือนเมฆก้อนนั้นจะตามเรือของเขามาพร้อมกับฝูงสัตว์ประหลาดที่สัณฐานคล้ายปลาและคน เค้าร้องบอกให้คนขับเรือเร่งเครื่องยนต์เรือให้เร็วขึ้นอีก แต่ดูเหมือนไม่จำเป็นซะแล้ว เมื่อเข้าเขตชายฝั่งไทย เมฆก้อนมหึมากับฝูงปลาประหลาดฝูงนั้นค่อยๆ หายไปทีละน้อย แต่ก่อนที่มันจะลับหายไปเหมือนสุเมธจะได้ยินเสียงหนึ่งมันเป็นเสียงกรี๊ดร้องอย่างเจ็บแค้นของผู้หญิง! ร้องอย่างเจ็บใจและอาฆาตแค้น ทุกคนบนเรือต่างพากันสะดุ้งกายพร้อมกับขนลุกเกรียว “มันอะไรกันวะเนี่ย! “ สุเมธถามตนเองอย่างงงๆ พลันสายตาของเค้าก็เหลือบไปมองยังโลงใส่ของที่มาร์คให้มา ซึ่งเค้าบอกว่ามันคือ “น้ำตาเงือก” ทั้ง 3 ชิ้นนั้นกำลังส่งประกายระยิบระยับพราวยิ่งกว่าเก่านับสิบเท่าแสงของมันแทบจะสว่างไปทั้งลำเรือ!”