คิดถึงคริสจัง....
บทที่ 12 รักได้ยินรึเปล่า 2
“พี่กิ๊ฟเมื่อเช้ามันเกิดอะไรขึ้นเหรอ” กุ๊กไก่ถามขึ้นขนาดที่พี่สาวกำลังผับเสื้อผ้าช่วยตนเอง
“ก็อย่างที่เห็น แอบดูอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“แอบดูอยู่ก็จริงแต่มันไม่เคลียร์เท่าไร อธิบายให้ฟังหน่อยพี่คริสเป็นแฟนกับพี่น้ำเมยจริงๆ เหรอ งั้นก็แสดงว่าข่าวที่ออกมาก็ไม่ใช่แค่ข่าวลือนะสิ”
“อืม”
“ว้าว! นี่กุ๊กรู้ข่าวไวกว่านักข่าวหลายๆ สำนักพิมพ์อีกนะเนี่ย”
“อืม”
“งั้นก็แสดงว่าพี่กิ๊ฟอกหักอย่างถาวรแล้วนินะ”
“อืม”
“ตอบอย่างอื่นเป็นไหมเนี่ย”
“อืม”
กุ๊กไก่หัวเราะชอบใจกับคำตอบที่ดูเหม่อๆ ของพี่สาว ปกติพี่สาวของเธอเวลาเสียใจจากกรกฤตจะต้องแอะอะโวยวายแต่วันนี้มาแปลก แต่ถ้าจะว่าไปแล้วเธอก็สังเกตเห็นพี่สาวเป็นแบบนี้มาได้หลายวันแล้วนี่นา...
“พี่คริสนะพี่คริส ใจร้ายที่สุดเลย ทำให้พี่กิ๊ฟเสียใจ”
กันติยาส่ายหน้าไปมา “ไม่ใช่คริสหรอก”
กุ๊กไก่เบิกตากว้าง โอ้พระเจ้า! “พี่กิ๊ฟไม่ได้อกหักจากพี่คริสหรอกเหรอ”
ส่ายหน้าอีกครั้ง
“แล้วพี่กิ๊ฟอกหักจากใคร ใครอ่ะ” รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“แท่ง”
“ฮะ! ” ตาที่เบิกกว้างอยู่แล้วต้องเบิกค้างไว้มากกว่าเดิม โอ้มายก้อด! “ใครคือผู้ชายคนนั้น ใช่คนที่กุ๊กไก่รู้จักหรือเปล่า” เข้าไปเขย่าร่างพี่สาว
น้ำเสียงแหลมปี๊ดบวกกับแรงเขย่าทำให้คนที่นั่งเหม่ออยู่ได้สติกลับมาอีกครั้ง เมื่อกี้ฉันพูดอะไรเหรอ?
“พี่ตอบเธอว่าอะไร” ถามอย่างงงๆ
“พี่กิ๊ฟบอกว่าพี่กิ๊ฟอกหักจากผู้ชายที่ชื่อแท่ง ใครเหรอ ใช่คนที่พี่กิ๊ฟเคยเล่าให้กุ๊กไก่ฟังบ่อยๆ ป่ะ คนที่ชอบมาเป็นไม้กันหมา เอ้ย! ไม้กันพี่กิ๊ฟ ออกจากพี่คริสรึเปล่า”
ยกมือปิดปากเบิกตากว้าง ฉันพูดอะไรออกไป!
“ใช่จริงๆ ด้วย”
“จะบ้าเหรอ ไปกันใหญ่แล้ว พี่จะไปชอบผู้ชายคนนั้นได้ไง เราก็รู้ว่าพี่ชอบคริสคนเดียว”
“ถ้าพี่กิ๊ฟชอบพี่คริสจริงๆ ทำไมตอนพี่คริสวิ่งตามผู้หญิงคนนั้นไปพี่กิ๊ฟก็ต้องไม่มีท่าทีเสียใจร้องไห้ขี้มูกโป่งบ้างสินา แถมหลายๆ วันมานี้ พี่กิ๊ฟก็ดูเศร้าๆ จนผิดปกติ ถามจริงๆ นะ พี่รักใครกันแน่”
“...”
“หรือว่าไม่รู้ใจตัวเอง”
“พูดบ้าๆ ไร้สาระ เก็บของให้เสร็จๆ จะได้ไปกินข้าวมันดึกแล้ว”
“ไม่! ถ้าวันนี้กุ๊กไม่รู้เรื่อง กุ๊กจะไม่ยอมเก็บของอะไรทั้งนั้น”
“ยัยกุ๊ก! ”
“นะพี่กิ๊ฟ บอกเขาหน่อย นะๆ นะๆ ”
กันติยาถอนหายใจกับเสียงอ้อนๆ ของน้องสาว “มันไม่มีอะไรจริงๆ ”
“ไม่มีหรือไม่กล้าเล่ากันแน่ กุ๊กไก่สัญญาจะไม่ล้อและก็จะไม่บอกใคร พี่กิ๊ฟเล่าให้กุ๊กไก่ฟังเถอะนะ นะๆ ”
“มันน่าอาย...” ก้มหน้ามองพื้นพูดเสียงสั่น
กุ๊กไก่รีบเข้าไปกอดพี่สาว “พี่กิ๊ฟอย่าร้องสิ เดี๋ยวเขาก็ร้องตามหรอก”
ถึงจะโดนห้ามไว้แต่สุดท้ายเธอก็ปล่อยโฮออกมาอยู่ดี กันติยาทั้งร้องไห้ทั้งเล่าความในใจให้น้องสาวฟัง หวังว่าการได้พูดอะไรออกไปอาจทำให้ความรู้สึกที่อักแน่นอยู่ในอกลดลงไปบ้าง
“ไป! ” จีบมือพี่สาวลุกขึ้นเมื่อเล่าจบ
“ไปไหน”
“ไปหาพี่แท่งไง”
“ไม่ไป” สะบัดมือออก “จะไปทำไม”
“ก็ไปคุยให้รู้เรื่องไงเล่า”
“แต่พี่ไม่มีอะไรจะคุยกับเขา”
“ทำไมจะไม่มีก็เรื่องที่พี่เล่าให้กุ๊กไก่ฟังเมื่อกี้ไง พี่ต้องไปบอกพี่แท่งก่อนที่เราจะไป”
“เขาคงไม่อยากฟังหรอก”
“ไม่ลองไม่รู้ ในเมื่อเขาเคยบอกว่าชอบพี่ ยังไงเขาก็ต้องอยากฟัง ไป!” ลากพี่สาวออกจากห้องนอนทันที
“ร้านนี้ใช่ไหม” กุ๊กไก่ถามขึ้นเมื่อรถจอด
กันติยายังอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่รู้จะตอบยังไงดี ตั้งแต่ขับรถออกมาจากบ้านเธอก็บอกให้น้องสาวล้มเลิกความคิดแล้วเลี้ยวรถกลับแต่ความพยายามของเธอก็ไม่เป็นผล ตอนนี้เธอรู้ว่าตนเองคิดผิดมากที่สอนน้องสาวตัวดีขับรถ!
“ร้านหลังมอ” กุ๊กไก่อ่านชื่อร้าน “ร้านนี้แหละ ไป”
“เดี๋ยวๆ มันไม่ใช่ร้านนี้ ขับไปอีก”
“จะไม่ใช่ได้ไง กุ๊กไก่เห็นพี่กิ๊ฟเช็คอินที่นี่บ่อยๆ ไม่ต้องโกหกเลย ลงได้แล้ว”
“ไม่เอา พี่ไม่รู้จะพูดอะไรกับเขาจริงๆ กุ๊กสงสารพี่เถอะนะ กลับบ้านเถอะ” อ้อนวอนน้องสาว
“พี่กิ๊ฟ...” ทำน้ำเสียงเห็นใจ “ลง! ” พยายามลากพี่สาวออกมา
อ๊าก! แล้วจะทำน้ำเสียงเหมือนเห็นใจทำไม ยัยน้องบ้า!
“ไม่ลง ไม่! ”
ฉุดกระชากลากถูกันอยู่นานก็มีพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม “มีอะไรให้ช่วยไหมคะ อ้าวคุณลูกค้าคนสวยนี่เอง จองโต๊ะเดิมใช่ไหมคะ”
“ใช่คะ” กุ๊กไก่ตอบแทนพี่สาว “พี่คะๆ ” เรียกเมื่อพนักงานจะเดินหนี “โต๊ะเดิมอยู่ตรงไหนเหรอคะ”
พนักงานทำสีหน้างงงวยก่อนจะอธิบายให้กุ๊กไก่ฟัง “เดินตรงไปอยู่ท้ายสุดริมน้ำค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“พี่ว่าเรากลับกันเถอะ คนมองกันใหญ่แล้ว” ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อมองไปรอบๆ
กุ๊กไก่หยิบชิดชูบนโต๊ะอาหารมาซับเหงื่อ “จะไม่มองได้ไง เล่นลากกันเข้ามาซะขนาดนี้ โอ๊ย! เหนื่อย”
“ก็พี่ไม่อยากมานี่นา”
“ไม่ต้องพูดเลยนะ หยุด! อย่าลุกนะ นั่งลง นั่ง! ”
มันเป็นน้องหรือเป็นแม่ตูเนี่ย!
“ไม่ต้องเขินต้องอายอะไรทั้งนั้น อยากพูดอะไรก็พูด อยากบอกอะไรก็พูดไปเลย พูดเหมือนที่พี่พูดกับกุ๊กที่บ้าน พูดออกมาเลย”
“มันไม่เหมือนกัน”
“เหมือน! ”
แล้วบทสนทนาก็หยุดลงเมื่อธนทัตเดินขึ้นมา สีหน้าของชายหนุ่มเรียบเฉยจนกันติยาเดาอารมณ์ไม่ออก ไอ้บ้าเอ้ย! คนยิ่งประหม่า ยังจะมาทำหน้านิ่งอีก อีตาบ้า!
“รับอะไรครับ” คำถามคลาสสิก
กุ๊กไก่ได้แต่นั่งทำตาปริบๆ ไหนพี่สาวเธอเคยบอกว่าคนชื่อแท่งไม่หล่อแถมยังดำอีกต่างหาก แต่เท่าที่เธอเห็นทำไมเขาเท่ห์จัง หุ่นก็ดูเป็นนักกีฬาขนาดนี้ พี่กิ๊ฟนะพี่กิ๊ฟตาไม่ถึงของจริงๆ เลย! สมัยนี้เขาหันมานิยมแบบไทยแท้กันแล้ว! แบบนี้แหละสเป็คน้อง จีบเองได้ไหมเนี่ย!
“กุ๊กไก่! ”
“คะๆ ”
“จะกินอะไร”
“เอ่อ...” คิดไม่ออกตื่นเต้น! เจอว่าที่พี่เขย(คนใหม่) ครั้งแรก
“ยัยกุ๊ก ตกลงจะกินอะไร”
“ร้านนี้มีอาหารอะไรขึ้นชื่อบ้างคะ”
“มีหลายอย่างครับ เชิญดูเมนูก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมจะกลับมาใหม่อีกรอบ”
“ไม่ต้องค่ะๆ เอาที่พี่คิดว่าอร่อยที่สุดมาสักสามอย่างก็พอค่ะ” ก็คนมันคิดไม่ออกนี่นา
“ได้ครับ แล้วคุณจะรับอะไรเพิ่มไหมครับ”
โอ้มายก้อด! ทำไมว่าที่พี่เขยพูดห่างเหินจัง
“ไม่” ตอบสั้นๆ ไม่ยอมมองหน้า
พี่สาวเราก็อีกคน โอ๊ย! จะรู้เรื่องไหมเนี่ยวันนี้
“รอสักครู่นะครับ”
“ทำไมพี่กิ๊ฟตอบกระแทกเสียงแบบนั้นล่ะเห็นไหมพี่เขาหน้าเสียเลย”
“ก็ดูเขาพูดสิ รับอะไรดีครับ มีหลายอย่างครับ ได้ครับ แล้วคุณจะรับอะไรเพิ่มไหมครับ ชิ...หมั่นไส้” พูดจบก็เบ้ปาก
“ก็เป็นซะแบบนี้แล้วเมื่อไรจะได้บอกรักเขา”
“ยัยกุ๊กเบาๆ หน่อยได้ไหม เขาได้ยินกันทั้งร้านแล้ว”
“อายทำไม เรื่องแบบนี้ไม่เห็นต้องอายเลย ชอบก็บอกว่าชอบจะมัวเล่นตัวอยู่ทำไม เดี๋ยวคนอื่นก็คาบไปก่อนหรอก”
“เชอะ”
“เชอะ ตามใจ” เน้นเสียง “ช่วยได้แค่นี้แหละ ถ้ายังเล่นตัวอยู่แบบนี้ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้ว บอกไว้ก่อนนะโอกาสไม่ได้มีกันบ่อยๆ ถ้าผ่านไปแล้วอาจไม่มีอีกเลยก็ได้”
กันติยานั่งนิ่งจนอาหารมาเสริฟ์และก็เป็นไปตามคาดธนทัตไม่ได้มาเสริฟ์เอง หญิงสาวถอนหายใจ ขนาดเข้าใกล้เขายังไม่อยากเข้าเลย...แล้วจะเอาโอกาสไหนไปบอกเขา ว่าแต่ยัยตัวแสบทำไมไปเข้าห้องน้ำนานจัง!
“จะสั่งอะไรเพิ่มเหรอครับ” เสียงคุ้นหูถามขึ้น
กันติยาหันควับไปมองตามเสียง มาได้ไง! “เอ่อ...”
“พอดีน้องกิ๊ฟไปบอกผมว่ากิ๊ฟจะสั่งอาหารเพิ่ม”
“เอ่อ...” ธนทัตยังมองหน้าเพื่อรอฟังคำตอบ “คือเรามีเรื่องอยากคุยด้วยไม่ได้จะสั่งอะไรหรอก นั่งก่อนสิ”
“ไม่เป็นไร พูดมาเลยเรานั่งกับลูกค้าไม่ได้มันผิดกฎ”
“ลืมไป” เริ่มยังไงดีๆ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะแถมยังรู้สึกร้อนวูบวาบที่หน้าอีก “คือเรื่องวันนั้น เรากับคริสไม่ได้”
“ถ้าเป็นเรื่องวันนั้นเรารู้จากคริสหมดแล้วแหละ”
พยักหน้าช้าๆ “งั้นก็ดีแล้ว”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วเราไปรับออร์เดอร์โต๊ะอื่นก่อนนะ”
“เดี๋ยว! ” ลุกขึ้นไปดึงแขนไว้ “เรายังมีอีกเรื่องที่จะบอก เรื่องวันนั้น เอ่อ...”
“วันนั้น? ”
“วันที่เราหลงป่าด้วยกัน เรื่องที่หน้าผา...เรา เราชอบนาย เราก็ไม่รู้ว่าเราชอบนายมานานหรือยัง แต่หลังจากที่นายบอก เรา...เราก็เริ่มรู้ใจตัวเอง อีกสองวันเราก็จะไปเรียนต่อแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้เจอนายอีกเมื่อไร” สูดหายใจเข้าลึกๆ “ที่เรามาวันนี้ เราแค่อยากมาบอกนายก่อนที่จะไปว่าเรา ...ชอบนาย” เสียงแผ่วลงแต่คนที่ฟังกลับได้ยินอย่างชัดเจน
“แท่ง! รับออร์เดอร์โต๊ะหนึ่งด้วย” พนักงานคนหนึ่งตะโกนเรียก
“ครับพี่! ”
กันติยายอมปล่อยมือ “ไปเถอะ ขอบใจนะที่รับฟัง”
ธนทัตรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีคำพูดใดๆ ให้เธอเลย กันติยา เดินกลับไปนั่งที่เดิมก่อนจะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับใบหน้าของเธอเมื่อจับดูก็พบว่ามันคือน้ำตา... เธอรีบเช็ดออกทันที
“บ้าจริง น่าอายชะมัด จะร้องไห้ทำไม”
ยิ่งพูดน้ำตาก็ยิ่งไหลออกมา เมื่อรู้ว่าตัวเองอดทนต่อไปไม่ไหวเธอจึงก้มหน้าลงกับโต๊ะแล้วปล่อยโฮออกมา
“ฮือ...อีตาบ้า นายคิดว่านายเป็นใคร ทำไมทำกับฉันแบบนี้ ฮือ...”
เสียงร้องไห้ทำให้โต๊ะข้างๆ หันมามองเป็นตาเดียว แต่ ณ วินาทีนี้เธอไม่นึกอายสักนิด
“ฮือ...! ”
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหม”
ใคร? เงยหน้ามอง “แท่ง...” เขากลับมาทำไม?
“ขอนั่งด้วยคนนะ”
จากที่เคยใสผ้ากันเปื้อนของร้านตอนนี้เขาถอดออกเรียบร้อยเพราะเมื่อกี้ยังตั้งตัวไม่ทันเลยรีบออกไปแต่ตอนนี้เขาปรับตัวได้แล้วถึงหัวใจจะยังเต้นรัวอยู่ก็ตาม
“มันผิดกฎไม่ใช่เหรอ ไหนบอกว่าพนักงานห้ามนั่งกับลูกค้าไง” เช็ดคราบน้ำตาออก น่าอายชะมัด!
“นั้นมันกรณีของลูกค้า” ก้มลงกระซิบ “แต่เนี่ย ‘แฟน’ ”
หัวใจหญิงสาวเต้นแรงอีกครั้งแถมหน้ายังรู้สึกร้อนกว่าเดิมหลายเท่า “แฟนเฟินอะไร เราเป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไร อย่ามาขี้ตู่” อีตาบ้า! อายเป็นนะพูดอ้อมๆ หน่อยก็ได้
ธนทัตมองซ้ายมองขวาก็เห็นดอกกุหลาบสีแดงที่ปักอยู่ในแจกันบนโต๊ะอาหาร เขายื่นมือไปหยิบดอกกุหลาบก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้ากันติยา
“เป็นแฟนกันนะ”
“กรี๊ด! ” กุ๊กไก่ที่ยืนลุ้นอยู่ไม่ไกลร้องออกมาด้วยความดีใจ กันติยาหันไปส่งสายตาค้อนน้องสาวก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง
“อี่ตาบ้า ของ่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ” ยกมือขึ้นปิดแก้มรู้สึกว่าตอนนี้หน้าตัวเองคงแดงมากแน่ๆ
“กิ๊ฟบอกเองว่ามีเวลาอยู่เมืองไทยอีกสองวัน ถ้าไม่ขอวันนี้จะไปขอวันไหนล่ะจริงไหม”
“ดอกกุหลาบมันเก่าแล้ว เหี่ยวด้วยดูสิ” ชี้ที่ดอกกุหลาบ
“ก็มันหาได้ดีที่สุดเท่านี้นี่นา” กึ่งพูดกึ่งหัวเราะอย่างอายๆ “ตกลงไหม ถ้าตกลงเดี๋ยวจะซื้อเป็นช่อสวยๆ ให้อีกสักสิบช่อเลย”
“ตกลงเลยพี่กิ๊ฟ! ”
“ตกลงๆ ตกลงๆ ” คนในร้านเชียร์กันใหญ่
คนเขินยิ่งเขินมากกว่าเดิม ตอนนี้ถ้าเอาปรอดมาวัดอุณหภูมิในตัวเธอคงร้อนทะลุปรอดแน่ๆ
“ตกลงค่ะ” จับดอกกุหลาบมาถือไว้
“เย้! ” คนในร้านเฮกันใหญ่ โดยเฉพาะกุ๊กไก่กับอ๊อฟ
“เห็นไหมข้าว่าแล้ว กัดกันทุกวันสุดท้ายก็ลงเอยกันทุกราย” อ๊อฟหันไปพูดกับพนักงานเสริฟ์ของร้าน
“เฮียโคตรเก่ง รู้ได้ไงเป็นหมอดูป่ะเนี่ย”
“เรื่องอย่างนี้มองง่ายนิดเดียว ข้าเคยมีประสบการณ์มาก่อนเว้ย”
“แสดงว่าเฮียกับเจ๊ทะเลาะกันแบบนี้เหรอ”
“ยิ่งกว่านี้อีก เจ๊พวกแกโหดจะตาย”
รักได้ยินรึเปล่า #บทที่ 12
“พี่กิ๊ฟเมื่อเช้ามันเกิดอะไรขึ้นเหรอ” กุ๊กไก่ถามขึ้นขนาดที่พี่สาวกำลังผับเสื้อผ้าช่วยตนเอง
“ก็อย่างที่เห็น แอบดูอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“แอบดูอยู่ก็จริงแต่มันไม่เคลียร์เท่าไร อธิบายให้ฟังหน่อยพี่คริสเป็นแฟนกับพี่น้ำเมยจริงๆ เหรอ งั้นก็แสดงว่าข่าวที่ออกมาก็ไม่ใช่แค่ข่าวลือนะสิ”
“อืม”
“ว้าว! นี่กุ๊กรู้ข่าวไวกว่านักข่าวหลายๆ สำนักพิมพ์อีกนะเนี่ย”
“อืม”
“งั้นก็แสดงว่าพี่กิ๊ฟอกหักอย่างถาวรแล้วนินะ”
“อืม”
“ตอบอย่างอื่นเป็นไหมเนี่ย”
“อืม”
กุ๊กไก่หัวเราะชอบใจกับคำตอบที่ดูเหม่อๆ ของพี่สาว ปกติพี่สาวของเธอเวลาเสียใจจากกรกฤตจะต้องแอะอะโวยวายแต่วันนี้มาแปลก แต่ถ้าจะว่าไปแล้วเธอก็สังเกตเห็นพี่สาวเป็นแบบนี้มาได้หลายวันแล้วนี่นา...
“พี่คริสนะพี่คริส ใจร้ายที่สุดเลย ทำให้พี่กิ๊ฟเสียใจ”
กันติยาส่ายหน้าไปมา “ไม่ใช่คริสหรอก”
กุ๊กไก่เบิกตากว้าง โอ้พระเจ้า! “พี่กิ๊ฟไม่ได้อกหักจากพี่คริสหรอกเหรอ”
ส่ายหน้าอีกครั้ง
“แล้วพี่กิ๊ฟอกหักจากใคร ใครอ่ะ” รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“แท่ง”
“ฮะ! ” ตาที่เบิกกว้างอยู่แล้วต้องเบิกค้างไว้มากกว่าเดิม โอ้มายก้อด! “ใครคือผู้ชายคนนั้น ใช่คนที่กุ๊กไก่รู้จักหรือเปล่า” เข้าไปเขย่าร่างพี่สาว
น้ำเสียงแหลมปี๊ดบวกกับแรงเขย่าทำให้คนที่นั่งเหม่ออยู่ได้สติกลับมาอีกครั้ง เมื่อกี้ฉันพูดอะไรเหรอ?
“พี่ตอบเธอว่าอะไร” ถามอย่างงงๆ
“พี่กิ๊ฟบอกว่าพี่กิ๊ฟอกหักจากผู้ชายที่ชื่อแท่ง ใครเหรอ ใช่คนที่พี่กิ๊ฟเคยเล่าให้กุ๊กไก่ฟังบ่อยๆ ป่ะ คนที่ชอบมาเป็นไม้กันหมา เอ้ย! ไม้กันพี่กิ๊ฟ ออกจากพี่คริสรึเปล่า”
ยกมือปิดปากเบิกตากว้าง ฉันพูดอะไรออกไป!
“ใช่จริงๆ ด้วย”
“จะบ้าเหรอ ไปกันใหญ่แล้ว พี่จะไปชอบผู้ชายคนนั้นได้ไง เราก็รู้ว่าพี่ชอบคริสคนเดียว”
“ถ้าพี่กิ๊ฟชอบพี่คริสจริงๆ ทำไมตอนพี่คริสวิ่งตามผู้หญิงคนนั้นไปพี่กิ๊ฟก็ต้องไม่มีท่าทีเสียใจร้องไห้ขี้มูกโป่งบ้างสินา แถมหลายๆ วันมานี้ พี่กิ๊ฟก็ดูเศร้าๆ จนผิดปกติ ถามจริงๆ นะ พี่รักใครกันแน่”
“...”
“หรือว่าไม่รู้ใจตัวเอง”
“พูดบ้าๆ ไร้สาระ เก็บของให้เสร็จๆ จะได้ไปกินข้าวมันดึกแล้ว”
“ไม่! ถ้าวันนี้กุ๊กไม่รู้เรื่อง กุ๊กจะไม่ยอมเก็บของอะไรทั้งนั้น”
“ยัยกุ๊ก! ”
“นะพี่กิ๊ฟ บอกเขาหน่อย นะๆ นะๆ ”
กันติยาถอนหายใจกับเสียงอ้อนๆ ของน้องสาว “มันไม่มีอะไรจริงๆ ”
“ไม่มีหรือไม่กล้าเล่ากันแน่ กุ๊กไก่สัญญาจะไม่ล้อและก็จะไม่บอกใคร พี่กิ๊ฟเล่าให้กุ๊กไก่ฟังเถอะนะ นะๆ ”
“มันน่าอาย...” ก้มหน้ามองพื้นพูดเสียงสั่น
กุ๊กไก่รีบเข้าไปกอดพี่สาว “พี่กิ๊ฟอย่าร้องสิ เดี๋ยวเขาก็ร้องตามหรอก”
ถึงจะโดนห้ามไว้แต่สุดท้ายเธอก็ปล่อยโฮออกมาอยู่ดี กันติยาทั้งร้องไห้ทั้งเล่าความในใจให้น้องสาวฟัง หวังว่าการได้พูดอะไรออกไปอาจทำให้ความรู้สึกที่อักแน่นอยู่ในอกลดลงไปบ้าง
“ไป! ” จีบมือพี่สาวลุกขึ้นเมื่อเล่าจบ
“ไปไหน”
“ไปหาพี่แท่งไง”
“ไม่ไป” สะบัดมือออก “จะไปทำไม”
“ก็ไปคุยให้รู้เรื่องไงเล่า”
“แต่พี่ไม่มีอะไรจะคุยกับเขา”
“ทำไมจะไม่มีก็เรื่องที่พี่เล่าให้กุ๊กไก่ฟังเมื่อกี้ไง พี่ต้องไปบอกพี่แท่งก่อนที่เราจะไป”
“เขาคงไม่อยากฟังหรอก”
“ไม่ลองไม่รู้ ในเมื่อเขาเคยบอกว่าชอบพี่ ยังไงเขาก็ต้องอยากฟัง ไป!” ลากพี่สาวออกจากห้องนอนทันที
“ร้านนี้ใช่ไหม” กุ๊กไก่ถามขึ้นเมื่อรถจอด
กันติยายังอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่รู้จะตอบยังไงดี ตั้งแต่ขับรถออกมาจากบ้านเธอก็บอกให้น้องสาวล้มเลิกความคิดแล้วเลี้ยวรถกลับแต่ความพยายามของเธอก็ไม่เป็นผล ตอนนี้เธอรู้ว่าตนเองคิดผิดมากที่สอนน้องสาวตัวดีขับรถ!
“ร้านหลังมอ” กุ๊กไก่อ่านชื่อร้าน “ร้านนี้แหละ ไป”
“เดี๋ยวๆ มันไม่ใช่ร้านนี้ ขับไปอีก”
“จะไม่ใช่ได้ไง กุ๊กไก่เห็นพี่กิ๊ฟเช็คอินที่นี่บ่อยๆ ไม่ต้องโกหกเลย ลงได้แล้ว”
“ไม่เอา พี่ไม่รู้จะพูดอะไรกับเขาจริงๆ กุ๊กสงสารพี่เถอะนะ กลับบ้านเถอะ” อ้อนวอนน้องสาว
“พี่กิ๊ฟ...” ทำน้ำเสียงเห็นใจ “ลง! ” พยายามลากพี่สาวออกมา
อ๊าก! แล้วจะทำน้ำเสียงเหมือนเห็นใจทำไม ยัยน้องบ้า!
“ไม่ลง ไม่! ”
ฉุดกระชากลากถูกันอยู่นานก็มีพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม “มีอะไรให้ช่วยไหมคะ อ้าวคุณลูกค้าคนสวยนี่เอง จองโต๊ะเดิมใช่ไหมคะ”
“ใช่คะ” กุ๊กไก่ตอบแทนพี่สาว “พี่คะๆ ” เรียกเมื่อพนักงานจะเดินหนี “โต๊ะเดิมอยู่ตรงไหนเหรอคะ”
พนักงานทำสีหน้างงงวยก่อนจะอธิบายให้กุ๊กไก่ฟัง “เดินตรงไปอยู่ท้ายสุดริมน้ำค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“พี่ว่าเรากลับกันเถอะ คนมองกันใหญ่แล้ว” ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อมองไปรอบๆ
กุ๊กไก่หยิบชิดชูบนโต๊ะอาหารมาซับเหงื่อ “จะไม่มองได้ไง เล่นลากกันเข้ามาซะขนาดนี้ โอ๊ย! เหนื่อย”
“ก็พี่ไม่อยากมานี่นา”
“ไม่ต้องพูดเลยนะ หยุด! อย่าลุกนะ นั่งลง นั่ง! ”
มันเป็นน้องหรือเป็นแม่ตูเนี่ย!
“ไม่ต้องเขินต้องอายอะไรทั้งนั้น อยากพูดอะไรก็พูด อยากบอกอะไรก็พูดไปเลย พูดเหมือนที่พี่พูดกับกุ๊กที่บ้าน พูดออกมาเลย”
“มันไม่เหมือนกัน”
“เหมือน! ”
แล้วบทสนทนาก็หยุดลงเมื่อธนทัตเดินขึ้นมา สีหน้าของชายหนุ่มเรียบเฉยจนกันติยาเดาอารมณ์ไม่ออก ไอ้บ้าเอ้ย! คนยิ่งประหม่า ยังจะมาทำหน้านิ่งอีก อีตาบ้า!
“รับอะไรครับ” คำถามคลาสสิก
กุ๊กไก่ได้แต่นั่งทำตาปริบๆ ไหนพี่สาวเธอเคยบอกว่าคนชื่อแท่งไม่หล่อแถมยังดำอีกต่างหาก แต่เท่าที่เธอเห็นทำไมเขาเท่ห์จัง หุ่นก็ดูเป็นนักกีฬาขนาดนี้ พี่กิ๊ฟนะพี่กิ๊ฟตาไม่ถึงของจริงๆ เลย! สมัยนี้เขาหันมานิยมแบบไทยแท้กันแล้ว! แบบนี้แหละสเป็คน้อง จีบเองได้ไหมเนี่ย!
“กุ๊กไก่! ”
“คะๆ ”
“จะกินอะไร”
“เอ่อ...” คิดไม่ออกตื่นเต้น! เจอว่าที่พี่เขย(คนใหม่) ครั้งแรก
“ยัยกุ๊ก ตกลงจะกินอะไร”
“ร้านนี้มีอาหารอะไรขึ้นชื่อบ้างคะ”
“มีหลายอย่างครับ เชิญดูเมนูก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมจะกลับมาใหม่อีกรอบ”
“ไม่ต้องค่ะๆ เอาที่พี่คิดว่าอร่อยที่สุดมาสักสามอย่างก็พอค่ะ” ก็คนมันคิดไม่ออกนี่นา
“ได้ครับ แล้วคุณจะรับอะไรเพิ่มไหมครับ”
โอ้มายก้อด! ทำไมว่าที่พี่เขยพูดห่างเหินจัง
“ไม่” ตอบสั้นๆ ไม่ยอมมองหน้า
พี่สาวเราก็อีกคน โอ๊ย! จะรู้เรื่องไหมเนี่ยวันนี้
“รอสักครู่นะครับ”
“ทำไมพี่กิ๊ฟตอบกระแทกเสียงแบบนั้นล่ะเห็นไหมพี่เขาหน้าเสียเลย”
“ก็ดูเขาพูดสิ รับอะไรดีครับ มีหลายอย่างครับ ได้ครับ แล้วคุณจะรับอะไรเพิ่มไหมครับ ชิ...หมั่นไส้” พูดจบก็เบ้ปาก
“ก็เป็นซะแบบนี้แล้วเมื่อไรจะได้บอกรักเขา”
“ยัยกุ๊กเบาๆ หน่อยได้ไหม เขาได้ยินกันทั้งร้านแล้ว”
“อายทำไม เรื่องแบบนี้ไม่เห็นต้องอายเลย ชอบก็บอกว่าชอบจะมัวเล่นตัวอยู่ทำไม เดี๋ยวคนอื่นก็คาบไปก่อนหรอก”
“เชอะ”
“เชอะ ตามใจ” เน้นเสียง “ช่วยได้แค่นี้แหละ ถ้ายังเล่นตัวอยู่แบบนี้ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้ว บอกไว้ก่อนนะโอกาสไม่ได้มีกันบ่อยๆ ถ้าผ่านไปแล้วอาจไม่มีอีกเลยก็ได้”
กันติยานั่งนิ่งจนอาหารมาเสริฟ์และก็เป็นไปตามคาดธนทัตไม่ได้มาเสริฟ์เอง หญิงสาวถอนหายใจ ขนาดเข้าใกล้เขายังไม่อยากเข้าเลย...แล้วจะเอาโอกาสไหนไปบอกเขา ว่าแต่ยัยตัวแสบทำไมไปเข้าห้องน้ำนานจัง!
“จะสั่งอะไรเพิ่มเหรอครับ” เสียงคุ้นหูถามขึ้น
กันติยาหันควับไปมองตามเสียง มาได้ไง! “เอ่อ...”
“พอดีน้องกิ๊ฟไปบอกผมว่ากิ๊ฟจะสั่งอาหารเพิ่ม”
“เอ่อ...” ธนทัตยังมองหน้าเพื่อรอฟังคำตอบ “คือเรามีเรื่องอยากคุยด้วยไม่ได้จะสั่งอะไรหรอก นั่งก่อนสิ”
“ไม่เป็นไร พูดมาเลยเรานั่งกับลูกค้าไม่ได้มันผิดกฎ”
“ลืมไป” เริ่มยังไงดีๆ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะแถมยังรู้สึกร้อนวูบวาบที่หน้าอีก “คือเรื่องวันนั้น เรากับคริสไม่ได้”
“ถ้าเป็นเรื่องวันนั้นเรารู้จากคริสหมดแล้วแหละ”
พยักหน้าช้าๆ “งั้นก็ดีแล้ว”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วเราไปรับออร์เดอร์โต๊ะอื่นก่อนนะ”
“เดี๋ยว! ” ลุกขึ้นไปดึงแขนไว้ “เรายังมีอีกเรื่องที่จะบอก เรื่องวันนั้น เอ่อ...”
“วันนั้น? ”
“วันที่เราหลงป่าด้วยกัน เรื่องที่หน้าผา...เรา เราชอบนาย เราก็ไม่รู้ว่าเราชอบนายมานานหรือยัง แต่หลังจากที่นายบอก เรา...เราก็เริ่มรู้ใจตัวเอง อีกสองวันเราก็จะไปเรียนต่อแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้เจอนายอีกเมื่อไร” สูดหายใจเข้าลึกๆ “ที่เรามาวันนี้ เราแค่อยากมาบอกนายก่อนที่จะไปว่าเรา ...ชอบนาย” เสียงแผ่วลงแต่คนที่ฟังกลับได้ยินอย่างชัดเจน
“แท่ง! รับออร์เดอร์โต๊ะหนึ่งด้วย” พนักงานคนหนึ่งตะโกนเรียก
“ครับพี่! ”
กันติยายอมปล่อยมือ “ไปเถอะ ขอบใจนะที่รับฟัง”
ธนทัตรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีคำพูดใดๆ ให้เธอเลย กันติยา เดินกลับไปนั่งที่เดิมก่อนจะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับใบหน้าของเธอเมื่อจับดูก็พบว่ามันคือน้ำตา... เธอรีบเช็ดออกทันที
“บ้าจริง น่าอายชะมัด จะร้องไห้ทำไม”
ยิ่งพูดน้ำตาก็ยิ่งไหลออกมา เมื่อรู้ว่าตัวเองอดทนต่อไปไม่ไหวเธอจึงก้มหน้าลงกับโต๊ะแล้วปล่อยโฮออกมา
“ฮือ...อีตาบ้า นายคิดว่านายเป็นใคร ทำไมทำกับฉันแบบนี้ ฮือ...”
เสียงร้องไห้ทำให้โต๊ะข้างๆ หันมามองเป็นตาเดียว แต่ ณ วินาทีนี้เธอไม่นึกอายสักนิด
“ฮือ...! ”
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหม”
ใคร? เงยหน้ามอง “แท่ง...” เขากลับมาทำไม?
“ขอนั่งด้วยคนนะ”
จากที่เคยใสผ้ากันเปื้อนของร้านตอนนี้เขาถอดออกเรียบร้อยเพราะเมื่อกี้ยังตั้งตัวไม่ทันเลยรีบออกไปแต่ตอนนี้เขาปรับตัวได้แล้วถึงหัวใจจะยังเต้นรัวอยู่ก็ตาม
“มันผิดกฎไม่ใช่เหรอ ไหนบอกว่าพนักงานห้ามนั่งกับลูกค้าไง” เช็ดคราบน้ำตาออก น่าอายชะมัด!
“นั้นมันกรณีของลูกค้า” ก้มลงกระซิบ “แต่เนี่ย ‘แฟน’ ”
หัวใจหญิงสาวเต้นแรงอีกครั้งแถมหน้ายังรู้สึกร้อนกว่าเดิมหลายเท่า “แฟนเฟินอะไร เราเป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไร อย่ามาขี้ตู่” อีตาบ้า! อายเป็นนะพูดอ้อมๆ หน่อยก็ได้
ธนทัตมองซ้ายมองขวาก็เห็นดอกกุหลาบสีแดงที่ปักอยู่ในแจกันบนโต๊ะอาหาร เขายื่นมือไปหยิบดอกกุหลาบก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้ากันติยา
“เป็นแฟนกันนะ”
“กรี๊ด! ” กุ๊กไก่ที่ยืนลุ้นอยู่ไม่ไกลร้องออกมาด้วยความดีใจ กันติยาหันไปส่งสายตาค้อนน้องสาวก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง
“อี่ตาบ้า ของ่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ” ยกมือขึ้นปิดแก้มรู้สึกว่าตอนนี้หน้าตัวเองคงแดงมากแน่ๆ
“กิ๊ฟบอกเองว่ามีเวลาอยู่เมืองไทยอีกสองวัน ถ้าไม่ขอวันนี้จะไปขอวันไหนล่ะจริงไหม”
“ดอกกุหลาบมันเก่าแล้ว เหี่ยวด้วยดูสิ” ชี้ที่ดอกกุหลาบ
“ก็มันหาได้ดีที่สุดเท่านี้นี่นา” กึ่งพูดกึ่งหัวเราะอย่างอายๆ “ตกลงไหม ถ้าตกลงเดี๋ยวจะซื้อเป็นช่อสวยๆ ให้อีกสักสิบช่อเลย”
“ตกลงเลยพี่กิ๊ฟ! ”
“ตกลงๆ ตกลงๆ ” คนในร้านเชียร์กันใหญ่
คนเขินยิ่งเขินมากกว่าเดิม ตอนนี้ถ้าเอาปรอดมาวัดอุณหภูมิในตัวเธอคงร้อนทะลุปรอดแน่ๆ
“ตกลงค่ะ” จับดอกกุหลาบมาถือไว้
“เย้! ” คนในร้านเฮกันใหญ่ โดยเฉพาะกุ๊กไก่กับอ๊อฟ
“เห็นไหมข้าว่าแล้ว กัดกันทุกวันสุดท้ายก็ลงเอยกันทุกราย” อ๊อฟหันไปพูดกับพนักงานเสริฟ์ของร้าน
“เฮียโคตรเก่ง รู้ได้ไงเป็นหมอดูป่ะเนี่ย”
“เรื่องอย่างนี้มองง่ายนิดเดียว ข้าเคยมีประสบการณ์มาก่อนเว้ย”
“แสดงว่าเฮียกับเจ๊ทะเลาะกันแบบนี้เหรอ”
“ยิ่งกว่านี้อีก เจ๊พวกแกโหดจะตาย”