รีวิว : เรียนภาษาที่ออสเตรเลีย 6เดือน มันได้อะไรกลับมา..

"ฮัลโหล.... ลูก หนูยังอยากไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศอยู่มั้ย?"
"ฮึ่ยยยย! ป๊า... หนูmeetingอยู่ เด๋วหนูโทรกลับ"

ระหว่างมีตติ้ง..หัวสมองตอนนั้นมันปลิวไปไกลแล้ว NZ AUS USA UK .... Canada! ป๊าพูดเล่นพูดจริงอ้ะ พึมพำกับตัวเอง  เลยโทรกลับไปหาอีกรอบ และตกลงรายละเอียดกัน สรุปว่า ตัดสินใจขายแรงงานพ่อ ส่งลูกสาวมาเรียนแค่ภาษาที่ออสเตรเลีย

ก่อนตัดสินใจ.. ต้องหาประสบการณ์จากคนที่เคยไปก่อน
คนแรก...คุยกับรุ่นพี่ที่คณะ พี่ไปเรียนต่อโท+ทำงานที่ออส เพิ่งกลับมาหมาดๆพี่เค้าให้คำแนะนำได้ดีมาก "ถ้าจะไป ไปให้เกิน 1ปี แล้วมันจะได้ภาษากลับมา แรกๆ อย่าคุยกับคนไทย คุยได้ทักได้ แต่อย่าคุยเยอะ และหาเพื่อนไปด้วยอย่าไปคนเดียว มันเหงามากเลยนะ เชื่อพี่สิ..."  
คนที่สอง...เพื่อนป๊า "อาไม่มีอะไรจะบอก ตอนนั้นอากำเงินแม่ไปสองแสน(สมัยสิบกว่าปีที่แล้ว..) แต่อาเอาเงินกลับมาเป็นล้าน ไปแล้วไปดูบ้านเมืองเค้า ไปดูเทคโนโลยีเค้า โอกาสมันจะมาเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ตอนนี้เรามีโอกาสแล้ว ทำมันให้ดี การชีวิตคนเดียวมันโหดมากนะ"
...บอกเลยว่าตอนนี้ทั้งสองคนก็ยังเป็นแรงบันดาลใจของหนูอยู่ รายละเอียดที่คุยกันยังมีอีกเยอะเลย ยังจำได้ขึ้นใจ...

ทำไมต้อง ออสเตรเลีย?
"ป๊าหนูอยากไปแคนาดา..." แต่ที่ไปออสเตรเลียเพราะใกล้ไทยที่สุดแล้ว เผื่อเป็นอะไรขึ้นมาป๊าจะได้บินไปหาเลย

ไปนานเท่าไหร่?
1ปีดีมั้ย??... "ลงไป 6เดือนก่อนละกัน เอาให้อยู่ได้ ถ้าอยากเรียนเพิ่มค่อยว่ากัน..." พี่คนนั้นบอกว่าให้ลง1ปีนี่หว่า... อ้ะๆ 6เดือนก็6เดือน

เมืองไหนดี?
ทุกคนจะเป็นเหมือนกันคือ ไม่ชอบคนไทยเยอะ หางานทำได้นิดหน่อย แต่เฮ้ย..6เดือนมันจะได้อะไรขนาดนั้นเลยหรอ? ก็ยังคงเลือกเมืองที่คนไทยน้อยสุด Adelaide..Brisbane..Perth..Gold Coast อันไหนดีน้าาา...


ก่อนลาออกจากงาน..
ไปลงเรียนภาษาให้รู้ว่าตัวเองอยู่ระดับไหนดีกว่า เลยไปเรียน AUA เล่นๆสัก course นึง แต่...มันเป็นอเมริกันนี่หว่า ไม่เป็นไรฝึกๆไปก่อนละกัน มาถึงตอนนั้นอยากจะบอกว่า มีพี่ๆหลายคนที่เจอในคลาสบางคนเป็นถึงวิศวกรอายุ40กว่า น้องบางคนเรียนแค่มัธยมมาปนอยู่ในห้องเดียวกัน ครูคนสอนเป็นคนอังกฤษ ฮีสอนทุกอย่างเป็น British-Eng หมดเลย ฮีบอกปล่อยหนังสือไปไม่ต้องไปตามมันมาก อันนี้โคตรชอบเลยอ้ะ
มาเข้าเรื่อง.. ลองนึกถึงบรรยากาศที่มีเด็กนักเรียนยันคนทำงานปนกัน15คน แล้วพูดตอบโต้กับครูอยู่5คนล้วนแต่เป้นคนทำงานแล้ว อ้าว..ที่เหลือคือ..เงียบ แล้วพวกน้องก็นั่งเบื่อ บรรยากาศมันไม่น่าเรียนเลยนะ มันดูน่าเบื่อมากอ่ะ คืออย่าไปอายสิ เสียเงินมาเรียนขนาดนี้แล้ว(ขอบ่นๆ)

คือ..เหนื่อยมากตอนนั้น ทำงาน8โมง เลิกงาน5โมงเย็น นั่งรถฝ่ารถติดไปเรียนจนถึง3ทุ่ม กลับบ้านสลบ.. เป็นแบบนี้เกือบทุกวัน แต่ลงเรียนไปแล้วก็ต้องทนอ้ะนะ ระหว่างนั้นก็ดูซีรี่ย์ฝึกฟังไปก่อน เราชอบดู How i met your mother มากกก Awesome! Suit up... บลาๆๆ หาหนังสือพวก Diary สำหรับเด็กมาอ่าน ทำไมต้องหนังสือเด็ก? เหมือนเราเพิ่งเริ่มภาษาอังกฤษ ก็เหมือนเด็กหัดพูดหันเขียน มันจะเข้าใจง่าย แล้วค่อยๆอัพเลเวลขึ้น (พล่ามมาเยอะ)

ฉันมาแล้ว..ออสเตรเลีย


เดือนแรก..
เราขออยู่กับ Host family อยากรู้ว่ามันเป็นยังไง คือมันแล้วแต่ดวงจริงๆนะ แต่ของเรานี่แบบโคตรซวยอ่ะ มาตอนหน้าหนาวพอดี กฏในบ้านก็เย๊อะเยอะ.. คือบอกก่อนว่า มันเคยมีเหตุการณ์น้ำท่วมจนรัฐบาลต้องบังคับให้ทุกบ้านอาบน้ำได้คนละไม่เกิน2นาที(เค้าบอกกันมาแบบนี้นะ) แล้วบ้านเราคือ ห้ามอาบน้ำเกิน4นาที กระดาษทิชชู่ใช้ได้ครั้งละ2แผ่น กดน้ำชักโครกต้องรอหลายๆครั้งค่อยกด คือเข้าใจว่าน้ำแพง แต่อย่างหลังนี่ประหยัดไปป้ะ แบบว่าแอบกดเบาๆประจำ คือรับไม่ได้.... ระหว่างนั้นก็หาที่อยู่ใหม่ไปด้วย

การอยู่กับโฮส มันก็มีดีนะ..
ฝึกภาษา..แน่หละ ทุกๆเช้า ทุกคนในบ้านจะมานั่งกิน breakfast กัน ส่วนใหญ่เป็นอะไรง่ายๆ คอนเฟลค มูสลี่ ขนมปังปิ้ง ระหว่างนี้เราก็ได้สนทนากันไปในตัว แบบเมื่อคืนหลับสบายมั้ย หนาวมั้ย ผ้าห่มพอมั้ย... พอตอนเย็นก็รอ host mom ทำกับข้าว อร่อยมากกกกขอบอก.. (นางเป็นเอเชียเหมือนกัน แต่ Host dad เป็นออสซี่นะ) โดยเฉพาะ Mapotofu ชอบสุดๆ ตอนเย็นเราจะคุยกันว่าวันนี้เรียนอะไรมาบ้าง ส่วน Host dad ก็จะเล่าเรื่องที่ทำงานแกให้ฟัง แล้วก็จะถามความเห็นเรา อย่างเสาร์อาทิตย์ เราจะออกไป shopping ซื้อของใช้เข้าบ้าน Aldi Bunning นี่ไปบ่อยมาก ไม่รู้จะทำบ้านกันไปถึงไหน!


เปิดเรียนแล้วว...
เราลงเรียน General English(GE) 6 months เปิดเรียนวันแรกต้องสอบวัดระดับ มีสอบข้อเขียน gramma + writing(essay) สอบ speaking โต้ตอบกับคนสัมภาษณ์เลย เพื่อนบอกว่า "แกต้องสอบให้ได้เลเวลสูงๆ แล้วแกจะไม่เจอคนไทย"
โรงเรียนที่เราไปลงเรียนมันดันมีโปรโมชั่นสำหรับคนไทย แม่เจ้า..ห้องที่เราได้มันคือเลเวลสูงสุดของ GE ละนะ ทำไมคนไทยตั้ง6-7คน เอาวะ..เรียนๆไปก่อนละกัน

สองอาทิตย์แรก..ปรับหูก่อนเลย ทุกวันหลังเลิกเรียน กลับบ้านมา เปิดดูหนัง ฟังเพลง ดูข่าว คุยกับโฮสให้มากที่สุด ลืมบอกว่าทุกอาทิตย์จะมีสอบในสิ่งที่เราเรียนไป เพื่อนในห้องจะสลับกันตรวจหลังจากสอบเสร็จ ชอบเอาคะแนนมาข่มกัน

นั่งเรียน.. เราแทบจะไม่คุยกับคนไทยเลย พี่บอกไว้ว่า "ใครเค้าจะหาว่าหยิ่งก็ช่างเค้า อย่าไปสนใจ เรามาเรียนเอาภาษานะ อย่าลืมจุดนี้" วิธีการของเรา เราจะเปลี่ยนที่นั่งเสมอ แต่จะนั่งกับเพื่อนชาติอื่น จีน เวียดนาม ไต้หวัน โคลัมเบีย เราอยากพูด เราไม่ใช่คนที่เก่งภาษาอังกฤษ แต่เราชอบเรียนภาษาอังกฤษ เราเรียนมาเยอะมาก Enconcept Fast English AUA ทุกอย่างเข้ากรุหมด แต่ก็มาได้ตอนทำงานนี่หละเพราะบริษัทเป็นของเมกา

เดือนที่สองผ่านไป..
เรื่องเรียนเริ่มดีขึ้น มันต้องถีบตัวเอง หลังเลิกเรียนทบทวน งานการก็ไม่ได้ทำเลยเพราะบ้านอยู่ไกล แล้วรถบัสก็ไม่มีตอนดึกๆ เลยทำให้ต้องหาที่อยู่ใหม่ โชคดีที่เพื่อนช่วยหาให้เป็น share house ราคาแพงมากมาย แต่ก็ต้องอยู่ไปก่อนแล้วหาใหม่อีก ระหว่างนั้นก็หางานทำไปด้วย คือหางานอยากมากอ่ะ ช่วงที่เป็นหน้าหนาวแล้วเป็น school holiday บรรยากาศมันจะเงียบไปทั้งเมือง 6โมงคือเมืองร้าง.. เดินไปสมัครร้านไหนก็ไม่รับ ร้านไทยนี่เด็กเต็มเอียดดเลย เพราะตอนนั้นเป็นช่วงปรับเวลาเปิดเทอม เด็กมหาลัยเลยมากันเยอะเชียว

ทำยังไงถึงจะได้งานทำ ประสบการณ์ก็ไม่มี คนเคยทำงานมาอยู่บ้านเฉยๆก็เบื่อ เงินก็ร่อยหรอลงทุกวัน...  
เคยอ่านกระทู้จากในpantipนี่หละ มีคนกล่าวไว้ว่า "บางทีก็ต้องยอมทำงานฟรีเพื่อให้เค้าเห็นว่าเราทำได้ แล้วเราถึงจะได้งานมา" เราเลยลองเข้าไปถามร้านนึงขอเค้าทำงานฟรีๆ ทำงานไป3อาทิตย์ อาทิตย์ละแค่2วัน ศุกร์กับเสาร์ เค้าสอนทุกอย่างตั้งแต่รับโทรศัพท์ ยันเสริฟอาหาร เป็นร้านเล็กๆ เจ้าของร้านใจดีมากก ระหว่างนั้นเราใช้เงินป๊าเป็นค่าใช้จ่ายใจแต่ละวัน ได้ข้าวจากร้านไทยกลับไปกินบ้าน มันก็ไม่คุ้มหรอกนะ แต่หลังจากนั้น เราเริ่มมีประสบการณ์มาเขียนลงResumeละ เลยลองยื่นไปตามร้านต่างๆ ได้ไปลองงานมาหลายร้าน ซึ่งทุกร้านต้องการคนแล้วดันเรียกตัวพร้อมกัน(เนื้อหอมนะๆ) มันทำให้เห็นว่าเราทำได้ แล้วทำได้ดีเลยหละ พี่เจ้าของร้านก็บอกว่า "พี่ไม่เคยเจอคนอย่างน้องมาก่อน น้องทำให้พี่เห็นว่าน้องทำได้ ขนาดเราเพิ่งมานะเนี่ย สู้เค้าๆ พี่ก็นึกถึงตอนที่มาใหม่ๆแล้วทำอะไรไม่เป็นแบบเรา" จนได้งานทำเริ่มมีเงินแล้วนะ ปล.จะเก็บเงินค่าทิปแยกไว้ เผื่ออยากได้อะไร



เดือนที่สาม..
เราได้บ้านใหม่แล้วว เราแฮปปี้มากก อยู่กับโฮสเช่นเคย แต่คราวนี้ราคาแสนถูก อยู่เหมือนเป็นลูกสาวเลย Host dad เป็นออสซี่ พูดทีฟังยากมาก Host mom เป็นคนไทย คงหนีไม่พ้นการพูดภาษาไทยในบ้าน แต่เวลาเราคุยกัน3คน เราจะพูดภาษาอังกฤษนะคะ

เรื่องเรียน.. หลังเลิกเรียนทุกวัน เราจะไปนั่งหลับอยู่ที่ห้องสมุด ไม่ใช่ดิ.. ไปนั่งอ่านหนังสือ ทบทวน นั่งทำการบ้าน ช่วงไหนเบื่อๆหน่อย ก็จะไปนั่งเล่นริมน้ำ ฟังเพลงดนตรีสด หรือไม่ก็ไปเดิน Museum , Art gallery


เดือนที่สี่ ห้า หก..
เราเริ่มย้ายคลาสไปเรียน IELTS เพราะกะว่าจะลองสอบเรียนต่อโทที่นี่ดู คือรู้สึกชอบกับเมืองนี้ Brisbane มันชิวดีนะ คนทำอะไรเนิบๆช้าๆ transportation ดีอ้ะ มี bus way/lane , bike lane  ผู้คนก็เป็นมิตร อากาศบริสุทธิ์ แต่พอหน้าร้อนทีนี่ก็ไม่แพ้เมืองไทยเลยเชียวหละ

การเรียนไอเอ้ล เราไม่เคยเรียนมาก่อนเลย มันค่อนข้างหนักมาก โดยเฉพาะการใช้ Academic words คือเรารู้ศัพท์ แต่เราใช้ไม่ถูกที่ Adv/verb/noun/adj โอ้ยย..เยอะอ้ะ ยิ่ง writing นะ โดนมาร์คแดงเต็มหน้าเลย ทำไมแกรมม่าที่เรียนมาตั้งแต่สมัยประถมมันไม่ช่วยอะไรเลย ทำไมครูไม่สอนแบบนี้บ้าง ทุกๆวันเราจะได้การบ้านมาเป็นแกรมม่าง่ายๆ เริ่มจาก tense ต่างๆ แล้วเริ่มซับซ้อนขึ้น เพื่อให้สามารถเขียนแล้วได้คะแนนดีขึ้น แต่มันไม่ช่วยเราเลย.. เพราะพื้นฐานแกรมม่าเรามันไม่แน่นพอ เราไม่สามารถเขียน complex sentence ได้

ในห้องเรียนมีคนไทยแค่2คน เรากับพี่อีกคนจะไม่เคยนั่งติดกันเลย นอกนั้นเป็นต่างชาติหมด ทุกคนเก่งมาก พูดรัวๆ ไม่รู้พวกอเมริกาใต้นี่ไปพูดเก่งกันมาจากไหน ช่วงนั้น speaking กับ listening เราค่อยๆดีขึ้น(คิดไปเอง..) เพราะพูดทุกวัน ซึ่งแรกๆไม่กล้าพูดเลย กลัวพูดผิดพูดถูก ส่วน reading เราจะอ่านพวกหนังสือพิมพ์ที่แจกฟรี กับหนังสือจากห้องสมุด และ dairyของเด็ก

ระหว่างเรียนเราก็ทำงานไปด้วยนะ โดยก่อนไปทำงานทุกวัน เราจะไปนั่งฝึกทบทวนกับเพื่อนๆในห้องสมุด เราได้เพื่อนเราก็ได้ด้วย ช่วยๆกันไป เราทำงานที่ร้านอาหารไทย รับโทรศัพท์ ได้ฝึก listening ละ ทั้งเบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ลูกค้าที่ต้องไปส่ง delivery ต้องเม่นและแป๊ะเว่อ อย่างน้อยpart แรกของ listening เราต้องเต็ม ฮ่าๆๆ งานเสริฟ แม้จะเป็นร้านอาหารไทย เราก็ฝึกspeaking ได้นะ แค่เดินเข้าไปหาลูกค้า ถามโน่นถามนี่ บ้านยูอยู่แถวนี้หรอ เคยไปเมืองไทยมั้ย แล้วเค้าจะถามเรากลับมาเลย เช่น มาอยู่นี่นานรึยัง มาทำอะไร...... บลา บลา บลา นี่เราเคยเจอลูกค้าถามว่า "สนใจไปอยู่โฮมสเตย์บ้านไอมั้ย ที่บ้านก็รับนักเรียนต่างชาติมาอยู่เหมือนกัน"

----------------------------------

ขอตัวไปทำงานก่อนค่ะ เดี๋ยวคืนนี้กลับมาต่อ
จริงๆ อยากมาแชร์ว่า 6เดือน เป็นระยะเวลายอดฮิตของคนไทยที่ชอบมากกัน อยากบอกว่า อยู่ที่ความคาดหวังของแต่ละคน ว่าพอใจที่จุดไหน อยากได้ภาษาเท่าไหร่ จริงๆมันก็ได้นะ แต่มันคงไม่ใช่พูดปร๋อ..แค่พอสื่อสารได้ ทั้งนี้อยู่ที่พื้นฐานและความตั้งใจของแต่ละบุคคล ว่ามาเพื่อภาษาจริงๆ หรือมาเพื่อทำงาน

อย่างที่บอก เราไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษ แต่เราชอบเรียนภาษาอังกฤษ เป้าหมายเรามาเพื่อนเรียน เราต้องตั้งใจ ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่