รักการบินไทยเท่าฟ้า
ใครจะมองยังไง จะด่าว่า ดูหมิ่น แช่งชัก พวกเราชาวการบินไทยยังงัยก็ช่าง ให้คิดว่าเราต้องผ่านมันไปได้แน่ๆ แต่จะผ่านแบบครบ 32 หรือ แขนขาด ขาขาด หรือขั้นหัวขาด นั่นก็ต้องรอดู
12 ปีแล้วค่ะ ที่เราเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการบินไทย สายการบินแห่งชาติ หรือสายการบินแห่งญาติ ก็แล้วแต่จะเรียกกันไปนะคะ เป็น 12 ปีที่พูดได้เต็มปากว่ามีความสุขมาก มีความสุขทุกครั้งที่แต่งตัวออกมาทำงาน ไม่นับรวมเวลางอแงที่ต้องตื่นตีสาม หรือเวลาต้องถ่างตาขับรถกลับบ้าน หลังจากบินลงมาจากไฟลท์ข้ามคืน ที่แทบไม่ได้นอนเลยนะคะ เพราะมันกล้ำกลืนจริงๆ
เราไม่ได้ใฝ่ฝันอยากจะเป็นแอร์โฮสเตส(เรียกสั้นๆ ว่าลูกเรือนะคะ) ไม่เคยคิด และแทบไม่อยู่ในความสนใจเลย เพราะเรารู้สึกว่าเข้าถึงยาก สายการบินที่เรารู้จัก นับได้ไม่เกิน 5 นิ้ว ครั้งเดียวในชีวิตที่ได้นั่งเครื่องบิน ก็ตอนยังเป็นนักเรียน ไปเที่ยวภูเก็ตกับที่บ้าน ขากลับชีวิตดีทัวร์ที่จัดเค้าให้กลับเครื่องบิน ก็เลยมีโอกาสได้เห็นว่าแอร์โฮสเตสเป็นยังงัย ตอนนั้นแค่รู้สึกดีกับอาชีพนี้เพราะได้ยินพี่เค้าประกาศเป็นภาษาอังกฤษ ดีเนอะได้ใช้ภาษาอังกฤษด้วย แค่นั้นเอง
เราชอบภาษาอังกฤษค่ะ ชอบมาก แต่ตอนเอนทรานซ์ เราเลือกเรียนบัญชี เพราะเราคิดว่าน่าจะหางานง่าย และอนาคตดีกว่าจบภาษาศาสตร์ จบปุ๊บ เราก็เข้าทำงานเป็นผู้ช่วยผู้ตรวจสอบบัญชี เพื่อสอบให้ได้ใบอนุญาตผู้ตรวจสอบบัญชีตามสายวิชาชีพของเรา
งานแรกของเราเริ่มต้นดีมากเลยนะ งานดี เงินดี ผู้ร่วมงานน่ารัก บริษัทมีชื่อเสียง ก็น่าจะไปได้ดี แต่แค่ปีเดียว เราก็ไม่ไหวละ หัวโขนของผู้ตรวจสอบบัญชีไม่ถูกจริตกับเราอย่างมาก งานไม่ได้ยาก แต่ละเอียด และเป็นงานที่เกิด conflict ระหว่างคนตรวจ กับคนถูกตรวจได้ง่ายมาก ประมาณว่า คนตรวจก็ต้องถามเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนถูกต้อง คนถูกถามก็รำคาญว่าเรื่องแค่นี้ไม่เห็นจำเป็นต้องถาม ขอเอกสารนู่นนี่นั่นโน่น ไม่จบไม่สิ้น อะไรประมาณนี้ ส่วนใหญ่ลูกค้าน่ารัก แต่เราจะรู้สึกกดดันว่าบางทีไปถามคำถามที่เหมือนไปจับผิดเค้า นอกจากนี้ บัญชียังเป็นงานที่มีการบ้าน คือ ส่งงานแล้ว กลับบ้านแล้ว ความรับผิดชอบมันตามเรากลับมาด้วย ข้ามปีข้ามชาติ ไม่จบไม่สิ้นกันเลยทีเดียว เราเลยลาออกมาตายเอาดาบหน้าดีกว่า
เราเป็นพวกติดสุข คือเลือกเสพแต่สิ่งที่ทำให้เราสุขใจ สบายใจ ลำบากกายไม่ว่า แต่อย่าลำบากใจเชียวนะ เราไม่ทนเลย ตอนนั้นเราทิ้งเงินเดือนเกือบสองหมื่นสำหรับนักศึกษาจบใหม่ อายุงานไม่ถึงปี เมื่อ 15 ปีที่แล้ว สำหรับเราถือว่าเยอะมากนะ ทิ้งเลย เปลี่ยนแผนชีวิตดีกว่า เลือกทำในสิ่งที่เราชอบดีกว่า เราชอบภาษา เรามีความสุขที่ได้สื่อสาร ได้ใช้ภาษาอังกฤษ เราเลยไปต่อโทภาษาศาสตร์เพื่อใช้ปริญญาเป็นใบเบิกทางให้เราเปลี่ยนแผนชีวิต
ที่มหาลัยเรามีเพื่อนร่วมคลาสเป็นลูกเรือการบินไทย เราเลยเริ่มหันมาสนใจอาชีพลูกเรือ และหาข้อมูล เริ่มส่งใบสมัคร สายการบินต่าง ๆ และในช่วงนั้นการบินไทยเปิดรับสมัครลูกเรือพอดี เราเลยสมัคร และสอบผ่านขั้นตอนต่างๆ ไปตามลำดับ ช่วงนั้นเราสวดมนต์ ทำวัตร ทุกเช้าเย็น ใช้คุณพระเข้าช่วยสุดฤทธิ์ อธิษฐานทุกวันขอให้เราผ่านการคัดเลือก แล้วเราก็สมหวัง ลุ้นยิ่งกว่าตอนสอบเอนทรานซ์อีก
เราไม่รู้หรอกว่าลูกเรือได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่ เราได้เงินเดือนช่วงเทรนด์ประมาณเจ็ดพัน ค่ารถ ค่าอาหาร ค่าแต่งตัว หมดตูด ลูกเรือต้องรักษาภาพลักษณ์ ต้องแต่งหน้า ทำผม ตามระเบียบของบริษัท ห้ามนั่งรถสาธารณะที่ไม่ใช่แท็กซี่ จะไปลากกระเป๋าขึ้นรถเมล์ หรือหิ้วกระเป๋าซ้อนมอเตอร์ไซด์เป็นเด็กแว๊นนี้ ห้ามเด็ดขาดเลยนะคะ เพราะเราคือหน้าตา คือตัวแทนของการบินไทย
พอเราเริ่มขึ้นบินช่วงเดือนแรก ตื่นเต้นมากทุกไฟลท์ ลุ้นตลอด ว่าจะมีเหตุการณ์ระทึก หรือมีปัญหาอะไร ระหว่างไฟลท์หรือเปล่า ผู้โดยสาร เพื่อนร่วมงาน จะพอใจการทำงานของเราหรือเปล่า ตื่นเต้นแต่ก็มีความสุข
เราอิจฉาชีวิตตัวเองมากเลย ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เราได้มีโอกาสเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการบินไทย เรารักอาชีพ รักบ้านหลังใหญ่หลังนี้มาก ๆ เราไม่เคยทำงานบริการมาก่อน งานบริการที่ต้องปฏิสัมพันธ์กับคนมากหน้าหลายตา จากต่างที่ ต่างวัฒนธรรม วันหนึ่งๆ เราได้เจอผู้คนไม่ต่ำกว่าสองร้อยคน หรือบางวันต้องบริการคนเกือบๆ พันคน ซึ่งนั่นไม่เป็นปัญหาสำหรับเราเลย เรารู้สึกสนุก ท้าทาย และมีความสุขมากๆ
เป็นเพราะเราเคยทำงานอื่นมาก่อน เราเลยยิ่งหลงใหลในอาชีพของเราเข้าไปใหญ่ เราเสพติดความสบายของงานบริการไปซะแล้ว สบายในที่นี้ไม่ใช่งานสบายนะคะ งานทุกงานมีความยากง่ายแตกต่างกันไป แล้วแต่ว่าความยากง่ายเหล่านั้นมันถูกจริตและทำให้เรามีความสุขในการทำงานได้หรือเปล่า อย่างเพื่อนนักบัญชีของเราบางคน เค้าสนุกในการหาตัวเลขที่หายไป มีความสุขในการทำ financial report เพราะไม่ต้องไปวุ่นวายกับใคร ตัวเลข เอกสาร มันไม่มีชีวิต พูดไม่ได้เถียงไม่ได้ สบายใจดี ส่วนงานบริการในแบบของเรา สบายดีตรงที่ เมื่องานจบส่งผู้โดยถึงที่หมาย ก็เป็นอันจบ ไม่มีการบ้าน ไม่มีใครโทรตามงานในวันหยุด ชีวิตเป็นของเราเต็มที่ อยากทำอะไรก็ทำ ช้อปปิ้ง สังสรรค์ พักผ่อน นอนหลับ ได้เต็มที่ เพื่อเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมสำหรับไฟลท์ถัด ๆ ไป
ความยากของการเป็นลูกเรือไม่ได้อยู่ที่เนื้องาน เพราะก็อย่างที่ทุกคนเห็น ลูกเรือมีหน้าที่ในการดูแลผู้โดยสาร ให้เดินทางถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ ให้ได้รับความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง จัดหาอาหารเครื่องดื่มให้คลายหิว จัดหาผ้าห่มให้คลายหนาว จัดหาหยูกยาบรรเทาอาการเจ็บป่วย และที่สำคัญคอยช่วยเหลือผู้โดยสารเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินในระหว่างเที่ยวบิน ซึ่งเราก็ภาวนาขออย่าให้มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นเลยในทุกครั้งที่แต่งตัวออกจากบ้าน
ความยากของอาชีพลูกเรืออยู่ที่เราทำงานกับใครและต้องคอยรับมือกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าอะไรบ้างมากกว่า ผู้โดยสารหลายร้อยคน จากทั่วทุกมุมโลก หลากภาษา หลายวัฒนธรรม ต่างความคาดหวัง ที่มาอยู่ในความรับผิดชอบของเรา คาดหวังในบริการของเรา กระตุ้นในเราต้องตื่นตัว พร้อมรับมือกับความหลากหลายเหล่านี้ ลูกเรือต้องปรับตัวเก่ง มีไหวพริบ แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ เพราะพอเครื่อง take off ไปแล้ว ทรัพยากรที่เรามีทั้งหมดบนเครื่อง มีจำกัด เราไม่รู้เลยว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างใน 10 ชม. ข้างหน้า หน้าที่ของเราคือต้องทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ผู้โดยสารทุกคนไปถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ
ลูกเรือ ไม่ได้เป็นแค่บริกร คอยบริการอาหารเครื่องดื่มให้ท่านเท่านั้นนะคะ เรายังเป็น "พี่เลี้ยงเด็ก" สำหรับคุณแม่ที่เดินทางคนเดียว เป็น "นักจิตวิทยา" คอยปลอบโยนผู้โดยสารที่หวาดกลัวการเดินทางบนเครื่องบิน เป็น "พยาบาล" คอยจ่ายยา ปฐมพยาบาล หรือแม้กระทั่งปั๊มหัวใจให้ผู้โดยสารที่ป่วย เป็น"ยาม" คอยเดินตรวจตราบนเครื่องบินในยามที่ท่านหลับ เป็น "นักดับเพลิง" ในกรณีที่เกิดไฟไหม้บนเครื่อง เมื่อมีผู้โดยสารแอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำ เป็น"นักไกล่เกลี่ย" เวลาเกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้โดยสาร เป็น"ตำรวจ" เมื่อต้องจัดการกับผู้โดยสารที่อาละวาด หรือคุกคามผู้โดยสารและความปลอดภัยการบิน และที่สำคัญเป็น "เพื่อน" ที่จะทำให้ผู้โดยสารทุกท่านอุ่นใจตลอดการเดินทาง
ค่าตอบแทนที่เราได้เมื่อเทียบกับอาชีพอื่น อาจจะดูเยอะก็จริง แต่มันก็ไม่ได้เยอะมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่เราต้องแลกมานะคะ เราพูดได้ว่าอาชีพลูกเรือ เป็นอาชีพที่ขายสุขภาพเพื่อแลกเงิน เราต้องตื่นในเวลาที่ควรจะนอน เราต้องนอนในเวลาที่ควรจะกิน เราต้องกินในเวลาที่ระบบย่อยไม่ทำงาน ยิ่งอาหารการกินไม่ต้องพูดถึง 12 ปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ไปบินเราต้องกินอาหารแช่แข็ง ที่ต้องผ่านกระบวนการอุ่นซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนบั่นทอนสุขภาพของเราตลอดเวลา อาจจะเรียกว่าตายผ่อนส่งแบบไม่มีทางเลือกด้วยซ้ำ เงินค่าตอบแทนที่ได้มา ก็ต้องเอามาซื้อวิตามินเพื่อบรรเทาความเสื่อมของร่างกาย ของสุขภาพ เก็บไว้รักษาตัว นอกจากนี้ ค่าครองชีพในแต่ละเมืองที่เราไปค้าง ก็ไม่ใช่ถูก อาหารมื้อหนึ่งไปต่ำกว่า 400 บาท เทียบไม่ได้เลยกับข้าวแกง 40 บาทที่เมืองไทย และที่สำคัญ เบี้ยเลี้ยงเดินทางของเราไม่ได้ปรับขึ้นเลยจาก 20 ปีที่แล้ว เริ่มต้นอาจจะดูเหมือนรายได้เรามากกว่าอาชีพอื่นก็จริง แต่ในะยะยาวแล้วไม่ใช่เลยเพราะ เมื่อเทียบอายุงานแล้ว อาชีพอื่นๆ จะก้าวหน้าไปกว่าเราเยอะมากแต่สำหรับเรา ยังงัยก็คุ้ม เพราะเรามีความสุขที่ได้บิน ให้เลือกใหม่ เราก็เลือกที่จะเป็นลูกเรือรับเงินไม่ถึงแสน แทนการเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีเงินล้านอยู่ดี
ตอนนี้การบินไทยเกิดวิกฤต อย่างที่ทุกท่านก็ทราบดี ในโลกออนไลน์ หลายคนออกมาประนาม ด่าทอ สาบแช่ง ขอให้สายการบินแห่งชาติที่รับใช้คนไทยมานานกว่า 50 ปี เจ๊ง ล้มละลาย บลา ๆๆ อย่างเคียดแค้นชิงชัง เราไม่เข้าใจเลย ว่าการบินไทยไปสร้างความโกรธเคืองให้คนไทยเหล่านั้น เรามั่นใจว่าทุกเที่ยวบินที่มีผู้โดยสารคนไทย ลูกเรือบริการกันเต็มที่ พยายามสร้างความประทับใจให้มากที่สุด เพราะเราทราบถึงความคาดหวังของคนไทยที่มีต่อสายการบินไทย และทุกไฟลท์ผู้โดยสารก็จากเราไปด้วยรอยยิ้มทุกครั้ง
แต่ในภาวะวิกฤติเช่นนี้ก็ยังมีข้อดี เพราะทำให้เราได้เห็นว่า ยังมีคนไทยอีกหลายคน ผู้โดยสารที่น่ารัก ที่ยังภาคภูมิใจและรักการบินไทยอีกมาก ออกมาให้กำลังใจ ออกมาแสดงตัวเป็นแรงใจให้คนทำงานที่ทุ่มเท และแสดงความเข้าใจในวิกฤตของบริษัท ที่เกิดจากการคอรัปชั่นของคนระดับบริหารไม่กี่คน เห็นความสามัคคีของคนการบินไทยที่พร้อมจะผ่านวิกฤตไปด้วยกัน ถึงเวลาที่เราต้องปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงเพื่อที่เราจะสามารถก้าวผ่านมันไปได้
เราเองก็เหมือนกัน ต้องปรับตัว และต้องพยายามให้มากขึ้น จะไปเย็บมุมปากให้หน้ายิ้มตลอดเวลา จะได้ไม่พลาดไปขัดตาท่านผู้โดยสารท่านไหน ผู้โดยสารที่รักและหวังดีกับการบินไทย สะกิดบอกกันได้เลยนะคะ ถ้าวันไหนยิ้มน้อยไปนิด เจ๊าะแจ๊ะน้อยไปหน่อย ประท้วงได้เลยค่ะ พวกเราสัญญาว่าจะทำให้ทุกท่านประทับใจตลอดการเดินทางเลย เพื่อน ๆ ชาวการบินไทยทุกคนก็อย่าเพิ่งหมดกำลังใจนะคะ เรามาช่วยกันสร้างการบินไทยขึ้นมาใหม่ จากนี้การบินไทยมีแต่จะดีขึ้นๆ เพราะเราลงมากันสุดทางแล้ว ร่วมเป็นกำลังใจให้คุณจรัมพร ให้ท่านสามารถผ่าตัด รักษาโรค ตัดเนื้อร้ายของการบินไทยที่รักยิ่งของเราให้สำเร็จกันนะคะ
.... การบินไทย สู้แค่ตายค่ะ !!!
I LOVE TG
ป.ล อย่าโยงเข้าการเมืองเลยนะคะ เพราะถึงจะ เป่านกหวีด แต่ก็ในฐานะประชาชนคนไทย และไม่เคยเห็นด้วยกับการลากเอา การบินไทย เข้าไปเลือกข้างฝ่ายการเมือง เพราะผู้โดยสาร มีหลากสีค่ะ ขอบคุณนะคะ ^^
รักการบินไทยเท่าฟ้า!!!
ใครจะมองยังไง จะด่าว่า ดูหมิ่น แช่งชัก พวกเราชาวการบินไทยยังงัยก็ช่าง ให้คิดว่าเราต้องผ่านมันไปได้แน่ๆ แต่จะผ่านแบบครบ 32 หรือ แขนขาด ขาขาด หรือขั้นหัวขาด นั่นก็ต้องรอดู
12 ปีแล้วค่ะ ที่เราเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการบินไทย สายการบินแห่งชาติ หรือสายการบินแห่งญาติ ก็แล้วแต่จะเรียกกันไปนะคะ เป็น 12 ปีที่พูดได้เต็มปากว่ามีความสุขมาก มีความสุขทุกครั้งที่แต่งตัวออกมาทำงาน ไม่นับรวมเวลางอแงที่ต้องตื่นตีสาม หรือเวลาต้องถ่างตาขับรถกลับบ้าน หลังจากบินลงมาจากไฟลท์ข้ามคืน ที่แทบไม่ได้นอนเลยนะคะ เพราะมันกล้ำกลืนจริงๆ
เราไม่ได้ใฝ่ฝันอยากจะเป็นแอร์โฮสเตส(เรียกสั้นๆ ว่าลูกเรือนะคะ) ไม่เคยคิด และแทบไม่อยู่ในความสนใจเลย เพราะเรารู้สึกว่าเข้าถึงยาก สายการบินที่เรารู้จัก นับได้ไม่เกิน 5 นิ้ว ครั้งเดียวในชีวิตที่ได้นั่งเครื่องบิน ก็ตอนยังเป็นนักเรียน ไปเที่ยวภูเก็ตกับที่บ้าน ขากลับชีวิตดีทัวร์ที่จัดเค้าให้กลับเครื่องบิน ก็เลยมีโอกาสได้เห็นว่าแอร์โฮสเตสเป็นยังงัย ตอนนั้นแค่รู้สึกดีกับอาชีพนี้เพราะได้ยินพี่เค้าประกาศเป็นภาษาอังกฤษ ดีเนอะได้ใช้ภาษาอังกฤษด้วย แค่นั้นเอง
เราชอบภาษาอังกฤษค่ะ ชอบมาก แต่ตอนเอนทรานซ์ เราเลือกเรียนบัญชี เพราะเราคิดว่าน่าจะหางานง่าย และอนาคตดีกว่าจบภาษาศาสตร์ จบปุ๊บ เราก็เข้าทำงานเป็นผู้ช่วยผู้ตรวจสอบบัญชี เพื่อสอบให้ได้ใบอนุญาตผู้ตรวจสอบบัญชีตามสายวิชาชีพของเรา
งานแรกของเราเริ่มต้นดีมากเลยนะ งานดี เงินดี ผู้ร่วมงานน่ารัก บริษัทมีชื่อเสียง ก็น่าจะไปได้ดี แต่แค่ปีเดียว เราก็ไม่ไหวละ หัวโขนของผู้ตรวจสอบบัญชีไม่ถูกจริตกับเราอย่างมาก งานไม่ได้ยาก แต่ละเอียด และเป็นงานที่เกิด conflict ระหว่างคนตรวจ กับคนถูกตรวจได้ง่ายมาก ประมาณว่า คนตรวจก็ต้องถามเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนถูกต้อง คนถูกถามก็รำคาญว่าเรื่องแค่นี้ไม่เห็นจำเป็นต้องถาม ขอเอกสารนู่นนี่นั่นโน่น ไม่จบไม่สิ้น อะไรประมาณนี้ ส่วนใหญ่ลูกค้าน่ารัก แต่เราจะรู้สึกกดดันว่าบางทีไปถามคำถามที่เหมือนไปจับผิดเค้า นอกจากนี้ บัญชียังเป็นงานที่มีการบ้าน คือ ส่งงานแล้ว กลับบ้านแล้ว ความรับผิดชอบมันตามเรากลับมาด้วย ข้ามปีข้ามชาติ ไม่จบไม่สิ้นกันเลยทีเดียว เราเลยลาออกมาตายเอาดาบหน้าดีกว่า
เราเป็นพวกติดสุข คือเลือกเสพแต่สิ่งที่ทำให้เราสุขใจ สบายใจ ลำบากกายไม่ว่า แต่อย่าลำบากใจเชียวนะ เราไม่ทนเลย ตอนนั้นเราทิ้งเงินเดือนเกือบสองหมื่นสำหรับนักศึกษาจบใหม่ อายุงานไม่ถึงปี เมื่อ 15 ปีที่แล้ว สำหรับเราถือว่าเยอะมากนะ ทิ้งเลย เปลี่ยนแผนชีวิตดีกว่า เลือกทำในสิ่งที่เราชอบดีกว่า เราชอบภาษา เรามีความสุขที่ได้สื่อสาร ได้ใช้ภาษาอังกฤษ เราเลยไปต่อโทภาษาศาสตร์เพื่อใช้ปริญญาเป็นใบเบิกทางให้เราเปลี่ยนแผนชีวิต
ที่มหาลัยเรามีเพื่อนร่วมคลาสเป็นลูกเรือการบินไทย เราเลยเริ่มหันมาสนใจอาชีพลูกเรือ และหาข้อมูล เริ่มส่งใบสมัคร สายการบินต่าง ๆ และในช่วงนั้นการบินไทยเปิดรับสมัครลูกเรือพอดี เราเลยสมัคร และสอบผ่านขั้นตอนต่างๆ ไปตามลำดับ ช่วงนั้นเราสวดมนต์ ทำวัตร ทุกเช้าเย็น ใช้คุณพระเข้าช่วยสุดฤทธิ์ อธิษฐานทุกวันขอให้เราผ่านการคัดเลือก แล้วเราก็สมหวัง ลุ้นยิ่งกว่าตอนสอบเอนทรานซ์อีก
เราไม่รู้หรอกว่าลูกเรือได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่ เราได้เงินเดือนช่วงเทรนด์ประมาณเจ็ดพัน ค่ารถ ค่าอาหาร ค่าแต่งตัว หมดตูด ลูกเรือต้องรักษาภาพลักษณ์ ต้องแต่งหน้า ทำผม ตามระเบียบของบริษัท ห้ามนั่งรถสาธารณะที่ไม่ใช่แท็กซี่ จะไปลากกระเป๋าขึ้นรถเมล์ หรือหิ้วกระเป๋าซ้อนมอเตอร์ไซด์เป็นเด็กแว๊นนี้ ห้ามเด็ดขาดเลยนะคะ เพราะเราคือหน้าตา คือตัวแทนของการบินไทย
พอเราเริ่มขึ้นบินช่วงเดือนแรก ตื่นเต้นมากทุกไฟลท์ ลุ้นตลอด ว่าจะมีเหตุการณ์ระทึก หรือมีปัญหาอะไร ระหว่างไฟลท์หรือเปล่า ผู้โดยสาร เพื่อนร่วมงาน จะพอใจการทำงานของเราหรือเปล่า ตื่นเต้นแต่ก็มีความสุข
เราอิจฉาชีวิตตัวเองมากเลย ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เราได้มีโอกาสเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการบินไทย เรารักอาชีพ รักบ้านหลังใหญ่หลังนี้มาก ๆ เราไม่เคยทำงานบริการมาก่อน งานบริการที่ต้องปฏิสัมพันธ์กับคนมากหน้าหลายตา จากต่างที่ ต่างวัฒนธรรม วันหนึ่งๆ เราได้เจอผู้คนไม่ต่ำกว่าสองร้อยคน หรือบางวันต้องบริการคนเกือบๆ พันคน ซึ่งนั่นไม่เป็นปัญหาสำหรับเราเลย เรารู้สึกสนุก ท้าทาย และมีความสุขมากๆ
เป็นเพราะเราเคยทำงานอื่นมาก่อน เราเลยยิ่งหลงใหลในอาชีพของเราเข้าไปใหญ่ เราเสพติดความสบายของงานบริการไปซะแล้ว สบายในที่นี้ไม่ใช่งานสบายนะคะ งานทุกงานมีความยากง่ายแตกต่างกันไป แล้วแต่ว่าความยากง่ายเหล่านั้นมันถูกจริตและทำให้เรามีความสุขในการทำงานได้หรือเปล่า อย่างเพื่อนนักบัญชีของเราบางคน เค้าสนุกในการหาตัวเลขที่หายไป มีความสุขในการทำ financial report เพราะไม่ต้องไปวุ่นวายกับใคร ตัวเลข เอกสาร มันไม่มีชีวิต พูดไม่ได้เถียงไม่ได้ สบายใจดี ส่วนงานบริการในแบบของเรา สบายดีตรงที่ เมื่องานจบส่งผู้โดยถึงที่หมาย ก็เป็นอันจบ ไม่มีการบ้าน ไม่มีใครโทรตามงานในวันหยุด ชีวิตเป็นของเราเต็มที่ อยากทำอะไรก็ทำ ช้อปปิ้ง สังสรรค์ พักผ่อน นอนหลับ ได้เต็มที่ เพื่อเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมสำหรับไฟลท์ถัด ๆ ไป
ความยากของการเป็นลูกเรือไม่ได้อยู่ที่เนื้องาน เพราะก็อย่างที่ทุกคนเห็น ลูกเรือมีหน้าที่ในการดูแลผู้โดยสาร ให้เดินทางถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ ให้ได้รับความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง จัดหาอาหารเครื่องดื่มให้คลายหิว จัดหาผ้าห่มให้คลายหนาว จัดหาหยูกยาบรรเทาอาการเจ็บป่วย และที่สำคัญคอยช่วยเหลือผู้โดยสารเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินในระหว่างเที่ยวบิน ซึ่งเราก็ภาวนาขออย่าให้มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นเลยในทุกครั้งที่แต่งตัวออกจากบ้าน
ความยากของอาชีพลูกเรืออยู่ที่เราทำงานกับใครและต้องคอยรับมือกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าอะไรบ้างมากกว่า ผู้โดยสารหลายร้อยคน จากทั่วทุกมุมโลก หลากภาษา หลายวัฒนธรรม ต่างความคาดหวัง ที่มาอยู่ในความรับผิดชอบของเรา คาดหวังในบริการของเรา กระตุ้นในเราต้องตื่นตัว พร้อมรับมือกับความหลากหลายเหล่านี้ ลูกเรือต้องปรับตัวเก่ง มีไหวพริบ แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ เพราะพอเครื่อง take off ไปแล้ว ทรัพยากรที่เรามีทั้งหมดบนเครื่อง มีจำกัด เราไม่รู้เลยว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างใน 10 ชม. ข้างหน้า หน้าที่ของเราคือต้องทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ผู้โดยสารทุกคนไปถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ
ลูกเรือ ไม่ได้เป็นแค่บริกร คอยบริการอาหารเครื่องดื่มให้ท่านเท่านั้นนะคะ เรายังเป็น "พี่เลี้ยงเด็ก" สำหรับคุณแม่ที่เดินทางคนเดียว เป็น "นักจิตวิทยา" คอยปลอบโยนผู้โดยสารที่หวาดกลัวการเดินทางบนเครื่องบิน เป็น "พยาบาล" คอยจ่ายยา ปฐมพยาบาล หรือแม้กระทั่งปั๊มหัวใจให้ผู้โดยสารที่ป่วย เป็น"ยาม" คอยเดินตรวจตราบนเครื่องบินในยามที่ท่านหลับ เป็น "นักดับเพลิง" ในกรณีที่เกิดไฟไหม้บนเครื่อง เมื่อมีผู้โดยสารแอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำ เป็น"นักไกล่เกลี่ย" เวลาเกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้โดยสาร เป็น"ตำรวจ" เมื่อต้องจัดการกับผู้โดยสารที่อาละวาด หรือคุกคามผู้โดยสารและความปลอดภัยการบิน และที่สำคัญเป็น "เพื่อน" ที่จะทำให้ผู้โดยสารทุกท่านอุ่นใจตลอดการเดินทาง
ค่าตอบแทนที่เราได้เมื่อเทียบกับอาชีพอื่น อาจจะดูเยอะก็จริง แต่มันก็ไม่ได้เยอะมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่เราต้องแลกมานะคะ เราพูดได้ว่าอาชีพลูกเรือ เป็นอาชีพที่ขายสุขภาพเพื่อแลกเงิน เราต้องตื่นในเวลาที่ควรจะนอน เราต้องนอนในเวลาที่ควรจะกิน เราต้องกินในเวลาที่ระบบย่อยไม่ทำงาน ยิ่งอาหารการกินไม่ต้องพูดถึง 12 ปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ไปบินเราต้องกินอาหารแช่แข็ง ที่ต้องผ่านกระบวนการอุ่นซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนบั่นทอนสุขภาพของเราตลอดเวลา อาจจะเรียกว่าตายผ่อนส่งแบบไม่มีทางเลือกด้วยซ้ำ เงินค่าตอบแทนที่ได้มา ก็ต้องเอามาซื้อวิตามินเพื่อบรรเทาความเสื่อมของร่างกาย ของสุขภาพ เก็บไว้รักษาตัว นอกจากนี้ ค่าครองชีพในแต่ละเมืองที่เราไปค้าง ก็ไม่ใช่ถูก อาหารมื้อหนึ่งไปต่ำกว่า 400 บาท เทียบไม่ได้เลยกับข้าวแกง 40 บาทที่เมืองไทย และที่สำคัญ เบี้ยเลี้ยงเดินทางของเราไม่ได้ปรับขึ้นเลยจาก 20 ปีที่แล้ว เริ่มต้นอาจจะดูเหมือนรายได้เรามากกว่าอาชีพอื่นก็จริง แต่ในะยะยาวแล้วไม่ใช่เลยเพราะ เมื่อเทียบอายุงานแล้ว อาชีพอื่นๆ จะก้าวหน้าไปกว่าเราเยอะมากแต่สำหรับเรา ยังงัยก็คุ้ม เพราะเรามีความสุขที่ได้บิน ให้เลือกใหม่ เราก็เลือกที่จะเป็นลูกเรือรับเงินไม่ถึงแสน แทนการเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีเงินล้านอยู่ดี
ตอนนี้การบินไทยเกิดวิกฤต อย่างที่ทุกท่านก็ทราบดี ในโลกออนไลน์ หลายคนออกมาประนาม ด่าทอ สาบแช่ง ขอให้สายการบินแห่งชาติที่รับใช้คนไทยมานานกว่า 50 ปี เจ๊ง ล้มละลาย บลา ๆๆ อย่างเคียดแค้นชิงชัง เราไม่เข้าใจเลย ว่าการบินไทยไปสร้างความโกรธเคืองให้คนไทยเหล่านั้น เรามั่นใจว่าทุกเที่ยวบินที่มีผู้โดยสารคนไทย ลูกเรือบริการกันเต็มที่ พยายามสร้างความประทับใจให้มากที่สุด เพราะเราทราบถึงความคาดหวังของคนไทยที่มีต่อสายการบินไทย และทุกไฟลท์ผู้โดยสารก็จากเราไปด้วยรอยยิ้มทุกครั้ง
แต่ในภาวะวิกฤติเช่นนี้ก็ยังมีข้อดี เพราะทำให้เราได้เห็นว่า ยังมีคนไทยอีกหลายคน ผู้โดยสารที่น่ารัก ที่ยังภาคภูมิใจและรักการบินไทยอีกมาก ออกมาให้กำลังใจ ออกมาแสดงตัวเป็นแรงใจให้คนทำงานที่ทุ่มเท และแสดงความเข้าใจในวิกฤตของบริษัท ที่เกิดจากการคอรัปชั่นของคนระดับบริหารไม่กี่คน เห็นความสามัคคีของคนการบินไทยที่พร้อมจะผ่านวิกฤตไปด้วยกัน ถึงเวลาที่เราต้องปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงเพื่อที่เราจะสามารถก้าวผ่านมันไปได้
เราเองก็เหมือนกัน ต้องปรับตัว และต้องพยายามให้มากขึ้น จะไปเย็บมุมปากให้หน้ายิ้มตลอดเวลา จะได้ไม่พลาดไปขัดตาท่านผู้โดยสารท่านไหน ผู้โดยสารที่รักและหวังดีกับการบินไทย สะกิดบอกกันได้เลยนะคะ ถ้าวันไหนยิ้มน้อยไปนิด เจ๊าะแจ๊ะน้อยไปหน่อย ประท้วงได้เลยค่ะ พวกเราสัญญาว่าจะทำให้ทุกท่านประทับใจตลอดการเดินทางเลย เพื่อน ๆ ชาวการบินไทยทุกคนก็อย่าเพิ่งหมดกำลังใจนะคะ เรามาช่วยกันสร้างการบินไทยขึ้นมาใหม่ จากนี้การบินไทยมีแต่จะดีขึ้นๆ เพราะเราลงมากันสุดทางแล้ว ร่วมเป็นกำลังใจให้คุณจรัมพร ให้ท่านสามารถผ่าตัด รักษาโรค ตัดเนื้อร้ายของการบินไทยที่รักยิ่งของเราให้สำเร็จกันนะคะ
.... การบินไทย สู้แค่ตายค่ะ !!!
I LOVE TG
ป.ล อย่าโยงเข้าการเมืองเลยนะคะ เพราะถึงจะ เป่านกหวีด แต่ก็ในฐานะประชาชนคนไทย และไม่เคยเห็นด้วยกับการลากเอา การบินไทย เข้าไปเลือกข้างฝ่ายการเมือง เพราะผู้โดยสาร มีหลากสีค่ะ ขอบคุณนะคะ ^^