บันทึกไม่ลับจากอ้วนสู่ปกติ

กระทู้สนทนา
จากอดีตกาลที่น้ำหนักวนเวียนอยู่ที่ 58-60 กก  วันนี้ลงมาอยู่ที่55 กก.  แรงบันดาลใจในการลดน้ำหนักมาจากวันต้นเดือนกค. 57 เมื่อไปบริจาคโลหิต หมอที่ตรวจร่างกายก่อนบริจาคบอกว่าความดันสูง ให้รีบไปหาหมอ เกรงว่าหลอดเลือดจะเสื่อม  เมื่อไปหาหมอที่ศูนย์แพทย์ครั้งแรกหมอให้ยาความดันมาและนัดเจาะเลือดครั้งต่อไป      ไม่คาดคิดว่าเจาะเลือดแล้วจะพบเบาหวาน โรคประจำตระกูล เพราะต้นปี57ก็ไปเจาะเลือดไม่เจอเบาหวานลั้นลากินชอคโกแลต  ไอติม ของโปรดเป็นที่เบิกบาน  มิคาดว่าไอติมถ้วยสุดท้ายก่อนตรวจเจอเบาหวานจะนำพาเข้าสู่เบาหวานเต็มรูปแบบในที่สุด
        ไม่เป็นไร บอกตัวเองน้ำตาลแค่ร้อยต้นๆเอง  ความจริงตอนรักษาความดันก็เริ่มออกกำลังกายโดยใช้เครื่องออกกำลังกายประดามีของบรรพบุรุษทั้งปู่และพ่อที่ซื้อไว้กองอยู่ที่บ้าน รวมทั้งเดินบ้าง   จับเวลาวันละครึ่งชม. ตอนหลังหันมาหาคลิปแอโรบิคจากยูทูป  ทำทุกวันจนเป็นนิสัย  ความยากอยู่ที่สองสามวันแรกๆที่ขี้เกียจมั่ง  สงสารตัวเองบ้าง   พอผ่านตรงนี้ไปก็โอเค  พยายามบอกตัวเองว่าสว.อย่างเราล้มป่วยไปก็เดือดร้อนนะ โรคที่เป็นก็ครบสูตรหนักๆทั้งนั้น   ได้ผลประมาณว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา








       อาหารก็เป็นเรื่องสำคัญ you are  what  you  eat   ตามปกติของโปรดคือชอคโกแลต   เบกอรี่  ของทอด  นำ้อัดลม  ผลไม้แทบไม่แตะเบื่อมาก  เมื่อคิดจะลดเปลี่ยนนิสัยการกินไม่แตะต้องของพวกนี้   กินข้าวมื้อละสองช้อน  กับข้าวมากหน่อยยังไม่เลือกแต่ต่อไปต้องเลือกแล้วเพราะตรวจเลือดครั้งล่าสุดได้คลอเรสเตอรอลมาอีกโรคนึง    ความดันดีขึ้นแล้ว    หลังอาหารแน่นอนกินไม่อิ่มก็หิว  แอปเปิล กับแก้วมังกร  กินสลับกันไปบางทีก็ส้ม       เกิด  กิเลสอยากกินขนม ไอติมบ้างก็กินนานๆครั้ง     พอไม่ตามใจปากร่างกายมันก็ไม่เรียกร้อง ในตู้เย็นมีน้ำอัดลมหวานเขียวแดงอยู่ประจำนานๆทีอยากหวานก็ดูดซะ หนึ่งจ๊วบ
        นิสัยการกินอีกอย่างที่ได้ความรู้จากเน็ตคือกินช้าๆเคี้ยวคำละ 30 ครั้ง  เดิมเคยเป็นคนที่กินข้าวเร็วมากประมาณรีบๆยัดๆให้เสร็จไวๆไม่รู้รสชาติแต่จะกินปริมาณมาก   พอหันมาทดลองกินช้าๆเคี้ยวคำละ 30ครั้ง  นั่งมองฟ้ามองนกไปเรื่อยๆ  จริงเลยที่เราเริ่มรับรู้ว่ากินอะไรอร่อยยังไง  เรียกว่ากินอย่างมีสติ     กินให้ครบทุกมื้อเพราะไม่งั้นเราจะไปกินชดเชยมื้อที่อดในปริมาณมาก    อาหารเย็นกินก่อนหกโมงเย็น








  การชั่งน้ำหนักก็เป็นเรื่องสำคัญ เขาบอกว่าไม่ควรชั่งทุกวัน  จะเสียกำลังใจในการลดน้ำหนัก  เพราะแรกๆตัวเลขจะไม่ลดแต่การออกกำลังกายจะสร้างกล้ามเนื้อให้เรา   ควรใช้วิธีวัดสัดส่วนจะดีกว่า  แค่รู้สึกว่ากระโปรงหลวมลง    ตอนนี้เก็บชุดเมื่อห้าปีที่แล้วกลับมาใส่ได้หมด แค่นี้ก็ภูมิใจมากแล้ว  
  ทำยังไงเมื่อไปงานเลี้ยงมีอาหารมากมายยั่วกิเลส  ก็กินอย่างละนิดอย่างละหน่อยก็อิ่มไปเอง พอถึงจุดที่ร่างกายเคยชินกับการกินน้อยมันก็จะไม่รับเอง   จริงๆแล้วพอเห็นอาหารมากมายอย่างเทศกาลไหว้เจ้า    กินโต๊ะจีน  ก็เบ้มาหลายปีแล้วน่าจะมาจากสว.ขึ้น  เลยเบื่อไปเอง  








         คลิปออกกำลังกายในเน็ตมีให้เลือกมากมาย หนักบ้างเบาบ้างเลือกให้เหมาะกับวัย  เค้าบอกว่าออกกำลังกายแค่อาทิตย์ละ 3 ครั้ง ครั้งละครึ่งชม.ก็พอ   ทำทุกวันกล้ามเนื้อจะไม่มีโอกาสพัก แต่พอเคยชินมันเหมือนยาเสพติดที่ต้องทำทุกวัน   ก็เลยปรับมาเป็นหนักเบาสลับกันไป  เวลาก็เหมือนกัน    ข้อมูลที่ฟังมาบอกว่า 30นาทีเครื่องเริ่มสตาร์ทต้องให้มากกว่านั้นจะได้เผาผลาญ  อันนี้ก็แล้วแต่ความสะดวกและความพอใจ   แค่ได้ออกกำลังกายก็ถือว่าดีกว่านั่งๆนอนๆอ่ะ





   ที่บันทึกมาเพราะอยากจะเก็บไว้เป็นความทรงจำว่าเราทำได้ ชนะใจตัวเองได้  แล้วเราก็ทำเพื่อตัวเราเอง ก็จะพยายามต่อไปไม่ให้โยโย่ แล้วก็ตั้งความหวังไว้ว่าโรคที่เป็นแม้ไม่หายขาดแต่ให้ดีขึ้นจากเดิมไม่ต้องล้มหมอนนอนเสื่อก็พอใจแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่