"อภิสิทธิ์" ในฐานะฝ่ายโจทก์เบิกความคดีสร้างโรงพัก 396 แห่ง หลังถูก "ธาริต" หมิ่นจนได้รับความเสียหาย -ย้ำ ฝ่ายโจทก์ทำตามการอนุมัติของสตช.ที่เสนอมา
http://politic.tnews.co.th/content/127672/
วันนี้ ( 4 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลสืบพยานโจทก์ คดีดำ อ.495/2556 ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือพระสุเทพ ปภากโร เลขาธิการ กปปส. และอดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ ) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 21 ม.ค.-4 ก.พ. 56 นายธาริต จำเลยแถลงข่าวกล่าวหาใส่ร้ายโจทก์ ทำนองว่าเป็นผู้มีคำสั่งไม่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)ทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ 396 แห่งทั่วประเทศตามที่เสนอ แต่กลับให้รวมสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างเพียงรายเดียว ทำให้บริษัท พีซีซี ดิเวลล็อปเม้นท์ แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล จนเกิดปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งล้วนเป็นเท็จ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วยโดยวันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี ได้เบิกความเป็นพยานโจทก์สรุปว่า หลังจากตนได้รับการเลือกตั้งให้เป็นนายกฯ แล้ว ก็ได้มอบหมายให้โจทก์เป็นรองนายกฯ มีหน้าที่ดูแล สตช.โดยเมื่อ 27 พ.ย.51 ครม. มีมติให้ดำเนินการโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน ซึ่งเป็นการดำเนินการอย่างเร่งด่วนกับโรงพักที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป ภายใต้งบประมาณ 6,672 ล้านบาท ขณะที่จำเลยแถลงข่าวประมาณ 3 ครั้ง ยืนยันในทำนองว่า โจทก์เป็นผู้แทรกแซงสั่งการให้ สตช. ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างแบบรายภาคเป็นแบบรวมสัญญา ทำให้เกิดความเสียหายขึ้นกับโครงการนี้ซึ่งไม่เป็นความจริง จำเลยให้ข่าวในลักษณะใส่ร้ายทางการเมือง ให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์และพยานทั้งที่โจทก์เป็นผู้เห็นชอบในการอนุมัติตามที่ สตช. เสนอมาเท่านั้น
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดซื้อจัดจ้างเกิดขึ้นในสมัย พล.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. ขณะนั้น โดย พล.ต.อ.ประทีป ไม่มีอำนาจเพิกถอนเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงต้องเสนอให้โจทก์พิจารณา เพื่อให้ถูกต้องตามระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์นอกจากนี้ ระหว่างนั้นเป็นช่วงของการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แต่จำเลยได้แถลงข่าวร่วมกับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. และผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ขณะนั้น ได้สวมเสื้อพรรคเพื่อไทย หมายเลข 9 นั่งอยู่ด้วย โดยจำเลยอ้างว่า พล.ต.อ.พงศพัศ ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองอย่างชัดเจน และการปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์หากมีการกระทำผิด ป.ป.ช. จะเป็นผู้ดำเนินการสอบสวน ไม่ใช่หน้าที่ดีเอสไอที่จะมาแถลงข่าว โดยก่อนหน้านี้จำเลยเคยมีความเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ที่จะสอบสวน แต่ดีเอสไอกลับเข้ามาดำเนินการ ก่อนส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ภายหลังศาลสืบพยานปากนี้เสร็จ ศาลได้นัดสืบพยานโจทก์ปากต่อไปวันที่ 5 ก.พ. นี้ เวลา 09.00 น...
สู้ๆไม่เคยหนี!! นายกอภิสิทธิ์ สู้คดี "โรงพักฉาว" !!! ย้ำ ฝ่ายโจทก์ทำตามข้อเสนอสตช. ชี้ ถูกการเมืองแทรกแทรง
http://politic.tnews.co.th/content/127672/
วันนี้ ( 4 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลสืบพยานโจทก์ คดีดำ อ.495/2556 ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือพระสุเทพ ปภากโร เลขาธิการ กปปส. และอดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ ) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 21 ม.ค.-4 ก.พ. 56 นายธาริต จำเลยแถลงข่าวกล่าวหาใส่ร้ายโจทก์ ทำนองว่าเป็นผู้มีคำสั่งไม่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)ทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ 396 แห่งทั่วประเทศตามที่เสนอ แต่กลับให้รวมสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างเพียงรายเดียว ทำให้บริษัท พีซีซี ดิเวลล็อปเม้นท์ แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล จนเกิดปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งล้วนเป็นเท็จ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วยโดยวันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี ได้เบิกความเป็นพยานโจทก์สรุปว่า หลังจากตนได้รับการเลือกตั้งให้เป็นนายกฯ แล้ว ก็ได้มอบหมายให้โจทก์เป็นรองนายกฯ มีหน้าที่ดูแล สตช.โดยเมื่อ 27 พ.ย.51 ครม. มีมติให้ดำเนินการโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน ซึ่งเป็นการดำเนินการอย่างเร่งด่วนกับโรงพักที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป ภายใต้งบประมาณ 6,672 ล้านบาท ขณะที่จำเลยแถลงข่าวประมาณ 3 ครั้ง ยืนยันในทำนองว่า โจทก์เป็นผู้แทรกแซงสั่งการให้ สตช. ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างแบบรายภาคเป็นแบบรวมสัญญา ทำให้เกิดความเสียหายขึ้นกับโครงการนี้ซึ่งไม่เป็นความจริง จำเลยให้ข่าวในลักษณะใส่ร้ายทางการเมือง ให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์และพยานทั้งที่โจทก์เป็นผู้เห็นชอบในการอนุมัติตามที่ สตช. เสนอมาเท่านั้น
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดซื้อจัดจ้างเกิดขึ้นในสมัย พล.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. ขณะนั้น โดย พล.ต.อ.ประทีป ไม่มีอำนาจเพิกถอนเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงต้องเสนอให้โจทก์พิจารณา เพื่อให้ถูกต้องตามระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์นอกจากนี้ ระหว่างนั้นเป็นช่วงของการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แต่จำเลยได้แถลงข่าวร่วมกับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. และผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ขณะนั้น ได้สวมเสื้อพรรคเพื่อไทย หมายเลข 9 นั่งอยู่ด้วย โดยจำเลยอ้างว่า พล.ต.อ.พงศพัศ ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองอย่างชัดเจน และการปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์หากมีการกระทำผิด ป.ป.ช. จะเป็นผู้ดำเนินการสอบสวน ไม่ใช่หน้าที่ดีเอสไอที่จะมาแถลงข่าว โดยก่อนหน้านี้จำเลยเคยมีความเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ที่จะสอบสวน แต่ดีเอสไอกลับเข้ามาดำเนินการ ก่อนส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ภายหลังศาลสืบพยานปากนี้เสร็จ ศาลได้นัดสืบพยานโจทก์ปากต่อไปวันที่ 5 ก.พ. นี้ เวลา 09.00 น...