0. โดยสรุป ครึ่งแรกแมนฯยูเล่นเกมรุกได้ดี (อาจเพราะเลสเตอร์ทีมท้ายตารางไม่ได้ pressing อะไรด้วย) สามารถทำประตูได้ 3 ลูก
ส่วนครึ่งหลัง ทีมแพ็คเกมแน่นเพื่อรักษาสกอร์ แต่เลสเตอร์เน้นเกมรุกทางด้านขวา และยังเปลี่ยนตัวนักเตะลงมา ซึ่งมีการ overlap ด้านขวา จนสามารถ cross บอลไปให้กองหลังโหม่งตีประตูคืนได้ 1 ลูก โดยแมนฯยูไม่ได้เล่นเกมโต้กลับเร็วสักเท่าไหร่
Man of the Match ยกให้ LVG เมื่อเขาทำตามคำพูดเปลี่ยนระบบเป็น 4-4-2 เพื่อเพิ่มอันตรายในแนวรุก แต่สร้างสมดุลย์ในแนวรับและแดนกลาง (อย่างที่เขาต้องการ) ได้ดีพอสมควร แต่เกมรับด้านกราบโดยเฉพาะกราบซ้ายยังมีปัญหา ... และอ้อ ต้องชมการเลิกให้โจนส์เตะมุมด้านซ้าย เป็นรูนีย์ตามเดิมด้วย
Man of the Match ที่เป็นคนคือบลินท์ เขาทั้งสกัดกั้นเกมรุกของเลสเตอร์ได้ดี แถมยัง assist ในประตูที่ 1 และ 3 (assist ให้เลสเตอร์ทำ OG) อาจเป็นเพราะคาริกเจ็บ LVG จึงต้องใช้บลินท์เล่นในตำแหน่งที่เขาได้นักเตะยอดเยี่ยมเนเธอร์แลนด์ซีซั่นก่อน
ส่วน Worst of the Match ยกให้ยานาไซด์ เขาแทบจะทำเกมบุกได้ไม่ดีเอาเสียเลย สไตล์พ่อเลี้ยงกลับมาให้เห็น มีเพียง 2-3 จังหวะที่จ่ายบอลจังหวะเดียว แถมยังแทบไม่ลงไปช่วยเกมรับ ประตูที่เลสเตอร์ยิงได้ ก็ไม่ได้ลงช่วยชอว์ที่เจอรุม 2 แต่อย่างไร
1. เริ่มต้นเกม LVG ให้โจนส์กับโรโฮเล่นเซ็นเตอร์ วาเลนเซียเป็นแบ็คขวา ชอว์เล่นเป็นแบ็คซ้าย รูนีย์กับบลิ้นท์ยืนกลาง มีดิมาเรียกับยานาไซด์ลงเล่นเป็นแนวรุกแบบไดอามอนด์ และให้ RVP กับฟัลเกาลงเป็นกองหน้าคู่
2. เลสเตอร์ไม่ได้เล่น pressing เท่าไหร่ แมนฯยูจึงทำเกมได้ไม่ยาก แต่รูนีย์ก็จ่ายบอลขวางสนามได้ไม่ดี ชอว์เองก็อย่างที่หลายคนบอก คือเติมเกมรุกได้ไม่เก่ง ดิมาเรียกับยานาไซก็ยังทำเกมได้ไม่ดีเท่าไหร่ เน้นการยิงไกลมากกว่า ช่วงแรก แมนฯยูจึงยังทำสกอร์ไม่ได้
3. บลิ้นท์ที่โชว์ฟอร์มได้เยี่ยม เมื่อสกัดบอลของแนวรุกเลสเตอร์ได้หลายต่อหลายครั้ง และราวนาทีที่ 27 เขาสามาถตัดบอลของเลสเตอร์ได้หน้ากรอบเขตโทษ และรีบตักบอลข้ามแนวหลังเลสเตอร์อย่างสวยงาม ให้ RVP ใช้เท้าข้างขวาที่ไม่ถนัด ยิงสวนตัวประตูเลสเตอร์เป็นประตูไป
4. นาทีที่ 32 เมื่อเลสเตอร์ต้องบุกเพื่อเอาสกอร์คืน แมนฯยูตัดบอลได้ส่งให้ RVP จ่ายออกซ้ายให้ดิมาเรียยิงติดเซฟนายประตูเลสเตอร์ แต่ฟัลเกาตามเข้าไปสไลด์บอลเข้าประตูไป
5. ก่อนหมดเวลาในครึ่งแรก รูนีย์เตะมุมให้บลินท์โหม่งเช็ดเข้ากรอบเขตโทษ และเป็น OG ของมอร์แกนกองหลังเลสเตอร์
6. ครึ่งหลัง แมนฯยูเน้นการครองบอลเพื่อรักษาสกอร์ โดยไม่ค่อยทำเกมรุกเท่าไหร่ เลสเตอร์ที่หันมาเน้นขึ้นบอลทางด้านขวา จึงมีโอกาสทำเกม และยิงได้มากขึ้น
7. LVG ส่งแม็คแนร์มาแทน RVP แต่ยังเล่นหลัง 4 เหมือนดิม โดยแม็คแนร์ลงมาเล่นเป็นแบ็คขวา วาเลนเซียดันขึ้นหน้า เป็นปีกคู่กับยานาไซด์ ส่วนดิมาเรียเป็นตัวฟรี น่าจะเป็นระบบ 4-4-1-1
8. จากนั้น LVG ก็ส่งมาต้าลงมาแทนวาเลนเซียบ้าง มาต้าลงมาเป็นตัวฟรีเช่นเดียวกับดิมาเรีย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เมื่อแมนฯยูเน้นครองบอลเป็นหลัก (ทำไมไม่เปลี่ยนยานาไซด์ออกไปบ้างน้า)
9. ประมาณนาทีที่ 80 แนวรุกขอวเลสเตอร์จ่ายบอล overlap ให้อีกคนไปสุดเส้นหลัง ชอว์ตามไปสกัดไม่ทัน (ไม่มีเพื่อนมาช่วยเลย) ทำให้สามารถ cross บอลให้กองหลังโหม่งทำประตูจนได้
10. LVG เปลี่ยนอีกคน เพื่อถ่วงเวลา ให้ฟัลเกาออก วิลสันลงมาเป็นศูนย์หน้าแทน หลังจากนั้น ก็มีลูกหวาดเสียวอีก 1-2 ครั้ง จบไปแมนฯยูชนะทีมบ๊วยไป 3-1
11. สุดท้าย แม้แมนฯยูจะหันมาใช้ระบบแบ็คโฟร์ แต่ปัญหาคือเกมรุกทางปีกทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ (เป็นเรื่องธรรมดาของระบบ diamond) โดยเฉพาะด้านซ้ายที่ทั้งชอว์และยานาไซยังเด็กอยู่มาก ซึ่งขาดการประสานงานอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งปีกอย่างยานาไซและดิมาเรียก็ไม่ถนัดช่วยเกมรับแบบสไตล์อังกฤษอีกด้วย, การโต้กลับฉับพลันก็ขาดหายไป
การเอาชนะทีมบ๊วยอย่างเลสเตอร์ ไม่ได้บอกอะไรมาก หวังแต่ว่า LVG จะให้เวลาลูกทีมเล่นระบบนี้ด้วยกันจนชำนาญ ไม่กลัวต้องเกร็งก้นกลับไปใช้ระบบหลัง 5 อีก
[กระทู้สนทนาผีแดง 2014-02-01] มาสนทนาหลังแมทช์แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1 เลสอเตอร์ ซิตี้ กัน
ส่วนครึ่งหลัง ทีมแพ็คเกมแน่นเพื่อรักษาสกอร์ แต่เลสเตอร์เน้นเกมรุกทางด้านขวา และยังเปลี่ยนตัวนักเตะลงมา ซึ่งมีการ overlap ด้านขวา จนสามารถ cross บอลไปให้กองหลังโหม่งตีประตูคืนได้ 1 ลูก โดยแมนฯยูไม่ได้เล่นเกมโต้กลับเร็วสักเท่าไหร่
Man of the Match ยกให้ LVG เมื่อเขาทำตามคำพูดเปลี่ยนระบบเป็น 4-4-2 เพื่อเพิ่มอันตรายในแนวรุก แต่สร้างสมดุลย์ในแนวรับและแดนกลาง (อย่างที่เขาต้องการ) ได้ดีพอสมควร แต่เกมรับด้านกราบโดยเฉพาะกราบซ้ายยังมีปัญหา ... และอ้อ ต้องชมการเลิกให้โจนส์เตะมุมด้านซ้าย เป็นรูนีย์ตามเดิมด้วย
Man of the Match ที่เป็นคนคือบลินท์ เขาทั้งสกัดกั้นเกมรุกของเลสเตอร์ได้ดี แถมยัง assist ในประตูที่ 1 และ 3 (assist ให้เลสเตอร์ทำ OG) อาจเป็นเพราะคาริกเจ็บ LVG จึงต้องใช้บลินท์เล่นในตำแหน่งที่เขาได้นักเตะยอดเยี่ยมเนเธอร์แลนด์ซีซั่นก่อน
ส่วน Worst of the Match ยกให้ยานาไซด์ เขาแทบจะทำเกมบุกได้ไม่ดีเอาเสียเลย สไตล์พ่อเลี้ยงกลับมาให้เห็น มีเพียง 2-3 จังหวะที่จ่ายบอลจังหวะเดียว แถมยังแทบไม่ลงไปช่วยเกมรับ ประตูที่เลสเตอร์ยิงได้ ก็ไม่ได้ลงช่วยชอว์ที่เจอรุม 2 แต่อย่างไร
1. เริ่มต้นเกม LVG ให้โจนส์กับโรโฮเล่นเซ็นเตอร์ วาเลนเซียเป็นแบ็คขวา ชอว์เล่นเป็นแบ็คซ้าย รูนีย์กับบลิ้นท์ยืนกลาง มีดิมาเรียกับยานาไซด์ลงเล่นเป็นแนวรุกแบบไดอามอนด์ และให้ RVP กับฟัลเกาลงเป็นกองหน้าคู่
2. เลสเตอร์ไม่ได้เล่น pressing เท่าไหร่ แมนฯยูจึงทำเกมได้ไม่ยาก แต่รูนีย์ก็จ่ายบอลขวางสนามได้ไม่ดี ชอว์เองก็อย่างที่หลายคนบอก คือเติมเกมรุกได้ไม่เก่ง ดิมาเรียกับยานาไซก็ยังทำเกมได้ไม่ดีเท่าไหร่ เน้นการยิงไกลมากกว่า ช่วงแรก แมนฯยูจึงยังทำสกอร์ไม่ได้
3. บลิ้นท์ที่โชว์ฟอร์มได้เยี่ยม เมื่อสกัดบอลของแนวรุกเลสเตอร์ได้หลายต่อหลายครั้ง และราวนาทีที่ 27 เขาสามาถตัดบอลของเลสเตอร์ได้หน้ากรอบเขตโทษ และรีบตักบอลข้ามแนวหลังเลสเตอร์อย่างสวยงาม ให้ RVP ใช้เท้าข้างขวาที่ไม่ถนัด ยิงสวนตัวประตูเลสเตอร์เป็นประตูไป
4. นาทีที่ 32 เมื่อเลสเตอร์ต้องบุกเพื่อเอาสกอร์คืน แมนฯยูตัดบอลได้ส่งให้ RVP จ่ายออกซ้ายให้ดิมาเรียยิงติดเซฟนายประตูเลสเตอร์ แต่ฟัลเกาตามเข้าไปสไลด์บอลเข้าประตูไป
5. ก่อนหมดเวลาในครึ่งแรก รูนีย์เตะมุมให้บลินท์โหม่งเช็ดเข้ากรอบเขตโทษ และเป็น OG ของมอร์แกนกองหลังเลสเตอร์
6. ครึ่งหลัง แมนฯยูเน้นการครองบอลเพื่อรักษาสกอร์ โดยไม่ค่อยทำเกมรุกเท่าไหร่ เลสเตอร์ที่หันมาเน้นขึ้นบอลทางด้านขวา จึงมีโอกาสทำเกม และยิงได้มากขึ้น
7. LVG ส่งแม็คแนร์มาแทน RVP แต่ยังเล่นหลัง 4 เหมือนดิม โดยแม็คแนร์ลงมาเล่นเป็นแบ็คขวา วาเลนเซียดันขึ้นหน้า เป็นปีกคู่กับยานาไซด์ ส่วนดิมาเรียเป็นตัวฟรี น่าจะเป็นระบบ 4-4-1-1
8. จากนั้น LVG ก็ส่งมาต้าลงมาแทนวาเลนเซียบ้าง มาต้าลงมาเป็นตัวฟรีเช่นเดียวกับดิมาเรีย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เมื่อแมนฯยูเน้นครองบอลเป็นหลัก (ทำไมไม่เปลี่ยนยานาไซด์ออกไปบ้างน้า)
9. ประมาณนาทีที่ 80 แนวรุกขอวเลสเตอร์จ่ายบอล overlap ให้อีกคนไปสุดเส้นหลัง ชอว์ตามไปสกัดไม่ทัน (ไม่มีเพื่อนมาช่วยเลย) ทำให้สามารถ cross บอลให้กองหลังโหม่งทำประตูจนได้
10. LVG เปลี่ยนอีกคน เพื่อถ่วงเวลา ให้ฟัลเกาออก วิลสันลงมาเป็นศูนย์หน้าแทน หลังจากนั้น ก็มีลูกหวาดเสียวอีก 1-2 ครั้ง จบไปแมนฯยูชนะทีมบ๊วยไป 3-1
11. สุดท้าย แม้แมนฯยูจะหันมาใช้ระบบแบ็คโฟร์ แต่ปัญหาคือเกมรุกทางปีกทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ (เป็นเรื่องธรรมดาของระบบ diamond) โดยเฉพาะด้านซ้ายที่ทั้งชอว์และยานาไซยังเด็กอยู่มาก ซึ่งขาดการประสานงานอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งปีกอย่างยานาไซและดิมาเรียก็ไม่ถนัดช่วยเกมรับแบบสไตล์อังกฤษอีกด้วย, การโต้กลับฉับพลันก็ขาดหายไป
การเอาชนะทีมบ๊วยอย่างเลสเตอร์ ไม่ได้บอกอะไรมาก หวังแต่ว่า LVG จะให้เวลาลูกทีมเล่นระบบนี้ด้วยกันจนชำนาญ ไม่กลัวต้องเกร็งก้นกลับไปใช้ระบบหลัง 5 อีก