เป็นความคิดเห็นของตนเอง หากท่านใดต้องการแลกเปลี่ยนความเห็นขอเชิญครับ
รูปแบบใหญ่ๆของการปฏิบัติในศาสนาพุทธมีด้วยกันสองแบบคือการทำสมาธิแล้วเอากำลังสมาธิมาพิจารณาร่างกายตนเอง
ตามแบบวัดป่า ซึ่งการปฏิบัติแนวนี้ต้องทำสมาธิจนจิตสงบและมีกำลังสมถะพอสมควร จากนั้นถอนคลายจากสมาธิมาพิจารณา
ร่างกายตนเองให้เห็นว่ามีความไม่เที่ยงอย่างไร แรกๆให้พิจารณาการเกิดในวัยเด็กแล้วเสื่อมถอยจนตายอย่างไร การปฏิบัติแนวนี้
จะดูว่าได้ผลหรือไม่ ดูจากอาการของจิตหลังจากการพิจารณาว่า จิตเกิดความรู้สึกในการปลงปล่อยวางต่อร่างกายตนอย่างไร
หากมีความรู้สึกมาก หมายความถึงได้ผลมาก หากรู้สึกน้อยหมายความว่าได้ผลน้อยไปด้วย วิธีการปฏิบัติแนวนี้ มีความจำเป็น
ต้องใช้กำลังสมาธิและเป็นวิธีการที่รุดหน้า เห็นผลเร็ว รวมทั้งจิตสามารถหาความสุขจากสมาธิได้ด้วย แต่การทำสมาธิไม่สามารถ
ทำได้ทุกคน มีเพียงบางคนเท่านั้น ดังนั้นหากท่านที่ต้องการพ้นทุกข์ แต่ทำสมาธิไม่ได้ จึงควรปฏิบัติแนวเจริญสติ จึงสมควรกว่า
อนึ่งสายนี้ หากบางท่านสามารถทำสมาธิได้สูง ขั้นตอนต่างๆอาจจะทะลุผ่านไปโดยเร็ว เช่นผ่านกายเข้าไปเห็นจิตตนเองลอยเด่น
เลยก็เป็นไปได้
แนวเจริญสติ ( ยุบหนอ ,หลวงพ่อเทียน, ) เป็นการใช้ความรู้สึกจับที่ร่างกาย จับการเคลื่อนไหวของกายตนในทุกอริยาบท สติตนเอง
จะค่อยๆพัฒนาขึ้น จะค่อยมีความรู้สึกว่าร่างกายตนเองไม่เที่ยง ไม่สมควรยึดถือ และจิตจะถอยห่างร่างกายตนเองไปอยู่กับจิตตนเอง
มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วต่อไปจะเริ่มรู้สึกและรู้ทันจิตใจตนเอง ว่ามีสุขทุกข์อย่างไร ซึ่งมีสายปฏิบัติแนวทำความรู้สึกตัว เข้าไปในขั้นตอนนี้ก็มี
ซึ่งหากท่านที่ปฏิบัติแนวทำความรู้สึกตัว รู้สึกตัวว่าอาจจะทำไม่ได้เท่าใดนัก จะถอยกลับมาเจริญสติก่อนก็ได้ สำหรับแนวทางเจริญสตินี้
อาศัยความเพียร,ความศรัทธามาหล่อเลี้ยงกว่าทางอื่น เพราะค่อยเป็นค่อยไป จะหาความสุขจากสมาธิก็ไม่ได้
โปรดพิจารณา
การทำสมาธิหรือการเจริญสติในศาสนาพุทธ
รูปแบบใหญ่ๆของการปฏิบัติในศาสนาพุทธมีด้วยกันสองแบบคือการทำสมาธิแล้วเอากำลังสมาธิมาพิจารณาร่างกายตนเอง
ตามแบบวัดป่า ซึ่งการปฏิบัติแนวนี้ต้องทำสมาธิจนจิตสงบและมีกำลังสมถะพอสมควร จากนั้นถอนคลายจากสมาธิมาพิจารณา
ร่างกายตนเองให้เห็นว่ามีความไม่เที่ยงอย่างไร แรกๆให้พิจารณาการเกิดในวัยเด็กแล้วเสื่อมถอยจนตายอย่างไร การปฏิบัติแนวนี้
จะดูว่าได้ผลหรือไม่ ดูจากอาการของจิตหลังจากการพิจารณาว่า จิตเกิดความรู้สึกในการปลงปล่อยวางต่อร่างกายตนอย่างไร
หากมีความรู้สึกมาก หมายความถึงได้ผลมาก หากรู้สึกน้อยหมายความว่าได้ผลน้อยไปด้วย วิธีการปฏิบัติแนวนี้ มีความจำเป็น
ต้องใช้กำลังสมาธิและเป็นวิธีการที่รุดหน้า เห็นผลเร็ว รวมทั้งจิตสามารถหาความสุขจากสมาธิได้ด้วย แต่การทำสมาธิไม่สามารถ
ทำได้ทุกคน มีเพียงบางคนเท่านั้น ดังนั้นหากท่านที่ต้องการพ้นทุกข์ แต่ทำสมาธิไม่ได้ จึงควรปฏิบัติแนวเจริญสติ จึงสมควรกว่า
อนึ่งสายนี้ หากบางท่านสามารถทำสมาธิได้สูง ขั้นตอนต่างๆอาจจะทะลุผ่านไปโดยเร็ว เช่นผ่านกายเข้าไปเห็นจิตตนเองลอยเด่น
เลยก็เป็นไปได้
แนวเจริญสติ ( ยุบหนอ ,หลวงพ่อเทียน, ) เป็นการใช้ความรู้สึกจับที่ร่างกาย จับการเคลื่อนไหวของกายตนในทุกอริยาบท สติตนเอง
จะค่อยๆพัฒนาขึ้น จะค่อยมีความรู้สึกว่าร่างกายตนเองไม่เที่ยง ไม่สมควรยึดถือ และจิตจะถอยห่างร่างกายตนเองไปอยู่กับจิตตนเอง
มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วต่อไปจะเริ่มรู้สึกและรู้ทันจิตใจตนเอง ว่ามีสุขทุกข์อย่างไร ซึ่งมีสายปฏิบัติแนวทำความรู้สึกตัว เข้าไปในขั้นตอนนี้ก็มี
ซึ่งหากท่านที่ปฏิบัติแนวทำความรู้สึกตัว รู้สึกตัวว่าอาจจะทำไม่ได้เท่าใดนัก จะถอยกลับมาเจริญสติก่อนก็ได้ สำหรับแนวทางเจริญสตินี้
อาศัยความเพียร,ความศรัทธามาหล่อเลี้ยงกว่าทางอื่น เพราะค่อยเป็นค่อยไป จะหาความสุขจากสมาธิก็ไม่ได้
โปรดพิจารณา