สวัสดีค่ะ ชาวพันทิปทุกท่าน วันนี้เราอยากมาเล่าประสบการณ์เรื่องที่ลี้ลับ จากการที่เราได้ไปฝึกงาน อยากทั้งเล่าสู่กันฟัง และเตือนพวกคนที่ชอบทำตัวไม่เคารพสถานที่ เนื้อเรื่องอาจจะไม่ค่อยสมูทเท่าไหร่ เพิ่งเขียนประสบการณ์ครั้งแรก ต้องขอโทษไว้ก่อนนะคะ
บอกก่อนเลยตอนสมัยเราเรียนป.ตรี ต้องออกศึกษาดูงานทุกปีตั้งแต่ปีหนึ่ง เรื่องที่เจอๆมาก็เยอะแยะมากมาย เช่น ผีอำ มีคนมานั่งปลายเท้า ไฟดับ มีความรู้สึกระแวงกลัว เหมือนมีคนในห้องอะไรอย่างนี้ ถือเป็นเรื่องปกติ จนตอนปีสาม อ.ก็ส่งเรากับเพื่อนอีก 4 คน เป็นทั้งหมด5 คน เป็นผู้หญิง 3 คน คือ หม่อง(เรา) เหม่ง เงือก และผู้ชายอีกสองคนคือ โจ้ กะ บอส เราต้องไปอยู่ที่สถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน ต้องอยู่บนภูเขาอากาศหนาวเย็น เป็นเวลากว่าสองเดือน ตอนไปพ่อกับแม่เหมารถตู้ไปส่งและไปนอนด้วยคืนนึง พอเราได้เดินทางไปถึงก็ช่วงเวลาเย็นๆแล้ว เห็นบ้านพักแล้วคืออยากจะร้องไห้เลย คือเราต้องแยกบ้านกับผู้ชาย ซึ่งต้องนอนรวมกับเพื่อน ม.อื่นๆ แยกชายหญิง
สภาพบ้านที่เราอยู่เป็นบ้านเก่าๆไม่มีอะไรเลย มีลานปูนหน้าบ้าน เข้าไปซ้ายมือจะเป็นห้องนอนสองห้อง พวกเราสามคนนอนห้องแรก ถัดเข้าไปข้างในเป็นของเพื่อนอีกม. ฝั่งขวามือเป็นเหมือนห้องโถง เราไว้ทำกับข้าวและกินข้าวกัน เลยเข้าไปข้างในเป็นห้องน้ำส้วมซึม ข้างหลังบ้านติดเขา หน้าบ้านเป็นทางคอนกรีตเล็กๆ เลยไปเป็นป่ากล้วยและลำธาร จากสภาพบ้านอย่างเดียวก็หลอนพอสมควร สำหรับบ้านผู้ชายต้องเดินขึ้นเขาเลยจากบ้านเราไป ประมาณเกือบครึ่งกม. ทางขึ้นบ้านเป็นทางชัน แยกกันไกลพอสมควร เราก็เริ่มใจหายแบบเพื่อนก็โดนจับแยกไม่นะ รู้สึกหว่าเว้ กับข้าวก็ต้องทำเอง จะไปไหนก็ไม่ได้ เพราะอยู่บนเขารถก็ไม่มี ช่วงแรกๆกำลังใจเสียพอสมควร
คืนที่หนึ่งเป็นคืนวันเสาร์ เราก็นั่งกินข้าวกัน เข้านอนปกติพ่อแม่ก็นอนกับเรา ลำดับการนอนเรียงจากในสุดคือ เงือก เหม่ง เรา แล้วก็พ่อแม่ คืนแรกผ่านไป ก็ไม่มีอะไร อาจจะเพราะความเหนื่อยจากการเดินทางด้วย
วันที่สองวันอาทิตย์ พ่อแม่กลับแล้ว ก็เหลือแต่พวกเรา ก็ยังไม่มีอะไร
วันที่สามวันจันทร์ พี่เจ้าหน้าที่ก็มามอบหมายงานให้เป็นกลุ่มๆ กลุ่มม.เราต้องพาเพื่อนผู้ชายต่างม.อีกหนึ่งคนไปด้วย ชื่อ จักร ทำให้กลุ่มเรามี 6 คน ผู้ชายสาม ผู้หญิงสาม เราก็ไปตรงที่เราทำงานกัน ต้องปรับแต่งภูมิทัศน์ โดยที่ผู้ชายจะตัดตนสน และผู้หญิงตัดแต่งกิ่งเล็ก พี่เค้าก็นับจำนวนคนเพื่อไปเบิกอุปกรณ์ เค้าเบิกกรรไกรใหญ่ให้ผู้ชายมา 4 อัน และกรรไกรเล็กมา 3 อัน แล้วพี่เค้าก็ถามอ้าว..แล้วเพื่อนผู้ชายอีกคนไปไหนอะ เราก็งงกันดิ เราก้บอก “พี่นับไอ่จักรยัง” พี่เค้าบอก “นับแล้ว” เพื่อนผู้ชายมันก็แซว “พี่นับไอ่หม่องเป็นผู้ชายป่าว55”(คือเราตัวใหญ่มองข้างหลังอาจจะคิดว่าเป็นผู้ชาย555) พี่เค้าก็บอก ”ป่าวๆๆ ตัวสูงๆหน่อยๆ” เราก็งงๆกันแต่พวกเราก็ทำงานไม่ได้สนใจอะไรก็ทำงานกัน ลืมๆไปแล้วด้วย พอตกกลางคืนหลังจากกินข้าวเย็นกันด้วยความที่สัญญาณโทรศัพท์ไม่มีจะโซเชียลก็ไม่ได้ เลยต้องหากิจกรรมทำกัน คือเล่นไพ่กัน อีกม.นึงก็เล่น โดมิโนกัน เราก็เฮฮากันตามภาษาเด็กๆ คำหยงคำหยาบ สบดกันเต็มที่ ก็ไม่ได้อะไร พอสี่ทุ่มพวกผู้ชายกลับไปบ้านเค้านอนกัน พวกเราก็สวดมนต์นอน คืนนั้น เหม่ง ฝันว่า เห็นงูใหญ่เลื้อยมาแล้วตามตัวเป็นอักขระ เหมือนภาษาเขมร ตัวอักษรเป็นไฟ น่ากลัวมาก มันเล่าให้ฟังตอนเช้า เราก็ตกใจกันนะ เหม่งกะเราเลยโทรไปบอกที่บ้านให้ทำบุญใส่บาตรให้หน่อย
วันอังคาร ลืมบอกว่าเงือกเอากระต่ายของแฟนมันไปด้วย แต่ด้วยอากาศที่หนาวเย็น ทำให้กระต่ายของมันต้องจบชีวิตลงตอนช่วงเช้ามืด เงือกมันก็เศร้า ทำพิธีฝังกลบจนเรียบร้อย เราก็ไปทำงานกันตามปกติ พอตกเย็นเราก็กินข้าวกันเสร็จ นั่งเล่นกันหน้าบ้าน ก็มีผู้หญิงขี่มอไซส์ขึ้นมา แล้วก็พูดว่า “สวัสดีเราชื่อ อ้อ นะ เรามาอยู๋ด้วยคนนะ เรามากับเพื่อนผู้ชายอีกสี่คน เขาอยู่บ้านบนกัน” อ้อเป็นนศ.ม.ประจำจังหวัด เราก็ทักทายกันปกติ อ้อนอนห้องเพื่อนอีกห้องนึง ไม่ใช่ห้องเรา เพราะเค้ามีกันสองคนอ้อเลยต้องไปนอนห้องนั้น อ้อมาตัวเปล่า อ้อบอกว่าเดี๋ยวพี่ชายเอาของมาส่งให้ เราก็ไม่ได้สนใจอะไร เราก็นั่งรอขาไพ่เรา โดยการร้องเพลงเล่นกีต้าอยู่กะเงือก หน้าบ้าน สักพักมีรถปิกอัพคันนึงขับมาจอดหน้าบ้าน ผมนี่ถึงกับชะงักเพราะเป็นรถ มูลนิธิป๋อเต็กตึ้ง เราก็มองหน้ากับเงือก เข้าบ้านดีกว่า พอดีกับเพื่อนผู้ชายลงมา เลยเล่นไพ่กันไม่ได้สนใจอ้อ วันนี้เป็นคืนแรกที่อ้อมานอนด้วย คืนนั้นตอนนอนเราได้ยินเสียงเหมือนคนเดินรอบบ้าน แต่ก็คิดว่าเป็นหมา เป็นอีเห็น สัตว์มากินเศษอาหาร ก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่จริงๆเสียงมันไม่ใช่เสียงสัตว์สี่เท้า แต่เราก็คิดเข้าข้างตัวเองจนหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
วันพุธเช้า ก็ตื่นมาแล้วมีความรู้สึกเดียวกับเงือก คือหนาวมาก และออกไปก่อไฟนอกบ้าน ไม่อยากอยู่ในบ้าน รู้สึกแปลกๆ เหม่งก็ทำกับข้าวในบ้านไป แต่คือเรารู้สึกไม่อยากอยู่ในบ้าน วันนั้นก็ทำงานกันปกติ กลับมากินข้าวช่วงเย็น กินเสร็จก็เล่นไพ่เป็นกิจวัตร เล่นเสร็จก็ปิดไฟ สวดมนต์นอน เรานอนติดฝั่งประตู เหม่งนอนกลาง เงือกนอนในสุด เรานอนไม่หลับรู้สึกกลัวอย่างแปลกๆ สักพักได้ยินเสียงเงือกเรียก “หม่อง...หม่อง” (คือเงือกกะเราเป็นเมทกัน ปกติคือถ้าเงือกนอนไม่หลับมันจะเรียกเรา หาเรื่องคุยไรงี้) หม่องแรกเราก็ไม่กล้าขาน พอหม่องที่สองคิดว่าเป็นไอ่เงือกแน่นอนเลยพูดไปว่า “เงือกเรียกกูอ่อ” ไอ้เงือกตอบว่าไรรู้ไหมคะ “ป่าว!!..ก็โดนเรียกเหมือนกันหรอ” เรานี่นึกในใจ

ละ เหม่งเลยรีบสวนขึ้นมา “พวกเยิบมานอนใกล้ๆกัน ไม่มีไรหรอก” เรานี่นึกในใจเอาแล้วววว เรานอนไม่หลับทั้งคืน คือหลับตาแต่ไม่ได้หลับอะ พอสักประมานตีหนึ่งตีสอง ไอ่เหม่งมันปลุกเราทั้งๆที่เราไม่หลับ แต่เรานอนหันหลังให้มัน “หม่องๆ...ละเมอพูดไรของอะ!!” เราก็งงดิยังไม่หลับ “ละเมออะไร กูยังไม่หลับเลย” เหม่งมันเลยบอกเออๆๆ “ไม่มีไรๆๆ” เราก็โมโหมันคนยิ่งกลัวๆอยู่เล่นอะไร แล้วหลับไปตอนประมานตีสามกว่าๆ เพราะแป๊บเดียวนาฬิกาปลุกตีสี่ครึ่ง ตื่นปุ๊บเราไปด่าไอ่เหม่งเลย “เหม่งเล่นไรของเนี่ย..ยิ่งกลัวๆอยู่” เหม่งมันบอกว่าไรรู้ไหม “เอาจริงๆนะ ไม่ใช่เสียงอะหม่อง เสียงใครมาพูดไม่รู้ ถามว่า พวกเป็นใคร พวกมาทำอะไร” เรานี่ช้อกเลย รีบโทรหาแม่บอกแม่ทำบุญใส่บาตรให้หน่อย ตั้งแต่นั้นมาบ้านที่เราพักไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทุกคนมีความรู้สึกว่ามันน่ากลัว ไม่มีใครอยากอยู่บ้าน แต่เราก็ยังไม่ได้คุยกับเพื่อนอีกห้องที่อยู่บ้านเดียวกัน แล้วเราก็มานั่งคุยกันเอ๊ะ! ทำไมไม่เจอตั้งกะวันแรก รึผีกระต่ายที่ตายของไอ่เงือก??
เช้าวันพฤหัสได้คุยแต่กับเพื่อนผู้ชายเค้าก็บอกว่า หูฝาดป่าว สวดมนต์ก่อนนอนดิ ซึ่งเราสวดมนต์ชินบัญชร แผ่เมตตา ขอขมาทุกคืน ซึ่งมันไม่ใช่ละ ก็ได้แต่คิดว่าไม่มีไรหรอก เย็นวันนั้นเหม่งไม่ค่อยสบาย แต่เราจะไปบ้านเพื่อนอีกม.นึงห่างกันประมาน 100 ม. คือเรื่องของเรื่องไม่อยากอยู่บ้าน เหม่งไม่ไปไม่สบาย โจ้เลยบอกเดี่ยวอยู่เป็นเพื่อนเหม่ง เราก็ไปกัน สามคน ไปนั่งคุยเล่นสักพัก กลับมาเจอโจ้หัดนั่งเล่นกีต้าหน้าบ้าน เราก็ชวนกันเล่นไพ่ เหมือนเดิมคราวนี้ชวนเพื่อนอีกม.มาเล่นด้วยเลย ก็มีบางส่วนมาเล่นกับเรา บางส่วนตังวงเล่นโดมิโน้กินตังกัน เราง่วงจัดเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอน หลับกลางวงไพ่เลย55 เลยคิดว่าคืนนี้คงไม่มีอะไร ง่วงขนาดนี้ พอสักสี่ทุ่ม ก็แยกย้ายกันไปนอน เราก็นั่งมองหน้ากันสามคน หม่อง เหม่ง เงือก ถามกัน “เอาไง ปิดไฟไหม” เงือกบอก “จะเปิดจะปิดถ้าเค้าจะมาเค้าก้มาทั้งนั้น” เหม่งบอก “ปิดเถอะ เปิดไฟกูนอนไม่หลับ” เราเลยเดินไปปิดไฟ นอนด้วยความหวาดระแวงมากสุดๆ มีความรู้สึกว่ามีผู้ชายตัวใหญ่หน่อยๆ อยู่ข้างนอกจะเข้ามา ฟิลนี้เลย รู้สึกแบบอึดอัดแน่น หายใจไม่ทั่วท้อง ขนลุก ทุกอย่าง หนาวอากาศแล้วยังหนาวผีอีกสุดๆ ขนลุกยันกระดูก แบบบอกไม่ถูก รู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวแล้ววว...สวดมนต์ไม่รู้กี่จบกำพระที่ห้อยคอแน่น จนได้ยินเสียงไอ่เงือกตะโกน “ไม่ไหวละว้อยยย...หม่องเปิดไฟเลย” เราเลยถามเงือก “เป็นไรอะ” เงือกบอก “มากระแอมใส่หน้ากูสิ” เราช้อกเลย แต่หันไปมองไอเหม่งซึ่ง นั่งนิ่งๆเอามือปิดหูแล้วมันก็พูดประมานว่า ”เค้ามาพูดไรกะกูไม่รู้ ภาษาอะไรไม่รู้” แล้วหายใจเข้าๆออกๆลึกๆแรงๆ เราก็มองหน้ากะเงือกเอาไงดีวะ เงือกบอก โทรหาโจ้กะบอสเลย แต่เราโทรไม่ติด คือสัญญานมีแค่เครือข่ายเดียว โทรไม่ติด
เงือก : กุจะไปตามโจ้กะบอส
หม่อง : เฮ้ย จะวิ่งขึ้นเขาไปคนเดียวอ่อ เด่วกูไปด้วย
เงือก : แล้วอีเหม่งล่ะ
หม่อง : เอาไงดี ฝากกะเพื่อนข้างห้องนี่ เค้าคงยังไม่นอน
เราเลยเดินไปเคาะห้อง เห็นแสงไฟลอดออกมาก็คิดว่าเค้ายังไม่นอน
ก๊อกๆๆๆ
เพื่อน : ใครอะ
เรา : หม่อง หม่องเอง หม่องกับเงือก (นึกในใจถามทำไมว่ะก็มีกันอยู่แค่นี้)
เพื่อน ค่อยๆแง้มประตูออกมา พอเห็นหน้าเราเหมือนเค้าถอนหายใจ
เรา: เธอ..พวกเธอหลับสบายไหม
เพื่อน เค้าก็มองหน้ากันเอง พร้อมยิ้มสะแยะ ๆ
เพื่อน : พวกเราไม่ได้นอนมาสองคืนแล้ว พวกเธอก็โดนหรอ เมื่อคืนก็โดนเคาะหัว เมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงคนเคาะหน้าต่าง ก๊อกๆ
เรากะเงือกนี่เงิบเลย
เรา : แล้วอ้ออะ อ้อไปไหน
เพื่อน : อ้อกลับบ้านอะ เอางานไปส่งอ.
เรา : งั้นเอางี้ก่อนเธอมาเฝ้าเพื่อนเราได้ปะ เด่วเรากับเงือกไปตามเพื่อนผช.
เพื่อนก็รับปากดูเหม่งให้
เราก็วิ่งออกจากบ้านกับเงือก พร้อมตะโกนกันตลอดทางเลย
“ลูกเป็นนศ.มาหาความรู้ หาประสบการณ์ ไม่ได้มาร้าย ขอให้เจ้าป่าเจ้าเขาคุ้มครอง สิ่งที่ลูกทำผิด ลูกรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อภัยให้ลูกเถิด” ตะโกนประมานนี้ วิ่งขึ้นเขาล้มลุกคลุกคลานกัน ปากก็ตะโกนเรียกเพื่อนผู้ชาย พอเค้าออกมา เราก็พูดกันไม่ได้ศัพท์เลยทั้งเหนื่อยทั้งกลัว แต่นาทีนั้นไม่ได้กลัวผีนะ กลัวเหม่งตาย ก็เลยพาเพื่อนผช.ลงมาอยู่ด้วยกันก่อน ระหว่างทางกลับบอสได้ถามว่า
บอส : หม่อง เงือก ตอนวิ่งขึ้นมามีใครวิ่งสวนลงไปปะ
โจ้ : เออๆ ใช่ได้ยินเหมือนกัน เสียงวิ่งสับเท้าลงไปทางที่ขึ้นมา สักพักก็ได้ยินเสียงแกสองคนอะ
เรา เงือก งงสิ คร้าบบบบ ใครวะ ???
แต่ตอนนั้นไม่สนอะไรละ กลัวเพื่อนตาย เลยรีบลงมาดูเหม่ง
พอเจอเหม่ง
บอส : เฮ้ยๆๆ เหม่งรึป่าว ตบสิ บอสตบแขน ตบหน้าเหม่ง ใช่ไหม เหม่งใช่ไหม??
เหม่งพยักหน้า
เหม่ง : กูไม่ไหวแล้วนะ เค้ามาพูดอะไรกับกูไม่รู้ ภาษาอะไรไม่รู้ พูดกรอกหูกูอยู่ยังงั้น เหม่งพูดด้วยเสียงสั่นเครือประมาณว่าไม่ไหวแล้ว พร้อมกับเอามือปิดหูส่ายหน้าไปมา
เหม่ง : กูหนาวมากกกก เราเลยเอาผ้าห่มไปห่มให้มันสามผืน เหม่งก็ยังหนาวสั่น เราไม่รู้จะทำยังไง เพื่อนๆเลยพยายามโทรติดต่อเจ้าหน้าที่ บอกไปว่าเพื่อนเป็นหอบไม่สบาย เพราะกลัวพี่เจ้าหน้าที่เค้าไม่เชื่อ
เจ้าหน้าที่เค้ามาถึง เค้าก็ถามว่าไปรพ.ไหม เพื่อนเป็นไรมากรึป่าว แต่พอเห็นเค้าก็ตกใจ บอกว่าเหมือนเพื่อนจะโดนผีเข้า เลยโทรเรียกลุงเจ้าหน้าที่ที่เค้าทำพิธีกรรมเป็นมา เพื่อทำพิธีขอขมา เหม่งก็ยังสั่นไม่หยุด พวกเพื่อนๆผช.ก็ไปดูหน้าต่างข้างนอกว่าที่ได้ยินเสียงเมื่อกี้คือเสียงอะไร แต่พอไปดูแล้วมันเป็นทางรกๆไม่มีใครอุตริเดินมาเพื่อแกล้งคนหรอก
พอลุงที่ทำพิธีมาถึง เค้าก็ถามเป็นอย่างนี้มากี่วันแล้ว พวกเราก็ไปว่าเริ่มรู้สึกแปลกๆตั้งแต่เพื่อนใหม่มา และวันนี้เขาไม่อยู่ อีกทั้งเค้าทำงานป่อเต็กตึ้งด้วย ทุกคนเลยลงความเห็นว่าน่าจะเป็นอ้อที่เอามา เพราะลุงเค้าก็บอกว่าปกติบ้านนี้ไม่เคยมีประวัติว่าเฮี้ยน พวกเราเลยเขาไปดูตรงที่นอนของอ้อ ซึ่งหัวที่นอนมีโต๊ะเล็ก ข้างบนวางนมเปรี้ยวและแอปเปิ้ล ข้างล่างโต๊ะมีถุงสีดำๆอยู่ เหมือนเอามาเส่นไหว้อะไรสักอย่าง ทุกคนเลยลงความเห็นว่าเป็นอ้อนี่แหละเอามา เพราะก่อนหน้าทุกคนก็รู้สึกสบายๆไม่มีอะไร แต่พออ้อมาทุกคนรู้สึกตรงกันว่า บ้านเปลี่ยนไป
เด่วมาต่อนะคะ พิมซะเต็มอัตราพันทิป
เมื่อพวกเรารู้จักกับ "สิ่งที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้"
บอกก่อนเลยตอนสมัยเราเรียนป.ตรี ต้องออกศึกษาดูงานทุกปีตั้งแต่ปีหนึ่ง เรื่องที่เจอๆมาก็เยอะแยะมากมาย เช่น ผีอำ มีคนมานั่งปลายเท้า ไฟดับ มีความรู้สึกระแวงกลัว เหมือนมีคนในห้องอะไรอย่างนี้ ถือเป็นเรื่องปกติ จนตอนปีสาม อ.ก็ส่งเรากับเพื่อนอีก 4 คน เป็นทั้งหมด5 คน เป็นผู้หญิง 3 คน คือ หม่อง(เรา) เหม่ง เงือก และผู้ชายอีกสองคนคือ โจ้ กะ บอส เราต้องไปอยู่ที่สถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน ต้องอยู่บนภูเขาอากาศหนาวเย็น เป็นเวลากว่าสองเดือน ตอนไปพ่อกับแม่เหมารถตู้ไปส่งและไปนอนด้วยคืนนึง พอเราได้เดินทางไปถึงก็ช่วงเวลาเย็นๆแล้ว เห็นบ้านพักแล้วคืออยากจะร้องไห้เลย คือเราต้องแยกบ้านกับผู้ชาย ซึ่งต้องนอนรวมกับเพื่อน ม.อื่นๆ แยกชายหญิง
สภาพบ้านที่เราอยู่เป็นบ้านเก่าๆไม่มีอะไรเลย มีลานปูนหน้าบ้าน เข้าไปซ้ายมือจะเป็นห้องนอนสองห้อง พวกเราสามคนนอนห้องแรก ถัดเข้าไปข้างในเป็นของเพื่อนอีกม. ฝั่งขวามือเป็นเหมือนห้องโถง เราไว้ทำกับข้าวและกินข้าวกัน เลยเข้าไปข้างในเป็นห้องน้ำส้วมซึม ข้างหลังบ้านติดเขา หน้าบ้านเป็นทางคอนกรีตเล็กๆ เลยไปเป็นป่ากล้วยและลำธาร จากสภาพบ้านอย่างเดียวก็หลอนพอสมควร สำหรับบ้านผู้ชายต้องเดินขึ้นเขาเลยจากบ้านเราไป ประมาณเกือบครึ่งกม. ทางขึ้นบ้านเป็นทางชัน แยกกันไกลพอสมควร เราก็เริ่มใจหายแบบเพื่อนก็โดนจับแยกไม่นะ รู้สึกหว่าเว้ กับข้าวก็ต้องทำเอง จะไปไหนก็ไม่ได้ เพราะอยู่บนเขารถก็ไม่มี ช่วงแรกๆกำลังใจเสียพอสมควร
คืนที่หนึ่งเป็นคืนวันเสาร์ เราก็นั่งกินข้าวกัน เข้านอนปกติพ่อแม่ก็นอนกับเรา ลำดับการนอนเรียงจากในสุดคือ เงือก เหม่ง เรา แล้วก็พ่อแม่ คืนแรกผ่านไป ก็ไม่มีอะไร อาจจะเพราะความเหนื่อยจากการเดินทางด้วย
วันที่สองวันอาทิตย์ พ่อแม่กลับแล้ว ก็เหลือแต่พวกเรา ก็ยังไม่มีอะไร
วันที่สามวันจันทร์ พี่เจ้าหน้าที่ก็มามอบหมายงานให้เป็นกลุ่มๆ กลุ่มม.เราต้องพาเพื่อนผู้ชายต่างม.อีกหนึ่งคนไปด้วย ชื่อ จักร ทำให้กลุ่มเรามี 6 คน ผู้ชายสาม ผู้หญิงสาม เราก็ไปตรงที่เราทำงานกัน ต้องปรับแต่งภูมิทัศน์ โดยที่ผู้ชายจะตัดตนสน และผู้หญิงตัดแต่งกิ่งเล็ก พี่เค้าก็นับจำนวนคนเพื่อไปเบิกอุปกรณ์ เค้าเบิกกรรไกรใหญ่ให้ผู้ชายมา 4 อัน และกรรไกรเล็กมา 3 อัน แล้วพี่เค้าก็ถามอ้าว..แล้วเพื่อนผู้ชายอีกคนไปไหนอะ เราก็งงกันดิ เราก้บอก “พี่นับไอ่จักรยัง” พี่เค้าบอก “นับแล้ว” เพื่อนผู้ชายมันก็แซว “พี่นับไอ่หม่องเป็นผู้ชายป่าว55”(คือเราตัวใหญ่มองข้างหลังอาจจะคิดว่าเป็นผู้ชาย555) พี่เค้าก็บอก ”ป่าวๆๆ ตัวสูงๆหน่อยๆ” เราก็งงๆกันแต่พวกเราก็ทำงานไม่ได้สนใจอะไรก็ทำงานกัน ลืมๆไปแล้วด้วย พอตกกลางคืนหลังจากกินข้าวเย็นกันด้วยความที่สัญญาณโทรศัพท์ไม่มีจะโซเชียลก็ไม่ได้ เลยต้องหากิจกรรมทำกัน คือเล่นไพ่กัน อีกม.นึงก็เล่น โดมิโนกัน เราก็เฮฮากันตามภาษาเด็กๆ คำหยงคำหยาบ สบดกันเต็มที่ ก็ไม่ได้อะไร พอสี่ทุ่มพวกผู้ชายกลับไปบ้านเค้านอนกัน พวกเราก็สวดมนต์นอน คืนนั้น เหม่ง ฝันว่า เห็นงูใหญ่เลื้อยมาแล้วตามตัวเป็นอักขระ เหมือนภาษาเขมร ตัวอักษรเป็นไฟ น่ากลัวมาก มันเล่าให้ฟังตอนเช้า เราก็ตกใจกันนะ เหม่งกะเราเลยโทรไปบอกที่บ้านให้ทำบุญใส่บาตรให้หน่อย
วันอังคาร ลืมบอกว่าเงือกเอากระต่ายของแฟนมันไปด้วย แต่ด้วยอากาศที่หนาวเย็น ทำให้กระต่ายของมันต้องจบชีวิตลงตอนช่วงเช้ามืด เงือกมันก็เศร้า ทำพิธีฝังกลบจนเรียบร้อย เราก็ไปทำงานกันตามปกติ พอตกเย็นเราก็กินข้าวกันเสร็จ นั่งเล่นกันหน้าบ้าน ก็มีผู้หญิงขี่มอไซส์ขึ้นมา แล้วก็พูดว่า “สวัสดีเราชื่อ อ้อ นะ เรามาอยู๋ด้วยคนนะ เรามากับเพื่อนผู้ชายอีกสี่คน เขาอยู่บ้านบนกัน” อ้อเป็นนศ.ม.ประจำจังหวัด เราก็ทักทายกันปกติ อ้อนอนห้องเพื่อนอีกห้องนึง ไม่ใช่ห้องเรา เพราะเค้ามีกันสองคนอ้อเลยต้องไปนอนห้องนั้น อ้อมาตัวเปล่า อ้อบอกว่าเดี๋ยวพี่ชายเอาของมาส่งให้ เราก็ไม่ได้สนใจอะไร เราก็นั่งรอขาไพ่เรา โดยการร้องเพลงเล่นกีต้าอยู่กะเงือก หน้าบ้าน สักพักมีรถปิกอัพคันนึงขับมาจอดหน้าบ้าน ผมนี่ถึงกับชะงักเพราะเป็นรถ มูลนิธิป๋อเต็กตึ้ง เราก็มองหน้ากับเงือก เข้าบ้านดีกว่า พอดีกับเพื่อนผู้ชายลงมา เลยเล่นไพ่กันไม่ได้สนใจอ้อ วันนี้เป็นคืนแรกที่อ้อมานอนด้วย คืนนั้นตอนนอนเราได้ยินเสียงเหมือนคนเดินรอบบ้าน แต่ก็คิดว่าเป็นหมา เป็นอีเห็น สัตว์มากินเศษอาหาร ก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่จริงๆเสียงมันไม่ใช่เสียงสัตว์สี่เท้า แต่เราก็คิดเข้าข้างตัวเองจนหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
วันพุธเช้า ก็ตื่นมาแล้วมีความรู้สึกเดียวกับเงือก คือหนาวมาก และออกไปก่อไฟนอกบ้าน ไม่อยากอยู่ในบ้าน รู้สึกแปลกๆ เหม่งก็ทำกับข้าวในบ้านไป แต่คือเรารู้สึกไม่อยากอยู่ในบ้าน วันนั้นก็ทำงานกันปกติ กลับมากินข้าวช่วงเย็น กินเสร็จก็เล่นไพ่เป็นกิจวัตร เล่นเสร็จก็ปิดไฟ สวดมนต์นอน เรานอนติดฝั่งประตู เหม่งนอนกลาง เงือกนอนในสุด เรานอนไม่หลับรู้สึกกลัวอย่างแปลกๆ สักพักได้ยินเสียงเงือกเรียก “หม่อง...หม่อง” (คือเงือกกะเราเป็นเมทกัน ปกติคือถ้าเงือกนอนไม่หลับมันจะเรียกเรา หาเรื่องคุยไรงี้) หม่องแรกเราก็ไม่กล้าขาน พอหม่องที่สองคิดว่าเป็นไอ่เงือกแน่นอนเลยพูดไปว่า “เงือกเรียกกูอ่อ” ไอ้เงือกตอบว่าไรรู้ไหมคะ “ป่าว!!..ก็โดนเรียกเหมือนกันหรอ” เรานี่นึกในใจ
เช้าวันพฤหัสได้คุยแต่กับเพื่อนผู้ชายเค้าก็บอกว่า หูฝาดป่าว สวดมนต์ก่อนนอนดิ ซึ่งเราสวดมนต์ชินบัญชร แผ่เมตตา ขอขมาทุกคืน ซึ่งมันไม่ใช่ละ ก็ได้แต่คิดว่าไม่มีไรหรอก เย็นวันนั้นเหม่งไม่ค่อยสบาย แต่เราจะไปบ้านเพื่อนอีกม.นึงห่างกันประมาน 100 ม. คือเรื่องของเรื่องไม่อยากอยู่บ้าน เหม่งไม่ไปไม่สบาย โจ้เลยบอกเดี่ยวอยู่เป็นเพื่อนเหม่ง เราก็ไปกัน สามคน ไปนั่งคุยเล่นสักพัก กลับมาเจอโจ้หัดนั่งเล่นกีต้าหน้าบ้าน เราก็ชวนกันเล่นไพ่ เหมือนเดิมคราวนี้ชวนเพื่อนอีกม.มาเล่นด้วยเลย ก็มีบางส่วนมาเล่นกับเรา บางส่วนตังวงเล่นโดมิโน้กินตังกัน เราง่วงจัดเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอน หลับกลางวงไพ่เลย55 เลยคิดว่าคืนนี้คงไม่มีอะไร ง่วงขนาดนี้ พอสักสี่ทุ่ม ก็แยกย้ายกันไปนอน เราก็นั่งมองหน้ากันสามคน หม่อง เหม่ง เงือก ถามกัน “เอาไง ปิดไฟไหม” เงือกบอก “จะเปิดจะปิดถ้าเค้าจะมาเค้าก้มาทั้งนั้น” เหม่งบอก “ปิดเถอะ เปิดไฟกูนอนไม่หลับ” เราเลยเดินไปปิดไฟ นอนด้วยความหวาดระแวงมากสุดๆ มีความรู้สึกว่ามีผู้ชายตัวใหญ่หน่อยๆ อยู่ข้างนอกจะเข้ามา ฟิลนี้เลย รู้สึกแบบอึดอัดแน่น หายใจไม่ทั่วท้อง ขนลุก ทุกอย่าง หนาวอากาศแล้วยังหนาวผีอีกสุดๆ ขนลุกยันกระดูก แบบบอกไม่ถูก รู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวแล้ววว...สวดมนต์ไม่รู้กี่จบกำพระที่ห้อยคอแน่น จนได้ยินเสียงไอ่เงือกตะโกน “ไม่ไหวละว้อยยย...หม่องเปิดไฟเลย” เราเลยถามเงือก “เป็นไรอะ” เงือกบอก “มากระแอมใส่หน้ากูสิ” เราช้อกเลย แต่หันไปมองไอเหม่งซึ่ง นั่งนิ่งๆเอามือปิดหูแล้วมันก็พูดประมานว่า ”เค้ามาพูดไรกะกูไม่รู้ ภาษาอะไรไม่รู้” แล้วหายใจเข้าๆออกๆลึกๆแรงๆ เราก็มองหน้ากะเงือกเอาไงดีวะ เงือกบอก โทรหาโจ้กะบอสเลย แต่เราโทรไม่ติด คือสัญญานมีแค่เครือข่ายเดียว โทรไม่ติด
เงือก : กุจะไปตามโจ้กะบอส
หม่อง : เฮ้ย จะวิ่งขึ้นเขาไปคนเดียวอ่อ เด่วกูไปด้วย
เงือก : แล้วอีเหม่งล่ะ
หม่อง : เอาไงดี ฝากกะเพื่อนข้างห้องนี่ เค้าคงยังไม่นอน
เราเลยเดินไปเคาะห้อง เห็นแสงไฟลอดออกมาก็คิดว่าเค้ายังไม่นอน
ก๊อกๆๆๆ
เพื่อน : ใครอะ
เรา : หม่อง หม่องเอง หม่องกับเงือก (นึกในใจถามทำไมว่ะก็มีกันอยู่แค่นี้)
เพื่อน ค่อยๆแง้มประตูออกมา พอเห็นหน้าเราเหมือนเค้าถอนหายใจ
เรา: เธอ..พวกเธอหลับสบายไหม
เพื่อน เค้าก็มองหน้ากันเอง พร้อมยิ้มสะแยะ ๆ
เพื่อน : พวกเราไม่ได้นอนมาสองคืนแล้ว พวกเธอก็โดนหรอ เมื่อคืนก็โดนเคาะหัว เมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงคนเคาะหน้าต่าง ก๊อกๆ
เรากะเงือกนี่เงิบเลย
เรา : แล้วอ้ออะ อ้อไปไหน
เพื่อน : อ้อกลับบ้านอะ เอางานไปส่งอ.
เรา : งั้นเอางี้ก่อนเธอมาเฝ้าเพื่อนเราได้ปะ เด่วเรากับเงือกไปตามเพื่อนผช.
เพื่อนก็รับปากดูเหม่งให้
เราก็วิ่งออกจากบ้านกับเงือก พร้อมตะโกนกันตลอดทางเลย
“ลูกเป็นนศ.มาหาความรู้ หาประสบการณ์ ไม่ได้มาร้าย ขอให้เจ้าป่าเจ้าเขาคุ้มครอง สิ่งที่ลูกทำผิด ลูกรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อภัยให้ลูกเถิด” ตะโกนประมานนี้ วิ่งขึ้นเขาล้มลุกคลุกคลานกัน ปากก็ตะโกนเรียกเพื่อนผู้ชาย พอเค้าออกมา เราก็พูดกันไม่ได้ศัพท์เลยทั้งเหนื่อยทั้งกลัว แต่นาทีนั้นไม่ได้กลัวผีนะ กลัวเหม่งตาย ก็เลยพาเพื่อนผช.ลงมาอยู่ด้วยกันก่อน ระหว่างทางกลับบอสได้ถามว่า
บอส : หม่อง เงือก ตอนวิ่งขึ้นมามีใครวิ่งสวนลงไปปะ
โจ้ : เออๆ ใช่ได้ยินเหมือนกัน เสียงวิ่งสับเท้าลงไปทางที่ขึ้นมา สักพักก็ได้ยินเสียงแกสองคนอะ
เรา เงือก งงสิ คร้าบบบบ ใครวะ ???
แต่ตอนนั้นไม่สนอะไรละ กลัวเพื่อนตาย เลยรีบลงมาดูเหม่ง
พอเจอเหม่ง
บอส : เฮ้ยๆๆ เหม่งรึป่าว ตบสิ บอสตบแขน ตบหน้าเหม่ง ใช่ไหม เหม่งใช่ไหม??
เหม่งพยักหน้า
เหม่ง : กูไม่ไหวแล้วนะ เค้ามาพูดอะไรกับกูไม่รู้ ภาษาอะไรไม่รู้ พูดกรอกหูกูอยู่ยังงั้น เหม่งพูดด้วยเสียงสั่นเครือประมาณว่าไม่ไหวแล้ว พร้อมกับเอามือปิดหูส่ายหน้าไปมา
เหม่ง : กูหนาวมากกกก เราเลยเอาผ้าห่มไปห่มให้มันสามผืน เหม่งก็ยังหนาวสั่น เราไม่รู้จะทำยังไง เพื่อนๆเลยพยายามโทรติดต่อเจ้าหน้าที่ บอกไปว่าเพื่อนเป็นหอบไม่สบาย เพราะกลัวพี่เจ้าหน้าที่เค้าไม่เชื่อ
เจ้าหน้าที่เค้ามาถึง เค้าก็ถามว่าไปรพ.ไหม เพื่อนเป็นไรมากรึป่าว แต่พอเห็นเค้าก็ตกใจ บอกว่าเหมือนเพื่อนจะโดนผีเข้า เลยโทรเรียกลุงเจ้าหน้าที่ที่เค้าทำพิธีกรรมเป็นมา เพื่อทำพิธีขอขมา เหม่งก็ยังสั่นไม่หยุด พวกเพื่อนๆผช.ก็ไปดูหน้าต่างข้างนอกว่าที่ได้ยินเสียงเมื่อกี้คือเสียงอะไร แต่พอไปดูแล้วมันเป็นทางรกๆไม่มีใครอุตริเดินมาเพื่อแกล้งคนหรอก
พอลุงที่ทำพิธีมาถึง เค้าก็ถามเป็นอย่างนี้มากี่วันแล้ว พวกเราก็ไปว่าเริ่มรู้สึกแปลกๆตั้งแต่เพื่อนใหม่มา และวันนี้เขาไม่อยู่ อีกทั้งเค้าทำงานป่อเต็กตึ้งด้วย ทุกคนเลยลงความเห็นว่าน่าจะเป็นอ้อที่เอามา เพราะลุงเค้าก็บอกว่าปกติบ้านนี้ไม่เคยมีประวัติว่าเฮี้ยน พวกเราเลยเขาไปดูตรงที่นอนของอ้อ ซึ่งหัวที่นอนมีโต๊ะเล็ก ข้างบนวางนมเปรี้ยวและแอปเปิ้ล ข้างล่างโต๊ะมีถุงสีดำๆอยู่ เหมือนเอามาเส่นไหว้อะไรสักอย่าง ทุกคนเลยลงความเห็นว่าเป็นอ้อนี่แหละเอามา เพราะก่อนหน้าทุกคนก็รู้สึกสบายๆไม่มีอะไร แต่พออ้อมาทุกคนรู้สึกตรงกันว่า บ้านเปลี่ยนไป
เด่วมาต่อนะคะ พิมซะเต็มอัตราพันทิป