สวัสดีครับ
วันนี้ขอมาเล่าประสบการณ์อุบัติเหตุของตัวเองให้ฟังนิดนึงครับ
เผื่อจะเป็นข้อเตือนใจให้กับหลายๆคนที่ใช้รถใช้ถนนกันทุกวัน
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อสายๆวันนี้ครับ สักเกือบๆสิบโมง
เหตุเกิดเลยแถวๆสำนักงานเขตห้วยขวางมาหน่อย
ขณะที่ผมกำลังขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงาน อย่างปกติ โดยก็ใช้เส้นทางนี้ทุกวันแหละครับ
จู่ๆก็มีคุณลุงขี่จักรยานสีแดงที่ขี่อยู่เลนซ้ายสุด
ไม่ทราบนึกยังไง ปาดหน้าผมเพื่อกลับรถไปอีกเลนซะอย่างนั้น (ถนนสองเลน สวนกัน)
ผมเลยเบรคตัวโก่งเลยครับ เหมือนจะหยุด แต่รถปัดครับ (จะปาดแถวถนนแห้งๆก็ไม่ได้นะ ปาดตรงที่ถนนมีน้ำอยู่ด้วย)
ลงพื้นหมุนเป็นเบย์เบลดเลยครับ งานนี้
ดีที่ไม่ได้ขี่มาเร็วมากครับ
แรงเสียดทานถนน อัตราเร่ง ทุกสูตรฟิสิกส์บวกลบคูณหารกันมาแล้ว
แค่ถลอก กับปวดแขนนิดหน่อย
ยังดีที่ใส่เสื้อคลุม กางเกงยีนส์ และหมวกกันน๊อค
ไม่งั้นคงเยินกว่านี้
มันน่าเจ็บใจตรงที่หันไปดูคู่กรณี
ที่แค่หันมามอง แล้วก็หันหัวขี่รถหนีไป
เหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่ถ้าผมไม่เบรค ก็ชนคุณไปแล้ว
พี่ๆแถวนั้นก็มาช่วยเก็บของที่หล่นอยู่บนถนน
พร้อมทั้งสอบถามอาการ และเรียกพี่วินพาผมไปคลินิคใกล้ๆ (ขอขอบคุณมากๆครับ)
โดนค่าทำแผล+ฉีดยาไปหนึ่งพันบาทถ้วน
(ใครทราบเรื่องหลักการใช้ พรบ/ประกันสังคมในเคสแบบนี้แจ้งผมหน่อยครับ
เหมือนคุณหมอและพยาบาลที่คลินิคจะงงๆกันทั้งสองท่านว่าใช้ได้ไหม จนผมตัดบทว่าจ่ายเองก็ได้)
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมอยากให้หลายคนเอาไว้ระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนหน่อยครับ
ผมคิดว่าผมเป็นคนหนึ่งที่ค่อนข้างระมัดระวังในการขี่รถมอเตอร์ไซค์
ใส่หมวกทุกครั้ง กลับดึกๆ ไม่เคยฝ่าไฟแดง แม้จะไม่มีรถก็ตาม
ไม่เคยขี่บนฟุตบาธ ติดก็คือติด ค่อยๆเลาะไป ไม่ได้ก็หยุด
ขี่เร็วมีบ้าง ถ้าถนนและการจราจรอำนวย แต่ไม่ใช่บนชุมชนแบบนี้
แต่ทำไมล่ะครับ
ผมถึงต้องมาเจ็บตัว ต้องมาเสียเงิน
รถผมก็เฟรมท่อแตก เป็นรอยขูด
เสียเวลาการทำงาน กับงานที่มูลค่าเป็นเงินมากมาย
เพราะความชุ่ยของใครก็ไม่รู้
ถ้าใครรู้จักว่า ผู้ชายอายุประมาณ 50 ขี่จักรยานสีแดงยี่ห้อ Coyote คนนั้นคือใคร
ฝากถามเขาหน่อยนะครับ
ว่าชีวิตของผม มีมูลค่าน้อยกว่าการที่คุณจะเหลียวมองตอนกลับรถอีกหรือ?
ถ้าตอนนั้นด้านหลังผมมีรถยนต์ขับตามมา คุณว่าจะเป็นยังไงครับ
แล้วที่มันยิ่งไปกว่านั้น
คือสายตาที่คุณมองกลับมาก่อนที่จะขี่หนีไป ผมยังจำได้ดีครับ
มันเป็นสายตาที่ไร้ความรับผิดชอบที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ
ไม่มีแม้แต่ถามว่าเป็นยังไง ไม่มีแม้แต่จะมาช่วยผม
คุณมันคนเห็นแก่ตัว
และที่มันยิ่งน่าเสียใจที่สุด
คือมันมีคนแบบคุณเยอะมากในสังคมนี้ครับ
เท่าที่ผมขี่รถมา ไม่ใช่แค่จักรยานหรอกครับ
รถยนต์ สิบล้อ รถเมล์ มอเตอร์ไซค์ หรือแม้แต่คนเดินถนน
คุณชุ่ยและเห็นแก่ตัวในการใช้ชีวิตของตัวเองมากๆ
หลายครั้งที่มีคนข้ามถนนตัดหน้า แล้วกดมือถือไปด้วย
หลายครั้งที่อยู่ดีๆรถยนต์ก็พุ่งออกมาจากซอยปาดหน้าจนเกือบชน
หลายครั้งที่มอเตอร์ไซค์ทั้งธรรมดาและบิ๊กไบค์ ก็สักแต่ว่ามีเงินซื้อ แต่ไม่มีปัญญาขี่ให้มันดีๆ
คุณมั่นใจตัวเองเกินไปครับ
มั่นใจว่า ใกล้แค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอกมั้ง
มั่นใจว่า ตัวเองขี่รถเก่ง ขับดี ไม่เป็นไรหรอกมั้ง
มั่นใจว่า รถเราแรง รถเราเสถียร ไม่เป็นไรหรอกมั้ง
คำพวกนี้มันพรากชีวิตคนมาเยอะแล้วครับ
คนอื่นเขาระวัง คุณประมาท แต่คนซวยคือคนอื่น
มันยุติธรรมแล้วใช่ไหมครับ ?
ผมฝากไว้แล้วกันครับ
ไม่อยากให้เกิดกับใครอีกครับ
ชีวิตคุณมันมีค่ากว่าเวลาไม่กี่วินาทีที่จะทำให้มันปลอดภัย
ชีวิตคนอื่นเขาก็เหมือนกันครับ
ขอบคุณครับ
ประสบการณ์นอนหมุนสามตลบกลางถนน ฝากถึงผู้ใช้รถทุกประเภท โดยเฉพาะจักรยาน
วันนี้ขอมาเล่าประสบการณ์อุบัติเหตุของตัวเองให้ฟังนิดนึงครับ
เผื่อจะเป็นข้อเตือนใจให้กับหลายๆคนที่ใช้รถใช้ถนนกันทุกวัน
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อสายๆวันนี้ครับ สักเกือบๆสิบโมง
เหตุเกิดเลยแถวๆสำนักงานเขตห้วยขวางมาหน่อย
ขณะที่ผมกำลังขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงาน อย่างปกติ โดยก็ใช้เส้นทางนี้ทุกวันแหละครับ
จู่ๆก็มีคุณลุงขี่จักรยานสีแดงที่ขี่อยู่เลนซ้ายสุด
ไม่ทราบนึกยังไง ปาดหน้าผมเพื่อกลับรถไปอีกเลนซะอย่างนั้น (ถนนสองเลน สวนกัน)
ผมเลยเบรคตัวโก่งเลยครับ เหมือนจะหยุด แต่รถปัดครับ (จะปาดแถวถนนแห้งๆก็ไม่ได้นะ ปาดตรงที่ถนนมีน้ำอยู่ด้วย)
ลงพื้นหมุนเป็นเบย์เบลดเลยครับ งานนี้
ดีที่ไม่ได้ขี่มาเร็วมากครับ
แรงเสียดทานถนน อัตราเร่ง ทุกสูตรฟิสิกส์บวกลบคูณหารกันมาแล้ว
แค่ถลอก กับปวดแขนนิดหน่อย
ยังดีที่ใส่เสื้อคลุม กางเกงยีนส์ และหมวกกันน๊อค
ไม่งั้นคงเยินกว่านี้
มันน่าเจ็บใจตรงที่หันไปดูคู่กรณี
ที่แค่หันมามอง แล้วก็หันหัวขี่รถหนีไป
เหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่ถ้าผมไม่เบรค ก็ชนคุณไปแล้ว
พี่ๆแถวนั้นก็มาช่วยเก็บของที่หล่นอยู่บนถนน
พร้อมทั้งสอบถามอาการ และเรียกพี่วินพาผมไปคลินิคใกล้ๆ (ขอขอบคุณมากๆครับ)
โดนค่าทำแผล+ฉีดยาไปหนึ่งพันบาทถ้วน
(ใครทราบเรื่องหลักการใช้ พรบ/ประกันสังคมในเคสแบบนี้แจ้งผมหน่อยครับ
เหมือนคุณหมอและพยาบาลที่คลินิคจะงงๆกันทั้งสองท่านว่าใช้ได้ไหม จนผมตัดบทว่าจ่ายเองก็ได้)
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมอยากให้หลายคนเอาไว้ระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนหน่อยครับ
ผมคิดว่าผมเป็นคนหนึ่งที่ค่อนข้างระมัดระวังในการขี่รถมอเตอร์ไซค์
ใส่หมวกทุกครั้ง กลับดึกๆ ไม่เคยฝ่าไฟแดง แม้จะไม่มีรถก็ตาม
ไม่เคยขี่บนฟุตบาธ ติดก็คือติด ค่อยๆเลาะไป ไม่ได้ก็หยุด
ขี่เร็วมีบ้าง ถ้าถนนและการจราจรอำนวย แต่ไม่ใช่บนชุมชนแบบนี้
แต่ทำไมล่ะครับ
ผมถึงต้องมาเจ็บตัว ต้องมาเสียเงิน
รถผมก็เฟรมท่อแตก เป็นรอยขูด
เสียเวลาการทำงาน กับงานที่มูลค่าเป็นเงินมากมาย
เพราะความชุ่ยของใครก็ไม่รู้
ถ้าใครรู้จักว่า ผู้ชายอายุประมาณ 50 ขี่จักรยานสีแดงยี่ห้อ Coyote คนนั้นคือใคร
ฝากถามเขาหน่อยนะครับ
ว่าชีวิตของผม มีมูลค่าน้อยกว่าการที่คุณจะเหลียวมองตอนกลับรถอีกหรือ?
ถ้าตอนนั้นด้านหลังผมมีรถยนต์ขับตามมา คุณว่าจะเป็นยังไงครับ
แล้วที่มันยิ่งไปกว่านั้น
คือสายตาที่คุณมองกลับมาก่อนที่จะขี่หนีไป ผมยังจำได้ดีครับ
มันเป็นสายตาที่ไร้ความรับผิดชอบที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ
ไม่มีแม้แต่ถามว่าเป็นยังไง ไม่มีแม้แต่จะมาช่วยผม
คุณมันคนเห็นแก่ตัว
และที่มันยิ่งน่าเสียใจที่สุด
คือมันมีคนแบบคุณเยอะมากในสังคมนี้ครับ
เท่าที่ผมขี่รถมา ไม่ใช่แค่จักรยานหรอกครับ
รถยนต์ สิบล้อ รถเมล์ มอเตอร์ไซค์ หรือแม้แต่คนเดินถนน
คุณชุ่ยและเห็นแก่ตัวในการใช้ชีวิตของตัวเองมากๆ
หลายครั้งที่มีคนข้ามถนนตัดหน้า แล้วกดมือถือไปด้วย
หลายครั้งที่อยู่ดีๆรถยนต์ก็พุ่งออกมาจากซอยปาดหน้าจนเกือบชน
หลายครั้งที่มอเตอร์ไซค์ทั้งธรรมดาและบิ๊กไบค์ ก็สักแต่ว่ามีเงินซื้อ แต่ไม่มีปัญญาขี่ให้มันดีๆ
คุณมั่นใจตัวเองเกินไปครับ
มั่นใจว่า ใกล้แค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอกมั้ง
มั่นใจว่า ตัวเองขี่รถเก่ง ขับดี ไม่เป็นไรหรอกมั้ง
มั่นใจว่า รถเราแรง รถเราเสถียร ไม่เป็นไรหรอกมั้ง
คำพวกนี้มันพรากชีวิตคนมาเยอะแล้วครับ
คนอื่นเขาระวัง คุณประมาท แต่คนซวยคือคนอื่น
มันยุติธรรมแล้วใช่ไหมครับ ?
ผมฝากไว้แล้วกันครับ
ไม่อยากให้เกิดกับใครอีกครับ
ชีวิตคุณมันมีค่ากว่าเวลาไม่กี่วินาทีที่จะทำให้มันปลอดภัย
ชีวิตคนอื่นเขาก็เหมือนกันครับ
ขอบคุณครับ