ขอเรียกร้องสวัสดิภาพให้น้องๆคอนโดสุนัขวัดสวนแก้วและความยุติธรรมให้กับคุณป้าทั้งสองท่านด้วยค่ะ (1)

เรียน พี่ๆชาวพันทิปทุกๆท่าน
ขอความกรุณาอ่านกระทู้ฉบับนี้ด้วยนะคะ เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 58 หนูได้มีโอกาสกลับไปเพื่อจะเยี่ยมเยียนสุนัขจรจัดของมูลนิธิสุนัขจรจัดแห่งหนึ่งแถวบางบัวทองซึ่งปีผ่าน ๆ มา หนูเคยเข้ามาที่นี่ และพบความน่ารักของน้อง ๆ ที่ออกมากระดิกหางต้อนรับ แต่การมาครั้งนี้ จำนวนน้อง ๆ ลดลงมากผิดปกติ ได้เห็นน้องๆกว่า700ชีวิตแล้วรู้สึกสงสารน้องๆพวกนั้นมาก คุณป้าสองท่านที่เคยทำงานและดูแลสัตว์ที่น่าสงสารเหล่านั้นโดนทางวัดไล่ออกโดยไม่ทราบสาหตุ ซึ่งคุณป้าทั้งสองท่านนี้เป็นคนที่รักสุนัขมากทำงานตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีชีวิตก็คลุกคลีอยู่กับน้องๆเหล่านี้ตลอดเวลา คุณป้าท่านหนึ่งกินนอนกับสุนัขที่นั่นตลอดทั้งวันทั้งคืน อีกท่านก็มาแต่เช้ามืดและกลับไปดูแลครอบครัวหลังจาก 3 ทุ่มไปแล้วแทบทุกวัน ทั้ง ๆ ที่ ทั้งสองท่านไม่ใช่คนยากจน แต่ก็อุตส่าห์เสียสละทุ่มเทให้เพราะรักเด็กเหล่านั้นเหมือนลูกเหมือนหลาน แต่ทำไมทางวัดถึงไม่เห็นความสำคัญของคุณป้าทั้งสองท่านนี้  ตอนที่คุณป้าโดนไล่ออกก็ได้แต่นำสุนัขที่เจ็บป่วยและพิการออกมาด้วยเป็นบางส่วนประมาณ 50-60 ตัวเท่านั้น(ไม่สามารถที่จะนำน้องๆที่เจ็บป่วยส่วนที่เหลือออกมาได้หมด) แล้วชีวิตที่เหลืออยู่ที่นั้นจะทำอย่างไร น้องๆล้มตายทุกวันเพราะไม่มีใครที่ดูแลเอาใจใส่ได้เหมือนคุณป้าทั้งสองท่านนี้  สุนัขป่วยก็ไม่ได้รับยาในแต่ละวัน  ทราบมาว่าคุณป้าทั้งสองท่านนี้ได้นำน้อง ๆ ที่แกช่วยได้บางส่วนไปอาศัยอยู่ในต่างจังหวัด   การที่ทางวัดจ้างคนใหม่เข้ามาดูแล ซึ่งคนใหม่ที่เข้ามาดูแลนี้ไม่ได้ดูแลน้องอย่างจริงจัง ไม่ได้อยู่ดูแลด้วยตลอดเวลาเหมือนป้าทั้งสองท่าน และที่สำคัญไม่ได้มาทำงานด้วยใจรักสุนัขแต่มาทำเพราะหารายได้ แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวไหนเจ็บป่วย ได้ยินจากชาวบ้านเค้าพูดกันว่าน้อง ๆ เหล่านี้ไม่ได้รับการเอาใจใส่ดูแล น้องๆโดนตีโดนด่าทุกวัน   วันนั้นที่หนูได้ไปเจอมีอาหารแค่7กระสอบเองอยู่หน้าบริเวรที่พัก ซึ่งน้องๆมีชีวิตกว่า700ตัว แล้วอาหารจะพอกินกันหรือเปล่า  ตอนที่หนูจะเข้าไปดู   คนเลี้ยงคนใหม่สั่งห้ามไม่ให้หนูเอาอาหารให้สุนัขกิน(ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมเค้าถึงบอกแบบนี้กับหนู)  กรงที่สุนัขที่โดนกักขังก็ไม่มีน้ำกินเลยในแต่ละกรง  อาหารก็ไม่มี มีแต่กองอึเยอะๆในกรงแต่ละกรง  น้ำก็ไม่มีให้กินสำหรับน้องๆที่ไม่ได้อยู่ในกรง  มีแต่แค่ตุ่มน้ำขนาดกลาง1ใบเท่านั้นที่มีน้ำให้น้องๆได้กิน   น้องๆที่มีลูกๆก็นอนทับอึทับฉี่กันหลายๆตัวเลยค่ะ   ข้อมูลต่างๆที่หนูได้เล่าให้ฟัง หนูได้เห็นกับตาตัวหนูเองและจากที่มีบางท่านได้มีโอกาสเห็นก็มาบ่นต่อๆกันมาด้วยความรู้สึกหดหู่และสังเวช  หนูไม่รู้จะช่วยน้องๆเหล่านั้นได้อย่างไร700ชีวิตที่เหลืออยู่จากพันกว่าชีวิตในระยะเวลาประมาณ2เดือน น้องๆล้มหายตายจากไปพร้อมกับความรักที่โหยหาจากป้าที่เคยเลี้ยงพวกเขา และต้องอยู่อย่างไร้การดูแลจากคนเลี้ยงคนใหม่ ถ้าท่านจะมองเพียงว่า ตอนป้า 2 คนอยู่ มูลนิธิรกสกปรกมาก ก็แล้วทำไมไม่จ้างคนมาดูแลเรื่องความสะอาดด้วยล่ะคะ นี่ให้ป้าทั้งให้น้ำเกลือ ฉีดยา รักษาเห็บหมัด ป้อนยา ให้ข้าว ให้น้ำ ทำความสะอาด เด็ก ๆ มีตั้งพันกว่าชีวิตนะคะ เวลาจะพอหรือคะ ขนาดพวกหนูที่มาเจอกันแล้วยืนคุยถึงเด็ก ๆ หมาแมวที่บ้าน ยังบ่นกันว่า ต้องทำความสะอาดบ้านทั้งเช้า-เย็น ทั้งอึฉี่ อาเจียน กัดกันเลือดออก ขนร่วง สารพัด ฯลฯ ทำไมตัดสินคนจากคำพูดหรู ๆ และภาพจัดฉากล่ะคะ  หมาแมวมันไม่รู้ว่าสกปรกของคนคือะไร มันรู้แต่ว่าความรักที่ให้เป็นอย่างไร และมันดีใจมีความสุขในความรักนั้น ๆ เมื่อต้องมาอยู่ในสถานที่ใหม่ที่ถูกทิ้ง และมีคนที่เลี้ยงดูอยู่ด้วยกันเหมือนแม่เหมือนยาย แค่นั้นมันก็พอใจแล้วล่ะค่ะ พอหน้าร้อนก็ลงน้ำไปลอยคอในท้องร่อง แต่ตอนนี้เป็นอย่างไรคะ  สภาพที่บอกว่ากำลังปรับปรุง แล้วหมาแมวต้องทนหน่อย ต้องทนหรือต้องตายคะ  ปริมาณที่เพียงพอที่ต้องการ คือการจำกัดจำนวน หรือกำจัดจำนวนที่มีอยู่ให้เหลือแต่ตัวที่แข็งแรงคะ  ขอร้องเถอะค่ะ ท่านอาจจะบอกว่ามันก็เป็นแค่สัตว์ช่วยเหลือขนาดนี้ก็ดีพอแล้ว จะเอาอะไรอีก ถ้าได้เข้าไปคลุกคลี จะรู้ว่าสัตว์ก็มีจิตใจนะคะ แล้วเรื่องราวต่างๆที่หนูเล่าให้ฟัง    ก็มีหลายคนที่เจอเหตุการณ์เดียวกันและได้เห็นในสิ่งที่หนูเห็นด้วยค่ะ แต่พวกเขาก็ส่ายหน้า แล้วก็เดินจากไป แค่พูดว่า ก็ทำได้เท่านี้ ตายไปบ้างก็ดีแล้วล่ะ จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีก แค่นี้เหรอคะกับชีวิตที่เกิดมา     หนึ่งเสียงของหนูที่บอกผ่านมาในครั้งนี้   หนูอยากให้น้องๆเหล่านั้นได้รับการดูแลจากคนที่ใจรักและสามารถทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีกว่านี้    เพราะไม่อยากเห็นน้องๆอยู่อย่างนี้    เค้าทุกข์ทรมารมากหนูสงสารเพราะเค้าไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ทำไมเค้าถึงได้รับชะตากรรมชีวิตแบบนี้   แต่ต้องการให้ชีวิตน้องๆเหล่านี้ได้รับการดูแลจากคนที่สามารถดูแลเค้าได้จริงๆให้อาหารป้อนยาเมื่อยามเจ็บป่วยไม่ใช้ป่วยแล้วปล่อยทิ้งตามยถากรรมของพวกเค้า หนูอาจจะไม่มีรูปมากมาย เพราะหนูไม่ได้คิดจะใส่ร้ายหรือวางแผนใส่ร้ายมูลนิธิ เลยไม่ได้เตรียมตัว มีเพียงบางภาพที่ถ่ายได้ (ถูกเดินประกบค่ะ)   ที่หนูเขียนมานี้หนูไม่ได้มีส่วนได้เสียกับใครอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่หนูเป็นคนรักสัตว์ อยากให้คนเข้าใจสัตว์ ทุก ๆ ชีวิตต่างก็ต้องการความรัก  หนูไม่ได้แก้ตัวแทนป้าสองคน หรือมีส่วนได้เสียกับป้าสองคน แต่เพราะหนูเห็นจิตใจที่แกรัก  น้อง ๆ นักศึกษาที่มาเจอกันแล้วเข้าไปเยี่ยมไม่ได้ เล่าให้ฟังว่า เวลาหมาแมวดื้อ ไม่เคยเห็นแกตีมัน  สิ่งที่เห็นคือแกตะโกนด่าให้สั่งให้หยุด  เวลานั่งคุยกันมือก็ไม่เคยเห็นว่าง คอยจับเห็บหมัดให้หมา ตาก็จะมองไปรอบ ๆ ดูว่ามันทำอะไรกันอยู่  (เวลาที่หนูไปคุยด้วย แกก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน) หนูถามว่า ถ้าแกขี้โกงจริง ๆ แกจะเอาเงินไปทำอะไร ค่าแรงที่ให้แกมีราคาค่าจ้างเท่าไหร่ในแต่ละวัน ทำงานตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง  สิ่งที่เหล่านี้ พวกหนูข้องใจค่ะ  ท่านอาจจะได้ยินคำพูดสวยหรูดูดี ทุกคนทำได้ แต่ป้าสองคนทำไม่ได้ แกเป็นคนระดับชาวบ้าน อยากพูดอะไรก็พูด แต่ไม่ใส่ร้าย ไม่วางแผน ไม่ได้คิดอะไรเพราะพอใจกับการได้อยู่กับหมาแมวที่แกรัก แต่ท่านฟังแต่คำพูดหรู ๆ ดี ๆ แล้วตราหน้าว่าป้าสองคนเลว บาปนะคะ ถ้าไม่มีโอกาสให้ป้าได้รับรู้ว่าใครใส่ร้ายแกยังไง โดยไม่ได้รับโอกาสในการชี้แจง เพราะไม่ต้องการให้แกพูดอะไรออกมาใช่ไหมค่ะ  หนูไม่ได้ต้องการเงินทอง ไม่ต้องการทุนทรัพย์หรือสิ่งของอะไรเลย ขอเพียงน้ำใจและน้ำพักน้ำแรงเท่านั้น เพราะถ้าทำแล้ว สามารถช่วยสัตว์เหล่านี้ได้ สำหรับภาพบางภาพที่แอบถ่ายได้ ถ้าถามว่าแล้วคนที่ถ่ายภาพนี้ทนได้อย่างไร ทำไมไม่เข้าไปช่วยเค้าก็ทนไม่ได้ แต่เค้าเข้าไปช่วยไม่ได้ เพราะค่ายกักกันสัตว์แห่งนี้ปิดประตูใส่กุญแจ และมีผู้คุมยืนอยู่ทุกจุด  สิ่งที่พี่ๆเห็นหน้าฉากที่เค้าจัดไว้สมัยก่อน มันไม่ใช่ภาพจริง ป้าสองคนที่เคยดูแลปกป้องหมาแมว ทำงานอยู่ในที่แห่งนี้ ถูกปรักปรำใส่ร้ายโดยไม่เคยมีโอกาสที่จะแก้ตัวแต่อย่างใด เพราะตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืนใช้ชีวิตอยู่กับน้องๆ กินกับน้องๆนอนกับน้องๆเหล่านี้ที่แกรัก แล้ววันนี้สิ่งที่แกได้รับกลับเป็นการทำร้ายจิตใจอย่างสาหัส อย่างที่แกบอกว่า พวกเด็ก ๆ จะอยู่กันอย่างไร  ป้าใจจะขาด สักตัวก็ไม่อยากให้จากไป เพราะเด็ก ๆ เหล่านั้นเลี้ยงดูเหมือนเป็นลูกเล็กเด็กแดงที่ไม่มีวันโต แกขอกราบกรานเจ้าของมูลนิธิเพื่อกลับเข้าไปดูแล(จิตอาสา)โดยไม่ขอรับเงินสักสลึง ก็ยังถูกตอกหน้ากลับมาว่าไม่มีที่จะไปซึ่งจริง ๆ แล้ว มันไม่ใช่  ใจของคนที่ไม่รักสัตว์ก็คิดอย่างนี้   ป้าแกมีบ้านมีที่มีทุกอย่างไม่ใช่ว่าจะไม่มีที่ไป แต่เพราะใจที่คิดถึงเด็กพวกนั้นแทบขาดใจ ร้องไห้จนน้ำตาจะเป็นสายเลือด ใครจะเข้าใจ   และตอนนี้น้องๆเหล่านี้หลายๆตัวก็หลุดออกมาจากในคอนโดบางตัวก็โดนรถชนเสียชีวิตไป (ชาวบ้านแถวนั้นเล่าให้พังว่า น้องที่เสียชีวิตซากได้ถูกนำไปขายให้คนงานชาวเขมรที่ทำงานในวัดสวนแก้วมีมูลค่า 200 บ.) ช่วยหาคำตอบให้หนูด้วยได้ไหมค่ะว่าทำไมน้องๆเหล่านี้ถึงหลุดออกจากในคอนโดได้ซึ่งผิดกับตอนที่ป้าทั้งสองอยู่ซึ่งน้องๆไม่หลุดออกมาเยอะแยะขนาดนี้(จงใจหรือเจตนาที่ต้องการลดปริมาณน้องๆลง) หนูไม่ได้ที่จะกล่าวหาแต่หนูทนดูไม่ได้กับน้องๆเหล่านี้แค่เค้าโดนทอดทิ้งจากเจ้าของที่ไม่ต้องการเค้าแล้วก็แสนที่จะเศร้าแล้วยังมาเจอคนที่ไม่มีจิตใจที่รักและสามารถดูแลเค้าได้เต็มที่อีกและเมื่อวันที่ 14 ม.ค 58 ก็ได้ไปพบน้องๆได้มีการรณรงค์เรื่องการทำหมันในวัดสวนแก้ว น้องๆบางตัวที่ได้ทำหมั่นไปแล้วก็โดนผ่าซ้ำอีก ป้าท่านนึงจะขอเข้าไปช่วยดูน้องๆที่เคยทำหมันแล้วไม่ให้โดนการผ่าซ้ำอีกก็ไม่อนุญาตให้เข้าไป ทางประธานมูลนิธิได้แจ้งว่าเข้ามาก่อกวนและให้ อส.(จำนวน20คน) เข้ามาคุมตัวป้าท่านนี้ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช้เรื่องจริงในสิ่งที่ประธานมูลนิธิวัดสวนแก้วกล่าว แล้วการที่เลขาฯ มูลนิธิพูดว่า ก็เป็นเวรกรรมของมันที่โดนผ่าซ้ำ นี่เป็นคำพูดของคนที่รักสัตว์เหรอคะ แล้วอย่าบอกว่าไม่ได้พูดนะคะ ประธานมูลนิธิที่พูดอะไรกับป้าสองคน  ลองฟังจากปากป้าเขาบ้างสิคะ  (ป้าคงท้าให้สาบานตามแบบชาวบ้านล่ะคะ แต่กล้าสาบานมั้ยคะว่าไม่ได้พูดอะไร)   เพียงแต่ป้าแกต้องการไม่ให้หมาที่เคยทำหมันแล้วได้โดนผ่าซ้ำอีก(ไม่อยากให้เจ็บอีกรอบเพราะจะไม่มีใครดูแลได้ทั่วถึง) หนูอยากให้ท่านได้รับข้อมูลจากคุณป้าทั้งสองท่านนี้ด้วยหนูอยากให้ได้รับความยุติธรรมในการที่แกโดนกล่าวหามา หนูเองไม่ได้ที่จะเข้าข้างฝ่ายใดหรือฝ่ายหนึ่งเพียงสิ่งที่หนูเห็นมันสะท้อนอะไรได้หลายๆอย่างๆ 1.เรื่องความมีเมตตาต่อสัตว์โลก 2.การมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ซึ่งถึงแม้เค้าจะเป็นเพื่อนสี่ขา 3.การไม่ทอดทิ้งกัน 4.การซื่อสัตย์ต่อเจ้าของอันเป็นที่รัก คำพูดและถ้อยคำของหนูถึงแม้จะไม่สละสลวยแต่ก็มาจากใจจริงที่หนูต้องการให้พี่ได้เห็นและได้รับรู้ข้อมูลความเป็นจริงในวัดสวนแก้ว(ทั้งสองฝ่าย) รูปถ่ายที่น้องโดนรุมทำร้ายจนเสียชีวิตบาดแผลมีอยู่หลายที่ในตัวซึ่งดูแล้วหดหู่ที่เสียชีวิตก็เพราะว่าแย่งอาหารกันกินเพราะอาหารไม่เพียงพอในแต่ละวัน มูลนิธิอ้างว่า ป้าสองคนยักยอกเงินหรือรับหมาแมวมาเลี้ยงเพิ่ม   จาก 200 ตัว มีจำนวนเพิ่มขึ้น  หนูจำได้ว่า ป้าเคยบอกว่า ประธานมูลนิธิรับสัตว์เข้ามาอีกโดย แม้แต่หมูตัวใหญ่ ซึ่งหนูก็เคยเห็นมันเดินไปเดินมาอยู่ในคอนโด แล้วที่คนเอามาทิ้งที่คอนโดอีกล่ะ หมาทุกตัวส่วนใหญ่ที่ทราบเป็นตัวเมียทั้งนั้นแล้วก็ท้องมา บางตัวไม่รู้ว่าท้อง แต่คนทิ้งคงรู้ว่ามันต้องท้องเลยเอาทิ้ง แล้วป้า 2 คนเค้ารักสัตว์ เค้าจะไม่เลี้ยงก็คงเป็นไปไม่ได้ หนูเองที่บ้านยังเลี้ยงโดยที่ไม่เต็มใจแต่ไม่กล้าทิ้งก็ตั้ง 30-40 ตัว  แล้วที่บอกว่าป้ายักยอกเงิน ได้ให้เขาพิสูจน์ตัวเองหรือเปล่า ให้เขาได้พูดบ้างมั้ย ตอนสุดท้ายต้องสรุปว่า ต้องการให้ดูแลหมาแมวด้วยความใกล้ชิด ถ้าใช้สายตามองอย่างเดียว จะไม่รู้ว่าตัวไหนมีความผิดปกติ  ต้องสัมผัส เช่น ตัวร้อน  เป็นนิ่วมีก้อนในท้อง  เป็นแผล   หมาแมวตัวไหนที่ไม่ถูกกันบ้าง เพราะมันจะกัดกันจนเจ็บหรือตายกันไปข้างหนึ่ง  ต้องจับแยกกันอยู่ คนละที่   อาหารให้แยกกระจายหลาย ๆ ที่  น้ำควรตั้งหลาย ๆ จุด  เพราะหากตั้งเพียงที่เดียวจุดเดียวแล้วเป็นที่ของใคร  ตัวอื่นจะไม่กล้าเข้าไปกิน ตอนนี้คนทำงานที่คอนโดสุนัขก็มีเพียงแค่2คนจาก3คน (คิดว่ายังไงงานในคอนโดไม่ทันอยู่แล้วค่ะ)ขนาดป้าทั้ง2คนใช้เวลาในคอนโดก็ไม่ทันอยู่แล้วแถมยังต้องกินนอนกับเด็กๆอีกใครบ้างที่จะเข้าใจชีวิตของคนที่ทุ่มเททั้งร่างกายและจิตใจ (หาคนแบบป้าทั้งสองจะหาได้จากที่ไหนคนที่รักสัตว์จริงใจ) หนูอยากรู้จังประธานมูลนิธิวัดสวนแก้วนั้นเคยเข้าไปดูชีวิตน้องเหล่านี้หรือเปล่าเคยเข้าไปสอบถามป้าทั้งสองท่านบ้างหรือเปล่าว่าหมาแมวเป็นอยู่กันยังไง ตัวไหนเจ็บป่วยก็ให้พาไปรักษาหรือหาหมอนะ ***พูดมาได้ไงว่าหมาแมวไม่มีสิทธิไปหาหมอ****นี้หรือคือคำพูดของประธานมูลนิธิวัดสวนแก้ว ถ้าหนูย้อนกลับถามเค้าบ้างว่าตัวคุณเองป่วยแล้วคุณหาหมอหรือเปล่า????????? ประธานมูลนิธิทำไมต้องตัดสินพิพากษาด้วยคำพูดไม่มีมนุษยธรรมกับสัตว์เหล่านี้เลย แถมยังบอกอีกว่าเงินบริจาคไม่เพียงพอต่อการซื้ออาหารให้หมาแมว !!!!!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่