สถิติของบาร์คลี่ย์เมื่อเทียบกับกองกลางชื่อดังในรุ่นเดียวกัน

พอดีเจอมาจาก http://th.evertonfc.com/news/2015/01/31/ross-barkley-a-rough-diamond
เห็นว่าน่าสนใจดีเลยเอามาฝากกันครับ...



นับตั้งแต่ที่ รอสส์ บาร์คลี่ย์ เข้ามาอยู่ในอะคาเดมี่ของเอฟเวอร์ตันเมื่ออายุ 11 ขวบ เขาก็ได้พัฒนาตัวเองขึ้นมาเป็นหนึ่งในดาวรุ่งพุ่งแรงของพรีเมียร์ลีกโดยแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในฤดูกาล 2013/14 อย่างไรก็ตามอาจมีหลายคนที่สงสัยว่าเมื่อเทียบกับบรรดากองกลางชื่อดังของยุโรปที่อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกันแล้วเขาอยู่ตรงจุดไหนกันแน่?

นั่นทำให้เว็บไซต์ eplindex.com ซึ่งเป็นเว็บที่รวบรวมสถิติที่น่าสนใจในพรีเมียร์ลีกได้รวบรวมข้อมูลและเปรียบเทียบเจ้าตัวกับกองกลางพรสวรรค์สูงบางคนทั้งในตำแหน่งกองกลางตัวรุกและตัวรับเพื่อให้เห็นกันอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งว่าเขามีความครบเครื่องแค่ไหน

โดยอย่างแรกที่จะนำมาวัดกันก็คือผลงานในเกมรุกเมื่อเทียบกับ เจมส์ โรดริเกวซ ดาวเด่นจากฟุตบอลโลกของเรอัล มาดริด, มาริโอ เกิตเซ่ ฮีโร่ที่ช่วยให้เยอรมันคว้าแชมป์เวิลด์คัพและอดีตนักเตะเจ้าของรางวัลโกลเด้นบอย, ฮาคาน คัลฮาโนกลู ของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และ โกเก้ สตาร์ของแอตเลติโก มาดริด

โดยในส่วนของการสร้างสรรค์โอกาสของบาร์คลี่ย์นั้นอยู่ที่ 1.41 ครั้งต่อเกมขณะที่การผ่านบอลสำคัญอยู่ที่ 1.34 ครั้งต่อเกมซึ่งไม่ได้แย่เลย เพียงแต่ผลงานยังเป็นรองคนอื่นๆเท่านั้น โดยอันดับ 1 ในส่วนนี้ได้แก่เจมส์ที่สร้างโอกาส 2.77 ครั้ง และผ่านบอลสำคัญ 2.33 ครั้งต่อเกม

ขณะที่ในส่วนของการทำประตูและแอสซิสต์นั้นจนถึงตอนนี้เขาทำได้อย่างละ 1 หน ซึ่งก็ยังเป็นรองคนอื่นๆเช่นกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเขาเองเมื่อซีซั่นก่อนถือว่าพัฒนาขึ้นในเรื่องของการสร้างสรรค์โอกาสและการจ่ายบอลสำคัญต่อเกม โดยฤดูกาล 2013/14 เขาทำได้เฉลี่ยไม่ถึง 1 ครั้งด้วยซ้ำ

การสร้างสรรค์โอกาส

    เจมส์ โรดริเกวซ (2.77 ครั้งต่อเกม)
    ฮาคาน คัลฮาโนกลู (2.45 ครั้งต่อเกม)
    มาริโอ เกิตเซ่ (2.05 ครั้งต่อเกม)
    โกเก้ (2 ครั้งต่อเกม)
    รอสส์ บาร์คลี่ย์ (1.41 ครั้งต่อเกม)

การจ่ายบอลจังหวะสำคัญ

    เจมส์ โรดริเกวซ (2.33 ครั้งต่อเกม)
    ฮาคาน คัลฮาโนกลู (2.31 ครั้งต่อเกม)
    มาริโอ เกิตเซ่ (1.97 ครั้งต่อเกม)
    โกเก้ (1.56 ครั้งต่อเกม)
    รอสส์ บาร์คลี่ย์ (1.34 ครั้งต่อเกม)

แอสซิสต์

    เจมส์ โรดริเกวซ, โกเก้ (0.44 ครั้งต่อเกม)
    ฮาคาน คัลฮาโนกลู (0.13 ครั้งต่อเกม)
    รอสส์ บาร์คลี่ย์, มาริโอ เกิตเซ่ (0.08 ครั้งต่อเกม)

ประตู

    เจมส์ โรดริเกวซ (0.38 ลูกต่อเกม)
    ฮาคาน คัลฮาโนกลู (0.26 ลูกต่อเกม)
    รอสส์ บาร์คลี่ย์ (0.08 ลูกต่อเกม)
    โกเก้ (0.06 ลูกต่อเกม)
    มาริโอ เกิตเซ่ (0.58 ลูกต่อเกม)

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าบาร์คลี่ย์จะเป็นรองคนอื่นๆเพียงสถิติที่กล่าวมาข้างต้นเท่านั้น เพราะมิดฟิลด์วัย 21 ปีคือคนที่จ่ายบอลแม่นยำมากและแทบจะไม่เคยพลาดเลยแม้ว่าในฐานะมิดฟิลด์ตัวรุกแล้วเขาต้องยืนตำแหน่งใกล้กับกองหลังฝั่งตรงข้ามอยู่ตลอดก็ตาม ซึ่งอัตราการผ่านบอลสำเร็จของเจ้าตัวอยู่ที่ 89% เหนือกว่าคนอื่นๆอย่างเจมส์และเกิตเซ่ (87% ทั้งคู่)

แต่บางทีความสามารถในการพาบอลไปกับตัวอาจจะเป็นจุดแข็งที่สุดของเขาเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อฤดูกาลก่อนเจ้าตัวมีสถิติที่ดีกว่ามิดฟิลด์ตัวกลางทุกคนในพรีเมียร์ลีก และในฤดูกาลนี้ก็ได้สร้างตัวเลขอันน่าประทับใจขึ้นมาไม่แพ้กัน โดยใน 90 นาทีเขาเลี้ยงบอลเฉลี่ยแล้ว 3.85 ครั้ง ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างเกิตเซ่ที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.30 ครั้งต่อเกมพอสมควรเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังพาบอลผ่านคู่ต่อสู้ได้สำเร็จคิดเป็น 54.44% อีกด้วย นั่นทำให้เขาเป็นนักเตะที่อันตรายที่สุดในสถานการณ์ตัวต่อตัว

ส่วนในเรื่องของการถูกทำฟาวล์นั้นค่าเฉลี่ยของบาร์คลี่ย์อยู่ที่ 1.57 ครั้งต่อเกมซึ่งถือว่าน้อยกว่าโกเก้,​ เจมส์ และคัลฮาโนกลู เมื่อเทียบกับสไตล์การเล่นที่ชอบพาบอลจี้เข้าหากองหลังอย่างเขา นั่นคงเป็นเพราะสามารถเลี้ยงหลบคู่แข่งได้ก่อนที่จะถูกทำฟาวล์ นอกจากนี้ร่างกายอันสูงใหญ่ทำให้เขาไม่ใช่นักเตะที่จะสามารถทำให้ล้มลงไปกองกับพื้นได้ง่ายๆและไม่ใช่นักเตะที่จ้องจะเรียกฟาวล์อีกด้วย

เลี้ยงบอลผ่านคู่ต่อสู้

    รอสส์ บาร์คลี่ย์ (3.85 ครั้งต่อเกม)
    มาริโอ เกิตเซ่ (2.30 ครั้งต่อเกม)
    เจมส์ โรดริเกวซ (1.07 ครั้งต่อเกม)
    ฮาคาน คัลฮาโนกลู (1.06 ครั้งต่อเกม)
    โกเก้ (0.56 ครั้งต่อเกม)

เลี้ยงบอลสำเร็จ

    รอสส์ บาร์คลี่ย์ ( 54.44%)
    เจมส์ โรดริเกวซ (50.00%)
    ฮาคาน คัลฮาโนกลู (44.44%)
    มาริโอ เกิตเซ่ (42.42%)
    โกเก้ (35.71%)

ได้ฟาวล์

    ฮาคาน คัลฮาโนกลู (2.05 ครั้งต่อเกม)
    เจมส์ โรดริเกวซ (1.89 ครั้งต่อเกม)
    โกเก้ (1.67 ครั้งต่อเกม)
    มาริโอ เกิตเซ่ (1.48 ครั้งต่อเกม)
    รอสส์ บาร์คลี่ย์ (1.57 ครั้งต่อเกม)

ทีนี้มาถึงผลงานของบาร์คลี่ย์เมื่อเทียบกับบรรดามิดฟิลด์ตัวรับดาวรุ่งของยุโรปกันบ้าง โดยจะมีการเปรียบเทียบกับ อิลคาย กุนโดแกน ของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์,​ปอล ป็อกบา เจ้าของรางวัลโกลเด้นบอยปี 2013, มาร์โก แวร์รัตติ มิดฟิลด์ชาวอิตาเลียนของเปแอสเช และ คริสตอฟ เครเมอร์ ของโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค

ซึ่งเราจะเห็นว่าถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ใช่กองกลางตัวตัดเกมโดยธรรมชาติ แต่ก็ไม่รังเกียจที่จะแย่งบอลจากฝั่งตรงข้ามเพื่อทีม โดยแข้งท็อฟฟี่รายนี้สามารถเอาชนะในการเข้าปะทะได้ 1.18 ครั้งต่อเกม ซึ่งถือว่าไม่เลวเลยแม้จะเป็นรองป็อกบา,​ แวร์รัตติ และเครเมอร์ในเรื่องนี้ก็ตามที

ส่วนในเรื่องของการแย่งบอลเขาสามารถแย่งบอลได้เฉลี่ย 1.26 ครั้งต่อเกมซึ่งเกือบจะพอๆกับเครเมอร์ (1.29) ขณะที่ป็อกบาถือว่านำในเรื่องนี้ (1.79) นอกจากนี้ยังแย่งบอลสำเร็จคิดเป็น 51.61% อีกด้วย โดยมีเพียงป็อกบาเท่านั้นที่อยู่ในอัตราที่สูงกว่า และจากสถิติที่กล่าวข้างต้นว่าบาร์คลี่ย์มีสายตาที่เฉียบคมในการผ่านบอล นั่นทำให้เขากลายเป็นคนที่เปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้อย่างยอดเยี่ยมหลังจากที่ แย่งบอลได้ โดยมีอัตราอยู่ที่ 89% เป็นรองเพียงแวร์รัตติ (92%) เท่านั้น

เข้าปะทะชนะ

    คริสตอฟ เครเมอร์ (2.52 ครั้งต่อเกม)
    ปอล ป็อกบา (2.19 ครั้งต่อเกม)
    มาร์โก แวร์รัตติ (2.01 ครั้งต่อเกม)
    รอสส์ บาร์คลี่ย์ (1.18 ครั้งต่อเกม)
    อิลคาย กุนโดแกน (1.04 ครั้งต่อเกม)

แย่งบอลสำเร็จ

    ปอล ป็อกบา (1.79 ครั้งต่อเกม)
    คริสตอฟ เครเมอร์ (1.29 ครั้งต่อเกม)
    รอสส์ บาร์คลี่ย์ (1.26 ครั้งต่อเกม)
    อิลคาย กุนโดแกน (45 ครั้งต่อเกม)
    มาร์โก แวร์รัตติ (0.28 ครั้งต่อเกม)

เปอร์เซ็นต์การแย่งบอลสำเร็จ

    ปอล ป็อกบา (65.85%)
    รอสส์ บาร์คลี่ย์ (61%)
    คริสตอฟ เครเมอร์ (42.86%)
    อิลคาย กุนโดแกน (50%)
    มาร์โก แวร์รัตติ (21.05%)

ผ่านบอลสำเร็จ

    มาร์โก แวร์รัตติ (92%)
    รอสส์ บาร์คลี่ย์ (89%)
    คริสตอฟ เครเมอร์ (86%)
    อิลคาย กุนโดแกน (85%)
    ปอล ป็อกบา (82%)

ขณะที่การอ่านเกมคู่แข่งของบาร์คลี่ย์ยังเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนากันต่อไป เมื่อเขาตัดบอลได้เฉลี่ย 0.39 ครั้งต่อเกมในฤดูกาลนี้ อย่างไรก็ตามแข้งวัย 21 ปีรายนี้ได้แสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะที่มีมากกว่าคนอื่นๆ เมื่อเขาเสียฟาวล์น้อยที่สุดในบรรดากองกลางทั้ง 5 คน ถึงแม้ว่าตามแทคติกแล้วจะเป็น แกเร็ธ แบร์รี่,​ เจมส์ ​แม็คคาร์ธี่ย์ และ มูฮาเหม็ด เบซิช ที่ทำหน้าที่ทำฟาวล์และเข้าสกัดหนักๆมากกว่า แต่จากค่าเฉลี่ยการเสียฟาวล์ 0.86 ครั้งต่อเกมก็ชี้ว่าเขาเป็นนักเตะที่ใจเย็นและไม่เข้าปะทะในจังหวะที่ไม่จำเป็น

การตัดบอล

    คริสตอฟ เครเมอร์ (3.23 ครั้งต่อเกม)
    อิลคาย กุนโดแกน (79 ครั้งต่อเกม)
    มาร์โก แวร์รัตติ (1.67 ครั้งต่อเกม)
    ปอล ป็อกบา (0.93 ครั้งต่อเกม)
    รอสส์ บาร์คลี่ย์ (0.39 ครั้งต่อเกม)

เสียฟาวล์

    รอสส์ บาร์คลี่ย์ (86 ครั้งต่อเกม)
    อิลคาย กุนโดแกน (04 ครั้งต่อเกม)
    คริสตอฟ เครเมอร์ (1.37 ครั้งต่อเกม)
    มาร์โก แวร์รัตติ (2.22 ครั้งต่อเกม)
    ปอล ป็อกบา (2.46 ครั้งต่อเกม)

ซึ่งด้วยวัยเพียง 21 ปีบาร์คลี่ย์ยังสามารถพัฒนาไปได้อีก ดังนั้นมันเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในช่วงนี้ของอาชีพค้าแข้งที่จะต้องได้ลงสนามบ่อยๆเพื่อเก็บเกี่ยวชั่วโมงบินโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมยุโรป จึงทำให้เชื่อได้ว่าเราจะได้เห็นอะไรดีๆจากตัวเขามากกว่าเดิมในอนาคตอย่างแน่นอน

ข้อมูลจาก: eplindex.com

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่