รักได้ยินรึเปล่า #บทที่ 11

กระทู้สนทนา
อ่านบทอื่นๆ ได้ที่นี่ค่ะ http://pantip.com/topic/32729269

พอดีมีการปรับเนื้อหาใหม่นิดหน่อย โดยเฉพาะชื่อตัวละคร เพื่อให้ดูเป็นทางการมากขึ้น สำหรับบทก่อนหน้านี้ผู้แต่งได้แก้ไขหมดแล้วและอัพลงแล้วเรียบร้อย (หวังว่าทุกๆ คน คงไม่งงกันน้าาาา)
แนะนำตัวละคร
เมวดี  (น้ำเมย)
กรกฤต  (คริส)
กันติยา  (กิฟ)
ธนทัต  (แท่ง)
ภากร (บอม)
เพชร  (แพทตี้)


บทที่ 11 เพื่อน



รถสปอร์ตสีแดงสุดหรูขับมาจอดใต้ต้นโพธิ์ตรงลานจอดรถข้างในวัดด้วยความที่ตอนนี้ยังเช้าตรู่จึงทำให้อากาศที่นี่ดีเป็นพิเศษ มีเสียงนกร้องสร้างบรรยากาศให้ดูผ่อนคลายและสดชื่นมากยิ่งขึ้น

เพชรก้าวลงจากรถพร้อมๆ กับเรย์ เบลล์ ที่นั่งอยู่อีกฝั่งเพื่อลงไปเอาถังสังฆทานที่เตรียมไว้ท้ายรถ

“นังแพท ทำไมแกถือถังเล็ก” เรย์ เบลล์ถามเสียงเขียว

“นี่ชะนี” เน้นเสียง “หล่อนเป็นผู้หญิงถือถังใหญ่นั่นแหละถูกต้องแล้ว ส่วนสาวน้อยผู้บอบบางอย่างฉันก็ต้องถืออะไรที่มันไม่หนักจนเกินไป”
เรย์ เบลล์แทบกรี๊ดกับความดัดจริต! ของเพื่อน

“แหม...นางบอบบาง” จับถังสังฆทานอีกสองถังขึ้นมาอุ้ม

เพชรเห็นสีหน้าเพื่อนแล้วก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้

“ขำอะไร ไม่มีน้ำใจแล้วยังจะมาหัวเราะคนอื่นอีก”

“ฉันเนี่ยนะไม่มีน้ำใจ ดูสิฉันถือทั้งถังสังฆทานแถมยังถือน้ำอีกตั้งสามขวด แบบนี้ไม่เรียกมีน้ำใจจะเรียกว่าอะไร”

“เหรอ! ” เสียงสูง

“ถ้าแกหนักก็ไม่เรียกนังเมยมาถือช่วยสิ”

“เฮ้อ...” มองเข้าไปในรถแล้วก็ถอนหายใจก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ข้างๆ ประตูด้านหลังฝั่งที่เมวดีนั่งอยู่ “แกว่ามันจะเป็นแบบนี้อีกนานไหม”

ตั้งแต่เลิกกับกรกฤต เมวดีก็เอาแต่นั่งเหม่อ บางครั้งก็ร้องไห้ออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เพชรเป็นห่วงกลัวจะสติแตกเพราะผู้ชายเลยเสนอว่าควรจะพาไปหาหมอจิตเวชดูแต่ก็โดยเรย์ เบลล์ด่าเข้าให้แถมยังโดนเทศนาซะจนหูชา สรุปสุดท้ายก็เลยตกลงพามาทำบุญที่วัดหวังว่าพระพุทธศาสนาจะช่วยได้ ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้แค่ไหน!

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน งานก็ไม่ยอมไปทำ ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน นี่ถ้ามันเป็นแบบนี้ไปอีกสามวันฉันว่ามันตายแน่ๆ โอ๊ย! ” ร้องเพราะโดนเตะเข้าให้อย่างจัง

“ปากหรืออะไรฮะที่พูด”

“ก็มันจริงไหมล่ะ ดูสิ หน้าตาอย่างกับคนหมดอะไรตายอยาก ดูๆ ” ก้มหน้ามองเพื่อนผ่านกระจก “มันยังไม่รู้ตัวนะเนี่ยว่าเรากำลังพูดถึงมันอยู่”

“แกก็เรียกสิ”

ก๊อกๆ เพชรเคาะกระจกเรียก “นี่แม่คุณ ถึงวัดแล้วจ้า ลงมาเถอะ” แต่เมวดีก็ยังนิ่งอยู่

“เปิดประตูเรียกเลย เร็วๆ ฉันหนัก”

เพชรรีบเปิดประตู “ถึงแล้ว! ลงมาถือของช่วยหน่อย”

เมวดีสะดุ้งตกใจก่อนจะรีบลงจากรถ “โทษทีฉันคิดอะไรเพลินๆ เลยไม่รู้ว่าถึงแล้ว”

เพชรถอนหายใจ แบบที่หล่อนเป็นอยู่เนี่ย เขาไม่เรียกหน่อยแล้วย่ะ!

“ถือไอ้นี่ใช่ไหม” แย่งถังสังฆทานในมือเพชรมาถือก่อนจะเดินนำลิ่วไปยังศาลา

“เดี๋ยว! แกต้องถือช่วยนังเรย์ นั่นมันของฉัน” แต่เมวดีก็ไม่ฟังยังเดินต่อ “โอ๊ย! ชะนีรอด้วย” รีบวิ่งตาม

“นังแพท! จะวิ่งตามไปทำไม มาถือช่วยฉันสิ”

“แกก็ถือวิ่งตามมาเร็วๆ ” หันมาตอบแล้ววิ่งต่อ

“เจริญแหละเพื่อนฉัน คอยดูนะเวลาทำบุญฉันจะบอกหลวงพ่อว่าฉันขอรับพรคนเดียว”

“บ่นอยู่นั่นแหละ บ่นเป็นยายแก่อยู่ได้ เร็วๆ! ” กวักมือเรียก



วันนี้กันติยาเองก็มาทำบุญกับครอบครัวเช่นกันเพราะอีกไม่กี่วันเธอกับน้องสาวก็ต้องเดินทางไปต่างประเทศ พ่อกับแม่เลยพามาทำบุญก่อนเดินทางเพื่อเป็นสิริมคล

สภาพจิตใจของกันติยาในตอนนี้ก็ค่อนข้างแย่มาก เธอไม่รู้เลยว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี ควรไปอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ธนทัตฟังก่อนเดินทางดีไหม? อย่างน้อยๆ จะได้ไม่มีอะไรค้างคาใจก่อนไปหรือว่าเธอควรจะเงียบให้เวลาเป็นตัวทำให้ทุกๆ คนลืมเรื่องทั้งหมดไปเอง

“พี่กิฟ! ” กุ๊กไก่น้องสาวตะโกนเรียก “เซียมซีใบนี้ดีมากๆ เลย พี่กิฟโชคดีจัง”

“มันบอกว่าไงบ้าง” คนสั่นเซียมซีถามอย่างไร้ความรู้สึก ดวงเธอดีจริงๆ เหรอ ทำไมตอนนี้เธอรู้สึกแย่จัง

“มันบอกว่า ความรักดี สุขภาพดี จะได้โชคจากการเดินทางไกลไปต่างแดน” กุ๊กไก่สรุปย่อๆ ให้พี่สาวฟัง

“เฮ้อ...” กันติยาถอนหายใจ

“อ้าวทำไมล่ะ หรือว่าพี่คริสตัดเยื่อใยพี่อย่างเด็ดขาดแล้ว เฮ้อ...อุส่าห์เอาใจช่วยมาตั้งนาน แต่ไม่แน่นะข้อความที่ใบเซียมซีบอกอาจจะหมายถึงหนุ่มฝรั่งก็ได้นะพี่กิฟ เดี๋ยวกุ๊กจะพาพี่กิฟไปหาแฟนเมืองนอกมาฝากป๊ากับม๊าเอง”

“นี่แน่! หาแฟนเหรอ” เขกกะโหลกน้องสาวตัวดีหนึ่งที

“โอ๊ย...เจ็บนะ”

“เลิกคิดเรื่องแบบนี้ไปเลยนะ เพราะเราเป็นแบบนี้ไงป๊ากับม๊าเลยไม่กล้าปล่อยให้ไปไหนมาไหนคนเดียว”

“ไปเรียนนอกก็ต้องให้พี่กิฟไปเฝ้า ใช่ไหม” ต่อประโยคให้พี่สาว

“ใช่”

กุ๊กไก่หัวเราะร่า “เอาน่าๆ ถือซะว่าไปเที่ยวต่างประเทศกับน้องก็แล้วกัน”

“เฮ้อ...”

“พี่กิฟๆ ใช่พี่คริสป่ะ นั่นน่ะ” ชี้ให้พี่สาวดู

มองตามมือไป “ใช่จริงๆ ด้วย สงสัยมาทำบุญกับครอบครัวมั้ง”

“ไปทักกันเถอะ” จับแขนพี่สาววิ่งตรงไปยังจุดที่กรกฤตยืนอยู่ “พี่คริสสวัสดีค่ะ”

“อ้าว กุ๊กไก่ กิฟ” ฉีกยิ้มให้ “มาทำบุญเหมือนกันเหรอ”

“ใช่ค่ะ พอดีป๊ากับม๊าพามาทำบุญใหญ่ก่อนเดินทางไปเรียนต่อ วันนี้พี่คริสมากับใครเหรอคะ”

“พี่มากับแม่ครับ พอดีท่านคุยกับหลวงพ่ออยู่ข้างบนศาลา พี่เลยลงมารอข้างล่าง”

“อ๋อ...เออใช่! กุ๊กไก่ลืมของไว้ที่รถ เดี๋ยวไปเอาก่อนนะคะ พี่กิฟรออยู่ตรงนี้นะ” กระพริบตาเป็นเชิงบอกแผนการ

กันติยากรอกตาไปมาอยากจะบอกว่า ไม่ต้องทำตัวเป็นแม่สื่อจะได้ไหม!

“กิฟเดินทางวันไหนเหรอ”

“วันจันทร์”

“งั้นก็เหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้วนะสิ”

“อืม...ใช่” ก้มหน้าตอบเสียงเศร้า “เราคงไม่ได้เจอกันอีกนานเลย”

“ไม่เอานา...อย่าทำเสียงแบบนั้นสิ ถึงไม่เจอกันเราก็ยังติดต่อกันได้ไม่ใช่เหรอ โลกปัจจุบันสื่อสารกันง่ายจะตายไป”
พยักหน้ารับ “คริสเคลียร์เรื่องวันนั้นกับพี่เมยยัง”

กรกฤตส่ายหน้าไปมา “ยังเลย ตั้งแต่เกิดเรื่องเรายังไม่ได้ติดต่อพี่เขาด้วยซ้ำ”

“ทำไมคริสใจเย็นแบบนี้ ปล่อยไว้นานๆ พี่เขายิ่งจะเข้าใจเราสองคนผิดนะ”

“กิฟคิดว่าถ้าบอกความจริงไปพี่เขาจะเชื่อเรางั้นเหรอ”

“ของอย่างนี้ไม่ลองก็ไม่รู้ อย่างน้อยๆ คนมีใจให้กันก็ต้องเชื่อใจให้กันบางจริงไหม กิฟไม่อยากให้คริสกับพี่เมยทะเลาะกันเพราะกิฟหรอกนะ มันไม่สบายใจเลย”

“ไม่ต้องห่วงหรอก เราจะหาทางติดต่อพี่เขาแล้วอธิบายความจริงให้ฟังเอง กิฟไม่ควรห่วงเรื่องไร้สาระของเราหรอกนะ ตอนนี้ควรจะเตรียมตัวสำหรับการเดินทางและการเรียนมากกว่า เราขอให้กิฟโชคดี” ยกมือตบไหล่เบาๆ

“ขอบใจนะ”

“หยุดทำไม ยังไม่ถึงเลย” เพชรพูดขึ้นทำให้กรกฤตกับกันติยาหันไปมองตามเสียง เพชรเองก็มองตามสายตาเมวดีไปจนเจอสิ่งที่ทำให้เธอหยุดเดินกะทันหัน “Oops! Sorry” ไม่น่าพูดมาดเลยตู!

“แพทฉันคงไม่มีอารมณ์ไปทำบุญกับแกแล้วแหละ แกไปทำเลยก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันรออยู่ข้างล่าง” ยื่นถังสังฆทานคืนให้เพชรก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง

“พี่เมยรอผมก่อน! ” กรกฤตรีบวิ่งตามไป

“เกิดอะไรขึ้นนังแพท” เรย์ เบลล์ที่พึ่งเดินมาถึงถามด้วยความสงสัย

“จะเกิดอะไรซะอีกล่ะก็เจอโจทย์น่ะสิ” เน้นเสียงหันไปจิกตาใส่กันติยา เมื่อเห็นว่าบรรยากาศไม่ค่อยดีกันติยาก็เลือกที่จะเดินเลี่ยงไปทันที

“ทำไมเหรอแก ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”

“โอ๊ย! แกเคยรู้อะไรบ้างไหมเนี่ย ถามจริงถามจังถาม อยู่นั่นแหละ มาเร็วๆ รีบๆ ไปทำบุญก่อนที่ฉันจะตบะแตกจนไม่ได้บุญ”

“พี่เมยเดี๋ยวก่อน” ดึงแขนเมวดีไว้ทัน “คุยกันก่อน”

“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนาย จะไปไหนก็ไป มากับแฟนไม่ใช่เหรอ ตามฉันมาแบบนี้เดี๋ยวแฟนก็โกรธหรอก”

“ผมกับกิฟเราไม่ได้มาด้วยกัน เราแค่บังเอิญมาเจอกันเท่านั้น อีกอย่างเราก็ไม่ได้เป็นแฟนกันด้วย พี่กำลังเข้าใจผิด”

“เหรอ” สะบัดมือออก “แค่นี้ใช่ไหมเรื่องที่จะพูด” สะบัดหน้าเตรียมเดินหนี

“เดี๋ยวก่อน” เดินไปขวางไว้ “ผมยังมีเรื่องต้องอธิบายอีก”

“เรื่องอะไร”

“เรื่องวันนั้นพี่เข้าใจผิด วันนั้นมันไม่มีอะไรเลย”

“มันไม่มีก็เพราะฉันเข้าไปเจอก่อนไง”

“มันไม่ใช่”

“เลิกพูดเถอะ ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น เอาเป็นว่าฉันเข้าใจว่าผู้ชายเป็นแบบนี้กันหมด”

“ไม่! ผมไม่ได้เป็นแบบผู้ชายพวกนั้น ผมจริงใจกับพี่ พี่เมย...ผมขอโทษเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะนะ”

เมวดีสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไม่ได้เธอห้ามร้องไห้! ห้ามใจอ่อนเด็ดขาด! เจ็บแล้วต้องจำสิ!

“คริสฟังนะ ตอนนี้เมยไม่ได้คิดอะไรกับคริสแล้ว เรื่องของเรามันจบลงแล้ว คริสกลับไปเถอะ ยังไงเราก็คงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้หรอก”

กรกฤตแทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินสิ่งที่ตัวเองกลัว เธอไม่ได้รักเขาแล้ว มีแค่เขา...เขาคนเดียวที่ยังรักเธอ มีแค่เขาคนเดียว...

“ผมเข้าใจแล้ว โอเค โอเค” พยักหน้ารับพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ตนเองร้องไห้ไปมากกว่านี้ “ลาก่อน” เดินแยกออกไปโดยที่ไม่ยอมหันกลับมามองเมวดีอีกเลย

เมวดีมองตามหลังชายหนุ่มไปก่อนจะรีบวิ่งไปอีกทาง เธอวิ่งไปเรื่อยๆ จนถึงศาลาริมน้ำข้างๆ วัด จึงเดินเข้าไปนั่งในศาลาก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างเหลืออด เธอไม่รู้ว่าตัวเองทำถูกไหมที่พูดออกไปแบบนั้นแต่ที่รู้คือเธอไม่อยากโดนหลอกอีกแล้ว เธอโดนหลอกมามากพอแล้ว คำว่า ‘ผมไม่ได้เป็นแบบผู้ชายพวกนั้น’ มันเชื่อได้แค่ไหน เชื่อได้แค่ไหนกัน...

“ทำไม...ทำไมความรักของฉันต้องจบแบบนี้ทุกครั้ง ทำไม”



“เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละ จะให้ฉันเชื่อใจเขาได้ยังไง! ”

เพชรกับเรย์ เบลล์ ได้แต่นั่งอ้าปากมองคนเมาพูดพร่ำเพ้อไม่รู้จักจบ ตอนนี้เวลาก็เกือบจะตีสามแล้วแต่เมวดีก็ยังไม่ยอมกลับห้องพัก โชคดีที่เรย์ เบลล์จองห้องวีไอพีไว้ให้เลยทำให้สามารถนั่งนานแค่ไหนก็ได้แถมยังไม่ต้องกลัวว่าจะมีภาพหลุดออกไปด้วย เพราะก่อนหน้าที่จะพาเมวดีออกมาฉลองความโสดแอนนาก็กำชับนักกำชับหนาว่าห้ามให้มีภาพไม่ดีๆ หลุดออกไปเป็นเด็ดขาด

แหม...พูดเหมือนรู้ทันว่าจะออกมาทำอะไร

“หมดอีกแล้ว! แพทเติมให้หน่อย เดียวเล่าให้ฟังต่อ”

“โอ๊ย! ฉันฟังเรื่องขอองแกมาสามสิบกว่ารอบ ฟังจนสามารถเล่าแทนแกได้เป็นฉากๆ แล้วเนี่ย ฉันเบื่อมากตอนนี้ ง่วงด้วย เลิกกินแล้วไปนอนกันเถอะ”

“แกจะเบื่อฉันไม่ได้นะ แกเป็นเพื่อนฉัน...ก็ต้องเข้าใจฉันสิ”

“ไอ้เข้าใจก็เข้าใจแต่เรื่องที่แกเล่าฉันฟังจนเบื่อแล้วไง”

“แกพูดว่าเบื่ออีกแล้ว ฮือ! ” อยู่ดีๆ ก็ร้องไห้

“ไม่เบื่อๆ อย่าร้องๆ ” โอ๊ยตูเซ็ง!

“น่ารักที่สุดเลย” กอดเพื่อนไว้แน่น “ผู้ชายไว้ใจไม่ได้สักคน ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะแต่งงานกันแก จะได้ไม่โดนหลอกอีก”

“ว๊าย! จะบ้าเหรอ ใครจะแต่งกับแก”

“ก็แกไง เราเป็นคู่หมั่นกันนะ จำไม่ได้เหรอ”

“นังบ้า! เหล้ามันไปทำให้สมองแกตีบเหรอไงถึงได้พูดอะไรปัญญาอ่อนแบบนี้ ฉันเป็นกระเทย! กระ-เทย” ลากเสียงให้ฟังชัดๆ

“กระเทยมันไม่ใช่ผู้ชายหรือไงเล่า นะแพทนะ เราแต่งงานกันเถอะ โลกนี้คงไม่มีผู้ชายดีๆ ให้ฉันแต่งงานด้วยแล้วแหละ”

“ฮ่าๆ ”

“นังเรย์ แกจะขำอะไร แล้วเนี่ยจะถ่ายวีดีโอไปทำไมฮะ”

“ก็เอาไว้ให้มันดูไงว่าตอนมันเมาเป็นสภาพแบบไหน แถมยังได้ตอนสำคัญซะด้วย ชะนีขอกระเทยแต่งงาน ฮ่าๆๆ ”

“หุบปากแล้วมาช่วยฉันหามมันขึ้นห้อง! นังเมยเนี่ยก็เหมือนกันฉันต้องมีผัวเท่านั้นย่ะ รู้จักไหม ผอสระอัว ผัว”

“หืม...” คนเมาที่กึ่งหลับกึ่งตื่นส่งเสียงในลำคอเชิงรำคาญ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่