ผมขอไม่เอ่ยนามธนาคารที่หวังแต่ผลประโยชน์ แต่ขอเรียกว่าธนาคารสีเขียว อยากแชร์ให้สมาชิกทราบและเพื่อมีสมาชิกท่านใดพอให้คำแนะนำได้
ผมเป็นลูกค้าธนาคารสีเขียว ได้ดำเนินธุรกรรมทางการเงิน เรื่องการขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่ดินและปลูกสร้างที่อยู่อาศัย ทางธนาคารมีผลอนุมัติตามปกติ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2555 มีรายละเอียดในการเบิกจ่ายเงิน แบ่งเป็น 12 งวดงาน และจากนั้นผมก็ได้เริ่มดำเนินการหาผู้รับเหมาและก่อสร้าง ภายใต้เงื่อนไขสัญญาของทางธนาคาร ในการเบิกจ่ายเงินตั้งแต่งวดงานที่ 1 – 7 ก็ได้รับการอนุมัติเงินโดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และได้ดำเนินการก่อสร้างเรื่อยมา จนมาถึงการขอเบิกงวดงานที่ 8 ซึ่งในการอนุมัติเงินงวดนี้ มีเงื่อนไขที่ต้องให้ทางบริษัทประเมิน เข้ามาตรวจสอบการก่อสร้าง โดยได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา ในการตรวจสอบก็ผ่านไปด้วยดี และตามปกติจะได้รับการอนุมัติเงินหลังจากนั้นภายใน 1-2 วัน แต่ระยะเวลาผ่านไป 1 เดือนกว่า ทางธนาคารสีเขียว ก็ไม่อนุมัติการจ่ายเงินในงวดที่ 8 โดยอ้างว่าห้องน้ำเราผิดไปจากแบบแปลนเดิม มีมากเกินความจำเป็นที่จะเป็นที่อยู่อาศัย ผมก็ได้ชี้แจ้งไปว่าไม่ได้ก่อสร้างผิดจากแบบแปลนที่ยื่นธนาคาร มีแค่การกั้นห้องน้ำแยกเป็นส่วนแห้งและส่วนเปียกเท่านั้นเอง
เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2558 ทางธนาคารสีเขียวได้ให้เจ้าหน้าที่ระดับสูง (เขต Housing และ SME ) เข้ามาตรวจสอบ ณ สถานที่ก่อสร้าง โดยทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงตรวจสอบแล้ว ก็ยืนยันว่าการก่อสร้างเป็นไปตามแบบแปลนที่ขออนุญาต ส่วนห้องน้ำที่กั้นนั้นก็ไม่ได้ผิดอะไร และให้ทางผมจัดทำหนังสือยืนยันวัตถุประสงค์การใช้งานและเอกสารต่างๆที่ผมทำการขออนุญาติจากการไฟฟ้า ส่งให้ทางธนาคารสีเขียว ส่วนทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงจะรายงานเรื่องนี้ให้กับทางธนาคารสีเขียว สำนักงานใหญ่ทราบ แต่ผลที่ออกมา คือ ธนาคารสีเขียวแจ้งว่า ยังยืนยันที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเป็น SME โดยลูกค้าต้องยอมรับสภาพดังกล่าวเท่านั้น จึงจะได้รับการอนุมัติเงินจากทางธนาคาร
ซึ่งพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ทางธนาคารต้องการจะปรับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจาก Housing เป็น SME ให้ได้โดยไม่มีการรับฟังวัตถุประสงค์ของลูกค้าเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่ผมก็ทำการก่อสร้างตามแบบแปลนที่ทางธนาคารอนุมัติวงเงิน และไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างเพื่อที่อยู่อาศัย แต่อย่างใด อีกทั้งขั้นตอนการขออนุมัติวงเงินสินเชื่อในครั้งนี้ เป็นไปเพื่อการก่อสร้างสำหรับที่อยู่อาศัยตั้งแต่แรก ซึ่งตามกระบวนการ ก่อนที่จะมีการอนุมัติสินเชื่อ ทางธนาคารน่าจะมีการตรวจสอบแบบแปลนการก่อสร้าง รวมถึงรายละเอียดต่างๆอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว จึงทำการอนุมัติวงเงินสินเชื่อนี้ออกมา แต่ ณ ตอนนี้ เหตุใดทางธนาคาร จึงคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ของทางธนาคาร โดยการผลักภาระดอกเบี้ยให้กับลูกค้า คือ มีความพยายามในการผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยจาก Housing เป็น SME กลางคัน โดยกล่าวหาว่าทางผม ปรับเปลี่ยนแบบแปลน เปลี่ยนวัตถุประสงค์การใช้อาคารไปเป็น SME โดยไม่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เจรจาหารือถึงรายละเอียด และไม่คำนึงถึงลูกค้าว่าสามารถผ่อนชำระได้หรือไม่
ซึ่งหากเงื่อนไขการขอสินเชื่อของผม ไม่ผ่านตามเงื่อนไขการอนุมัติในรูปแบบ Housing ตั้งแต่แรก มีผลให้ไม่ได้รับการอนุมัติวงเงินสินเชื่อนี้ ผมก็สามารถเข้าใจและยอมรับได้ตั้งแต่แรก นั่นคือ จะไม่เกิดธุรกรรมสัญญาการกู้เงินระหว่างผมกับทางธนาคารสีเขียว อย่างแน่นอน หรือหากธนาคารพิจารณาตัดสินและแจ้งกับผมตั้งแต่แรกว่า ไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อในรูปแบบ Housing ได้ ต้องทำในรูปแบบ SME เท่านั้น ก็แน่นอนว่า ธุรกรรมสัญญาการกู้เงินนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นเช่นกัน เพราะผมไม่ต้องการขอสินเชื่อเพื่อการขยายธุรกิจ SME โดยปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นนี้ ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของผมเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากต้องมีการสำรองจ่ายเงินค่าการก่อสร้าง อีกทั้งยังส่งผล ให้การก่อสร้างเกิดความล่าช้าอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ผมจึงอยากที่จะแชร์ให้เพื่อนสมาชิกทราบถึงการที่ธนาคารสีเขียว คิดเอาแต่ผลประโยชน์ของธนาคารเป็นหลักโดยไม่คิดถึงหัวอกของลูกค้าเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการที่จะปรับโครงสร้างหนี้ในครั้งนี้
ธนาคารสีเขียว เห็นแก่ผลกำไร
ผมเป็นลูกค้าธนาคารสีเขียว ได้ดำเนินธุรกรรมทางการเงิน เรื่องการขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่ดินและปลูกสร้างที่อยู่อาศัย ทางธนาคารมีผลอนุมัติตามปกติ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2555 มีรายละเอียดในการเบิกจ่ายเงิน แบ่งเป็น 12 งวดงาน และจากนั้นผมก็ได้เริ่มดำเนินการหาผู้รับเหมาและก่อสร้าง ภายใต้เงื่อนไขสัญญาของทางธนาคาร ในการเบิกจ่ายเงินตั้งแต่งวดงานที่ 1 – 7 ก็ได้รับการอนุมัติเงินโดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และได้ดำเนินการก่อสร้างเรื่อยมา จนมาถึงการขอเบิกงวดงานที่ 8 ซึ่งในการอนุมัติเงินงวดนี้ มีเงื่อนไขที่ต้องให้ทางบริษัทประเมิน เข้ามาตรวจสอบการก่อสร้าง โดยได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา ในการตรวจสอบก็ผ่านไปด้วยดี และตามปกติจะได้รับการอนุมัติเงินหลังจากนั้นภายใน 1-2 วัน แต่ระยะเวลาผ่านไป 1 เดือนกว่า ทางธนาคารสีเขียว ก็ไม่อนุมัติการจ่ายเงินในงวดที่ 8 โดยอ้างว่าห้องน้ำเราผิดไปจากแบบแปลนเดิม มีมากเกินความจำเป็นที่จะเป็นที่อยู่อาศัย ผมก็ได้ชี้แจ้งไปว่าไม่ได้ก่อสร้างผิดจากแบบแปลนที่ยื่นธนาคาร มีแค่การกั้นห้องน้ำแยกเป็นส่วนแห้งและส่วนเปียกเท่านั้นเอง
เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2558 ทางธนาคารสีเขียวได้ให้เจ้าหน้าที่ระดับสูง (เขต Housing และ SME ) เข้ามาตรวจสอบ ณ สถานที่ก่อสร้าง โดยทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงตรวจสอบแล้ว ก็ยืนยันว่าการก่อสร้างเป็นไปตามแบบแปลนที่ขออนุญาต ส่วนห้องน้ำที่กั้นนั้นก็ไม่ได้ผิดอะไร และให้ทางผมจัดทำหนังสือยืนยันวัตถุประสงค์การใช้งานและเอกสารต่างๆที่ผมทำการขออนุญาติจากการไฟฟ้า ส่งให้ทางธนาคารสีเขียว ส่วนทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงจะรายงานเรื่องนี้ให้กับทางธนาคารสีเขียว สำนักงานใหญ่ทราบ แต่ผลที่ออกมา คือ ธนาคารสีเขียวแจ้งว่า ยังยืนยันที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเป็น SME โดยลูกค้าต้องยอมรับสภาพดังกล่าวเท่านั้น จึงจะได้รับการอนุมัติเงินจากทางธนาคาร
ซึ่งพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ทางธนาคารต้องการจะปรับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจาก Housing เป็น SME ให้ได้โดยไม่มีการรับฟังวัตถุประสงค์ของลูกค้าเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่ผมก็ทำการก่อสร้างตามแบบแปลนที่ทางธนาคารอนุมัติวงเงิน และไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างเพื่อที่อยู่อาศัย แต่อย่างใด อีกทั้งขั้นตอนการขออนุมัติวงเงินสินเชื่อในครั้งนี้ เป็นไปเพื่อการก่อสร้างสำหรับที่อยู่อาศัยตั้งแต่แรก ซึ่งตามกระบวนการ ก่อนที่จะมีการอนุมัติสินเชื่อ ทางธนาคารน่าจะมีการตรวจสอบแบบแปลนการก่อสร้าง รวมถึงรายละเอียดต่างๆอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว จึงทำการอนุมัติวงเงินสินเชื่อนี้ออกมา แต่ ณ ตอนนี้ เหตุใดทางธนาคาร จึงคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ของทางธนาคาร โดยการผลักภาระดอกเบี้ยให้กับลูกค้า คือ มีความพยายามในการผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยจาก Housing เป็น SME กลางคัน โดยกล่าวหาว่าทางผม ปรับเปลี่ยนแบบแปลน เปลี่ยนวัตถุประสงค์การใช้อาคารไปเป็น SME โดยไม่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เจรจาหารือถึงรายละเอียด และไม่คำนึงถึงลูกค้าว่าสามารถผ่อนชำระได้หรือไม่
ซึ่งหากเงื่อนไขการขอสินเชื่อของผม ไม่ผ่านตามเงื่อนไขการอนุมัติในรูปแบบ Housing ตั้งแต่แรก มีผลให้ไม่ได้รับการอนุมัติวงเงินสินเชื่อนี้ ผมก็สามารถเข้าใจและยอมรับได้ตั้งแต่แรก นั่นคือ จะไม่เกิดธุรกรรมสัญญาการกู้เงินระหว่างผมกับทางธนาคารสีเขียว อย่างแน่นอน หรือหากธนาคารพิจารณาตัดสินและแจ้งกับผมตั้งแต่แรกว่า ไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อในรูปแบบ Housing ได้ ต้องทำในรูปแบบ SME เท่านั้น ก็แน่นอนว่า ธุรกรรมสัญญาการกู้เงินนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นเช่นกัน เพราะผมไม่ต้องการขอสินเชื่อเพื่อการขยายธุรกิจ SME โดยปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นนี้ ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของผมเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากต้องมีการสำรองจ่ายเงินค่าการก่อสร้าง อีกทั้งยังส่งผล ให้การก่อสร้างเกิดความล่าช้าอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ผมจึงอยากที่จะแชร์ให้เพื่อนสมาชิกทราบถึงการที่ธนาคารสีเขียว คิดเอาแต่ผลประโยชน์ของธนาคารเป็นหลักโดยไม่คิดถึงหัวอกของลูกค้าเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการที่จะปรับโครงสร้างหนี้ในครั้งนี้