กลับเมืองไทยคราวนี้เลยถือโอกาสไปสอบใบขับขี่ ทั้งสองอย่างเลย ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ จริงก็ขับเป็นมาหลายสิบปีละค่ะ แต่ก็ไม่ได้ขับบ่อยเท่าไร หลังมาอยู่ต่างประเทศเลยห่างไปเลย แต่ไม่ลืม ไปขนส่งก็อบรมอยู่ 4 ชั่วโมง เช้า 2 บ่ายอีก 2 จบ วันที่สอง สอบขับตอนเช้า และ ข้อสอบตอนบ่าย เริ่มแต่ 9 โมงเช้า ได้สอบจักรยานต์ยนต์ก่อน ผลสอบ....ผ่านหมดเลย (ดีใจสุดๆๆ) พอมาถึงตอนสอบขับรถยนต์ ....ท่าแรก จอดเทียบฟุตบาท...ผ่าน ท่าที่สอง....ถอยเข้าหน้าเข้าหลัง......ผ่าน ท่าที่สาม ถอยหลังเข้าจอดด้านข้าง.....ไม่ผ่าน ห่างเกิน 25 ซ.ม ท้ายโด่งนิดๆ ยากมาก ก็มันกดดันต้องไม่ชนไม้ที่วางไว้ ต้องแค่ 7 เกียร์เท่านั้น ความที่ตื่นเต้น ใช้ไปแค่ 5 เกียร์ดันยกมือ เซ็งมากมายผ่อนกันนิดหน่อยก็ไม่ได้ ไปสอบ 10 คนได้แค่ สามคน นอกนั้นตกท่าสามกันหมดเลย ไปสอบข้อสอบข้อสอบคอม ผ่านทั้งสองอย่าง สรุปได้ใบขับขี่รถจักรยานยนต์มา1 ใบ บอกตรงเสียดายเวลาที่เสียไปทั้งวัน บางคนก็มาหลายรอบแล้ว ตกมันแต่ท่าสามเท่านั้น ทำไมกรมขนส่งไม่อนุโลมให้ทุกท่าที่กำหนด ทำได้สองครั้ง จะได้ไม่เสียเวลาคนทำมาหากิน ประมาณครั้งแรกไม่ผ่าน ให้ทดสอบอีกรอบ ถ้าอีกรอบไม่ผ่านก็สุดวิสัยถือว่าให้โอกาสแก้ตัวในวันเดียวเลย นี่อะไรสอบไม่ผ่านนัดให่มสามวันต่อมา คนทำงาน คนที่ตั้งใจ อยากมีใบขับขี่จริง เขาเสียความรู้สึกกัน คุยกันหลายคนถึงได้รู้ว่าบางคนมาสี่ห้ารอบแล้วไม่ผ่าน บางคนมีอายุมาสอบหลายรอบมากๆก็ไม่ผ่าน และแต่ละคนส่วนมากไม่ใช่มือให่มหัดขับ แต่ขับเป็นกันมาบ้างแล้ว แต่ขับๆโดยไม่มีใบขับขี่กัน คือซวยก็โดยจับปรับ ส่วนมากไม่ค่อยโดน คิดอีกที่ใจเขาใจเรา แค่สามท่าไม่ได้ก็คงขับรถบนถนนลำบาก (แต่ขับจอดข้างทางมาไม่เคยชนหรือถูรถใครเลย) เพื่อนที่ไปสอบใบขับขี่รถยนต์ตอนนี้คิดยังไงกับ การเพิ่มท่าสามมาให่มค่ะ อยากให้เพื่อนมาร่วมแชร์ประสบการณ์สอบใบขับขี่กันค่ะ
ไปสอบใบขับขี่รถยนต์มา ตกท่าปราบเซียนค่ะ