[แปล] จดหมายเปิดผนึกถึงมุสลิมสายกลาง

จดหมายฉบับนี้เขียนโดย Ali A. Rizvi นายแพทย์มุสลิมเชื้อสายแคนาดา-ปากีสถาน ซึ่งมีผู้แปลไว้ใน facebook [https://www.facebook.com/groups/Religion.Forums/permalink/626001934173043/] ผมเห็นว่าเนื้อหาน่าสนใจ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการแก้ต่างด้านความรุนแรงว่าทำไมชาวมุสลิมปัดไม่พ้นตัวเสียที จึงลอกมาไว้ที่นี่  
ผมขออนุญาตแท็ค ปัญหาสังคม และ หน้าต่างโลกด้วย เพราะประเด็นความรุนแรงมันเกี่ยวเนื่องกัน
อ่านต้นฉบับได้ที่ http://www.huffingtonpost.com/ali-a-rizvi/an-open-letter-to-moderat_b_5930764.html


ขอเริ่มต้นด้วยสิ่งที่ผมจะไม่ทำ

ผมไม่ได้กำลังจะกล่าวโทษคุณต่อการนิ่งเงียบเมื่อเผชิญกับการกระทำอันป่าเถื่อนทารุณทั่วโลกที่เกี่ยวเนื่องกับเพื่อนร่วมศาสนาของคุณ

เกือบทั้งหมดของพวกคุณได้ประณามกลุ่มแบบ ISIS อย่างแข็งขันและชัดเจน และได้แยกขาดตัวเองออกจากกลุ่มพวกนั้น ด้วยความช่วยเหลือของคุณ ทำให้การโดดเดี่ยว ISIS ประสบความสำเร็จและส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของพวก ISIS อย่างมีนัยยะสำคัญ

และผมไม่ได้กำลังจะกล่าวโทษคุณในการที่รู้สึกเห็นอกเห็นใจต่อกลุ่มสุดโต่งด้วยเหตุของการทำญิฮาดด้วยความรุนแรง และการบังคับเปลี่ยนศาสนาด้วยกำลัง ผมรู้ว่าคุณก็ประณามวิธีการที่ล้าหลังเหล่านั้นเหมือนพวกเรา บางทีอาจจะมากกว่าเราด้วยซ้ำ เมื่อพิจารณาว่าส่วนใหญ่ของเหยื่อกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงนั้นเป็นมุสลิมสายกลางอย่างคุณ ต่อเรื่องนี้ ผมอยู่ฝ่ายเดียวกับคุณ
แต่ผมต้องการจะพูดเกี่ยวกับการลดลงอย่างต่อเนื่องของความน่าเชื่อถือต่อพวกคุณ เป็นความกังวลที่หลายคนในพวกคุณก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

คุณกำลังรู้สึกถูกเข้าใจผิดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อกลุ่มหัวรุนแรงได้ปล้นภาพลักษณ์ของมุสลิม แสดงตัวอย่างโอ้อวดราวกับเป็น “เสียงแห่งอิสลาม” และที่แย่ที่สุดคือ เหมือนกับว่าใครๆ ก็ดูจะเห็นด้วยกับสิ่งเหล่านี้

ความไม่พอใจเป็นสิ่งที่ชัดเจน ในปฏิกิริยาต่อรายการตลกของ Bill Maher ที่เสียดสีความเงียบของฝ่ายเสรีนิยมในการวิพากษ์อิสลาม Reza Aslan นักวิชาการด้านศาสนา ได้ถล่มเขาในบทสัมภาษณ์แก่ CNN อย่างเดือดดาล Aslan ถึงกับใช้คำว่า “งี่เง่า” และ “ดื้อด้าน” เพื่อชี้ประเด็น (Aslan ขอโทษในภายหลัง)

เราจะรับฟังข้อโต้แย้งของ Aslan ในไม่ช้า แต่ก่อนอื่นเราขอพูดถึงบางอย่างที่เขาพูดกับพิธีกรซึ่งผมรู้ว่าพวกคุณหลายคนมีความรู้สึกร่วม นั่นก็คือ มุสลิมสายกลางมักถูกวาดภาพด้วยสีสันเดียวกับกลุ่มหัวรุนแรงบ่อยครั้งเกินไป และนี่เป็นเรื่องจริง มันเป็นเรื่องไม่ยุติธรรมสำหรับมุสลิมสายกลางเช่นคุณ

แต่คุณไม่สามารถโทษสิ่งเหล่านี้ง่ายๆ ไปที่ “ความเพิกเฉยต่อข้อเท็จจริง” หรือ “ความดื้อด้าน” ของคนที่ไม่ใช่มุสลิม หรือความลำเอียงของสื่อสารมวลชน สื่อมวลชนและคนที่ไม่ใช่มุสลิมไม่ได้แข็งกระด้างมากไปกว่าโลกมุสลิมที่คุณและผมกำเนิด

ปัญหาก็คือ มุสลิมสายกลางอย่างคุณก็มีบทบาทที่อย่างสำคัญในการทำให้มุมมองแบบนี้ยังคงอยู่ต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าคุณจะไม่ตั้งใจก็ตาม

คุณคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้บ้างไหม?

1. มุสลิมสายกลางระบุว่า ISIS นั้นผิด พวกเขาไม่ใช่ มุสลิม “ที่แท้จริง” และอิสลามเป็นศาสนาแห่งสันติ

2. ผู้สงสัยถามว่า แล้วโองการในอัลกรุอ่าน 4:89 ที่บอกให้ “ยึดครอง” และ “ฆ่า” พวกที่ไร้ศรัทธา หรือ 8:12-13 ที่กล่าวว่า พระเจ้าได้ส่งเทวทูตให้ฟันลงไปบน “คอ” และ “ปลายนิ้ว” ของพวกปฏิเสธพระเจ้า เป็นนัยของ “โทษอันทุกข์ทรมาน” ของผู้ที่ต่อต้านพระเจ้าและศาสดา หรือ 5:33 กล่าวว่าใครที่ “เผยแพร่ความฉ้อฉล” (เป็นวลีที่คลุมเครือ แต่ยอมรับในวงกว้างว่ารวมถึงการ หมิ่นศาสนา และ ละทิ้งศาสนา) จะต้องโดน “ฆ่าหรือตรึงกางเขน” หรือ 47:4 ที่บัญญัติให้ “ตัดหัว” พวกที่ไร้ศรัทธาเมื่อได้เผชิญหน้าในสงครามศักดิ์สิทธิ์

3. มุสลิมตอบโต้ด้วยการปกป้องโองการเหล่านี้ดังถ้อยคำของพระเจ้า มุสลิมยืนยันว่าโองการเหล่านี้ถูก “ดึงออกมานอกบริบท” ,อธิบายผิดๆ,เป็นคำเปรียบเปรย,หรือแม้กระทั่งแปลผิด

4. ถึงแม้ว่าถ้อยคำเหล่านี้ปรากฏอยู่ในคำแปลหลายภาษา หรือถูกบอกกล่าวผ่านคัมภีร์เล่มอื่น (ผู้เขียนยกตัวอย่าง ไบเบิ้ล Leviticus 24:16 “ผู้ใดหมิ่นประมาทศาสนา ผู้คนทั้งหลายจงเขวี้ยงหินจนมันตาย ไม่ว่ามันจะเป็นคนต่างถิ่นหรือคนท้องถิ่น มันจักต้องโทษถึงตาย) ล้วนสามารถถูกตั้งคำถามได้ในทุกบริบท แต่มุสลิมยืนยันที่จะปกป้องพระคัมภีร์

บางครั้งการแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับเรื่องข้างต้น ผู้ตั้งคำถามก็ถูกแปะฉลากว่าเป็น “โรคกลัวอิสลาม”(Islamophobe) หรือถูกตราหน้าว่า “ดื้อด้าน” เหมือนที่ Aslan ทำกับพิธีกรตลกอย่าง Maher และพิธีกรของ CNN สิ่งเหล่านี้เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงและส่งผลทำให้การสนทนาสิ้นสุดลง ไม่มีใครอยากถูกกล่าวหาว่าดื้อด้าน

แต่ลองมองจากมุมมองของผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมดูสิ สิ่งเหล่านี้มันทำให้พวกเขาเชื่อมโยงกับก่อการร้ายจริงๆ หรือเปล่า? เราถูกล้อมรอบด้วยภาพและวิดิโอของนักรบญิฮาดตะโกน “อัลลอฮ์อักบาร” และอ้างถึงบางบทในอัลกรุอ่านก่อนจะตัดหัวเหยื่อ (บ่อยครั้งเหยื่อก็ไม่ใช่มุสลิม) จุดชนวนระเบิด ชักชวนผู้อื่นสู่สงคราม ใครกันแน่ที่ทำให้สิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงกัน?

คุณจะทำอย่างไรถ้าสถานการณ์เหล่านี้มันกลับด้านกัน? (หรือถ้าคุณลองสมมติตัวเองว่าไม่ใช่มุสลิม) อะไรที่คนไม่ใช่มุสลิมจะคิด เมื่อมุสลิมสายกลางอย่างคุณ ปกป้องทุกถ้อยคำและคัมภีร์เล่มเดียวกับเวลาที่กลุ่มหัวรุนแรงอ้างในการฆ่าพวกเขา ดังกับสิ่งเหล่านี้สมบูรณ์และไร้ข้อผิดพลาด?

เหมือนกับมุสลิมสายกลางคนอื่นๆ Aslan มักตัดพ้ออยู่เสมอต่อผู้ที่อ่านอัลกรุอ่าน “ตามตัวอักษร” น่าสนใจมากเพราะเราเห็นร่วมกันในเรื่องนี้ นั่นคือการ “อ่านตามตัวอักษร” ราวกับ “พระเจ้าเขียนเอง” นั้นรบกวนจิตใจของผมพอๆ กับรบกวนจิตใจ Aslan

สิ่งเหล่านี้กำลังบอกว่า Aslan ไม่ได้โดดเดี่ยว จำนวนมากในพวกคุณยืนยันที่จะหา “การตีความที่เป็นทางเลือก” หรือบางอย่างที่เป็นการอ่านแบบอุปมาอุปไมย หรืออะไรก็ตาม ที่หลีกเลี่ยงการอ่านสิ่งที่คัมภีร์ถูกเขียนขึ้นมาจริงๆ คุณต้องการสื่อสารอะไรให้แก่คนภายนอก? มันแปลได้ว่ามีบางอย่างไม่สมเหตุผลในการที่คุณอ้าง “ความสมบูรณ์ของถ้อยคำแห่งพระเจ้า”

เวลาที่คุณบอกผู้ฟังให้ตระหนักถึงคุณค่าของการ “ตีความ/อธิบาย” ถ้อยคำเหล่านี้มากกว่าตัวหนังสือคัมภีร์จริงๆ เสียอีก จริงๆ แล้วนี่ไม่เป็นผลดีนักต่อตัวผู้ประทานคัมภีร์เอง เมื่อเอามารวมกับข้ออ้างที่ว่านี่เป็นหนังสือที่ถูกเข้าใจผิดอย่างกว้างขวาง มันทำให้ภาพของผู้ประทานคัมภีร์นั้นทั้ง “ขาดความชัดเจน” และ “ไร้ความสามารถ” ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณตั้งใจจะสื่อสารไปยังบุคคลภายนอก ผมเคยอยู่ในสถานการณ์เดียวกับคุณ แต่มันสำคัญมากที่จะเข้าใจว่า ทำไมคนที่ไม่ใช่มุสลิมจึงเข้าใจในความหมายแบบนั้น

ถ้าวรรณกรรมใด ๆ ต้องการการตีความอย่าง “อุปมาอุปไมย” อย่างน้อยมันต้องสะท้อนความคิดดั้งเดิม การ “อุปมาอุปไมย” มีความสำคัญอยู่ที่การทำความคิดให้เป็นภาพรูปธรรมและแจ่มชัด ไม่ใช่การ “บิด” หรือยิ่งทำให้ “คลุมเครือ” เมื่อคำตามตัวหนังสือพูดถึงความรุนแรงอย่างโจ่งแจ้ง แต่กลับถูกอ้างว่าหมายถึงสันติและเอกภาพ นี่ไม่ใช่ขอบเขตของการ “ตีความ” หรือ “อุปมาอุปไมย” หากเป็นการ “บิดเบือน” หรือ “ตีความผิดๆ” ต่างหาก

ถ้าการตีความอย่างขาดความเชื่อมโยงแบบนี้มีแค่วรรคสองวรรค หรือหากการตีความแบบนี้ได้รับการยอมรับโดยโลกมุสลิมทั้งหมด ผมจะยอมรับคำโต้แย้งของคุณ โชคร้ายไม่ได้เป็นอย่างนั้นทั้งสองกรณี
ถึงจุดนี้คุณอาจจะส่ายหน้า ผมรู้คำอธิบายของคุณมันโน้มน้าวใจเหล่าผู้ศรัทธา นั่นเป็นเรื่องคาดการณ์ได้ เมื่อผู้คนไม่อยากจะละทิ้งศรัทธาและมโนธรรมของตน เขาจะกระโจนเข้าหาอะไรก็ตามที่ทำให้ทั้งศรัทธาและมโนธรรมไปด้วยกันได้

แต่เชื่อผม เมื่อต้องออกไปเผชิญกับผู้อื่นที่ไม่ใช่มุสลิม ทั้งหมดนี้มันดูสับสนมาก ผมได้โต้แย้งกับชาวเสรีนิยมตะวันตกที่ยอมรับว่าคำโต้แย้งเหล่านี้ไม่สามารถโน้มน้าวใจได้เลย แต่เขาก็สะกดกลั้นที่จะแสดงความเห็นเพราะเกรงที่จะถูกมองว่าเป็น “โรคกลัวอิสลาม” (อย่างไร้เหตุผล –Islamophobic) หรือเพื่อประโยชน์ต่อการสนับสนุนมุสลิมสายกลางในการแชร์เป้าหมาย ในการต่อต้านพวกหัวรุนแรง พวกเสรีนิยมที่เป็นพันธมิตรกับคุณล้วนจริงใจ

แต่คุณจะแปลกใจว่ามีคนเหล่านั้นมากแค่ไหนที่ไม่บอกว่าเขาคิดอย่างไรจริง ๆ เพราะกลัว หรือเพราะอุดมการณ์ทางการเมือง ข้อแตกต่างเดียวระหว่าง Maher (ผู้ที่ตั้งคำถามวิพากษ์อิสลามจน มุสลิมสายกลางอย่าง Aslan โมโห) กับพวกเขาคือ Maher ได้พูดสิ่งที่คิดออกมาจริงๆ

โชคร้าย เพราะนี่เป็นสิ่งที่ทำให้ความน่าเชื่อถือของคุณถดถอยลงไปมาก และทำให้มุสลิมสายกลางถูกมองว่ามีความขัดแย้งในตัวเองอย่างประหลาด แม้ว่าคุณจะทำมันด้วยเจตนาที่ดีที่สุด แต่ก็ส่งผลให้ “ผู้ต่อต้านมุสลิมอย่างมืดบอด” กระชุ่มกระชวยขึ้น โดยการอธิบายความแตกต่างระหว่างคุณกับพวกหัวรุนแรง

คุณประณามสิ่งแย่ๆ ที่พวกเขาทำในนามของศาสนาของคุณ แต่เมื่อสิ่งที่เหมือน ๆ กัน ปรากฏขึ้นในพระคัมภีร์ที่คุณนับถือ คุณก็ทุ่มเทสติปัญญาทุกอย่างในการปกป้องมัน นี่ทำให้คุณถูกมองว่าไม่ยอมรับความจริงและการหลีกเลี่ยงด้วยเล่ห์นัย ยากที่การสนทนาอย่างจริงใจจะสานต่อได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่