๙ แล่ว ๖ ๖ แล้ว ๙ เมื่อวานนี้ ได้เจอสองสาว เจ้ามือตัวจริง ฮาฮา

ขอบคุณทุกๆท่าน ที่ช่วยกด + ให้ครับ

ต้องการให้กระทู้อยู่นานพอให้เจ้ามือตัวจริง ที่ไปเจอมา  จะได้อ่าน
ก่อนกระทู้จะหล่นจากจอครับ


ขอเรียกสนุกๆนะครับ   ถ้าเจ้ามือสาววัยยี่สิบปลายๆ ? ทั้งสองคน  
ได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้     คงอ่านไป หัวเราะไป  

จริงๆแล้ว สองสาวที่เจอ  คือผู้ประกอบการที่มาออกบู๊ธในงานนี้  ที่ไบเทคครับ





ขอเรียกเจ้ามือตัวจริงที่เจอคนที่ ๑ ว่าคุณหลาน ๑   คนที่ ๒ ว่า คุณหลาน ๒  

คุณหลานทั้งสอง  มาช่วยทางครอบครัวมาออกบู๊ธ โปรโมทสินค้า sme  เพื่อการส่งออก

คุณหลาน ๑  ออกบู๊ธขายปลาหมึกแผ่นอบกรอบ ตราคามาริ
คุณหลาน ๒  ออกบู๊ธขายใบมะกรูดผสมถั่ว  เกรดพรีเมียม

เรื่องของเรื่อง  คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ถ้าบังเอิญหลังจากซื้อปลาหมึกแผ่นอบกรอบเสร็จ  ได้พูดเปรยๆไปว่า
น่าเสียดาย  ไม่มีบริษัทส่งออกใหญ่ๆ  มาออกบู๊ธ  

คุณหลาน ๑  เลยถามว่า  ทำธุรกิจส่งออกหรือเปล่าค่ะ

ผมตอบว่า  ไม่ใช่  เป็นคนซื้อขายหุ้น  ชอบมาเดินดูบริษัทในตลาดมาออกบู๊ธ
แล้วก็เข้าไปถามข้อมูลกับพนักงานที่มาออกบู๊ธ

คำว่า "ห้น" คำเดียว  ทำเอาคุณหลาน ๑  ต่อยอดทันที
พูดเกี่ยวกับเรื่องหุ้น   แล้วก็มาลงท้ายตรงคุณหลาน ๑  อ่านห้องสินธรด้วย

ผมเลยบอกว่า ผมก็อยู่ในห้องสินธร  โพสต์กระทู้บ่อยเหมือนกัน

ทำเอาคุณหลาน ๑  ทึ่ง  ถามว่า  "จริงหรือเปล่าค่ะ"

ผมเลยบอกว่า  ให้ลองทายว่า  ผมคืออมยิ้มในสินธรอันนั้น

คุณหลานเธอตอบว่า  

"ใช่คุณทอง(เนื้อเก้า)หรือเปล่าค่ะ"  


ว้าว  แสดงว่าคุณทองเนื่อเก้ามีแฟนคลับเพียบเหมือนกัน
คุณหลาน ๑  เลยเอ่ยชื่อออกมาเป็นคนแรก

แต่ก็สงสารคุณทองฯนะ   สาวๆเขามองว่าแก่ขนาดผมไปแล้ว ฮาฮา

ผมเลยตอบว่า ไม่ใช่  ผมใช้อมยิ้ม endophine  พอจะรู้จักหรือเปล่า
ทำเอาคุณหลาน ๑  ร้องฮ้า จริงหรือเปล่า
จริงซิ  ไม่เคยเห็นหน้าในรายการมันนี่ทอล์คเหรอ ?
https://www.youtube.com/watch?v=8E_5lGQgc0A

อมยิ้ม16อมยิ้ม16อมยิ้ม16

ลงท้ายคุณหลาน ๑  ขอให้ถ่ายรูปโปรโมทสินค้ากับแผ่นป้ายหน้าบู๊ธ คงจะเอาไปลงในเฟซบุค
ผมนึกในใจ  จะทำให้สินค้าของคุณหลาน ๑ ขายไม่ออกหรือเปล่าหว่า ฮาฮา

ก็คุยกันเรื่องหุ้นอยู่พักหนึ่ง  ก็เดินดูงานไปเรื่อยๆ
ไปเจอบู๊ธขายใบมะกรูดผสมถั่ว เกรดพรีเมี่ยมทำส่งออก
ผมเลยเข้าไปถามคุณหลาน ๒  ว่ามีมะกรูดแบบแคปซูลขายหรือเปล่า
คำตอบคือไม่มีค่ะ  
ผมเลยให้ข้อมูลไปว่า   เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง
เธอมีคอเลสเตอรอลสูงเกินค่ามาตรฐานไปนับร้อย
หลังจากเอาสูตรเด็ดจากเพื่อนด้วยกัน   ให้เอาลูกมะกรูดมาปั่นสด
แล้วกินน้ำมะกรูดปั่นทุกวัน     ปรากฏว่า คอเลสเตอรอลลดฮวบ  
จนหมอที่ตรวจผลเลือดแปลกใจมากๆ

ผมบอกคุณหลาน ๒ ไปว่า  น่าจะเอามาต่อยอดดูนะ
กำลังคุยกันอยู่  ปรากฏว่า  คุณหลาน ๑  เดินถือถุงใส่ปลาหมึกแผนอบกรอบเอามาให้หนึ่งชุด ๔ ถุง
บอกว่าขอมอบให้  เพราะชอบอ่านกระทู้ของป๋าค่ะ
และชอบใจที่ป๋าบอกว่า ชอบเดินหาหุ้น ตามงานแสดงสินค้าและบริการ

เออ ดีขึ้นมานิด  จากลุงกลายเป็น ป๋า  ฮาฮา

คุณหลาน ๑  ซึ่งไม่ได้รู้จักกับคุณหลาน ๒  
ถามคุณหลาน ๒ ไปว่า  เล่นหุ้นหรือเปล่า  นี่ไงป๋าเอนโดฟิน  
คุณหลาน ๒  ก็ทำท่าทึ่ง  เพราะเป็นแฟนคลับห้องสินธรเหมือนกัน

ที่นี่เลยได้ยืนคุยกันนานพอสมควร

สรุปได้ประมาณนี้

๑  ทั้งคุณหลาน ๑ และ ๒  เข้าใจความหมายของหัวกระทู้ว่า ๙ แล้ว ๖  ไม่ถูกต้อง
คือเข้าใจว่า  ผมหมายถึงบางทีก็กำไร ๙  บางทีก็ได้กำไร ๖

ซึ่งได้อธิบายให้ฟังตามภาพประกอบ  
พร้อมกับยกคำพูดของโซรอสมาอ้างอิงว่า
ไม่มีทางที่เราจะลงทุนถูกทุกครั้ง
ที่ต้องทำให้ได้คือ  

"ครั้งที่ลงทุนถูก  ต้องได้เงินมากๆๆๆๆ  ครั้งที่ลงทุนผิด ต้องเสียเงินน้อยๆๆ"




๒  คุณหลาน ๑ และ ๒  
ลงทุนแนวดูผลประกอบการเป็นหลัก
พอพูดถึงเรื่องกราฟ   คุณหลาน ๑  ซึ่งเรียนมาสายวิทย์ด้านสถิติโดยตรง  
ออกความเห็นว่า  บอกตามตรงว่าหนูไม่ค่อยเชื่อเรื่องกราฟ  

ผมเลยออกความเห็นไปประมาณนี้
ไม่ว่าปัจจัยพื้นฐานหรือเทคนิค
มันก็คือ  การตีความ  "ความน่าจะเป็น"

คนดูผลประกอบการ  ตีความ ความน่าจะเป็นของหุ้น  ผ่านผลประกอบการ
คนดูกราฟ   ตีความ ความน่าจะเป็นของหุ้น  ผ่านราคาหุ้น

ไม่ว่าแนวทางไหน สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ
ตีความถูกแล้วได้เงิน  จะต้องได้เงินมากกว่าตีความผิดแล้วเสียเงิน
พร้อมยกตัวอย่างคุณธราธิป ใช้กราฟเทรนด์ไลน์รายสัปดาห์
สะสม mint ได้สองล้านกว่าหุ้น ที่ราคาสิบบาท
และถือยาวมาจนทุกวันนี้

ด้วยหลักการ  "ปิดล่าง เปิดบน"  
คือถ้าตีความผิดแล้วซื้อหุ้น  ก็ให้คัทลอส ปิดขาดทุนตรงกรอบล่างของเทรนด์ไลน์
ถ้าตีความถูกแล้วซื้อหุ้น    ก็ปล่อยให้กำไรเงินมายา วิ่งเพิ่มขึ้นไปเรื่อย  เท่ากับเปิดบน  
เมื่อเทรนด์ไลน์ไม่ได้เปลี่ยนทิศทาง
อย่างมีนัยยะสำคัญ ในระดับรายสัปดาห์ ก็ยังไม่ขายเปลี่ยนกำไรเงินมายา เป็นกำไรเงินจริง




๓  คุณหลาน ๒  สวมหมวกสองใบ
วันหยุดช่วยครอบครัวทำธุรกิจ  
และวันทำงาน เป็นพนักงานระดับต้องเข้าประชุมกรรมการ
เธอบอกว่า  ได้ไอพีโอ ในฐานะพนักงานของบริษัท s..  ในตลาดmai
ซึ่งทำธุรกิจความงามและนวดเพื่อสุขภาพ

ผมถามไปว่า เข้าวันแรกๆขึ้นสองร้อยเปอร์เซนต์  ได้ขายทำกำไรหรือเปล่า
เธอตอบว่า  ไม่ได้ขาย เพราะมั่นใจในฐานะและผลประกอบการของบริษัท
บริษัทแทบจะไม่หนี้สินเลย  
ที่มีหนี้สิน ก็เกิดจากการต้องกู้เงินเพื่อมาขยายธุรกิจต่อยอดไประดับ aec  
ก็เลยต้องกู้มาสองร้อยล้าน  และได้คืนเงินกู้ไปหนึ่งร้อยล้าน   จากเงินที่ได้จากการขายไอพีโอ
หลังคืนเงินกู้  หนึ้สินต่อทุน ก็มีแค่ หนึ่งต่อสี่เท่านั้น

ผมฟังแล้ว   นี่ไงเจ้ามือตัวจริง ฮาฮา  
เธอบอกว่า  
ตอนหุ้นบริษัทเข้าตลาดใหม่ๆ
เจ้านายประชุมเสร็จออกมายังงง  ที่ราคาหุ้นบริษัทมันขึ้นได้ขนาดนั้นได้ไง
แต่ก็ไม่มีใครขายทำกำไร  เพราะเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษัทว่า ยังโตต่อเนื่อง

ผมได้ออกความเห็นเพิ่มว่า
ถ้าเป็นผม  ต่อให้ผลประกอบการดียังไง  ถ้าราคาหุ้นเกินความจริงมากๆ
อย่างน้อยที่สุด  ต้องคลายเครียดเรโช  เอาเงินของเราออกมาก่อน
หุ้นที่เหลือ ก็ตามไปดู  พร้อมยกตัวการถือหุ้น ifec  ซึ่งเหลือแบบไม่มีต้นทุน ประมาณ ห้าแสนหุ้น
ว่าถือได้นานและกำไรมากขนาดนั้น  มาจากแต้มต่อเรื่องขายเอาเงินต้นของเรา ออกมาจนหมดแล้ว

๔  สินธรมีสมาชิก ที่อ่านอย่างเดียว ไม่เคยโพสต์เป็นจำนวนมากกว่าที่คิด
คุณหลานทั้งสองคน  ก็เป็นประเภท อ่านอย่างเดียว ไม่เคยโพสต์
เพราะไม่ได้สมัครเป็นสมาชิก

๕  ถ้าคุณหลานทั้งสอง  ได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้  
ก็ขอขอบคุณ   ของกินที่มอบให้ด้วยครับ
เป็นสินค้าสองอย่าง ในภาพประกอบ

อมยิ้ม17อมยิ้ม17







* สำหรับผลของการกระทำจากเจ้ามือตัวจริง  ได้โพสต์ไว้ในกระทู้นี้ครับ


http://pantip.com/topic/33185542
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่