สวัสดีครับ ก่อนอื่นเลยก็จะขอบอกไว้ก่อนเลยว่า เรื่องที่ได้เขียนนี้ เป็นเรื่องจริงที่มาจากประสบการณ์ของตัวเอง ไม่แน่ใจนักว่ามันคืออะไร แค่อยากเอามาเล่าสู่กันฟัง แชร์ประสบการณ์เฉยๆ สนุกๆนะครับ เพราะเห็นมันแปลกดี แล้วก็ขออนุญาตไม่เอ่ยถึงชื่อของสถานที่นะครับ กลัวเจ้าของกิจการจะเสียหาย
เริ่มเลยดีกว่าครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปี ที่แล้วครับ ตอนผมอยู่ ม.6 ตอนนั้นก็อยุ่ในช่วงเด็ก ม.6 อย่างเราๆวิ่งวุ่นสอบเข้ามหาลัย สอบตรงกันให้ว่อน ผมก็เป็น 1 ในนั้นครับ ตอนนั้นเป็นการเดินทางไปสอบเภสัชกร รอบตรง ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่มีคนสมัครเหยียบหมื่นคน
ผมเป็นคนสุราษนะครับ ดังนั้นในการเดินทางครั้งนั้นก็อาศัยรถทัวร์ปรับอากาศ ในตอนแรก ก็ได้จองโรงแรมที่พักเอาไว้กับเพื่อน เพื่อที่จะได้เอาไว้พักผ่อนและเดินทางไปสอบ จองกับเพื่อนๆนั่นแหละครับ เป็นโรงแรมที่หาข้อมูลในอินเตอเน็ตและโทรจองกันตามปกติ แต่ว่าสำหรับของผมนั้น เมื่อมาดูสถานที่สอบกับโรงแรม ปรากฎว่ามันไกลมาก ดังนั้นผมก็เลยปฎิเสธโรงแรมที่จะไปพักกับเพื่อนไป เพื่อที่จะได้หาที่ใหม่ที่ใกล้ๆกว่า จะได้สะดวกๆ
แต่ด้วยความที่เป้นคนต่างถิ่น ไม่ค่อยรู้จักที่ทางอะไรมาก หาข้อมูลจากในเน็ต ก็เจอแต่โรงแรมค่อนข้างแพง แถมก็อยุ่ไกลเหมือนกัน เลยตัดสินใจโทรหารุ่นพี่ที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เค้าก็ได้แนะนำโรงแรมแห่งหนึ่งมา สารภาพตามตรงว่าจำชื่อไม่ได้แล้วจริงๆครับ แต่เค้าบอกว่า ไปถึงโน่นถามแท็กซี่ เดี๋ยวเค้าก็พาไปส่ง หาชื่อโรงแรมจากในเน็ตก็ไม่เจอข้อมูลนะครับ(อันนี้ไม่แน่ใจว่าเพราะหาไม่ละเอียดรึเปล่านะ) แต่ตามที่พี่เค้าบอกมา มันอยู่ใกล้สถานที่ที่ผมต้องไปสอบมากครับ เดินไปสอบยังได้เลย ซึ่งดีมากๆ ราคาก็ถูกเหลือเชื่อ ก็เลยให้พี่เค้าขอเบอร์และโทรไปจองครับ ตอนโทรไปได้ยินเสียงปลายทางก็ดูเป็นคนมีอายุหน่อย เสร็จเรียบร้อยก็เดินทางครับ
เดินทางถึงกรุงเทพ ก็แยกย้ายกับเพื่อนครับ ฉายเดี่ยวเลย เด็ก ม.6 กับการมาท่องคนเดียวในกรุงเทพด้วยตัวเองครั้งแรก 555 กึ่งกลัวๆแต่ก็รู้สึกสนุกดี ก็บอกแท็กซี่ตามชื่อโรงแรมที่พี่เค้าบอกมา เค้าก็มาส่งครับ มันอยู่ไม่ไกลเลยจริงๆ แปปเดียวก็ถึง ก็แบกของแบกกระเป๋าไปที่โรงแรม ตอนแรกหาไม่เจอครับ เดินไปเดินมา แต่พอสังเกตดีๆ ตรงตึกแถว ข้างๆของมันมีช่องทางเดินเข้าไปและมีบันได เห็นป้ายชื่อโรงแรมก็เลยเดินเข้าไปดู ปรากฎว่า ลักษณะมันคือ ชั้นล่างก็เปิดเป็นร้ายขายของทั่วไป แต่มีบันไดข้างๆให้เดินขึ้นไปข้างบน ซึ่งข้างบนนั่นแหละคือโรงแรมครับ สำหรับผมไม่เคยเห็นลักษณะแบบนี้มาก่อน รู้สึกแปลกดี
เข้าไปเช็คอินที่เค้าเตอร์ เก้ๆกังๆหน่อยๆ แจ้งชื่อ ให้ดูบัตรว่าโทรจองอะไรเรียบร้อย ดูจริงจัง แต่คุณป้าเจ้าของก็คงเห็นและแอบขำๆ เพราะเค้าก็บอกว่า โรงแรมนี้มันว่างเยอะอยู่แล้ว ไม่ต้องรีบร้อนถึงขั้นจองหรอก มาตอนไหนก็ได้พักอยู่แล้ว 555+ แอบเขิลนิดๆ ก็ได้จองห้องพักแบบติดแอร์ไว้ครับ รู้สึกว่า ไม่แน่ใจว่ามันเหลือห้องเดียวหรือสองห้องนี่แหละ ขออนุญาตบรรยายลักษณะโรงแรมนะครับ
พอขึ้นไปชั้น 2 เดินวนบันได 2 รอบ สิ่งแรกที่จะเจอคือ เคาเตอร์สำหรับไว้เช็คอิน-เช็คเอ้า ตรงบันไดที่เดินผ่านมาก็มีศาลบูชาไรซักอย่าง ตามความเชื่อของเค้า น่าจะเป็นคนจีนนะ หันไปทางซ้ายก็จะเจอทางเดินยาวๆออกไป ห้องพักก็จะอยู่ทั้งด้านซ้ายด้านขวาของเราหลายๆห้องยาวไปครับ ลักษณะเป็นแบบสิ่งก่อสร้างผสม มีทั้งไม้ทั้งปูน เก่าๆหน่อย แต่ก็พอโอเค ก็ตามราคานะ 555+ ระหว่างที่เดินไปห้องพักตัวเอง ก็เดินผ่านห้องอื่นๆครับ บางห้องก็เปิดประตูไว้ไม่มีคนพัก มองเข้าไป มีเตียงเปล่าๆเก่าๆ เดาว่าคงเอาฟูกไปทำความสะอาดอยู่ แต่ความคิดตอนนั้น ตำนานโรงแรมผีสิงพุ่งเข้ามาในหัวเลยครับ 55+ แต่ก็พยายามไม่คิดอะไรมาก ตอนกลางวันก็ยังให้บรรยากาศครึ้มๆอึมครึมยังไงไม่รู้
เมื่อไปถึงห้องเปิดเข้าไป ก็พบห้องสภาพกึ่งเก่า กึ่งใหม่ มีแอร์ ของก็สภาพไม่ต่างกันกับตัวห้อง ใช้งานได้ แต่อย่าคาดหวังมาก เพราะดูจากราคากับใกล้สนามที่สอบก็โอเคแล้ว แอร์ ดูแล้วก็น่าจะพึ่งติดตั้งครับ เพราะดูไม่เข้ากับห้องเอาซะเลย แต่ที่สำคัญ มันมี 2 เตียงครับ ซึ่งผมมาคนเดียว แต่ก็คงจะเดาได้ว่า ห้องแอร์เค้าคงมีแค่ห้องนี้ และเป็นเตียงคู่พอดีมั้ง เลยไม่ได้สนใจอะไร ไม่ได้ถามเค้า ถึงจะ 2เตียง แต่ก็ราคาถูกอยู่ดี เทียบกับโรงแรมที่ของกับเพื่อนพวกเฟอร์นิเจอร์ก็มีตามที่โรงแรมทั่วไปมีครับ เตียงคู่ ทีวี ตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำ เดินออกไปนอกระเบียงได้ แต่สภาพให้หารครึ่งจากโรงแรมปกติครับ 55+
เสร็จสรรพก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงให้หายเหนื่อยหน่อย เพราะตอนไปถึงนั้น เพิ่งจะ 6 โมงเช้าเอง ผมนอนเตียงที่อยู่ติดประตูครับ อีกเตียงถูกคั่นกลางด้วยโต๊ะเล็กๆหัวเตียงและเตียงนั้นอยุ่ติดห้องน้ำ เลยออกไปก็เป็นระเบียง เอาของวางไว้โต๊ะกลางนั่นแหละครับ วันนั้นก็จัดของแล้วก็ออกไปเดินสำรวจอะไรเรื่อยเปื่อย ไปดูสถานที่สอบ เป็นโรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่งซึ่งใช้พื้นที่ร่วมกับวัด อยุ่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อของกรุงเทพที่หนึ่ง ตกเย็นก็กลับมาพักที่ห้อง นอนเล่นบนเตียง
พลันหัวก็นึกไปถึงความเชื่อนึงแถวบ้านที่ตอนเด็กๆเคยได้ยิน เค้าบอกว่า ถ้าไปต่างถิ่นต่างที่ พวกเตียงที่นอน ถ้าไม่มีใครนอนก็เอาของไปวางไว้ บอกเจ้าที่อะไรให้เรียบร้อย แต่ผมสารภาพว่า เป็นคนไม่ค่อยถืออะไรพวกนี้ครับ เฉยๆมาก ตราบใดที่ไปไหนและไม่ได้ทำให้ใครลำบาก เดือดร้อน ไม่ทำลายของเค้า ก็ไม่เป็นไรหรอกมั้ง นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็เผลอหลับไปครับ นอนเตียงที่ใกล้ประตูนั่นหละ แต่ตัวเฉียงไปยังอีกเตียง หันเท้าไปทางอีกเตียงแบบเฉียงสบายๆ ไหนๆทั้งห้องก็มีเราคนเดียว 555+ เหมือนนอนมองเตียงเปล่านั้นไปจนหลับนั่นแหละ
เริ่มรู้สึกตัวอีกทีก็ใกล้เช้าของอีกวันแล้วครับ น่าจะ 5-6 โมงเช้ามั่งครับ มึ่งครึ้มๆมืดๆ ค่อยๆตื่นขึ้นมา เปิดสายตามอง สิ่งแรกที่จะเห็นมันจะต้องเป็นเตียงเปล่าๆที่เดิมนั่นแหละครับ แต่คราวนี้ ผมกลับเห็นอะไรมากกว่านั้นครับ!
มีอะไรบางอย่างอยู่บนเตียง กำลังเคลื่อนที่ขึ้นๆลงๆ ผมพยายามเพ่งให้มากขึ้น เพราะยังงัวเงีย แล้วก็ค่อยเห็นรุปร่างมันชัดขึ้น มันไม่ใช่สิ่งของ มันไม่ใช่วัตถุใดๆทั้งสิ้น แต่มันคือ ร่างกายครับ ! แขนขาเล็กๆตัวสูงประมาณ120-140 เซน มันคือ ร่างของเด็กผู้ชายแต่ตัวเป็นสีดำเหมือนเงา กำลังกระโดดขึ้นลงบนเตียงอันนั้นที่มันว่างอยู่ ผมมองอยุ่นานมากครับ สิ่งนั้นก็กระโดดๆของมันไปเรื่อยๆ ทำสิ่งนั้นอยู่พักใหญ่มากราวกับไม่เห็นว่าผมอยุ่ตรงนั้น แต่แปลกว่าตอนนั้นกลับไม่รู้สึกกลัวอะไรเลย จากที่ดู ร่างเด็กคนนั้นกระโดนบนเตียงโดยมันหันหน้าไปอีกฝั่งที่ผมอยุ่ครับ เวลาผ่านไปซักพักก็เริ่มสว่างขึ้น ผมมองสิ่งนั้นจนมันก็ค่อยๆหายไปพร้อมกันในตอนที่ในห้องเริ่มสว่างแล้ว เหตุการณ์กลับมาปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่กล้าถามเจ้าของที่พักเหมือนกันครับ กลัวจะจิดตกจนคิดไปเองแล้วเค้าจะว่าเอา อีกอย่างก็เกรงใจด้วย หลังจากสอบเสร็จก็ต้องมาพักต่ออีกคืน แต่คืนที่สองไม่เจออะไรแล้วกลับครับ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกจริงๆ
ผมก็ไม่กล้าฟันธงว่ามันเป็นเรื่องผีอะไรหรอกนะครับ อาจจะผมเบอลมากก็ได้ตอนนั้น แต่ยอมรับว่า ผมนั่งเพ่งมันจนเช้าจริงๆนะแต่เหมือนยิ่งมองเท่าไหร่ มันก็ไม่ได้ช่วยให้เห็นชัดขึ้นเลย มันเหมือนมองความมืดอะไรซักอย่างที่เป็นรูปร่างอะครับ ไม่เชิงสีดำสนิทแบบสีที่เราเห็นได้ทั่วไป ถือว่าเป้นเรื่องแปลกที่เอามาบอกต่อนะครับ
ไม่เคยเขียนพันทิปอะไรจากเรื่องจริงแบบนี้มาก่อน ผิดพลาดยังไงก็ขออภัยนะครับ ถ้าเกริ่นส่วนอื่นมากไป ก็คิดซะว่ากำลังอ่าน "ผจญภัยในเมืองใหญ่ครั้งแรกของเด็ก ม.6" แล้วกันนะครับ ขำๆ 555 จริงๆมีเรื่องแปลกอีกเรื่อง ที่เจอตอนเรียน ปี1 นี้มาเหมือนกันครับ ไว้ถ้ามีคนสนใจ จะมาเล่าให้ฟัง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ใครเจออะไรเกี่ยวกบัโรงแรมมาอีกก็มาแชร์ๆกันบ้าง คงจจะน่ากลัวกว่าของผมเยอะแน่ๆ 555
เมื่อผมเดินทางไปสอบ ณ โรงแรมเก่าแห่งหนึ่งในกรุงเทพ...และสิ่งที่ได้เจอ..!!
เริ่มเลยดีกว่าครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปี ที่แล้วครับ ตอนผมอยู่ ม.6 ตอนนั้นก็อยุ่ในช่วงเด็ก ม.6 อย่างเราๆวิ่งวุ่นสอบเข้ามหาลัย สอบตรงกันให้ว่อน ผมก็เป็น 1 ในนั้นครับ ตอนนั้นเป็นการเดินทางไปสอบเภสัชกร รอบตรง ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่มีคนสมัครเหยียบหมื่นคน
ผมเป็นคนสุราษนะครับ ดังนั้นในการเดินทางครั้งนั้นก็อาศัยรถทัวร์ปรับอากาศ ในตอนแรก ก็ได้จองโรงแรมที่พักเอาไว้กับเพื่อน เพื่อที่จะได้เอาไว้พักผ่อนและเดินทางไปสอบ จองกับเพื่อนๆนั่นแหละครับ เป็นโรงแรมที่หาข้อมูลในอินเตอเน็ตและโทรจองกันตามปกติ แต่ว่าสำหรับของผมนั้น เมื่อมาดูสถานที่สอบกับโรงแรม ปรากฎว่ามันไกลมาก ดังนั้นผมก็เลยปฎิเสธโรงแรมที่จะไปพักกับเพื่อนไป เพื่อที่จะได้หาที่ใหม่ที่ใกล้ๆกว่า จะได้สะดวกๆ
แต่ด้วยความที่เป้นคนต่างถิ่น ไม่ค่อยรู้จักที่ทางอะไรมาก หาข้อมูลจากในเน็ต ก็เจอแต่โรงแรมค่อนข้างแพง แถมก็อยุ่ไกลเหมือนกัน เลยตัดสินใจโทรหารุ่นพี่ที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เค้าก็ได้แนะนำโรงแรมแห่งหนึ่งมา สารภาพตามตรงว่าจำชื่อไม่ได้แล้วจริงๆครับ แต่เค้าบอกว่า ไปถึงโน่นถามแท็กซี่ เดี๋ยวเค้าก็พาไปส่ง หาชื่อโรงแรมจากในเน็ตก็ไม่เจอข้อมูลนะครับ(อันนี้ไม่แน่ใจว่าเพราะหาไม่ละเอียดรึเปล่านะ) แต่ตามที่พี่เค้าบอกมา มันอยู่ใกล้สถานที่ที่ผมต้องไปสอบมากครับ เดินไปสอบยังได้เลย ซึ่งดีมากๆ ราคาก็ถูกเหลือเชื่อ ก็เลยให้พี่เค้าขอเบอร์และโทรไปจองครับ ตอนโทรไปได้ยินเสียงปลายทางก็ดูเป็นคนมีอายุหน่อย เสร็จเรียบร้อยก็เดินทางครับ
เดินทางถึงกรุงเทพ ก็แยกย้ายกับเพื่อนครับ ฉายเดี่ยวเลย เด็ก ม.6 กับการมาท่องคนเดียวในกรุงเทพด้วยตัวเองครั้งแรก 555 กึ่งกลัวๆแต่ก็รู้สึกสนุกดี ก็บอกแท็กซี่ตามชื่อโรงแรมที่พี่เค้าบอกมา เค้าก็มาส่งครับ มันอยู่ไม่ไกลเลยจริงๆ แปปเดียวก็ถึง ก็แบกของแบกกระเป๋าไปที่โรงแรม ตอนแรกหาไม่เจอครับ เดินไปเดินมา แต่พอสังเกตดีๆ ตรงตึกแถว ข้างๆของมันมีช่องทางเดินเข้าไปและมีบันได เห็นป้ายชื่อโรงแรมก็เลยเดินเข้าไปดู ปรากฎว่า ลักษณะมันคือ ชั้นล่างก็เปิดเป็นร้ายขายของทั่วไป แต่มีบันไดข้างๆให้เดินขึ้นไปข้างบน ซึ่งข้างบนนั่นแหละคือโรงแรมครับ สำหรับผมไม่เคยเห็นลักษณะแบบนี้มาก่อน รู้สึกแปลกดี
เข้าไปเช็คอินที่เค้าเตอร์ เก้ๆกังๆหน่อยๆ แจ้งชื่อ ให้ดูบัตรว่าโทรจองอะไรเรียบร้อย ดูจริงจัง แต่คุณป้าเจ้าของก็คงเห็นและแอบขำๆ เพราะเค้าก็บอกว่า โรงแรมนี้มันว่างเยอะอยู่แล้ว ไม่ต้องรีบร้อนถึงขั้นจองหรอก มาตอนไหนก็ได้พักอยู่แล้ว 555+ แอบเขิลนิดๆ ก็ได้จองห้องพักแบบติดแอร์ไว้ครับ รู้สึกว่า ไม่แน่ใจว่ามันเหลือห้องเดียวหรือสองห้องนี่แหละ ขออนุญาตบรรยายลักษณะโรงแรมนะครับ
พอขึ้นไปชั้น 2 เดินวนบันได 2 รอบ สิ่งแรกที่จะเจอคือ เคาเตอร์สำหรับไว้เช็คอิน-เช็คเอ้า ตรงบันไดที่เดินผ่านมาก็มีศาลบูชาไรซักอย่าง ตามความเชื่อของเค้า น่าจะเป็นคนจีนนะ หันไปทางซ้ายก็จะเจอทางเดินยาวๆออกไป ห้องพักก็จะอยู่ทั้งด้านซ้ายด้านขวาของเราหลายๆห้องยาวไปครับ ลักษณะเป็นแบบสิ่งก่อสร้างผสม มีทั้งไม้ทั้งปูน เก่าๆหน่อย แต่ก็พอโอเค ก็ตามราคานะ 555+ ระหว่างที่เดินไปห้องพักตัวเอง ก็เดินผ่านห้องอื่นๆครับ บางห้องก็เปิดประตูไว้ไม่มีคนพัก มองเข้าไป มีเตียงเปล่าๆเก่าๆ เดาว่าคงเอาฟูกไปทำความสะอาดอยู่ แต่ความคิดตอนนั้น ตำนานโรงแรมผีสิงพุ่งเข้ามาในหัวเลยครับ 55+ แต่ก็พยายามไม่คิดอะไรมาก ตอนกลางวันก็ยังให้บรรยากาศครึ้มๆอึมครึมยังไงไม่รู้
เมื่อไปถึงห้องเปิดเข้าไป ก็พบห้องสภาพกึ่งเก่า กึ่งใหม่ มีแอร์ ของก็สภาพไม่ต่างกันกับตัวห้อง ใช้งานได้ แต่อย่าคาดหวังมาก เพราะดูจากราคากับใกล้สนามที่สอบก็โอเคแล้ว แอร์ ดูแล้วก็น่าจะพึ่งติดตั้งครับ เพราะดูไม่เข้ากับห้องเอาซะเลย แต่ที่สำคัญ มันมี 2 เตียงครับ ซึ่งผมมาคนเดียว แต่ก็คงจะเดาได้ว่า ห้องแอร์เค้าคงมีแค่ห้องนี้ และเป็นเตียงคู่พอดีมั้ง เลยไม่ได้สนใจอะไร ไม่ได้ถามเค้า ถึงจะ 2เตียง แต่ก็ราคาถูกอยู่ดี เทียบกับโรงแรมที่ของกับเพื่อนพวกเฟอร์นิเจอร์ก็มีตามที่โรงแรมทั่วไปมีครับ เตียงคู่ ทีวี ตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำ เดินออกไปนอกระเบียงได้ แต่สภาพให้หารครึ่งจากโรงแรมปกติครับ 55+
เสร็จสรรพก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงให้หายเหนื่อยหน่อย เพราะตอนไปถึงนั้น เพิ่งจะ 6 โมงเช้าเอง ผมนอนเตียงที่อยู่ติดประตูครับ อีกเตียงถูกคั่นกลางด้วยโต๊ะเล็กๆหัวเตียงและเตียงนั้นอยุ่ติดห้องน้ำ เลยออกไปก็เป็นระเบียง เอาของวางไว้โต๊ะกลางนั่นแหละครับ วันนั้นก็จัดของแล้วก็ออกไปเดินสำรวจอะไรเรื่อยเปื่อย ไปดูสถานที่สอบ เป็นโรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่งซึ่งใช้พื้นที่ร่วมกับวัด อยุ่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อของกรุงเทพที่หนึ่ง ตกเย็นก็กลับมาพักที่ห้อง นอนเล่นบนเตียง
พลันหัวก็นึกไปถึงความเชื่อนึงแถวบ้านที่ตอนเด็กๆเคยได้ยิน เค้าบอกว่า ถ้าไปต่างถิ่นต่างที่ พวกเตียงที่นอน ถ้าไม่มีใครนอนก็เอาของไปวางไว้ บอกเจ้าที่อะไรให้เรียบร้อย แต่ผมสารภาพว่า เป็นคนไม่ค่อยถืออะไรพวกนี้ครับ เฉยๆมาก ตราบใดที่ไปไหนและไม่ได้ทำให้ใครลำบาก เดือดร้อน ไม่ทำลายของเค้า ก็ไม่เป็นไรหรอกมั้ง นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็เผลอหลับไปครับ นอนเตียงที่ใกล้ประตูนั่นหละ แต่ตัวเฉียงไปยังอีกเตียง หันเท้าไปทางอีกเตียงแบบเฉียงสบายๆ ไหนๆทั้งห้องก็มีเราคนเดียว 555+ เหมือนนอนมองเตียงเปล่านั้นไปจนหลับนั่นแหละ
เริ่มรู้สึกตัวอีกทีก็ใกล้เช้าของอีกวันแล้วครับ น่าจะ 5-6 โมงเช้ามั่งครับ มึ่งครึ้มๆมืดๆ ค่อยๆตื่นขึ้นมา เปิดสายตามอง สิ่งแรกที่จะเห็นมันจะต้องเป็นเตียงเปล่าๆที่เดิมนั่นแหละครับ แต่คราวนี้ ผมกลับเห็นอะไรมากกว่านั้นครับ!
มีอะไรบางอย่างอยู่บนเตียง กำลังเคลื่อนที่ขึ้นๆลงๆ ผมพยายามเพ่งให้มากขึ้น เพราะยังงัวเงีย แล้วก็ค่อยเห็นรุปร่างมันชัดขึ้น มันไม่ใช่สิ่งของ มันไม่ใช่วัตถุใดๆทั้งสิ้น แต่มันคือ ร่างกายครับ ! แขนขาเล็กๆตัวสูงประมาณ120-140 เซน มันคือ ร่างของเด็กผู้ชายแต่ตัวเป็นสีดำเหมือนเงา กำลังกระโดดขึ้นลงบนเตียงอันนั้นที่มันว่างอยู่ ผมมองอยุ่นานมากครับ สิ่งนั้นก็กระโดดๆของมันไปเรื่อยๆ ทำสิ่งนั้นอยู่พักใหญ่มากราวกับไม่เห็นว่าผมอยุ่ตรงนั้น แต่แปลกว่าตอนนั้นกลับไม่รู้สึกกลัวอะไรเลย จากที่ดู ร่างเด็กคนนั้นกระโดนบนเตียงโดยมันหันหน้าไปอีกฝั่งที่ผมอยุ่ครับ เวลาผ่านไปซักพักก็เริ่มสว่างขึ้น ผมมองสิ่งนั้นจนมันก็ค่อยๆหายไปพร้อมกันในตอนที่ในห้องเริ่มสว่างแล้ว เหตุการณ์กลับมาปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่กล้าถามเจ้าของที่พักเหมือนกันครับ กลัวจะจิดตกจนคิดไปเองแล้วเค้าจะว่าเอา อีกอย่างก็เกรงใจด้วย หลังจากสอบเสร็จก็ต้องมาพักต่ออีกคืน แต่คืนที่สองไม่เจออะไรแล้วกลับครับ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกจริงๆ
ผมก็ไม่กล้าฟันธงว่ามันเป็นเรื่องผีอะไรหรอกนะครับ อาจจะผมเบอลมากก็ได้ตอนนั้น แต่ยอมรับว่า ผมนั่งเพ่งมันจนเช้าจริงๆนะแต่เหมือนยิ่งมองเท่าไหร่ มันก็ไม่ได้ช่วยให้เห็นชัดขึ้นเลย มันเหมือนมองความมืดอะไรซักอย่างที่เป็นรูปร่างอะครับ ไม่เชิงสีดำสนิทแบบสีที่เราเห็นได้ทั่วไป ถือว่าเป้นเรื่องแปลกที่เอามาบอกต่อนะครับ
ไม่เคยเขียนพันทิปอะไรจากเรื่องจริงแบบนี้มาก่อน ผิดพลาดยังไงก็ขออภัยนะครับ ถ้าเกริ่นส่วนอื่นมากไป ก็คิดซะว่ากำลังอ่าน "ผจญภัยในเมืองใหญ่ครั้งแรกของเด็ก ม.6" แล้วกันนะครับ ขำๆ 555 จริงๆมีเรื่องแปลกอีกเรื่อง ที่เจอตอนเรียน ปี1 นี้มาเหมือนกันครับ ไว้ถ้ามีคนสนใจ จะมาเล่าให้ฟัง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ใครเจออะไรเกี่ยวกบัโรงแรมมาอีกก็มาแชร์ๆกันบ้าง คงจจะน่ากลัวกว่าของผมเยอะแน่ๆ 555