Life Itselt สารคดีชีวิตของโรเจอร์ อีเบิร์ต นักวิจารณ์ภาพยนตร์ที่น่าจะทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในสหรัฐอเมริกา
สารภาพตามตรงว่าไม่ได้อ่านของอีเบิร์ตมากพอจะเรียกได้ว่ารู้จักความคิดความอ่านเขามากขนาดนั้น หรือพูดให้ตรงกว่านั้นอีก-ชื่อของอีเบิร์ตเพิ่งมาสะเทือนความรู้สึกความทรงจำเอาก็ตอนที่เขาเสียชีวิตแล้วนั้นเอง
เคลือบไว้ด้วยถ้อยคำเราะร้ายและชาญฉลาด ลึกลงไปในความเป็นอีเบิร์ตคือชายที่รุ่มรวยอารมณ์ขันและมีหัวใจที่น่ายกย่อง เขาเชื่อในการเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก ความงดงามของการเคารพความแตกต่างของกันและกัน
สารเหล่านี้ สตีฟ เจมส์ ส่งผ่านในตัวหนังได้อย่างราบรื่นและเรียบง่ายเหลือเกิน
Lift Itselt ไม่ได้มุ่งอวยความดีความชอบหรือความเก่งกาจของอีเบิร์ตเพียงอย่างเดียว ตรงกันข้ามคือเล่าถึงความเป็นมนุษย์ของอีเบิร์ตในด้านอื่นๆ ด้วย ความฉลาดเฉีลยวที่ควบคู่มากับความเย่อหยิ่งในตัวเองอย่างร้ายกาจ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าอีเบิร์ตนั้นเก่ง-เก่งมากๆ ไม่ว่าจะพูดจากมุมไหน
นอกเหนือจากเป็นนักวิจารณ์ที่ทรงพลังมากที่สุดคนหนึ่งแล้ว อีกหน้าที่หนึ่งที่อีเบิร์ตทำได้ดีจนน่าตกใจไม่แพ้กันคือนักหนังสือพิมพ์ หนังให้เวลาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในระยะหนึ่งซึ่งมากพอที่จะทำให้เราซึมซับศักยภาพด้านงานข่าวของอีเบิร์ตได้อย่างลงตัว
อีกมุมหนึ่ง เขาก็เป็นคนขี้โม้ที่น่ารัก (“แต่ไม่น่ารักขนาดนั้น”) ของเพื่อนๆ เป็นนักเล่าเรื่องชั้นดี น่าหมั่นไส้ จิกกัด เสียดสี และลึกๆ เราต่างสัมผัสได้ว่า ทุกคนเคารพในตัวอีเบิร์ตด้วยกันทั้งสิ้น และหนึ่งในคนที่ให้ความเคารพเขาอย่างมากก็อาจหนีไม่พ้นจีน ซิสเกล นักวิจารณ์ภาพยนตร์ชื่อดังอีกคนที่เป็นเหมือนไม้เบื่อไม้เมาของกันและกัน จนนึกไม่ออกจริงๆ ว่าเบื้องหลังการถ่ายทำรายการ Siskel and Ebert มันจะโกลาหลขนาดไหน (เฉพาะฉากที่ตัดมาให้ดูสั้นๆ นี่ก็เวียนหัวแทนโปรดิวเซอร์ แต่ก็ขำท้องแข็งจริงๆ-พอดูแล้วจะอิจฉาคนที่โน่นขึ้นมาตงิดๆ ว่าดีจริงๆ ที่มีรายการแบบนี้ให้ดู) ซึ่งส่วนตัวแล้วเราชอบความสัมพันธ์แบบนี้มาก ที่ทั้งแข่งขันกันและเคารพความสามารถของอีกฝ่ายหนึ่งอยู่เสมอ
สิ่งหนึ่งที่หนังนำเสนอเราตลอดทั้งเรื่อง จากอีเบิร์ตในวัยเด็ก จนโตและเจ็บป่วย ก่อนจะจากไปนั้น คือภาพของการทุ่มเทให้กับการงานอย่างน่าเคารพในหัวใจของผู้ชายคนนี้ กระทั่งบั้นปลายชีวิต อีเบิร์ตก็ยืนยันจะหาทางเผยแพร่ความคิดของเขาต่อไปแม้ในวันที่เจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งที่กราม เขายินดีที่มีคนสร้างเว็บไซต์ให้ เพื่อที่เขาจะได้ส่งเสียงของเขาออกไปอีกแม้ในวันที่พูดไม่ได้แล้วก็ตาม
รวมทั้งประเด็นของชีวิตคู่ที่ต้องยอมหัวใจแชซ-ภรรยาผิวสีของอีเบิร์ตที่อยู่เคียงข้างเขาจนวาระสุดท้าย คำบอกเล่าถึงวันที่อีเบิร์ตจากไปนั้นทั้งทรงพลังและชวนให้สงบในเวลาเดียวกัน ชอบมากๆ ที่เธอบอกว่า โลกนี้มีคนอีกตั้งมากมายที่ต้องอยู่ดูแลคนป่วย คนพิการ แล้วก็ต้องเผชิญภาวะอารมณ์เหล่านี้ด้วยกันทั้งนั้น มันเป็นประโยคที่เรารู้สึกว่าแชซไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เธอทำมันน่ายกย่องหรือยิ่งใหญ่ขนาดนั้น เธอทำเพราะเธอรักอีเบิร์ต เธอจึงทำ เหตุผลมันก็เท่านั้นเอง ภาพความรักระหว่างทั้งสองมันจึงชวนให้อบอุ่นหัวใจตลอดทั้งเรื่อง และอดดีใจแทนอีเบิร์ตไม่ได้เลยที่ได้คู่ชีวิตที่ดีขนาดนี้
แต่เอาเข้าจริงๆ ฉากที่ชอบที่สุดในเรื่อง เห็นจะหนีไม่พ้นเมื่อมาร์ติน สกอร์เซซี ออกมาเล่าถึงเรี่ยวแรงที่ทำให้เขายืนหยัดกลับมาทำหนังอีกหน ซึ่งมันทรงพลังมากๆ ไม่ว่าอีเบิร์ตจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งที่เขาทำมันคือการกอบกู้ชีวิตคนคนหนึ่งขึ้นมาจากความล้มเหลวได้อย่างน่าชื่นชม และก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ถึงที่สุดแล้ว Lift Itselt ก็เป็นสารคดีที่เล่าเรื่องราวของโรเจอร์ อีเบิร์ตได้อย่างงดงาม น่าชื่นชมและหมดจดจริงๆ มันไม่ได้ชวนฟูมฟาย กลับกันคือพูดถึง “ชีวิตและความตาย” อย่างเรียบง่ายดุจดอกไม้ร่วงลงจากต้น พร้อมกันนั้นก็เต็มไปด้วยอารมณ์ขันที่ทำให้ต้องหัวเราะออกมาดังๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ-แม้ในบางจังหวะที่น้ำตาของเราเอ่อล้นแล้วก็ตาม

ดอกไม้ฝากบล็อก-เพจ สำหรับติดตามข่าวสาร-แลกเปลี่ยนกันนะคะ
Page:
https://www.facebook.com/llkhimll
Blog:
http://llkhimll.wordpress.com/
(Review) Lift Itselt ความงดงามและเรียบง่ายของชีวิต
Life Itselt สารคดีชีวิตของโรเจอร์ อีเบิร์ต นักวิจารณ์ภาพยนตร์ที่น่าจะทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในสหรัฐอเมริกา
สารภาพตามตรงว่าไม่ได้อ่านของอีเบิร์ตมากพอจะเรียกได้ว่ารู้จักความคิดความอ่านเขามากขนาดนั้น หรือพูดให้ตรงกว่านั้นอีก-ชื่อของอีเบิร์ตเพิ่งมาสะเทือนความรู้สึกความทรงจำเอาก็ตอนที่เขาเสียชีวิตแล้วนั้นเอง
เคลือบไว้ด้วยถ้อยคำเราะร้ายและชาญฉลาด ลึกลงไปในความเป็นอีเบิร์ตคือชายที่รุ่มรวยอารมณ์ขันและมีหัวใจที่น่ายกย่อง เขาเชื่อในการเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก ความงดงามของการเคารพความแตกต่างของกันและกัน
สารเหล่านี้ สตีฟ เจมส์ ส่งผ่านในตัวหนังได้อย่างราบรื่นและเรียบง่ายเหลือเกิน
Lift Itselt ไม่ได้มุ่งอวยความดีความชอบหรือความเก่งกาจของอีเบิร์ตเพียงอย่างเดียว ตรงกันข้ามคือเล่าถึงความเป็นมนุษย์ของอีเบิร์ตในด้านอื่นๆ ด้วย ความฉลาดเฉีลยวที่ควบคู่มากับความเย่อหยิ่งในตัวเองอย่างร้ายกาจ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าอีเบิร์ตนั้นเก่ง-เก่งมากๆ ไม่ว่าจะพูดจากมุมไหน
นอกเหนือจากเป็นนักวิจารณ์ที่ทรงพลังมากที่สุดคนหนึ่งแล้ว อีกหน้าที่หนึ่งที่อีเบิร์ตทำได้ดีจนน่าตกใจไม่แพ้กันคือนักหนังสือพิมพ์ หนังให้เวลาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในระยะหนึ่งซึ่งมากพอที่จะทำให้เราซึมซับศักยภาพด้านงานข่าวของอีเบิร์ตได้อย่างลงตัว
อีกมุมหนึ่ง เขาก็เป็นคนขี้โม้ที่น่ารัก (“แต่ไม่น่ารักขนาดนั้น”) ของเพื่อนๆ เป็นนักเล่าเรื่องชั้นดี น่าหมั่นไส้ จิกกัด เสียดสี และลึกๆ เราต่างสัมผัสได้ว่า ทุกคนเคารพในตัวอีเบิร์ตด้วยกันทั้งสิ้น และหนึ่งในคนที่ให้ความเคารพเขาอย่างมากก็อาจหนีไม่พ้นจีน ซิสเกล นักวิจารณ์ภาพยนตร์ชื่อดังอีกคนที่เป็นเหมือนไม้เบื่อไม้เมาของกันและกัน จนนึกไม่ออกจริงๆ ว่าเบื้องหลังการถ่ายทำรายการ Siskel and Ebert มันจะโกลาหลขนาดไหน (เฉพาะฉากที่ตัดมาให้ดูสั้นๆ นี่ก็เวียนหัวแทนโปรดิวเซอร์ แต่ก็ขำท้องแข็งจริงๆ-พอดูแล้วจะอิจฉาคนที่โน่นขึ้นมาตงิดๆ ว่าดีจริงๆ ที่มีรายการแบบนี้ให้ดู) ซึ่งส่วนตัวแล้วเราชอบความสัมพันธ์แบบนี้มาก ที่ทั้งแข่งขันกันและเคารพความสามารถของอีกฝ่ายหนึ่งอยู่เสมอ
สิ่งหนึ่งที่หนังนำเสนอเราตลอดทั้งเรื่อง จากอีเบิร์ตในวัยเด็ก จนโตและเจ็บป่วย ก่อนจะจากไปนั้น คือภาพของการทุ่มเทให้กับการงานอย่างน่าเคารพในหัวใจของผู้ชายคนนี้ กระทั่งบั้นปลายชีวิต อีเบิร์ตก็ยืนยันจะหาทางเผยแพร่ความคิดของเขาต่อไปแม้ในวันที่เจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งที่กราม เขายินดีที่มีคนสร้างเว็บไซต์ให้ เพื่อที่เขาจะได้ส่งเสียงของเขาออกไปอีกแม้ในวันที่พูดไม่ได้แล้วก็ตาม
รวมทั้งประเด็นของชีวิตคู่ที่ต้องยอมหัวใจแชซ-ภรรยาผิวสีของอีเบิร์ตที่อยู่เคียงข้างเขาจนวาระสุดท้าย คำบอกเล่าถึงวันที่อีเบิร์ตจากไปนั้นทั้งทรงพลังและชวนให้สงบในเวลาเดียวกัน ชอบมากๆ ที่เธอบอกว่า โลกนี้มีคนอีกตั้งมากมายที่ต้องอยู่ดูแลคนป่วย คนพิการ แล้วก็ต้องเผชิญภาวะอารมณ์เหล่านี้ด้วยกันทั้งนั้น มันเป็นประโยคที่เรารู้สึกว่าแชซไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เธอทำมันน่ายกย่องหรือยิ่งใหญ่ขนาดนั้น เธอทำเพราะเธอรักอีเบิร์ต เธอจึงทำ เหตุผลมันก็เท่านั้นเอง ภาพความรักระหว่างทั้งสองมันจึงชวนให้อบอุ่นหัวใจตลอดทั้งเรื่อง และอดดีใจแทนอีเบิร์ตไม่ได้เลยที่ได้คู่ชีวิตที่ดีขนาดนี้
แต่เอาเข้าจริงๆ ฉากที่ชอบที่สุดในเรื่อง เห็นจะหนีไม่พ้นเมื่อมาร์ติน สกอร์เซซี ออกมาเล่าถึงเรี่ยวแรงที่ทำให้เขายืนหยัดกลับมาทำหนังอีกหน ซึ่งมันทรงพลังมากๆ ไม่ว่าอีเบิร์ตจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งที่เขาทำมันคือการกอบกู้ชีวิตคนคนหนึ่งขึ้นมาจากความล้มเหลวได้อย่างน่าชื่นชม และก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ถึงที่สุดแล้ว Lift Itselt ก็เป็นสารคดีที่เล่าเรื่องราวของโรเจอร์ อีเบิร์ตได้อย่างงดงาม น่าชื่นชมและหมดจดจริงๆ มันไม่ได้ชวนฟูมฟาย กลับกันคือพูดถึง “ชีวิตและความตาย” อย่างเรียบง่ายดุจดอกไม้ร่วงลงจากต้น พร้อมกันนั้นก็เต็มไปด้วยอารมณ์ขันที่ทำให้ต้องหัวเราะออกมาดังๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ-แม้ในบางจังหวะที่น้ำตาของเราเอ่อล้นแล้วก็ตาม
Page: https://www.facebook.com/llkhimll
Blog: http://llkhimll.wordpress.com/