ผมทำร้านอาหารนะครับ อยู่ในพลาซ่าเล็กๆ ไปสวมสัญญาเขามาเหลือ2ปีนิดๆ ตอนแรกคิดว่าได้ทำสัญญากับเจ้าของ แล้วเดี๋ยวคงได้ต่อ
ที่ไหนได้เป็นการ "เช่าช่วง"ครับ หมดสัญญาพร้อมกันหมดทุกร้าน ตอนนี้จะหมดสัญญาแล้ว เจ้าของที่ก็ยังลังเลใจเพราะมีตัวเลือก3ทาง
1. ปล่อยพื้นที่ให้คนอื่นเช่าระยะยาว (ได้ค่าเปิดหน้ากินก็หลายสิบล้านแล้ว) --- ไปกันหมดทั้งร้านค้าและคนเช่าช่วง
2. ให้บริษัทเดิมเช่าช่วงต่อ เสนอขึ้นค่าเช่าอีก100% แล้วบริษัทก็จะมาขึ้นพวกผมอีกไม่ต่ำกว่า50% (จาก60000เป็น95000)--- แน่นอนว่าอยู่ไม่ได้ จะปิดร้านหรือเซ้งร้านว่ากันอีกที แต่บอกตรงๆครับ ก่อนผมมาก็เจ๊งกัน3เจ้าแล้ว ผมขยันทำงานเต็มที่ ดูแลเองเฝ้าเอง ก็ทำให้กำไรได้หลักไม่กี่หมื่น ถ้าราคาขึ้นขนาดนี้หาคนเช่ายากมากครบ
3. เจ้าของที่มาทำเองให้เช่าตรง ตอนแรกก็คิดวา่จะเป็นแบบนี้ ก็คงขึ้นค่าเช่าแต่ไม่รู้ว่าเท่าไหร่ แต่สุดท้ายเขาเงียบ เพราะข้อ1นี่แหละครับ
ตอนนี้เขากำลังเจรจากับdeveloperอยู่ เพื่อข้อ1 ซึ่งจะตัดสินใจอีกทีเดือนเมษายน มีแต่คนบอกผมว่าอย่าอยู่เลย ให้ไปตอนนี้ยังมีเวลาเตรียมตัวดีกว่า
เครียดมากครับ กำลังพึ่งจะไปได้ดี ยังไม่ทันฟื้นทุนเลย ก็ต้องมาปิดร้านอีกแล้ว ผลประโยชน์มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ แล้วผมไม่ได้หลับไม่ได้นอน พยายามหาพื้นใหม่เช่า ก็ไม่ได้ทำง่ายๆเลย ผมมีเงื่อนไขหลายอย่างดังนี้ครับ
1. ไม่อยากเปิดไกลกว่าเดิม เพราะมีอีกสาขาต้องดูแล วิ่งไปวิ่งมาได้
2. ฐานลูกค้าเดิมก็เยอะพอสมควร เสียดายถ้าต้องปิดตัวไปเฉยๆ
3. ผมขายราคาไม่แพง มีกลุ่มชัดเจน มีความถนัดที่ทำได้ดีกว่าใครในช่วงราคานึง
4. ทำเป็นธุรกิจครอบครัว ทุนไม่เยอะ ไม่ได้กู้มา ช่วยกับกับแม่สองคน ไม่มีผู้จัดการร้าน จึงไม่สามารถขยายทีละมากๆได้
กลุ้มใจมากครับ เพราะพึ่งรู้ตัวไม่นาน แต่ผมก็ไปเจอร้านเซ้งร้านหนึ่งเป็นธุรกิจบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นเปิดมาสิบกว่าปีแล้ว
ค่าเซ้งมากกว่าร้านทั่วไป6เท่า ค่าเช่าแพงกว่าปัจจุบัน6เท่า ลูกน้อง30คน ขนาดโต๊ะหลายร้อยที่นั่ง เป็นสเกลที่ผมไม่เคยทำ
แต่ผมก็อยากเสี่ยง เพราะ
1. อยุ่ในบริเวณที่ผมดูแลได้
2. ผมยังมีไฟเต็มที่ และมองเห็นศักยภาพที่จะเพิ่มยอดเข้าไปได้
3. ผมไม่สามารถขยายไปทีละหลายสิบสาขาได้ด้วยข้อจำกัดที่บอก แต่ทำที่เดียวใหญ่ๆ ผมก็ยังดูแลไหว
4. ผมนั่งคิดว่า ถ้าผมรีบร้อนไปเปิดที่ใหม่ก็ต้องวนลูปเดิมคือ ทนขาดทุน6เดือนสร้างฐานลูกค้าใหม่ รออีกปีกว่าๆค่อยคืนทุน
แล้วถ้าเกิดไม่เป็นอย่างที่คิดก็ยิ่งลำบากครับ
5. ร้านยังเปิดบริการปกติ จึงมองเห็นรายรับที่เข้ามาได้ทันที แล้วค่อยต่อยอดจากตรงนั้น
สาเหตุที่เจ้าของเลิกทำ + ข้อสันนิษฐานของผม
1. เลิกเพราะต้องไปช่วยกิจการที่บ้าน ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าจริงหรือเปล่า ถ้ารายได้ดีจริงๆ ไม่มีใครเลิกทำหรอกครับ จ้างมืออาชีพมาช่วยบริหารก็ได้
2. เบื่อเพราะทำมานานแล้ว ปัญหาจุกจิกเรื่องคนงาน โกง ฯลฯ
3. ธุรกิจไม่ได้กำไรเหมือนเดิมแล้ว เผลอๆบางเดือนอาจจะขาดทุน ทำให้ไม่คุ้มที่จะทำต่อไป
สรุปคำถามที่ผมขอความคิดเห็นนะครับ
1. ใครเคยทำบุฟเฟ่ต์ญีุ่ปุ่นมีประสบการณ์ ปัญหา และการบริหารอย่างไร ให้มีกำไรครับ มันคุ้มหรือเปล่าที่จะทำ
2. ผมควรจะก้าวข้ามไปทำอะไรที่ใหญ่ขึ้น เสี่ยงขึ้น แต่ผลตอบแทนมากขึ้น หรือว่าจะรักษารูปแบบเดิมของร้านผมไว้? เพราะศักยภาพดูแลมีขีดจำกัดครับ
3. กลุ่มลูกค้าหลักเดิมของร้าน เป็นทัวร์เกาหลีมาลงทุกวันครับ
4. ผมไม่มีเงินต้องกู้มา แต่ก่อนตัดสินใจก็ต้องทำBusiness Planอีกทีครับ
5. พี่สาว เพื่อน เห็นแล้วคัดค้านไม่เห็นด้วย เพราะมันใหญ่แบบที่ไม่เคยทำมาก่อน มันเสี่ยงไป ตรงนี้เขาคิดคนละแบบกับผม ทำให้ผมก็ไม่ได้มั่นใจมากเกินไป แต่ผมก็ยังสนใจมากๆอยู่ดี
6. บุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น ยังถือว่ามีอนาคตหรือไม่ เพราะร้านอาหารเปิดใหม่มากมายทุกวัน
7. ขอแชร์ประสบการณ์ หรือข้อคิดของคนอื่นที่จะเป็นประโยชน์กับผมหน่อยครับ
8. รายละเอียดหลังไมค์ได้ครับ แต่ผมไม่สามารถบอกชื่อร้านที่จะเซ้งได้นะครับ ไม่อยากพาดพิงมาก เดี๋ยวผมเดือดร้อน
เครียดอยากปรึกษา ต้องปิดร้านภายใน2-3เดือน ทั้งๆที่ทุกอย่างไปได้ดี
ที่ไหนได้เป็นการ "เช่าช่วง"ครับ หมดสัญญาพร้อมกันหมดทุกร้าน ตอนนี้จะหมดสัญญาแล้ว เจ้าของที่ก็ยังลังเลใจเพราะมีตัวเลือก3ทาง
1. ปล่อยพื้นที่ให้คนอื่นเช่าระยะยาว (ได้ค่าเปิดหน้ากินก็หลายสิบล้านแล้ว) --- ไปกันหมดทั้งร้านค้าและคนเช่าช่วง
2. ให้บริษัทเดิมเช่าช่วงต่อ เสนอขึ้นค่าเช่าอีก100% แล้วบริษัทก็จะมาขึ้นพวกผมอีกไม่ต่ำกว่า50% (จาก60000เป็น95000)--- แน่นอนว่าอยู่ไม่ได้ จะปิดร้านหรือเซ้งร้านว่ากันอีกที แต่บอกตรงๆครับ ก่อนผมมาก็เจ๊งกัน3เจ้าแล้ว ผมขยันทำงานเต็มที่ ดูแลเองเฝ้าเอง ก็ทำให้กำไรได้หลักไม่กี่หมื่น ถ้าราคาขึ้นขนาดนี้หาคนเช่ายากมากครบ
3. เจ้าของที่มาทำเองให้เช่าตรง ตอนแรกก็คิดวา่จะเป็นแบบนี้ ก็คงขึ้นค่าเช่าแต่ไม่รู้ว่าเท่าไหร่ แต่สุดท้ายเขาเงียบ เพราะข้อ1นี่แหละครับ
ตอนนี้เขากำลังเจรจากับdeveloperอยู่ เพื่อข้อ1 ซึ่งจะตัดสินใจอีกทีเดือนเมษายน มีแต่คนบอกผมว่าอย่าอยู่เลย ให้ไปตอนนี้ยังมีเวลาเตรียมตัวดีกว่า
เครียดมากครับ กำลังพึ่งจะไปได้ดี ยังไม่ทันฟื้นทุนเลย ก็ต้องมาปิดร้านอีกแล้ว ผลประโยชน์มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ แล้วผมไม่ได้หลับไม่ได้นอน พยายามหาพื้นใหม่เช่า ก็ไม่ได้ทำง่ายๆเลย ผมมีเงื่อนไขหลายอย่างดังนี้ครับ
1. ไม่อยากเปิดไกลกว่าเดิม เพราะมีอีกสาขาต้องดูแล วิ่งไปวิ่งมาได้
2. ฐานลูกค้าเดิมก็เยอะพอสมควร เสียดายถ้าต้องปิดตัวไปเฉยๆ
3. ผมขายราคาไม่แพง มีกลุ่มชัดเจน มีความถนัดที่ทำได้ดีกว่าใครในช่วงราคานึง
4. ทำเป็นธุรกิจครอบครัว ทุนไม่เยอะ ไม่ได้กู้มา ช่วยกับกับแม่สองคน ไม่มีผู้จัดการร้าน จึงไม่สามารถขยายทีละมากๆได้
กลุ้มใจมากครับ เพราะพึ่งรู้ตัวไม่นาน แต่ผมก็ไปเจอร้านเซ้งร้านหนึ่งเป็นธุรกิจบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นเปิดมาสิบกว่าปีแล้ว
ค่าเซ้งมากกว่าร้านทั่วไป6เท่า ค่าเช่าแพงกว่าปัจจุบัน6เท่า ลูกน้อง30คน ขนาดโต๊ะหลายร้อยที่นั่ง เป็นสเกลที่ผมไม่เคยทำ
แต่ผมก็อยากเสี่ยง เพราะ
1. อยุ่ในบริเวณที่ผมดูแลได้
2. ผมยังมีไฟเต็มที่ และมองเห็นศักยภาพที่จะเพิ่มยอดเข้าไปได้
3. ผมไม่สามารถขยายไปทีละหลายสิบสาขาได้ด้วยข้อจำกัดที่บอก แต่ทำที่เดียวใหญ่ๆ ผมก็ยังดูแลไหว
4. ผมนั่งคิดว่า ถ้าผมรีบร้อนไปเปิดที่ใหม่ก็ต้องวนลูปเดิมคือ ทนขาดทุน6เดือนสร้างฐานลูกค้าใหม่ รออีกปีกว่าๆค่อยคืนทุน
แล้วถ้าเกิดไม่เป็นอย่างที่คิดก็ยิ่งลำบากครับ
5. ร้านยังเปิดบริการปกติ จึงมองเห็นรายรับที่เข้ามาได้ทันที แล้วค่อยต่อยอดจากตรงนั้น
สาเหตุที่เจ้าของเลิกทำ + ข้อสันนิษฐานของผม
1. เลิกเพราะต้องไปช่วยกิจการที่บ้าน ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าจริงหรือเปล่า ถ้ารายได้ดีจริงๆ ไม่มีใครเลิกทำหรอกครับ จ้างมืออาชีพมาช่วยบริหารก็ได้
2. เบื่อเพราะทำมานานแล้ว ปัญหาจุกจิกเรื่องคนงาน โกง ฯลฯ
3. ธุรกิจไม่ได้กำไรเหมือนเดิมแล้ว เผลอๆบางเดือนอาจจะขาดทุน ทำให้ไม่คุ้มที่จะทำต่อไป
สรุปคำถามที่ผมขอความคิดเห็นนะครับ
1. ใครเคยทำบุฟเฟ่ต์ญีุ่ปุ่นมีประสบการณ์ ปัญหา และการบริหารอย่างไร ให้มีกำไรครับ มันคุ้มหรือเปล่าที่จะทำ
2. ผมควรจะก้าวข้ามไปทำอะไรที่ใหญ่ขึ้น เสี่ยงขึ้น แต่ผลตอบแทนมากขึ้น หรือว่าจะรักษารูปแบบเดิมของร้านผมไว้? เพราะศักยภาพดูแลมีขีดจำกัดครับ
3. กลุ่มลูกค้าหลักเดิมของร้าน เป็นทัวร์เกาหลีมาลงทุกวันครับ
4. ผมไม่มีเงินต้องกู้มา แต่ก่อนตัดสินใจก็ต้องทำBusiness Planอีกทีครับ
5. พี่สาว เพื่อน เห็นแล้วคัดค้านไม่เห็นด้วย เพราะมันใหญ่แบบที่ไม่เคยทำมาก่อน มันเสี่ยงไป ตรงนี้เขาคิดคนละแบบกับผม ทำให้ผมก็ไม่ได้มั่นใจมากเกินไป แต่ผมก็ยังสนใจมากๆอยู่ดี
6. บุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น ยังถือว่ามีอนาคตหรือไม่ เพราะร้านอาหารเปิดใหม่มากมายทุกวัน
7. ขอแชร์ประสบการณ์ หรือข้อคิดของคนอื่นที่จะเป็นประโยชน์กับผมหน่อยครับ
8. รายละเอียดหลังไมค์ได้ครับ แต่ผมไม่สามารถบอกชื่อร้านที่จะเซ้งได้นะครับ ไม่อยากพาดพิงมาก เดี๋ยวผมเดือดร้อน