คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 46
การสร้างหนังสร้างละครควรอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ผู้ชมมีวิจารณญาณภายใต้ขอบเขตคืออายุถึงเกณฑ์ และผมคิดว่าคนดูแยกแยะเป็นว่านี่เป็นหนังไม่ใช่เรื่องจริง การมากำหนดขอบเขตทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นหน่วยเซ็นเซอร์ หรือการแทรกแซงต่างๆ อย่างที่เคยเป็นมา มันทำให้วงการนี้มันวน ซ้ำไปซ้ำมา เพราะการคิดว่าคนไทยเป็นเด็ก คิดเองไม่ได้ คุณลองดูญี่ปุ่นสิ หนังประเด็นแรงๆ หรือแม้แต่หนังav พล็อตวิตถารๆ เต็มบ้านเต็มเมือง ทำไมบ้านเมืองเขาถึงเจริญได้ เพราะเขาเชื่อในวิจารณญาณของประชาชนครับ
การมาตั้งกระทู้นี้ผมไม่หวังว่ามันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงชั่วข้ามคืนหรอกครับ ผมเพียงแต่อยากเป็นเสียงเล็กๆ สะท้อนภาพวงการภาพยนตร์ของประเทศเราในฐานะคนรักหนังที่อยากเห็นการพัฒนา อยากเห็นบทแปลกๆ ความคิดสร้างสรรค์ ไม่ใช่บ้านผีปอบภาคที่ 20 มอ 6/5 ปากหมาท้าอะไรบ้าๆบอๆ หนังผีส่งเสริมความงมงาย ตำนานสงครามพม่าทั้งหลาย ไม่เว้นแม้แต่หนังค่านิยม 12 ประการของ คสช. ส่งเสริมความคลั่งชาติแบบผิดๆ เพี้ยนๆ ทำเป็นเล่นไปนะครับ อนาคตคุณจะเห็นแต่หนังเหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมาๆ
พน
การมาตั้งกระทู้นี้ผมไม่หวังว่ามันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงชั่วข้ามคืนหรอกครับ ผมเพียงแต่อยากเป็นเสียงเล็กๆ สะท้อนภาพวงการภาพยนตร์ของประเทศเราในฐานะคนรักหนังที่อยากเห็นการพัฒนา อยากเห็นบทแปลกๆ ความคิดสร้างสรรค์ ไม่ใช่บ้านผีปอบภาคที่ 20 มอ 6/5 ปากหมาท้าอะไรบ้าๆบอๆ หนังผีส่งเสริมความงมงาย ตำนานสงครามพม่าทั้งหลาย ไม่เว้นแม้แต่หนังค่านิยม 12 ประการของ คสช. ส่งเสริมความคลั่งชาติแบบผิดๆ เพี้ยนๆ ทำเป็นเล่นไปนะครับ อนาคตคุณจะเห็นแต่หนังเหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมาๆ
พน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
กระทู้นี้เขาสื่อว่า หนัง/ละครเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มันมาแนวเดียวกันหมด
เนื้อเรื่องแบ่งแยกชัดเจนใครคือฝ่ายดี ฝ่ายชั่ว
ตัวละครแบนราบ มิติเดียว
ซึ่งความเป็นจริงแล้ว มันเป็นไปไม่ได้
เสียใจด้วยนะคุณ จขกท.
คุณคงไม่มีวันได้เห็นหนัง/ละครประวัติศาสตร์แบบที่คุณและอีกหลายๆ คนคาดหวังหรอก
ดูบางความเห็นที่มาตอบก็น่าจะรู้แล้ว
(นี่ถ้าเขียนยาวกว่านี้ คุณอาจจะโดนถามว่า เป็นคนไทยรึป่าว)
เนื้อเรื่องแบ่งแยกชัดเจนใครคือฝ่ายดี ฝ่ายชั่ว
ตัวละครแบนราบ มิติเดียว
ซึ่งความเป็นจริงแล้ว มันเป็นไปไม่ได้
เสียใจด้วยนะคุณ จขกท.
คุณคงไม่มีวันได้เห็นหนัง/ละครประวัติศาสตร์แบบที่คุณและอีกหลายๆ คนคาดหวังหรอก
ดูบางความเห็นที่มาตอบก็น่าจะรู้แล้ว
(นี่ถ้าเขียนยาวกว่านี้ คุณอาจจะโดนถามว่า เป็นคนไทยรึป่าว)
ความคิดเห็นที่ 14
บอกตรงๆ ไม่เคยดูหนัง ประวัติศาสตร์ เพราะ ตอนเรียน หลับวืชานี้ตลอด
จรืงๆ เอาไรมาพิสูจน์ ว่า ประวัติศาสตร์ เป็นเรื่องจริง กี่ เปอร์เซนต์ ไม่แคร์ด้วย ว่าใครจะมา ด่า ไม่รักชาติ
ชอบดู อะไร สร้างสรรค์ ไม่ชอบเรื่อง ปลุกระดม รักก็ดูเอง จะอ้วก กับ ช่อง 3 สร้างกระแส ดู บางระจัน จนมากเกินงาม
คสช มาทุกวัน ก็เบื่อจะอ้วก เต็มที
จรืงๆ เอาไรมาพิสูจน์ ว่า ประวัติศาสตร์ เป็นเรื่องจริง กี่ เปอร์เซนต์ ไม่แคร์ด้วย ว่าใครจะมา ด่า ไม่รักชาติ
ชอบดู อะไร สร้างสรรค์ ไม่ชอบเรื่อง ปลุกระดม รักก็ดูเอง จะอ้วก กับ ช่อง 3 สร้างกระแส ดู บางระจัน จนมากเกินงาม
คสช มาทุกวัน ก็เบื่อจะอ้วก เต็มที
ความคิดเห็นที่ 30
หนังฝรั่งสองเรื่องที่เจ้าของกระทู้เอ่ยถึง คือหนังอัตชีวประวัติของบุคคล
ถ้าจะเปรียบเทียบ ผมว่าต้องยกตัวอย่างหนังประเภทเดียวกัน
ของเราก็มีดีไม่แพ้กันนะครับ ขอเปรียบทั้งหนังและละครแล้วกันครับ
ของไทยที่ดีๆ ก็มีพวก 2499 อันธพาลครองเมือง หรืออย่างบุญผ่อง ไม่แน่ใจว่าได้ดูมั้ยครับ
ละครดีมาก หรือเรื่อง ปมไหม
หนังแนวประวัติศาสตร์ต่างๆในบ้านเรา เขาก็จะยกเรื่องราวในประวัติศาสตร์มาเล่า
ซึ่งก็คงคล้ายกับหลายเรื่องในฮอลลีวู๊ด ยกตัวอย่างเช่นเรื่อง 300 เป็นต้น ก็เป็นเรื่องราวที่เล่ากันมา
และเสริมเรื่องรัก เรื่องรบให้ดูมีสีสันมากขึ้น อย่างบางระจัน หรือเรื่องอื่นๆเช่นสายโลหิต มันก็ไม่แตกต่างกันเลยนะครับ
เรื่องข้อจำกัดของบ้านเรายังมีเยอะนะครับ....
หนังหรือละครไม่สามารถทำได้ทุกอย่าง
อย่างของต่างประเทศ เขากล้าที่จะพูดเรื่องผู้นำในมุมเลวๆได้ แต่บ้านเราทำไม่ได้นะครับ
อาชีพบางอาชีพก็แตะต้องไม่ได้...
ส่วนตัวผมเห็นว่าหนัง หรือละครประวัติศาสตร์ยังคงต้องมีต่อไปครับ
ถ้าจะเปรียบเทียบ ผมว่าต้องยกตัวอย่างหนังประเภทเดียวกัน
ของเราก็มีดีไม่แพ้กันนะครับ ขอเปรียบทั้งหนังและละครแล้วกันครับ
ของไทยที่ดีๆ ก็มีพวก 2499 อันธพาลครองเมือง หรืออย่างบุญผ่อง ไม่แน่ใจว่าได้ดูมั้ยครับ
ละครดีมาก หรือเรื่อง ปมไหม
หนังแนวประวัติศาสตร์ต่างๆในบ้านเรา เขาก็จะยกเรื่องราวในประวัติศาสตร์มาเล่า
ซึ่งก็คงคล้ายกับหลายเรื่องในฮอลลีวู๊ด ยกตัวอย่างเช่นเรื่อง 300 เป็นต้น ก็เป็นเรื่องราวที่เล่ากันมา
และเสริมเรื่องรัก เรื่องรบให้ดูมีสีสันมากขึ้น อย่างบางระจัน หรือเรื่องอื่นๆเช่นสายโลหิต มันก็ไม่แตกต่างกันเลยนะครับ
เรื่องข้อจำกัดของบ้านเรายังมีเยอะนะครับ....
หนังหรือละครไม่สามารถทำได้ทุกอย่าง
อย่างของต่างประเทศ เขากล้าที่จะพูดเรื่องผู้นำในมุมเลวๆได้ แต่บ้านเราทำไม่ได้นะครับ
อาชีพบางอาชีพก็แตะต้องไม่ได้...
ส่วนตัวผมเห็นว่าหนัง หรือละครประวัติศาสตร์ยังคงต้องมีต่อไปครับ
แสดงความคิดเห็น
ผมว่าประเทศไทยเราควรเลิกทำหนังประวัติศาสตร์กันได้แล้วครับ
ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสได้ไปดูหนังสองเรื่อง คือ american sniper กับ imitation game ทั้งสองเรื่องเป็นหนังเกี่ยวกับชีวประวัติบุคคลทั้งคู่ครับ คือหลังจากที่ดูจบรู้สึกว่า มันดูเป็นคนจริงๆ มาก มีอารมณ์ มีมิติ มีความดีความเลว ปนๆกัน แบบเรื่อง imitation game นี่ทำให้ alan turing ผู้ประดิษฐ์เครื่องถอดรหัสสัญญาณวิทยุของนาซีสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กลายเป็นคนบุคลิกแปลกแยก ประหลาดๆ ไปเลย ซึ่งผมว่าหนังไทยไม่กล้าทำแน่ๆ กับบุคคลสำคัญ
ผมติดตามหนังไทยมาหลายเรื่องโดยเฉพาะเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย อยุธยาอะไรพวกนี้ ไม่มีใครกล้าสร้างแปลกแยก พระเอกไม่ว่าจะเป็นพระนเรศวร ชาวบ้านบางระจัน กลายเป็นตัวละครแบบมิติเดียว ขาวบริสุทธิ์เสียสละเพื่อส่วนรวม ไม่มีกิเลส ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้หรอก มันเลยดูตลก ดูเป็นหนังล้างสมอง ดูแล้วไม่มีความประเทืองสติปัญญาได้แต่ความคลั่งชาติปลอมๆ อยากจะเอามีดสปาต้าไปไล่ฟันแรงงานพม่าแถวบ้าน ที่มาที่ไปไม่มี รักชาติเพราะอะไร แค่ปากบอก เพื่อชาติไทยๆๆๆ น้ำตาไหลพรากๆ (ความจริงคำว่าชาติสมัยนั้นยังไม่มีด้วยซ้ำ) ดูแล้วไม่ต่างกับเพลง จำได้ไหม ตายายยังจำได้ไหม สอนหนูเรื่องประเพณี ของ คสช. ตอนเย็น
ประเทศไทยถ้าจะทำหนังประวัติศาสตร์ต้องยกย่องเชิดชูเท่านั้นนั่นแหละคือปัญหา สิ่งที่ทำให้หนังประวัติศาสตร์สนุกคือการตีความ ประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับว่าใครมอง ถ้าข้ามผ่านจุดนี้ไม่ได้ผมว่า หนังสไตล์พจน์ อานนท์คงเหมาะประเทศเราดี ตลกเบาสมองไม่ต้องคิดอะไรมาก อย่าทำเลยครับหนังประวัติศาสตร์