เพลีย....สารคดี สนามบินไทย Bangkok Airport by BBC

กระทู้สนทนา
ออกมาสองตอนแล้วค่ะ...รู้สึกกระอักกระอ่วนมาตั้งแต่ตอนแรกแล้ว....

https://www.youtube.com/watch?v=1b76z_7driI&feature=youtu.be

ไม่รู้จะเล่ารายละเอียดอย่างไร  ในสารคดีเสนอแง่มุมการทำงานของ ตม.  ตำรวจท่องเที่ยว หน่วยแพทย์สนามบิน  ฝ่ายประชาสัมพันธ์  และของหาย
เสนอมาสองตอนแล้ว..  ถ้าให้ลงเป็นฉาก ๆคือ เยอะมาก... แต่ในฐานะคนไทย ดูแล้วรู้สึกเลยว่า บางทีการทำงานของจนท.ไทย กับตำแหน่งหน้าตาของประเทศ ตำแหน่งที่ต้องดีลกับชาวต่างชาติ เราอาจต้องการคนที่ทำงานเป็น คิดได้บูรณการกว่านี้..  ที่สำคัญ ภาษาอังกฤษควรจะแข็งกว่านี้...(มากๆ)
สารคดีเสนอทั้งแง่ที่นักท่องเที่ยวสร้างปัญหาให้สนามบินเอง  และในแง่ที่นักท่องเที่ยวเจอปัญหามาแล้วมาพึ่ง เจ้าหน้าที่...
คือนำเสนอปุ๊บให้คนดูคิดเองว่า นี่คือการทำงานของจนท.ไทย อ่ะ...


ตอนที่ หนึ่ง  เน้นไปที่ ตำรวจท่องเที่ยว หน่วยแพทย์  และตม.

นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ สมมติชื่อนาย เอ  โดนล้วงกระเป๋า รวมพาสปอร์ตหายไป  เดินทางมาที่สนง.ตำรวจท่องเที่ยวในสนามบิน
แจ้งจนท.สองคน ชาย หญิง (ค่อนข้างแก่วิชาแล้ว ..มั้ง?)  บอกว่า ชั้นทำของหายหมดเลย  แล้วนี่ลูกสาวชั้นป่วย ชั้นต้องเดินทางกลับด่วน
ชั้นจะทำไงดี ...

จนท. ชายหญิง ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข  ไม่พูดอะไร พูดแค่ให้เล่าเหตุการณ์แล้วพามานั่งโต๊ะคอมพิวเตอร์...อารมณ์ว่า อยากได้ตั๋วเหรอ อ่ะ ใช้คอมสนง.เลย
นาย เอ เข้ามาตอนหกโมงเย็น นั่งหาตั๋ว และไม่มีเงินซื้อ จึงขอยืมโทรศัพท์โทรไปหาแฟนที่อังกฤษ (เข้าใจอารมณ์คนของหาย...อยากกลับบ้าน เหลือแต่ตัวเปล่าไหม....)  แฟนให้เบอร์บัตรมา  นายเอ จดเรียบร้อย เลือกตั๋วเช็คแล้วเช็คอีก.... ผ่านไปเกือบ สอง ชม. ตัดสินใจกำลังจะซื้อละ ...อยู่ ๆ จนท.เหมือนจับใจความได้ว่าเอาบัตรของแฟนซื้อ  รีบบอก...ไม่ได้นะ คุณไม่ได้ถือบัตรกับตัว สายการบินเค้าต้องดูบัตรที่ซื้อตั๋วด้วย ....นายเอ เริ่ม ชะงัก ...เห้ย..อะไรนะ
ชั้นดูตั๋วมาสองชม. เพิ่งจะมาบอก.... แล้วจะให้ทำยังไง.... งั้นให้แฟนซื้อให้จากที่นั่นสิ... นายเอ  งง   แล้วไง ซื้อให้ ไอก็ไม่มีบัตรขึ้นเครื่องเหมือนเดิม... อะไรกันเนี่ย.... ยังไง  นายเอ นั่งกุมขมับ เครียด  พูดกับกล้อง ชั้นอยากกลับบ้าน  ลูกสาวต้องการชั้น..(you never ever see me again in Thailand) ...
       นั่งเครียดไปอีกสามชม.  จนท. สองคน ชายหญิง ด้วยความช่วยเหลือ ก็นั่งเฝ้านายเอ เหมือนเดิม ยิ้มให้อย่างอบอุ่น.... ไม่มีคำแนะนำอะไร  ได้แต่พูดกับกล้องว่า .....  ถ้าเค้าไม่ได้ถือบัตรสายการบินจะไม่ให้ขึ้น (เหมือนจ่ายผ่านบัตรไว้แล้วต้องพรีเซนต์บัตรตอนเช็คอิน) ....ผ่านไปตีหนึ่ง นายเอ ตัดสินใจ
เป็นไงเป็นกัน .... ชั้นจะซื้อละ   จนท. ลูกขึ้นสู้ ด้วยความหวังดี....ไม่ได้นะ  เค้าจะไม่ให้คุณขึ้นเครื่อง...นายเอ โมโห....  อะไรกัน นี่มันบัตรเดบิตแฟนผม...เงินก็มี ทำไมจะซื้อไม่ได้ ผมไม่สนใจ.....​จนท. ตาโต....หืออออ....​บัตรเดบิตเหรอ?? อ๊าาาา.....งั้นซื้อเลย ๆ  นึกว่าบัตรเครดิต  งั้นคุณจัดการเลย...

หกชม. ใน สนง. โดยไม่มีการให้ข้อมูลตั้งแต่เริ่ม   คืออะไร?

จบด้วยการได้ตั๋วตอนตีหนึ่งเกือบตีสอง  ไม่มีเงินไปไหน จนท.ไทย เสนอผ้าห่มให้นอนในสนง.ฟรี พร้อมกับยิ้มพิมพ์ใจ เย เราทำได้แล้ว จบปัญหาไปหนึ่งวัน...  นี่หรือคือการแก้ปัญหา?


อีกครั้งหนึ่ง สาวอังกฤษหาพาสปอร์ตไม่เจอ เลยมาแจ้ง  จนท. ก็รับแจ้ง แล้วแนะนำว่า หาดีแล้วเหรอ กระเป๋าคุณ  นางก็บอกว่า หาดีแล้ว..แล้วก็ยืนหน้าเค้าเตอร์เพื่อให้จนท.ช่วย   จนท. ก็ได้แต่ยิ้ม และเหมือนจะยิ้มอย่างเดียว  นางเลยบอกว่า งั้นขอโทรหาสถานฑูตฯ  จนท. ถึงโทรให้.. นางก็ต้องดีลเอง คุยเอง ..แต่สุดท้ายคือ นางลืมพาสปอร์ตในกระเป๋าอีกใบ.....

การทำงานภาคอื่นเช่นด้านการแพทย์ของสนามบิน เมื่อคุณทำงาน ภาพที่ออกมาก็คือการทำงานที่ได้ผลดีของทีมแพทย์พยาบาล เราไม่มีข้อสงสัยอะไรตรงนี้เลย...คุณหมอยิ้มแย้ม ทีมพยาบาลก็รวดเร็ว แม้จะขี้เล่น แต่เวลาทำงานก็รวดเร็วดี

ส่วนอื่น ๆ คือนักท่องเที่ยวเมาแล้วหลับ เกือบไม่ได้ขึ้นเครื่อง แต่ได้จนท. ปลุกจนขึ้นได้...


ตอนที่สอง   สด ๆ ร้อน ๆ

ไปที่ ตำรวจท่องเที่ยวอีกที...​เป็นนักท่องเที่ยววัยรุ่นสองคน ชื่อ บี กับ บอย  นายบีนายบอย โดยจี้เอาเงินสดไป ไปแจ้งความที่ตำรวจสมุย
ตำรวจสมุยส่งตัวมาที่สุวรรณภูมิ...นายบีและบอย มาแจ้งที่สนง.ตำรวจท่องเที่ยวอีก...เพื่อบอกว่า  หาตั๋วกลับอังกฤษให้หน่อย เพราะเหลือแค่เงินแล้วตอนนี้(เงินในบัตร) คงหมดอารมณ์จะเที่ยว เลยอยากกลับ....

ภาพตัดไปที่ จนท. หน้าตาวัยเริ่มงานใหม่ ๆ สองสามคน   สาวสวย  สาวหล่อ และอีกสองสามคนใกล้ๆ
สาวสวยบอกว่า ชั้นชอบช่วยเหลือคน  ชั้นชอบทำงาน   (ในมือถือมือถือไม่วาง)
บี กับ บอย เดินมาบอก สาวสวย กับ สาวหล่อ.. (ทั้ง ๆ ที่กล้องก็ถ่ายสด ๆ อยู่)
"ขอติดต่อสายการบินเพื่อเลื่อนวันกลับหน่อย"  จนท. จัดให้
"หะ อะไรนะ อีกสามวันเลยเหรอ กว่าจะได้กลับ เร็วสุดละเหรอ " นายบีพูดในสาย
นายบี เซ็ง
"คุณ  ผมต้องการตั๋วกลับอังกฤษเร็วสุด " คุยกับสาวสวย...สาวสวย ไม่ตอบ มองหน้า แล้วก้มหน้าเล่นมือถือ  (จริง ๆนะ ไม่ได้โม้)
นายบีหันมาพูดกับกล้อง  "ผู้หญิงคนนี้ useless มาก "  สาวสวยได้ยินด้วยนะ แต่นางทำหน้า "เหรอออออ ฮึ?..." ก้มหน้าเล่นมือถือต่อ
(ความรู้สึกคือ นางไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรเลย)
นายบีเซ็งมาก เดินออกจากสนง.ไป

นายบอย จัดการต่อ  "เฮ้ คุณผมต้องการตั๋วที่เร็วที่สุดทำไง "  คราวนี้ สาวสวยไม่แม้แต่จะมองขึ้นมา เล่นมือถือต่อไป  สาวหล่อก้ม  ๆ ดูมือถือสักพัก
จึงรีบแจ้งนายบอย  "มีตั๋ววันนี้"   นายบอยถามต่อ "จริงเหรอ วันนี้นะ"    สาวหล่อตอบ "ใช่เดินทางวันนี้  อือฮึ"  ตอบแค่นี้จริงๆ
งั้นเดี๋ยวไปตามเพื่อนก่อน
พอตามเจอนายบี...​ นายบอย นายบี และจนท. ตำรวจท่องเที่ยวอีกสองคนเดินนำไปที่ตู้เอทีเอ็มเพื่อจ่ายเงินสายการบิน
ระหว่างเดินไป นายบี เริ่มสะกิด ..ถามจนท.  เฮ้ ๆ บอกหน่อยสิ ตั๋วอะไร สายการบินยังไง รายละเอียดอะไร จะให้ชั้นจ่ายเงินแล้วเนี่ย

จนท.สองคนไม่พูด เดินพาไปอย่างเดียว  ย้ำว่าไม่ตอบอะไร...เพื่อนคือ นายบอย  ก็แบบไม่รอบคอบด้วยมั้ง นายบอยก็บอก
เฮ้ เราจะได้เดินทางวันนี้นะ    แต่นายบียังแบบ  ยังไม่รู้รายละเอียดเลย   ....​ไม่กี่นาทีต่อมา... เงินถูกจ่ายไปที่สายการบินเรียบร้อย

จนท.นำสองคนนั้นกลับมาปริ๊นตั๋ว...พอดูตั๋วกลายเป็นว่า  ไปทรานสิทที่จีน 24 ชม. รวมชม.เดินทาง 53 ชม.
นายบีดูตั๋ว "ชั้นว่าแล้วไงล่ะ....จนท.ทำไมไม่บอกเราว่าตั๋วมันแวะจอดตั้งวันนึง ชั้นไม่อยากไปจีน ไม่ชอบจีน"
นายบอย  ได้แต่นิ่ง งง....
สุดท้าย นายบีบอก  ช่างเถอะ ชั้นจะไปหาตั๋วเอาที่จีนอีกทีละกัน...

ผู้บรรยาย พูดตอนจบของส่วนนี้ว่า   ในที่สุดสองหนุ่มก็ได้เดินทางกลับอังกฤษด้วยชั่วโมงการเดินทาง 53 ชม. และการทำงานของจนท.ก็กลับมาสู่ความเรียบร้อยดังเดิม  (ภาพตัดไปที่ จนท.วัยละอ่อน ยืนถักเปียให้ จนท.สาวสวย useless  ขณะที่สาวสวยนั่งเล่นมือถือที่หลังเค้าเตอร์ต่อไป)

เราไม่สรุปว่า จนท.ไทยผิดเต็มประตูหรอกนะ  ที่ไม่บอกว่า เฮ้ ไฟลท์นี้เดินทางวันนี้แต่ไปแวะที่จีนนะ  
เพราะ นายบอย ก็น่าจะถามด้วยเหมือนกัน ....​แต่เรามองว่า  ทำไมจนท. พูดน้อยจังนะ.. อย่างน้อย  จนท. มีโอกาสที่จะตอบตอนที่กำลังพาสองหนุ่มเดินไปที่ตู้เอทีเอ็มเพื่อโอนเงินนะ เพราะเค้าถามตลอดที่เดินไปเลย ว่ารายละเอียดยังไง บอกหน่อยๆ   แต่สองคนกลับเงียบ (จริงๆ)


ที่เล่ามาหมดนี้ ถ้าเพื่อนๆได้มีโอกาสได้ดู อาจจะรู้สึกอะไรมากกว่าเราอีกค่ะ

แค่อยากสะท้อนว่า  บางทีการยิ้มไม่ใช่การแก้ปัญหาในที่ ๆ คุณทำหน้าที่อยู่...​  คนเราทำงานในหน้าที่ตนเองให้ดี ถือว่ามีเกียรติมีคุณค่าดีนะ
ทำไม ส่วนงานตำรวจท่องเที่ยวถึงทำงานแบบ passive แบบนี้ไม่รู้... งานที่ต้องพบชาวต่างชาติ งานที่ต้องจัดการเสนอแนะ ไม่ใช่ดึงมือมาจับคอมพิวเตอร์
ไม่ใช่ ไม่ตอบ แล้วเล่นมือถือต่อหน้าต่อตา... คืออะไร งง
(cap ภาพตอนถักเปียมา แต่ไม่ได้เบลอหน้า เลยไม่อยากเอามาลงค่ะ )


ปล.  อันนี้คนที่เจอปัญหาแล้วร้องเรียนตำรวจท่องเที่ยวน่าจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียมาก... พอเราดูแบบนี้ เรารู้สึกเลยว่าการทำงานของเรายังต้องปรับปรุงอีกหลายส่วนเลย   นี่อาจจะมีคนดี ๆ เก่ง ๆ ก็ได้  แต่เสนอมาสองตอน ก็เจอแบบนี้ เราเลยไม่รู้จะแชร์สิ่งที่เห็นให้ใคร เผื่อใครมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติม..

ขอบคุณที่อ่านนะคะ...

แก้ไข   เพิ่มลิ๊งค์
แก้ไขข้อความเมื่อ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่