พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ : บางระจัน เจ้าคุณปัจจนึก และลูกซุปเปอร์แมนกับการต้านอเมริกา

พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ : บางระจัน เจ้าคุณปัจจนึก และลูกซุปเปอร์แมนกับการต้านอเมริกา
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1422942695&grpid=03&catid=02
madpitch@yahoo.com

ความจริงอยากจะตั้งชื่อคอลัมน์สัปดาห์นี้ว่า The US is us. นะครับ ผมว่าน่าจะสอดคล้องกับเรื่องที่อยากจะเขียนในสัปดาห์นี้เป็นอย่างมาก

คือแปลง่ายๆ ว่า สหรัฐอเมริกากับเราน่ะ ก็เป็นเรื่องเดียวกัน ก็คือตัวตนของเขาและเราล้วนพึ่งพากัน ดังนั้นการลุกขึ้นมาต้านอเมริกัน โดยเฉพาะการมองว่าอเมริกานั้นไม่ควรจะ "ยิ้ม" เรื่องเมืองไทยนั้นก็เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมากครับ

ศัพท์วัยรุ่นยุคหลังรัฐประหาร เขาเรียกว่า "ดีออก" ฮ่าๆ

ผมคิดว่า เราอาจจะมีมุมมองอยู่สักสามเรื่องที่ว่าด้วยการต้านอเมริกาในช่วงนี้ นั่นคือมุมมองแบบ "บางระจัน" มุมมองแบบ "เจ้าคุณปัจจนึก" และมุมมองแบบ "ลูกซุปเปอร์แมน"

ในมุมที่หนึ่ง
ผมอยากจะเรียกว่าเป็นมุมมองแบบ "บางระจัน" ก็คือ มองอย่างง่ายๆ แบบผิวหน้าของปรากฏการณ์กันเลย นั่นก็คือ มองว่าอเมริกานั้นเป็นพวกชอบวุ่นวายกับเขาไปทั่ว เป็นพวกมหาอำนาจ จะมาวุ่นวายทำไมกับประเทศไทย (แต่ไอ้ประเภทที่บอกว่าทักษิณเนี่ยซื้ออเมริกา หรืออยู่เบื้องหลังอเมริกา อันนี้ผมว่าอาจจะเป็นเอาหนักนะครับ เรียกว่าต่อไปถ้าดาวหาง ดาวตกมันพาดพัดมาที่ประเทศเรา อันนี้ก็คงจะเป็นเรื่องของทักษิณเข้าไปด้วย

คือมองให้ขำๆ ว่าอะไรที่มาจากภายนอก หรืออะไรที่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ไทย อันนี้ก็เป็นเรื่องของทักษิณ อันนี้ง่ายดีครับ

แต่มองให้ซีเรียสก็คือ แหม่ อเมริกานี่มันอันธพาลจริงๆ นะครับ ดังนั้นชาวบ้านบางระจันอย่างเราก็ต้องรวมกันสู้ครับ เพื่อปกป้องกรุงศรีอยุธยาเอาไว้ ถ้าใครมารุกราน ฉันฆ่าได้ทั้งนั้น แบบน้องนุ่นสุดสวยในละครบางระจันแบบนั้นแหละครับ

ผมว่าเตรียมสร้างอนุสาวรีย์ชาวบ้านบางระจัน 2558 เอาไว้เลยครับ อย่างนี้มันต้องสู้กันให้สุดแรง แต่ก็ต้องระวังนะครับ เพราะว่าถ้าเขาสนใจขึ้นมาจริงๆ การไปเรียกเขามาพบแบบนี้ ต่อไปเขาจะส่งตัวใหญ่กว่าที่ส่งมาเรื่อยๆ นะครับ คราวนี้ยิ่งเข้าพล็อตไทยรบพม่าเลยครับ เจอทัพใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

ที่สำคัญ ถ้าแนวโน้มการเมืองอเมริกาในอีกสองปีข้างหน้าเป็นป้าฮิลลารีลงประธานาธิบดีมันส์แน่นอน เพราะป้าแกเป็นสายแข็งเรื่องประชาธิปไตย แล้วก็เรื่องภูมิภาคแถวนี้ ยิ่งเห็นภาพเราไปอยู่กับจีนมากเท่าไหร่ คราวนี้ประเด็นหลักอาจไม่ได้อยู่ที่สารัตถะของข้อเรียกร้องทางประชาธิปไตยอะไรละครับ มันเป็นเรื่องของดุลอำนาจละครับ

ง่ายๆ ครับ ถ้ายอมให้จีนรุกทางเศรษฐกิจเช่นนี้ คงไม่แปลกที่จะต้องยอมให้อเมริกันและยุโรปรุกทางการเมืองล่ะครับ

ยิ่งสถานการณ์ในพม่าจบลงไปแล้ว ประเทศเราก็จะฉายหนังซ้ำแบบพม่า คือ ใครๆ ก็อยากเข้ามามีบทบาทในการช่วยประเทศไทย แล้วก็ผลักดันประเด็นในประเทศไทยให้ดูเป็นเรื่องที่ก้าวหน้าทางการเมืองมากขึ้น เพราะประเด็นทางการเมืองจะเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้พวกเขาดูดี แล้วประเทศไทยดูไม่ค่อยดี

แต่ในอีกด้านหนึ่งนะครับ กระบวนการต้านอเมริกันเหล่านี้ก็จะผลิตบรรดานักการทูตรุ่นใหม่ที่คอยตอบโต้อเมริกาแบบเดียวกับจีน และเกาหลีเหนือทำกับอเมริกามากขึ้น คำถามก็คือ ถ้าสภาวะการออกจากคลื่นประชาธิปไตยของไทยมันเป็นแค่ระยะสั้น พวกนี้ในระยะยาวก็จะเดือดร้อน เพราะจัดหนักจัดเต็มกับอเมริกาไว้เยอะ เมื่อสังคมไทยกลับเข้าสู่กระแสประชาธิปไตย พวกนี้ก็จะหมดประโยชน์และไม่มีที่ยืนกันล่ะครับ

แต่ถ้าประเทศไทยมีแนวโน้มโดยสารัตถะที่จะออกจากประชาธิปไตยแบบนานๆ คนที่ออกมาต้านอเมริกาแนวรักชาติและด่าอเมริกาเสียๆ หายๆ เนี่ย ก็จะเป็นความหวังและรากฐานของสังคมไทยกันอย่างจริงจัง

ในมุมที่สอง
ผมอยากจะเรียกว่า การต้านอเมริกันนั้นเป็นเรื่องแนวเจ้าคุณปัจจนึก ซึ่งการเปรียบเปรยแบบนี้อาจจะดูเชยไปหน่อย แล้วคนรุ่นใหม่วันฮิปสเตอร์อาจจะไม่รู้จัก แต่จะขอเท้าความไปสักนึกว่า เจ้าคุณปัจจนึกพินาศ นี้เป็นตัวละครสำคัญในหัสนิยายเก่าที่ "สามเกลอ" ของ ป. อินทรปาลิต

ตอนที่ผมชอบเป็นพิเศษ และดูจะเกี่ยวเนื่องกับประเด็นที่ผมอยากเขียนคือ ตอนที่ชื่อว่า "รัฐนิยม" ซึ่งเนื้อหาหลักของตอนก็คือ เจ้าคุณปัจจนึกต้องการสนองนโยบายชาตินิยมของจอมพล ป. (งานสามเกลอในบางตอนเป็นการวิจารณ์รัฐบาลจอมพล ป. ด้วยท่าทีที่สนุกสนาน แม้ว่าบางตอนก็สนับสนุนจอมพล ป. มิใช่น้อย อย่างชุดที่ว่าด้วยเรื่องสงครามชิงดินแดนคืนจากเขมร) เจ้าคุณจึงตั้งตนเป็นเหมือนตำรวจทางวัฒนธรรม เที่ยวไล่ตรวจค้น "ของนอก" ในบ้านของลูกหลานของท่าน ซึ่งก็คือบ้านของพล นิกร และกิมหงวน และทำลายข้าวของที่ไม่ได้ผลิตในประเทศไทย

จนสุดท้ายเจ้าคุณเองก็ถูกลูกหลานย้อนศรเอาบ้างว่าลึกๆ แล้ว สิ่งที่เจ้าคุณทำนั้นก็เป็นเรื่องที่เหลวไหลอยู่ไม่น้อย เพราะเจ้าคุณเองก็แอบซ่อนของนอกจำนวนมากเอาไว้ในห้องเก็บของของท่าน และบางอย่างท่านก็นึกไม่ถึงว่ามันไม่ใช่ของที่เป็นไทย

ตอนที่ฮาที่สุดก็คือ ตอนที่ลูกหลานท่านยื่นคำขาดว่าเข็มขัดที่รัดพุงของท่านนั่นก็ไม่ใช่ของที่ผลิตในเมืองไทย แล้วท่านเองก็นึกไม่ถึง และถูกบังคับให้ถอดออก ท่านเจ้าคุณถึงกับต้องอ้อนวอนกันยกใหญ่นั่นแหละครับว่าให้ปล่อยท่านไปบ้าง

นี่แหละครับ เรื่องราวของการต้านอเมริกัน โดยไม่ได้ตั้งคำถามว่า เราจะต้านเขาได้มากน้อยแค่ไหน หรือจะสร้างความพอดีอย่างไรในการต่อรองกับเขา อาทิ มองเรื่องนี้ให้เป็นแค่เรื่องทางการเมืองเท่านั้น แล้วชี้แจงเหตุผลตามสมควรพร้อมกับหลักฐานต่างๆ ให้ประชาคมโลกเขาดูว่า สิ่งที่ทำอยู่นี้มันเป็นมาตรฐานเดียวกับเขา

ตรงนี้แหละครับละเอียดอ่อนนัก เพราะเรามักถนัดที่จะหันไปใช้ความเกลียดชัง และอคติในการปลุกเร้าความรู้สึกของคน แทนที่จะใช้เหตุผลในการชี้แจง จนดูเหมือนกับว่าการใช้การสนับสนุนหรือมีมวลชนเท่านั้นก็ถือเป็นเหตุผลในตัวของมันเอง

อารมณ์เดียวกับว่า ถ้ากูเขียนอะไรแล้วมีคนกดไลค์ ชมกันไปกันมาว่า ตรงใจเรา ก็ถือว่าสิ่งที่ฉันพูดมันถูกแล้ว มันคือสัจธรรม หรือความจริงในตัวของมันเอง

ตัวผมเองก็ออกจะเห็นใจเจ้าคุณปัจจนึกพินาศอยู่ไม่น้อย เพราะเจ้าคุณอาจจะไม่รู้ตัวว่า ชื่อของเขาน่าสนใจ เพราะชื่อของเขานั้นนิยามตัวตนของเขาผ่านการ "กำจัดศัตรู" ไว้ตลอดเวลา คือมีอยู่เพื่อทำลายศัตรูอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นชีวิตถ้าไม่ได้ "สร้าง" และ "ทำลาย" ศัตรู การมีตัวตนของเขาก็ดูจะไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง

นึกถึงคำนิยามสมัยก่อนว่าทหารหรือกองทัพมีไว้ทำไม แล้วคำตอบก็คือมีไว้เพื่อป้องกันศัตรู หรือ สู้กับศัตรู ดังนั้นสิ่งแรกที่สำคัญกว่าการสู้ หรือป้องกัน นั่นก็คือ การนิยาม "ศัตรู" นั่นแหละครับ แต่ถ้าเรามองว่าทหารหรือกองทัพคือผู้สร้างสันติภาพ นิยามแรกของเราก็คือ "สันติภาพคืออะไร" (ซึ่งอาจจะมีทั้งด้านลบและบวก) หรือทหารมีไว้เพื่อต่อสู้เพื่อผดุงเสรีภาพ สิ่งที่สำคัญก็คือ อะไรคือ "เสรีภาพ" นั่นแหละครับ

ดังนั้นการจะไปวิจารณ์ว่าแหม่ เจ้าคุณจะหลุดจากอเมริกาได้อย่างไรทั้งที่ปัจจุบันนั้นทุกอย่างของเราก็เป็นอเมริกาทั้งนั้น ไปร่ำไปเรียนมา อันนี้ก็ดูจะไม่ค่อยสร้างสรรค์เท่าไหร่ เพราะเบื้องลึกนั้นไม่ได้ตอบถึงระดับของความเกี่ยวพันของเรากับสังคมอเมริกันที่ผูกพันกันอย่างแยกไม่ค่อยจะออก ดังนั้นการคว่ำบาตรอเมริกานั้นอาจจะดูเป็นเรื่องตลกร้าย และนึกไม่ถึง เหมือนลืมไปว่าเข็มขัดที่รัดกางเกงอยู่นั้นก็ไม่ใช่ของเรา

แต่คิดอีกด้านก็คือ ลองให้อเมริกันคว่ำบาตรเราสิครับ จะได้รู้ว่าเราพึ่งพาเขาจริงๆ แค่ไหน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่