ทริปนี้เกิดเมื่อมีโปรของแอร์เอเชีย เราจองได้ในราคา 2450 บาท ลงฮานอยครับ
ตื่นเต้นตั้งแต่ตื่นเลยครับ ปกติชอบเที่ยวคนเดียวครับและครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เดินทางคนเดียว
ผมตื่นสายมากแบบสายนรกเลยครับเนื่องจากเมื่อคืนก่อนมีงานเลี้ยงที่คณะครับ เอาง่ายๆงานกินเหล้าเมาแบบว่า เลอะเทอะเลยครับ
ผมตื่น5:30น. บอร์ดดิ้งทาม6:20ครับ. แม่เจ้า 50นาทีกับการอาบน้ำ เดินทางไปดอนเมือง ผ่านตม. แล้วก็แจ้นไปขึ้นเครื่อง
ผมถึงดอนเมือง06:00น.ครับ โชคดีมากครับที่ผมเช็คอินล่วงหน้ามาก แต่คนในวันนั้นแบบเยอะมหาปะลัยไปเลยครับ
ไม่มีเวลาโทรบอกแม่ไม่มีเวลาเชคอินในเฟสว่าอยู่สนามบินสวยๆแบบคนอื่นว่า "เด๊วกลับมานะไทยแลนด์" หรือ"เวียดนามคิลลงคอลิ่ง"ไม่มีครับ
และแล้วผมก็ถึงสนามบินนานาชาตินอยไบ แบบเมา เมาเหล้าครับ

ถึงแล้วก็เดินไปนั่งรถเมล์สาย17เข้าเมืองฮานอยครับแล้วก็เดินเที่ยวรอเวลานั่งรถไปซาปาคืนนี้

เดินไปเรื่อยก็เจอสุสานลุงโฮครับ

นี่ละมั่งลุงโฮที่เค้าเรียกๆกัน

วัดกลางน้ำครับ

พิพิธภัณฑ์บ้านลุงโฮ

แล้วก็ตกดึกครับ ผมนั่งรถsleeping busไปซาปาเนื่องจากถูกกว่านั่งรถไฟครับ แล้วก็เบื่อนั่งรถไฟด้วยครับ
นั่งบ่อยมากๆเคยนั่งไปมาเล ไปแถบภาคอีสานบ่อยๆครับออกค่ายอาสา
และนี่ก็เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของsleeping bus

มาถึงซาปาเกือบราวๆตีห้าได้ครับแต่สามารถนอนบนรถจนถึงเจ็ดโมงเช้าครับ
ไม่รู้หรอกครับว่าถึงกี่โมงถามคนรถที่มาปลุกตอนเจ็ดโมง
พอลงมาแบบโหยสวยมากๆๆๆ หมอกยามเช้า อากาศราวๆ4องศาได้ครับ

[i

แล้วก็เดินหาที่พักครับได้มาราคา5$ครับแล้วก็เช่ารถมอไซต์แว๊นรอบเมืองครับได้ภาพมาดังนี้ครับ

ระหว่างทางมี่ไม่มีจุดหมาย

แวะถ่ายข้างทางครับ ทางแยกหลายแยกเหมือนกับชีวิตใครหลายๆคนที่ต้องเลือกแต่เลือกไม่ได้เพราะอยู่ที่ทางแยกโดยไม่ทราบระหว่างทางหรือจุดหมายปลายทางของทางแยกนั้น

สะพานแดง
แล้วก็หมดไปหนึ่งวันครับ
ตื่นเช้ามาอีกวันวันที่ผมจะไปเดินเทรกกิ้งครับ ไปหมู่บ้านอะไรไม่รู้ครับเยอะแยะไปหมดจำไม่ได้ครับ

นาข้าวที่เกี่ยวไปแล้ว

เพื่อร่วมเดินทาง และเพื่อนผู้ร่วมธุรกิจการค้าขาย

สายน้ำผ่านหมู่บ้าน

ไก่ในกรงตับ เวลแฟมากๆ

วิวเขานาข้าว

เพื่อนร่วมทาง ชาวดัสต์

แม่น้ำเข้าหมู่บ้าน
แล้วก็ตอนเย็นคืนนั้นผมก็นั่งรถเข้าฮานอยเพื่อไปเที่ยวอ่าวฮาลองในตอนเช้า
แล้วก็ถึงท่าเทียบเรือ
แล่นเรือไปได้สักพักก็ออกไปถ่ายรูปกัน ที่ใช้คำว่ากันเพราะผมเจอเพื่อนรุ่นน้องคนไทยครับดีใจมากได้เม้ามอยภาษาไทยแล้ว

ฮาลอง

ท่าเทียบเรือเพื่อไปนั่งเรือพายราคาแสนแพงที่เกือบโดนโกง

แล้วก็หมดกันผมนั่งรถกลับเข้าไปในฮานอยอีกครั้ง
ตื่นช้ามากับวันคริสมาสต์อีกมีแพลนว่าวันนี้จะเดินชิวๆไม่รีบตอนเย็นจะไปโบสถ์

ความวุ่นวายของการจราจรในเมืองฮานอย

รางรถไฟผ่ากลางเมือง

ย่านถนน ที่กินเบียร์ได้ถูกที่สุดในโลกถ้าไม่นับทานฟรีตังเพื่อน แก้วละ7บาทครับ

โบสถ์ในเมืองฮานอยในคืนคริสมาร์สอีก
พอตื่นเช้าอีกวันผมขึ้นรถเมล์สาย17เข้าไปยังสนามบิน
บินกลับประเทศไทย

กลับแอร์เอเชียไทยแลนด์ครับ แต่นี่คือรูปสายการบินแห่งชาติสังคมนิยมเวียดนาม
สรุปผมใช้เวลาทั้งหมด 5วัน4คืนหมดไป7450บาทครับ ทริปประหยัดครับเพราะผมเก็บเงินเที่ยวเแง
โดยค่าเครื่อง 2450บาท ค่ารถบัสไปซาปา25$ ค่าที่พักโฮสเทลที่ซาปา 5$ ค่าที่พักโฮสเทลที่ฮานอยคืนละ 6$
ค่าเทรกกิ่ง12$ ค่าทัวร์ฮาลอง 20$ ค่าเช่ามอไซต์ 5$ ที่เหลือหมดกับค่ากินครับ
ไปเวียดนามต้องกินเฝอครับเนื้อหอมอร่อยดี ดื่มเบียร์ที่แสนจะถูก
ไปแล้วครับ. เที่ยวด้วยเงินเก็บภูมิใจจะตาย เรียนอยู่ไม่ขอเงินพ่อแม่ก็เที่ยวได้
[CR] ท่องเวียดนาม (ฮานอย-ซาปา)คนเดียว
ตื่นเต้นตั้งแต่ตื่นเลยครับ ปกติชอบเที่ยวคนเดียวครับและครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เดินทางคนเดียว
ผมตื่นสายมากแบบสายนรกเลยครับเนื่องจากเมื่อคืนก่อนมีงานเลี้ยงที่คณะครับ เอาง่ายๆงานกินเหล้าเมาแบบว่า เลอะเทอะเลยครับ
ผมตื่น5:30น. บอร์ดดิ้งทาม6:20ครับ. แม่เจ้า 50นาทีกับการอาบน้ำ เดินทางไปดอนเมือง ผ่านตม. แล้วก็แจ้นไปขึ้นเครื่อง
ผมถึงดอนเมือง06:00น.ครับ โชคดีมากครับที่ผมเช็คอินล่วงหน้ามาก แต่คนในวันนั้นแบบเยอะมหาปะลัยไปเลยครับ
ไม่มีเวลาโทรบอกแม่ไม่มีเวลาเชคอินในเฟสว่าอยู่สนามบินสวยๆแบบคนอื่นว่า "เด๊วกลับมานะไทยแลนด์" หรือ"เวียดนามคิลลงคอลิ่ง"ไม่มีครับ
และแล้วผมก็ถึงสนามบินนานาชาตินอยไบ แบบเมา เมาเหล้าครับ
ถึงแล้วก็เดินไปนั่งรถเมล์สาย17เข้าเมืองฮานอยครับแล้วก็เดินเที่ยวรอเวลานั่งรถไปซาปาคืนนี้
เดินไปเรื่อยก็เจอสุสานลุงโฮครับ
นี่ละมั่งลุงโฮที่เค้าเรียกๆกัน
วัดกลางน้ำครับ
พิพิธภัณฑ์บ้านลุงโฮ
แล้วก็ตกดึกครับ ผมนั่งรถsleeping busไปซาปาเนื่องจากถูกกว่านั่งรถไฟครับ แล้วก็เบื่อนั่งรถไฟด้วยครับ
นั่งบ่อยมากๆเคยนั่งไปมาเล ไปแถบภาคอีสานบ่อยๆครับออกค่ายอาสา
และนี่ก็เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของsleeping bus
มาถึงซาปาเกือบราวๆตีห้าได้ครับแต่สามารถนอนบนรถจนถึงเจ็ดโมงเช้าครับ
ไม่รู้หรอกครับว่าถึงกี่โมงถามคนรถที่มาปลุกตอนเจ็ดโมง
พอลงมาแบบโหยสวยมากๆๆๆ หมอกยามเช้า อากาศราวๆ4องศาได้ครับ
[i
แล้วก็เดินหาที่พักครับได้มาราคา5$ครับแล้วก็เช่ารถมอไซต์แว๊นรอบเมืองครับได้ภาพมาดังนี้ครับ
ระหว่างทางมี่ไม่มีจุดหมาย
แวะถ่ายข้างทางครับ ทางแยกหลายแยกเหมือนกับชีวิตใครหลายๆคนที่ต้องเลือกแต่เลือกไม่ได้เพราะอยู่ที่ทางแยกโดยไม่ทราบระหว่างทางหรือจุดหมายปลายทางของทางแยกนั้น
สะพานแดง
แล้วก็หมดไปหนึ่งวันครับ
ตื่นเช้ามาอีกวันวันที่ผมจะไปเดินเทรกกิ้งครับ ไปหมู่บ้านอะไรไม่รู้ครับเยอะแยะไปหมดจำไม่ได้ครับ
นาข้าวที่เกี่ยวไปแล้ว
เพื่อร่วมเดินทาง และเพื่อนผู้ร่วมธุรกิจการค้าขาย
สายน้ำผ่านหมู่บ้าน
ไก่ในกรงตับ เวลแฟมากๆ
วิวเขานาข้าว
เพื่อนร่วมทาง ชาวดัสต์
แม่น้ำเข้าหมู่บ้าน
แล้วก็ตอนเย็นคืนนั้นผมก็นั่งรถเข้าฮานอยเพื่อไปเที่ยวอ่าวฮาลองในตอนเช้า
แล้วก็ถึงท่าเทียบเรือ
แล่นเรือไปได้สักพักก็ออกไปถ่ายรูปกัน ที่ใช้คำว่ากันเพราะผมเจอเพื่อนรุ่นน้องคนไทยครับดีใจมากได้เม้ามอยภาษาไทยแล้ว
ฮาลอง
ท่าเทียบเรือเพื่อไปนั่งเรือพายราคาแสนแพงที่เกือบโดนโกง
แล้วก็หมดกันผมนั่งรถกลับเข้าไปในฮานอยอีกครั้ง
ตื่นช้ามากับวันคริสมาสต์อีกมีแพลนว่าวันนี้จะเดินชิวๆไม่รีบตอนเย็นจะไปโบสถ์
ความวุ่นวายของการจราจรในเมืองฮานอย
รางรถไฟผ่ากลางเมือง
ย่านถนน ที่กินเบียร์ได้ถูกที่สุดในโลกถ้าไม่นับทานฟรีตังเพื่อน แก้วละ7บาทครับ
โบสถ์ในเมืองฮานอยในคืนคริสมาร์สอีก
พอตื่นเช้าอีกวันผมขึ้นรถเมล์สาย17เข้าไปยังสนามบิน
บินกลับประเทศไทย
กลับแอร์เอเชียไทยแลนด์ครับ แต่นี่คือรูปสายการบินแห่งชาติสังคมนิยมเวียดนาม
สรุปผมใช้เวลาทั้งหมด 5วัน4คืนหมดไป7450บาทครับ ทริปประหยัดครับเพราะผมเก็บเงินเที่ยวเแง
โดยค่าเครื่อง 2450บาท ค่ารถบัสไปซาปา25$ ค่าที่พักโฮสเทลที่ซาปา 5$ ค่าที่พักโฮสเทลที่ฮานอยคืนละ 6$
ค่าเทรกกิ่ง12$ ค่าทัวร์ฮาลอง 20$ ค่าเช่ามอไซต์ 5$ ที่เหลือหมดกับค่ากินครับ
ไปเวียดนามต้องกินเฝอครับเนื้อหอมอร่อยดี ดื่มเบียร์ที่แสนจะถูก
ไปแล้วครับ. เที่ยวด้วยเงินเก็บภูมิใจจะตาย เรียนอยู่ไม่ขอเงินพ่อแม่ก็เที่ยวได้