‘Y’ Do You Love Sick? : ชลธร คงยิ่งยง & ณวัชร์ พุ่มโพธิงาม
จากนิตยสารแท็บลอยด์แจกฟรี 247 City Magazine ในเครือ GM
‘วาย’ ‘จิ้น’ และ ‘มโน’คุณเข้าใจ 3 คำนี้ว่าอย่างไร ?
สำหรับคนอื่นเราไม่แน่ใจ แต่สำหรับสาวๆ (และหนุ่มๆ) บางกลุ่มเข้าใจคำๆ นี้ได้ดี เพราะทั้ง 3 ชุดคำนี้ถูกบัญญัติขึ้นมาเพื่อพวกเธอโดยเฉพาะ เราเรียกพวกเธอ (และพวกเธอก็เรียกตัวเอง) ว่า ‘สาววาย’ ซึ่งหมายถึงกลุ่มสาวๆ ที่ชื่นชอบการจินตนาการให้หนุ่มๆ ที่เธอชื่นชอบเป็น ‘คนรักกัน’ เพราะเธอมโนว่ามันดีกว่าการที่หนุ่มคนนั้นมีแฟนเป็นผู้หญิง
การมาถึงของนวนิยายออนไลน์ ‘LOVE SICK : ชุลมุนกางเกงน้ำเงิน’ ที่โด่งดังมากในโลกออนไลน์ด้วยเนื้อหาที่โดนใจสาววายจนกลายเป็นกระแสพูดถึงอย่างมากกระทั่งภาพที่เป็นเพียงแค่การมโนเอาจากตัวหนังสือ ได้เป็นภาพจริงทางจอแก้ว สิ่งนี้เองที่เป็นเสมือนจุดเริ่มต้นใหม่ล่าสุดของวงการซีรีส์ไทยที่เปลี่ยนขนบละครไทยจากเดิมที่เราเคยมีพระเอก และนางเอกเป็นเพศเดียวกัน แต่วันนี้พระเอกและนางเอกไม่ได้มีคำว่าเพศมาจำกัด อีกทั้งซีรีย์นี้ได้แจ้งเกิด 2 นักแสดงหนุ่มหน้าใหม่ป้ายแดง ‘กัปตัน - ชลธร คงยิ่งยง’ และ ‘ไวท์ - ณวัชร์ พุ่มโพธิงาม’ สองคู่จิ้นคนล่าสุดของวงการบันเทิงไทยประจำปีที่ผ่านมา สาววายหลายคนยังลงความเห็นร่วมกันว่า ทั้งกัปตัน และ ไวท์ นั้นมีคาแรคเตอร์เหมือนกับในนวนิยายเป๊ะ ทำให้จิ้นสะดวก และอินกับซีรีส์นี้มากยิ่งขึ้นจนเกิดการเรียกร้องให้มีซีซั่นที่ 2 ตามมา แน่นอนว่าข่าวดีของสาววายกำลังจะเป็นจริงแล้วในเร็วๆ นี้ แต่ก่อนที่จะซีซั่น 2 จะออนแอร์ เรามาทำความรู้จักสองหนุ่มคู่จิ้นคู่ใหม่กันเพื่อเรียกนำย่อยกันก่อน
แล้วคุณอาจจะเข้าใจสาววายมากขึ้นว่าทำไมถึงพวกเธอ(และพวกเขา) จึงรักเขาทั้งคู่
247 – ลองเล่าถึงต้นสายปลายเหตุที่ทำให้พวกคุณทั้งคู่ได้เป็น‘คู่จิ้นเลิฟซิค‘ ให้ฟังหน่อย
ไวท์ - มีเพื่อนชวนไปแคสพอมาแคสก็เข้าตากรรมการได้รับบทเป็นปุณณ์
กัปตัน– ช่วงนั้นIG กำลังฮ็อตเป็นช่วงปั๊มfollower แล้วมีพี่ทีมงานไปเจอรูปผมในเพจ Cute Boy เขาก็ติดต่อมาชวนให้ไปแคสผมเลยลองไปดู
247 – แล้วไม่กดดันเหรอเพราะเรื่องที่พวกคุณเล่นมาจากนิยายที่ดังมากๆมาก่อนแปลว่าถ้าเอามาทำเป็นรูปแบบหนังหรือซีรีส์ผู้ชมต้องคาดหวังแน่ๆ
ไวท์ – ตอนแรกก็กดดันนะครับเพราะเราไม่รู้ว่าเราจะเล่นได้หรือเปล่าแรกๆก็โดนดุโดนบ่นเหมือนกันว่าเล่นแข็งเพราะเราไม่เคยสัมผัสงานในวงการมาก่อนตัวผมเองก็เป็นคนนิ่งๆอยู่แล้วก็ต้องพยายามปรับตัวเองค่อนข้างมากซึ่งทางทีมงานก็ช่วยอย่างมากเลยครับมีส่งให้ไปเรียนคอร์สแอคติ้งให้ทำเวิร์คช็อปกันทุกคน
กัปตัน – ส่วนตัวผมยังไม่ค่อยกดดันเท่าไหร่อาจมีบ้างในช่วงแรกๆโชคดีที่บทที่ได้รับมานั้นค่อนข้างเป็นตัวเองก็เลยลั้ลลาได้หน่อย(หัวเราะ) สิ่งที่ผมต้องทำคือพยายามเป็นตัวเองให้มากที่สุดแล้วก็ต้องอเลิร์ทกระตือรือร้นไม่งั้นคนดูเขาจะเบื่อแย่
247 – ครั้งแรกที่เจอกันใครเข้าหาใครก่อน
กัปตัน – ตอนมาครั้งแรก พี่เขาดึงหน้าใส่ผม
ไวท์ - ผมอยู่เฉยๆ นะ ผมไม่ค่อยคุยกับใครก่อน นอกจากเขาจะเข้ามาคุยด้วย
247 – ละลายพฤติกรรมกันยังไง
ไวท์ - ต้องอยู่ด้วยกันบ่อยๆ นอนด้วยกัน ทำกิจกรรมด้วยกัน มันช่วยได้ เอาจริงๆ อยู่ด้วยกันบ่อยๆ แค่ 2-3 วันก็สนิทกันแล้วครับ พอสนิทกันแล้วความเกร็งก็จะหายไป เข้าฉากด้วยกันง่ายขึ้น
กัปตัน - ตอนแรกๆผมกลัวพี่ไวท์มากเลยนะครับ ลุคพี่เขาโหดมากดุๆ แล้วได้ฟังข่าวมาเยอะว่าพี่เขาโหดก็เลยกลัว แต่พอทีมงานพาไปอยู่พัทยาด้วยกันก็รู้สึกดีครับพี่เขาก็ดูรักผมดีนิหว่า
247 – พอมาแสดงจริงการทำงานมันยากแค่ไหนสำหรับคนที่ไม่เคยผ่านการแสดงมาก่อนอย่างพวกคุณ ทั้งยังมีอีกหลายฉากที่ต้องสนิทสนมกันมากๆ ซึ่งเป็นฉากจำพวกเซอร์วิสสาววาย พวกคุณวางตัวกันยังไง
กัปตัน –ผมว่ามันยากในช่วงแรกๆครับมันตื่นเต้นไปหมดพี่ๆทีมงานเยอะไอ้เราก็เขินไม่ค่อยกล้าเล่นแต่พอหลังๆเริ่มปรับตัวได้คุ้นเคยกันก็ชินแต่จะไปตายอีกทีตอนฉากจูบเนี่ยแหละครับตายคาที่เลย(หัวเราะ)
ไวท์- จริงๆก็มีบทจูบมาเรื่อยๆถ่ายมาตั้งแต่ฉากแรกๆแล้วครับตอนถ่ายMV. ก็ต้องจูบกันอีกรอบหนึ่งเราก็เล่นไปแต่ปรากฏว่าพี่เขาไม่เอามาออกด้วยเจ็บใจมาก(หัวเราะ)
247 – โดนไปกี่เทค
ไวท์- ผมนี่นิ่งไปเลยนะครับอึ้งอยู่นานนั่งอึนๆทำสมาธิแต่ความเป็นจริงคือทำใจอยู่ครับ(หัวเราะ)
กัปตัน – คือในMV. เราจูบปากกันแล้วตอนนั้นยังไม่ค่อยสนิทกันด้วยจะกล้าๆกลัวๆเล่นไม่ค่อยได้จนพอถ่ายเรื่อยๆรู้ใจกันแล้วพอเจอฉากแบบนี้มาก็รีบๆเล่นเลยครับไม่อยากให้หลายเทคกลัวโดนดุด้วย
247 – มีฉากดราม่าฉากไหนที่รู้สึกว่ายากจังเลย
กัปตัน – ฉากเลิกกันครับ ดราม่ามาก พากันไปบางแสน กอดกัน จูบกัน แล้วโน่กำลังจะบอกเลิกปุณณ์ แล้วปุณณ์ลากไปบางแสน ไปบอกเลิกกันที่นั่น คือเป็นซีนอารมณ์ที่พยายามเค้นเท่าไหร่ก็เค้นไม่ได้ เล่นอยู่ตั้งแต่ตี 3 ถึง 6 โมงเช้าอ่ะครับ แค่ซีนเดียวเลย ตาแดงช้ำไม่ได้นอน
(ในบทความต้นฉบับคือพัทยา จขกท. ขอทำการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องกับเนื้อหาในละครนะครับ)
247 – ชีวิตของ ปุณณ์-โน่ เหมือนชีวิตจริงของเราบ้างไหม
กัปตัน – จะว่าเหมือนมันก็เหมือนนะครับ ในเรื่องโน่เขามีเพื่อนคอยให้กำลังใจ ซึ่งในความเป็นจริงเราก็เป็นแบบนั้น รอบตัวเรามีเพื่อนทั้งนั้นเลย เพื่อนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา พ่อแม่ก็ด้วย ทุกอย่งมีผลต่อชีวิตเราหมด
ไวท์ -ของผมก็คล้ายๆ กันครับ จะเหมือนในเรื่องเพื่อน
247 – มาเล่นบทชายรักชายแบบนี้ คิดว่าจะหวั่นไหวไหม
กัปตัน – ไม่ครับ (หัวเราะ)
ไวท์ - ผมมองว่าการเล่นเป็นเกย์มันคือความท้าทายมากกว่าครับ
กัปตัน – ได้ลองของแปลกครับ จูบผู้ชายครั้งแรก (หัวเราะ)
247 – อยู่ๆ เราก็รู้สึกว่า ผลงานของพวกคุณทำให้นึกถึงหนังเรื่อง “รักแห่งสยาม“
กัปตัน – ไม่แปลกครับ เพราะมันเป็นแนวเดียวกัน อันที่จริงพวกเราก็ทำการบ้านจากหนังเรื่องนี้บ้างเหมือนกัน แรกๆ ที่ดูตอนยังไม่เข้ามาแสดง ก็รู้สึกหยึยๆ เหมือนกันนะว่า เฮ้ย! เขาเล่นกันไปได้ยังไง แต่พอเจอกับตัวเองตอนเล่นซีรีส์เรื่องนี้ก็เข้าใจเลยครับ นักแสดงเขาเล่นเก่งมากจริงๆ พวกเราชอบมาก
247 – มันมีการเปรียบเทียบระหว่าง เลิฟซิค กับ ฮอร์โมน คือคนอาจจะไม่ได้ดูครบทั้ง 2 เรื่องหรอก แต่พอเห็นว่าเป็นหนังวัยรุ่น เขาก็คิดไปแล้วว่าคงเหมือนๆ กันแน่ๆ ทั้งที่เรื่องนี้ชูโรงที่นักแสดงนำ 2 คนที่เป็นชายกับชาย ซึ่งต่างจากละครหลังข่าวที่เคยดูมา มันไม่เคยมีแบบนี้มาก่อน
กัปตัน – ผมไม่อยากให้เปรียบเทียบกันนะครับ คือ ความสุขของทุกคนในเรื่องคือการแสดง เราตั้งใจทำอย่างดีที่สุด เราไม่ได้ไปพาดพิงถึงใคร บางคนอาจจะมองว่าเราไปก็อปปี้เขา ไปแย่งฐานคนดูของเขา จริงๆ มันไม่ใช่ อย่างคนดูร้อยคนชมเก้าสิบเก้าคนว่าแค่หนึ่งคนเราก็รู้สึกแย่แล้วครับก็เหมือนกันทุกคนเรื่องของนักแสดงก็มีแฟนคลับที่ด่าโน่นนี่กันทะเลาะกันไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาทุกคนตายเพราะคำพูดจากคนเหล่านั้นก็แค่แสดงไปตามบทบาทที่เราได้รับเราไม่ได้ปิดกั้นอะไร
247 – ซีรีส์เรื่องนี้ สอนให้เราเข้าใจมุมมองเรื่องเพศสภาพยังไง
กัปตัน – ผมเข้าใจสังคมอยู่แล้ว ไปไหนเราก็เจอ Same Love Same Sex เป็นปกติ ซึ่งคนกลุ่มนี้เขาไม่ได้เป็นมิจฉาชีพ เขาไม่ได้ฆ่าแกงใคร เขาก็เป็นคนๆ หนึ่งเหมือนคนทั่วไปในสังคม เผลอๆ เป็นคนดีกว่าด้วยซ้ำ เพียงแต่เขาอาจจะมีความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรเลยครับ ผู้ใหญ่เองก็ควรจะเข้าใจด้วยครับ ไม่ใช่ปิดกั้นลูกตัวเอง ทุกอย่างในโลกล้วนเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เราจะจมอยู่กับสิ่งเก่าๆ ไม่ได้ คนที่โตเป็นผู้ใหญ่ต้องเข้าใจและรู้มากกว่าเด็กอย่างเราด้วยซ้ำว่าเรื่องแบบนี้เป็นยังไง มันต้องเปิดรับบ้างครับ
‘Y’ Do You Love Sick? : ชลธร คงยิ่งยง & ณวัชร์ พุ่มโพธิงาม//จากนิตยสารแท็บลอยด์แจกฟรี 247 City Magazine ในเครือ GM
จากนิตยสารแท็บลอยด์แจกฟรี 247 City Magazine ในเครือ GM
‘วาย’ ‘จิ้น’ และ ‘มโน’คุณเข้าใจ 3 คำนี้ว่าอย่างไร ?
สำหรับคนอื่นเราไม่แน่ใจ แต่สำหรับสาวๆ (และหนุ่มๆ) บางกลุ่มเข้าใจคำๆ นี้ได้ดี เพราะทั้ง 3 ชุดคำนี้ถูกบัญญัติขึ้นมาเพื่อพวกเธอโดยเฉพาะ เราเรียกพวกเธอ (และพวกเธอก็เรียกตัวเอง) ว่า ‘สาววาย’ ซึ่งหมายถึงกลุ่มสาวๆ ที่ชื่นชอบการจินตนาการให้หนุ่มๆ ที่เธอชื่นชอบเป็น ‘คนรักกัน’ เพราะเธอมโนว่ามันดีกว่าการที่หนุ่มคนนั้นมีแฟนเป็นผู้หญิง
การมาถึงของนวนิยายออนไลน์ ‘LOVE SICK : ชุลมุนกางเกงน้ำเงิน’ ที่โด่งดังมากในโลกออนไลน์ด้วยเนื้อหาที่โดนใจสาววายจนกลายเป็นกระแสพูดถึงอย่างมากกระทั่งภาพที่เป็นเพียงแค่การมโนเอาจากตัวหนังสือ ได้เป็นภาพจริงทางจอแก้ว สิ่งนี้เองที่เป็นเสมือนจุดเริ่มต้นใหม่ล่าสุดของวงการซีรีส์ไทยที่เปลี่ยนขนบละครไทยจากเดิมที่เราเคยมีพระเอก และนางเอกเป็นเพศเดียวกัน แต่วันนี้พระเอกและนางเอกไม่ได้มีคำว่าเพศมาจำกัด อีกทั้งซีรีย์นี้ได้แจ้งเกิด 2 นักแสดงหนุ่มหน้าใหม่ป้ายแดง ‘กัปตัน - ชลธร คงยิ่งยง’ และ ‘ไวท์ - ณวัชร์ พุ่มโพธิงาม’ สองคู่จิ้นคนล่าสุดของวงการบันเทิงไทยประจำปีที่ผ่านมา สาววายหลายคนยังลงความเห็นร่วมกันว่า ทั้งกัปตัน และ ไวท์ นั้นมีคาแรคเตอร์เหมือนกับในนวนิยายเป๊ะ ทำให้จิ้นสะดวก และอินกับซีรีส์นี้มากยิ่งขึ้นจนเกิดการเรียกร้องให้มีซีซั่นที่ 2 ตามมา แน่นอนว่าข่าวดีของสาววายกำลังจะเป็นจริงแล้วในเร็วๆ นี้ แต่ก่อนที่จะซีซั่น 2 จะออนแอร์ เรามาทำความรู้จักสองหนุ่มคู่จิ้นคู่ใหม่กันเพื่อเรียกนำย่อยกันก่อน
แล้วคุณอาจจะเข้าใจสาววายมากขึ้นว่าทำไมถึงพวกเธอ(และพวกเขา) จึงรักเขาทั้งคู่
247 – ลองเล่าถึงต้นสายปลายเหตุที่ทำให้พวกคุณทั้งคู่ได้เป็น‘คู่จิ้นเลิฟซิค‘ ให้ฟังหน่อย
ไวท์ - มีเพื่อนชวนไปแคสพอมาแคสก็เข้าตากรรมการได้รับบทเป็นปุณณ์
กัปตัน– ช่วงนั้นIG กำลังฮ็อตเป็นช่วงปั๊มfollower แล้วมีพี่ทีมงานไปเจอรูปผมในเพจ Cute Boy เขาก็ติดต่อมาชวนให้ไปแคสผมเลยลองไปดู
247 – แล้วไม่กดดันเหรอเพราะเรื่องที่พวกคุณเล่นมาจากนิยายที่ดังมากๆมาก่อนแปลว่าถ้าเอามาทำเป็นรูปแบบหนังหรือซีรีส์ผู้ชมต้องคาดหวังแน่ๆ
ไวท์ – ตอนแรกก็กดดันนะครับเพราะเราไม่รู้ว่าเราจะเล่นได้หรือเปล่าแรกๆก็โดนดุโดนบ่นเหมือนกันว่าเล่นแข็งเพราะเราไม่เคยสัมผัสงานในวงการมาก่อนตัวผมเองก็เป็นคนนิ่งๆอยู่แล้วก็ต้องพยายามปรับตัวเองค่อนข้างมากซึ่งทางทีมงานก็ช่วยอย่างมากเลยครับมีส่งให้ไปเรียนคอร์สแอคติ้งให้ทำเวิร์คช็อปกันทุกคน
กัปตัน – ส่วนตัวผมยังไม่ค่อยกดดันเท่าไหร่อาจมีบ้างในช่วงแรกๆโชคดีที่บทที่ได้รับมานั้นค่อนข้างเป็นตัวเองก็เลยลั้ลลาได้หน่อย(หัวเราะ) สิ่งที่ผมต้องทำคือพยายามเป็นตัวเองให้มากที่สุดแล้วก็ต้องอเลิร์ทกระตือรือร้นไม่งั้นคนดูเขาจะเบื่อแย่
247 – ครั้งแรกที่เจอกันใครเข้าหาใครก่อน
กัปตัน – ตอนมาครั้งแรก พี่เขาดึงหน้าใส่ผม
ไวท์ - ผมอยู่เฉยๆ นะ ผมไม่ค่อยคุยกับใครก่อน นอกจากเขาจะเข้ามาคุยด้วย
247 – ละลายพฤติกรรมกันยังไง
ไวท์ - ต้องอยู่ด้วยกันบ่อยๆ นอนด้วยกัน ทำกิจกรรมด้วยกัน มันช่วยได้ เอาจริงๆ อยู่ด้วยกันบ่อยๆ แค่ 2-3 วันก็สนิทกันแล้วครับ พอสนิทกันแล้วความเกร็งก็จะหายไป เข้าฉากด้วยกันง่ายขึ้น
กัปตัน - ตอนแรกๆผมกลัวพี่ไวท์มากเลยนะครับ ลุคพี่เขาโหดมากดุๆ แล้วได้ฟังข่าวมาเยอะว่าพี่เขาโหดก็เลยกลัว แต่พอทีมงานพาไปอยู่พัทยาด้วยกันก็รู้สึกดีครับพี่เขาก็ดูรักผมดีนิหว่า
247 – พอมาแสดงจริงการทำงานมันยากแค่ไหนสำหรับคนที่ไม่เคยผ่านการแสดงมาก่อนอย่างพวกคุณ ทั้งยังมีอีกหลายฉากที่ต้องสนิทสนมกันมากๆ ซึ่งเป็นฉากจำพวกเซอร์วิสสาววาย พวกคุณวางตัวกันยังไง
กัปตัน –ผมว่ามันยากในช่วงแรกๆครับมันตื่นเต้นไปหมดพี่ๆทีมงานเยอะไอ้เราก็เขินไม่ค่อยกล้าเล่นแต่พอหลังๆเริ่มปรับตัวได้คุ้นเคยกันก็ชินแต่จะไปตายอีกทีตอนฉากจูบเนี่ยแหละครับตายคาที่เลย(หัวเราะ)
ไวท์- จริงๆก็มีบทจูบมาเรื่อยๆถ่ายมาตั้งแต่ฉากแรกๆแล้วครับตอนถ่ายMV. ก็ต้องจูบกันอีกรอบหนึ่งเราก็เล่นไปแต่ปรากฏว่าพี่เขาไม่เอามาออกด้วยเจ็บใจมาก(หัวเราะ)
247 – โดนไปกี่เทค
ไวท์- ผมนี่นิ่งไปเลยนะครับอึ้งอยู่นานนั่งอึนๆทำสมาธิแต่ความเป็นจริงคือทำใจอยู่ครับ(หัวเราะ)
กัปตัน – คือในMV. เราจูบปากกันแล้วตอนนั้นยังไม่ค่อยสนิทกันด้วยจะกล้าๆกลัวๆเล่นไม่ค่อยได้จนพอถ่ายเรื่อยๆรู้ใจกันแล้วพอเจอฉากแบบนี้มาก็รีบๆเล่นเลยครับไม่อยากให้หลายเทคกลัวโดนดุด้วย
247 – มีฉากดราม่าฉากไหนที่รู้สึกว่ายากจังเลย
กัปตัน – ฉากเลิกกันครับ ดราม่ามาก พากันไปบางแสน กอดกัน จูบกัน แล้วโน่กำลังจะบอกเลิกปุณณ์ แล้วปุณณ์ลากไปบางแสน ไปบอกเลิกกันที่นั่น คือเป็นซีนอารมณ์ที่พยายามเค้นเท่าไหร่ก็เค้นไม่ได้ เล่นอยู่ตั้งแต่ตี 3 ถึง 6 โมงเช้าอ่ะครับ แค่ซีนเดียวเลย ตาแดงช้ำไม่ได้นอน (ในบทความต้นฉบับคือพัทยา จขกท. ขอทำการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องกับเนื้อหาในละครนะครับ)
247 – ชีวิตของ ปุณณ์-โน่ เหมือนชีวิตจริงของเราบ้างไหม
กัปตัน – จะว่าเหมือนมันก็เหมือนนะครับ ในเรื่องโน่เขามีเพื่อนคอยให้กำลังใจ ซึ่งในความเป็นจริงเราก็เป็นแบบนั้น รอบตัวเรามีเพื่อนทั้งนั้นเลย เพื่อนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา พ่อแม่ก็ด้วย ทุกอย่งมีผลต่อชีวิตเราหมด
ไวท์ -ของผมก็คล้ายๆ กันครับ จะเหมือนในเรื่องเพื่อน
247 – มาเล่นบทชายรักชายแบบนี้ คิดว่าจะหวั่นไหวไหม
กัปตัน – ไม่ครับ (หัวเราะ)
ไวท์ - ผมมองว่าการเล่นเป็นเกย์มันคือความท้าทายมากกว่าครับ
กัปตัน – ได้ลองของแปลกครับ จูบผู้ชายครั้งแรก (หัวเราะ)
247 – อยู่ๆ เราก็รู้สึกว่า ผลงานของพวกคุณทำให้นึกถึงหนังเรื่อง “รักแห่งสยาม“
กัปตัน – ไม่แปลกครับ เพราะมันเป็นแนวเดียวกัน อันที่จริงพวกเราก็ทำการบ้านจากหนังเรื่องนี้บ้างเหมือนกัน แรกๆ ที่ดูตอนยังไม่เข้ามาแสดง ก็รู้สึกหยึยๆ เหมือนกันนะว่า เฮ้ย! เขาเล่นกันไปได้ยังไง แต่พอเจอกับตัวเองตอนเล่นซีรีส์เรื่องนี้ก็เข้าใจเลยครับ นักแสดงเขาเล่นเก่งมากจริงๆ พวกเราชอบมาก
247 – มันมีการเปรียบเทียบระหว่าง เลิฟซิค กับ ฮอร์โมน คือคนอาจจะไม่ได้ดูครบทั้ง 2 เรื่องหรอก แต่พอเห็นว่าเป็นหนังวัยรุ่น เขาก็คิดไปแล้วว่าคงเหมือนๆ กันแน่ๆ ทั้งที่เรื่องนี้ชูโรงที่นักแสดงนำ 2 คนที่เป็นชายกับชาย ซึ่งต่างจากละครหลังข่าวที่เคยดูมา มันไม่เคยมีแบบนี้มาก่อน
กัปตัน – ผมไม่อยากให้เปรียบเทียบกันนะครับ คือ ความสุขของทุกคนในเรื่องคือการแสดง เราตั้งใจทำอย่างดีที่สุด เราไม่ได้ไปพาดพิงถึงใคร บางคนอาจจะมองว่าเราไปก็อปปี้เขา ไปแย่งฐานคนดูของเขา จริงๆ มันไม่ใช่ อย่างคนดูร้อยคนชมเก้าสิบเก้าคนว่าแค่หนึ่งคนเราก็รู้สึกแย่แล้วครับก็เหมือนกันทุกคนเรื่องของนักแสดงก็มีแฟนคลับที่ด่าโน่นนี่กันทะเลาะกันไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาทุกคนตายเพราะคำพูดจากคนเหล่านั้นก็แค่แสดงไปตามบทบาทที่เราได้รับเราไม่ได้ปิดกั้นอะไร
247 – ซีรีส์เรื่องนี้ สอนให้เราเข้าใจมุมมองเรื่องเพศสภาพยังไง
กัปตัน – ผมเข้าใจสังคมอยู่แล้ว ไปไหนเราก็เจอ Same Love Same Sex เป็นปกติ ซึ่งคนกลุ่มนี้เขาไม่ได้เป็นมิจฉาชีพ เขาไม่ได้ฆ่าแกงใคร เขาก็เป็นคนๆ หนึ่งเหมือนคนทั่วไปในสังคม เผลอๆ เป็นคนดีกว่าด้วยซ้ำ เพียงแต่เขาอาจจะมีความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรเลยครับ ผู้ใหญ่เองก็ควรจะเข้าใจด้วยครับ ไม่ใช่ปิดกั้นลูกตัวเอง ทุกอย่างในโลกล้วนเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เราจะจมอยู่กับสิ่งเก่าๆ ไม่ได้ คนที่โตเป็นผู้ใหญ่ต้องเข้าใจและรู้มากกว่าเด็กอย่างเราด้วยซ้ำว่าเรื่องแบบนี้เป็นยังไง มันต้องเปิดรับบ้างครับ