เล่าให้ฟังเรื่องการเปลียนภพชาติ หรือที่เรียกว่าตายแล้วเกิดใหม่

กระทู้สนทนา
ได้อ่านกระทู้ที่บอกว่า คนทำชั่วมาร้อยปี แต่เมื่อตอนจะตายแล้วคิดถึงพระพุทธเจ้า แล้วไปเกิดในสวรรค์  คนที่ทำดีมาทั้งชีวิต เมื่อตายแล้วจิตไปคิดถึงตอนที่ทำชั่วไปเกิดในนรก ความคิดอย่างนี้ ทำให้อาจเกิดความเข้าใจผิดแก่หลายๆคน

เรามาอธิบายให้ฟังว่า จริงๆแล้ว จิตเกิดดับอยู่ตลอดเวลา เวลาที่คุณทำชั่ว และดี  จิตจะเก็บไว้เป็นสัญญา ตามปกติกรรมจะมีสี่ประเภทคือ
1. กรรมหนัก เช่น ฆ่าคน อนันตริยกรรม
2. กรรมที่ทำอย่างสม่ำเสมอ เช่น การฆ่าปลา ฆ่าปลวก ฆ่ามดอยู่ปล่อยๆ  การดื่มสุราบ่อยๆ  การโกหกอยู่เนือง
3. กรรมเล็กน้อย  
4. กรรมก่อนที่จิตจะดับ เรียกว่าอาสัญกรรม

ตามปกติของคนทั่วไป จิตมักจะอยู่ในโมหะ ราคะ โทสะ และโลภะ  จิตที่ใกล้จะตายจะอ่อนกำลังลงมาก  จิตที่ใกล้จะตายจะเกิดภาวะที่จิตย้อนดูกรรม ถ้ากรรมส่วนมากเป็นอกุศลกรรม จิตย่อมพาไปสู่อบายภูมิ ตรงข้ามกับคนที่ทำกุศลอย่างสม่ำเสมอ จิตอยู่ในกุศล จิตนั้นจะน้อมนำไปสู่ภพภูมิที่ดี

คนที่ทำกรรมหนัก  และกรรมที่ทำอย่างสม่ำเสมอ มีอกุศลกรรมค่อนข้างมากถึงหนักหน่วง  อกุศลกรรมนั้นย่อมทำให้จิตหม่นหมอง  ย่อมนำส่งจิตให้ไปจุติที่ภพต่ำ  ส่วนคนที่ทำกรรมเล็กน้อย  มีกุศลและอกุศลกรรมก้ำกึ่งกัน  เนื่องจากจิตเกิดดับอยู่ตลอดเวลา  ในเวลาที่จิตใกล้จะดับนั้น จิตระลึกถึงพระพุทธคุณ เมื่อจิตนั้นดับ จิตนั้นย่อมส่งให้เกิดภพใหม่ คือ ภพภูมิที่ดี  ในทางตรงข้าม คนที่มีกุศลและอกุศลก้ำกึ่งกัน ในเวลาที่จิตใกล้จะดับนั้น จิตระลึกถึงว่าตนเคยรังแกหมาไว้  จิตที่ดับนั้นย่อมส่งภพใหม่ ให้เกิดในอบาย

เพราะฉะนั้นการเจริญกุศลกรรมอย่างสม่ำเสมอและไม่ทำกรรมหนัก จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง จิตที่ไม่เคยผ่านการฝึกเลย  เป็นการเสี่ยงมากว่า จิตจะไปทางไหน

ยกตัวอย่างมหาอุบาสิกาผู้หนึ่งในสมัยพุทธกาล นางได้เจริญกุศลตลอดทั้งชีวิต แต่เมื่อจิตจะดับ จิตได้ระลึกว่าา นางเคยไปสะดุดเท้าสามี  ทำให้จิตเศร้าหมอง  จิตที่รับรู้อารมรณ์นั้นจึงปรุงภพขึ้น ทำให้นางไปบังเกิดในอเวจีมหานรก เอาเท้าแช่อยู่ในไฟนรก  เมื่อครบ 7 วัน นางจึงกลับมาจุติที่สวรรค์ แม้คนที่ทำชั่ว แม้จิตจะไปจุติในสวรรค์ได้ แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน  ด้วยอำนาจของกุศลนั้นมีน้อย เมื่ออำนาจกุศลหมด  ก็ต้องลงในอบาย หรือกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ แต่ก็ต้องทุกข์ยากด้วยอำนาจแห่งกรรมที่เคยทำไว้นัน

บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น  ข้าวเม็ดเดียวออกรวงได้ข้าวทั้งรวงฉันใด กรรมก็เช่นใด  กรรมแม้เพียงเล็กน้อยที่ไม่เคยให้ผลนั้นไม่มี

แม้พระพุทธเจ้าท่านยังต้องเสวยกรรม ถ่ายเป็นโลหิตด้วยกรรมแต่ก่อน ก็แล้วเหตุใดพวกท่านทั้งหลาย จึงจะคิดว่า ตนจะแก้กรรมและหนีกรรมได้  ทางที่จะทำผลของกรรมเบาบางลงมีเพียงประการเดียวคือ ทำแต่กุศล งดเว้นการทำอกุศลแม้จะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่