เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราประสบมานานพอสมควรแล้ว ครึ้มอกครึ้มใจเลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์ เพราะเราเห็นหลายคนที่มีพฤติกรรมเดียวกับเราเลยอยากจะเล่าไว้ให้เป็นอุทาโบล๋วววววววว วววว ว
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 57 เรากับแม่ไปที่ห้างแห่งหนึ่ง เพื่อไปซื้อของกันที่ซุปเปอร์สีเหลืองในห้างนั้น ได้น้ำมันมา 2 ขวด - -“ 
แล้วต้นเหตุมันก็เริ่มจากตรงนี้หล่ะ ต้องบอกก่อนเลยว่าเราเป็นคนนิสัยง่ายๆ คือไม่ค่อยชอบพกกระเป๋า ไม่ว่าอะไรก็มักจะชอบเสียบไว้ไม่กระเป๋ากางเกงหน้าก็หลัง แม้แต่แบงค์ก็ยัดๆ เข้าไป แล้ววันนั้นเราก็ไม่รู้อะไรดลใจเราให้ถือถุงขวดน้ำมันนั้น ทั้งๆ ที่ตะกร้าหน้ารถก็ไม่ได้ตั้งอะไรไว้เลย ปกติถ้าซื้อของเยอะแล้วตั้งไม่พอเราก็จะถือของให้แม่ แต่นี่เราดันไปถือขวดน้ำมัน (โหย ไม่ปกติสินะ!) แล้วมือถือเครื่องโตที่เพิ่งถอยมาได้เดือนนึงหล่ะ ((เห่อ นางมากๆ คร่า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยใช้มือถือหะรูหะราแบบนี้เลย แถมยังไม่ทันได้ผ่อนงวดแรกเลย บ้าจริง!)) เราดันไปเสียบไว้ด้านหลังกระเป๋ากางเกง! 
บ้านเราไม่ไกลจากห้างแห่งนั้น เราเลยไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่าไม่เป็นไรใกล้บ้าน เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว (เฮ้ยยย เพราะคำว่าไม่เป็นไรนี่แหล่ะ ถึงได้เป็นไร อยากจิกหัวตัวเองจริงๆ!!) เราก็นั่งซ้อนท้ายแม่เรา ซึ่งดรีมคันเก่านางก็เต่าคลานไม่ค่อยมีแรง ระหว่างทางก็เม้าส์มอยฝอยขัดหม้อกับแม่อย่างเมามัน ทันใดนั้นเอง 
พรึ่บ! เรารู้สึกตัวแทบจะในทันที รู้เลยมีมือมืดดึงมือถือไปจากด้านหลัง เราหันควับ แล้วตีแม่ บอก “ม๊าๆๆๆๆๆๆๆ หยุดๆๆ รถ จอดๆๆๆ มันเอามือถือไปแล้ว” แม่ได้ยินไม่ชัด ยังขับต่อไปช้าๆ - - เรากระโดดลงจากรถ วิ่งตามไป (มือยังถือถุงน้ำมันอยู่) ด้วยความตกใจ แต่วิ่งตามไปพยายามจะจำป้ายทะเบียนมัน แต่ว่ามันเร็วมากๆๆ 
แล้วมันก็หายวับไปกับตา เราวิ่งไปจะตะโกนก็ตะโกนไม่ออก จุกอยู่ในคอหมด (เพราะในใจคิดแล้วว่าไปพ้นแล้วหล่ะ) เรายืนหอบอยู่ตรงหัวมุมถนน มีป้าสองคนที่ขับรถตามมาแล้วเห็นเหตุการณ์ ป้าแกมาก็บอกว่า เห็นไอ้สองตัวนี้มันตามมาจากหลังห้างแล้วหล่ะ สักแปปนึงแม่เราก็วนมาเราเลยให้แม่วนรถไปดักเส้นที่ตัดไปอีกเส้น แต่ก็ไร้ร่องรอย (แม่เราบอกว่าได้ยินว่าเราตะโกนว่า จอดๆๆๆ รถชนหมาๆๆ เอิ่ม...ไม่เกี่ยวเลยจ้า 555)
แล้วเราก็กลับมาที่บ้าน ตอนนั้นน่าจะประมาณสัก ทุ่มนึงได้ แม่เรากับเราก็พยายามโทรไปที่เครื่องของเรา ติด แต่สักพักก็โทรไม่ติดแล้ว มันคงถอดซิมทิ้งไปแล้ว เราเลยโทรไปคอลเซ็นเตอร์ 1-2 call เค้าก็ระงับสัญญาณให้เราเรียบร้อย แล้วเราก็เปลี่ยนพาสทุกอย่างที่เรานึกออก เปลี่ยนใหม่หมด 
ประมาณสองทุ่ม เราก็ให้ลุงเรามารับพาไปโรงพัก ไปแจ้งความ พอไปถึงโรงพัก ปรากฏว่า ตำรวจนายคนที่อยู่เวรไม่อยู่ อีกคนรับเลยเรื่องแทน (อย่าเพิ่งทำหน้าเหนื่อยสิคะ นู๋ยังไม่ได้แจ้งความเลยนะคะ) ตำรวจก็ซักถามข้อมูล เราก็แจ้งไปตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มีสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกแย่กว่ามือถือหายซะอีก ก็คือว่านายตำรวจคนนั้นพูดว่า “ตำรวจก็แค่คนธรรมดาจะไปหาเจอได้ไง เทคโนโลยีก็ยังไม่พัฒนา ยังไงก็คงไม่ได้คืน” (คือเค้าพูดประมาณนี้แหล่ะมั้ง เราก็ลืมๆ ไปละ) คือเราเข้าใจที่เขาพูด แต่ประเด็นคือช่วยพูดเหมือนทำอะไรให้ดีขึ้นบ้างจะได้ไหม พูดเหมือนจะไม่ทำอะไรเลย (เอ๊ะ หรือไม่ทำจริง 

 ก็ไม่รู้สินะ) แล้วเราก็ได้ใบแจ้งความเป็นเศษกระดาษชิ้นเล็กๆ น่ารักๆ มา เราก็เก็บเอาไว้
คืนนั้น เรากลับบ้านมาด้วยความรู้สึกหดหู่ เสียใจ โกรธตัวเอง ทั้งเจ็บแค้น อยากเอามือถือตีหัวไปโจรบ้านั่น หลายสิ่งอย่าง (ก็ตังกว่าจะได้มานี่ แถมยังต้องผ่อนต่อไปอีก เจ็บใจสุดๆเลย) เราเลยเข้าใจกับคำว่าเจ้าทุกข์ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
เช้าวันต่อมา เราก็วุ่นวายใจมาก เลยลาสายที่ทำงาน แล้วให้แม่พาไปสถานที่เกิดเหตุ ไปดูว่ากล้องวงจรมีตรงไหนบ้าง ปรากฏว่าถนนเส้นนั้นทั้งสาย เต็มไปด้วยกล้องวงจรปิด พระเจ้า เรามีความหวังขึ้นมา ไล่ถามไปตั้งแต่หัวมุมถนน (ซึ่งเค้าก็ปฏิเสธที่จะให้ดู ทำไหมกันนะ หรือกระดาษชิ้นเล็กของเราไม่มีความหมาย T^T)
เราก็เห็นกล้อง cctv ของเทศบาล หูวววว ต้องได้เรื่องแน่ๆ เราเลยไปที่เทศบาล หลังจากสอบถามเจ้าหน้าที่ก็ได้ความว่า เป็นกล้องตัวใหม่ที่ติดอยู่ในเมือง ต้องไปที่สำนักงานอีกที่ เราก็วนรถกลับมาในเมืองอีกที่พอติดต่อเจ้าหน้าที่ ได้ความว่ากล้องนั้นยังไม่เสร็จสิ้น (ติดไว้เฉยๆ ว่างั้น เห้ย! นั่นมันติดไว้เฉยๆ นานเกิลไปแล้วนะเว้ยเห้ย!)
แต่แล้วใจเราก็ชื้นขึ้นมา เมื่อจุดที่เราโดนฉกมือถือไปนั้นเป็นร้านๆ หนึ่งซึ่งหันกล้องวงจรปิดมาหน้าร้าน แล้วเจ้าของร้านทั้งสองคนก็ใจดีมากๆ ค่ะ ช่วยเหลือ จนได้ภาพคนร้ายมา แต่กล้องเจ้ากรรมก็ดันเห็นไม่ชัด เพราะเป็นเวลาโพล้เพล้เลยเห็นเป็นแสงสะท้อนไปหมด แต่เราก็ได้แผ่นไรท์เป็นคลิปมา (ต้องขอขอบคุณมากๆ มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ) 
เย็นวันนั้นเราแวะไปอีกที่นึงเป็นอพาร์ทเม้นใหญ่หลังห้าง (ที่นี่เราเสียความรู้สึกมาก ทำให้เราเสียเวลา) เราไปตอนเย็นเค้าบอกเจ้าหน้าที่ไม่อยู่ ให้มาตอนเช้า พอมาตอนเช้า ให้รออยู่พักใหญ่แล้วถึงมาบอกว่าดูไม่ได้ แม้ว่าเราจะบอกว่าเรารู้เวลาที่จะขอดูชัดเจน ยื่นกระดาษชิ้นน้อย(ใบแจ้งความ) เค้าก็บอกไม่ได้ ปฏิเสธไม่ให้ดูอย่างเดียวเลย เราเลยไปหาที่ห้างต่อ คืนนั้นเราหาโปรแกรมต่างๆ นาๆ ที่จะมาตัดแสง เสิร์จมั่วตั้ว ลองปรับโฟโต้ช้อปบ้าง โหลดโปรแกรมอะไรไม่รู้มาบ้าง ลองทำดูแต่ก็เหลว เศร้าเลย
วันถัดมาเราก็ไปที่ห้าง เราไปประจำ ยามจำได้เลยพาไปพบเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็ดีมาก เลยได้รูปที่แคปมาเหมือนจะชัด แต่ไม่ชัด - - เราไรท์ทุกอย่างใส่แผ่น แล้วเอาไปให้เจ้าหน้าที่เจ้าของเรื่องเราที่โรงพัก พอไปถึงเค้าก็ไม่อยู่แล้วเลยถามคนในนั้น เค้าก็ให้เราไปฝากเรื่อง(แผ่น) กับหน่วยๆ หนึ่งในนั้นไว้ แต่ก็โดนปัดออกมา มีพี่ตำรวจคนนึงเค้าแลดูใจดีมาก พี่เค้าบอกจะรับฝากแผ่นไว้ให้ 
หลังเลิกงานวันเดียวกัน เราก็ไปรีบไปที่ศูนย์เอไอเอส พร้อมกระดาษแผ่นน้อย ติดต่อฝ่ายกฎหมาย ปรากฏว่ามันใช้ไม่ได้ค่ะ เศษกระดาษนั้นมันไม่ใช่ใบแจ้งความค่ะ เอ้า กรรม เช้าวันถัดมาเราเลยกลับไปที่โรงพัก พอไปติดต่อเรื่องขอใบแจ้งความใบใหม่ และยังต้องวิ่งไปวิ่งมาเพราะเจ้าหน้าที่บอกให้ไปหาเจ้าหน้าที่คนนั้น คนนี้ คนโน้น วิ่งพล่านทั่วโรงพัก แล้วก็ได้รับปฏิกิริยาที่ทำให้เรารู้สึกลบๆๆๆ ก็ซึ้งเลยค่ะ แถมโดนลุงแก่ๆ คนเดียวกันกับที่เขียนกระดาษใบน้อยให้ในตอนแรกว่ามา ทำไมไม่ขอตั้งแต่วันแรกๆ นู่นนี่นั่น บลาๆๆ แล้วเราหล่ะยอมที่ไหน “ก็ลุงนั่นแหล่ะ ที่เขียนให้นู๋! แล้วนู๋จะไปรู้ไหมว่าไอ้ที่ลุงเขียนให้นั้นมันเป็นใบชั่วคราว! แล้วทำไมลุงไม่เขียนใบจริงให้นู๋หล่ะ!” สุดเสียงเลยค่ะ คือเหนื่อยค่ะ มาเจอแบบนี้มีขึ้นค่ะ ลุงตำรวจแกก็ทำเนียนๆ เออ จริงด้วย (เห็นลายมือตัวเองแล้วอึ้งสิลุง เห้อ)
กลับไปที่ศูนย์อีกครั้ง ไปถึงยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ ก็พบว่าเอกสารไม่ครบ อ่าว อะไรอีกหล่ะทีนี้ ปรากฏว่า ต้องมีเอกสารตราครุฑด้วย แล้วก็อะไรอีกใบนี่แหล่ะค่ะ เอ๊ะนี่มันอะไรกัน ตำรวจไม่เคยรับเรื่องมือถือหายแล้วขอใบแจ้งความกับเอกสารสำคัญไปยื่นกับศูนย์เครือข่ายมือถือหรือยังไง เลขอีม่งอีมี่ก็ไม่ถงไม่ถาม ไอเราก็เพิ่งโดนครั้งแรก ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเล้ยยย เราเลยถอดใจยอมแพ้ ซึ่งก่อนหน้านั้นเราก็ได้ส่งเรื่องไปที่ศูนย์มือถือไว้เบื้องต้นแล้ว เราก็ทำใจว่าไม่ได้คืนแล้วหล่ะ
หลังจากนั้นมา เราก็กลายเป็นพวกหลอนๆ ประเภทว่าเดินไม่เป็นสุข หวาบๆ (ภาษาใต้: หวาดระแวง) อยู่ตลอดเวลา จ้องมองคนด้วยสายตาแปลกๆ โดยเฉพาะผช.ที่ลักษณะคล้ายไอ้โจรสองตัวนั้น (เรารู้ตัวเลย) เดี๋ยวๆ หันหลัง นั่งซ้อนท้ายก็หันดู 360 องศาตลอดเวลา (บ้าไปแล้ว) แต่พฤติกรรมนั้นก็เปลี่ยนกลับมาคือน้อยลงและตามความสมควรขึ้นในเวลาต่อมา 
เค้าว่า เบญจเพศ อ่ะ มือถือเครื่องนั้นเราซื้อฉลองครบ 25 ปี ผ่านวันเกิดไปเดือนนึงโดนเข้าเลย (อาจจะจริง) เรื่องนี้ทำให้เรากับแม่เราเวลาไปที่ไหนแล้วเห็นคนเอามือถือ/กระเป๋าตังเหน็บไว้กระเป๋าหลังกางเกงมักจะไปเตือนเขา กลัวก็กลัวว่าเขาจะหาว่าเราบ้ารึป่าว แต่ถ้าไม่เจอกับตัวก็คงไม่รู้สึก ดังนั้นเราเลยอยากจะแชร์เรื่องนี้
เราบอกกับตัวเองนะว่าไม่ว่าจะทำอะไร เราจะต้องมีสติแล้วก็ระมัดระวังมากขึ้น เพราะสมัยนี้มีคนที่จ้องเอาเปรียบคนอื่นจากความเผลอเรออยู่ตลอดเวลา ไม่มีที่ไหนปลอดภัย ดังนั้นเราจะต้องดูแลตัวเองและทรัพย์สินตัวเองอย่างรอบคอบ
ขอบคุณที่อ่านจนมาถึงตรงนี้ค่ะ แล้วก็สำหรับคนที่ชอบสะพายกระเป๋ายาวๆ หรือตั้งกระเป๋าไว้ที่ตั้งขา(รถออโตเมติก) ควรระวังมากๆ ด้วย เคสแบบนี้ก็เยอะ (คุณตำรวจเล่าให้ฟัง) ระวังนะคะคุณผู้หญิงที่สะพายกระเป๋า ให้เอามาไว้ที่ระหว่างขา อย่าสะพายข้าง เพราะง่ายต่อการถูกกระชากกระเป๋าและถีบรถล้ม หลายรายเสียชีวิตเพราะโจรกระจอกพวกนี้ หลายรายโชคดีแค่บาดเจ็บเล็กน้อย แต่จะโชคดีกว่าค่ะ ถ้ารอดพ้นพวกเปรตพวกนั้น(ขออนุญาตหยาบคายนะคะ)
Take care of your self นะคะ
แปะลิงค์ไว้ เผื่อใครอยากดูรูปค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.upload-thai.com/dl/38117f999060f5f1302f031aa48c1b01																															 
						
สวมบทเป็นโคนัน ตามหาโทรศัพท์มือถือที่โดนฉกไปต่อหน้าต่อตา!
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 57 เรากับแม่ไปที่ห้างแห่งหนึ่ง เพื่อไปซื้อของกันที่ซุปเปอร์สีเหลืองในห้างนั้น ได้น้ำมันมา 2 ขวด - -“
แล้วต้นเหตุมันก็เริ่มจากตรงนี้หล่ะ ต้องบอกก่อนเลยว่าเราเป็นคนนิสัยง่ายๆ คือไม่ค่อยชอบพกกระเป๋า ไม่ว่าอะไรก็มักจะชอบเสียบไว้ไม่กระเป๋ากางเกงหน้าก็หลัง แม้แต่แบงค์ก็ยัดๆ เข้าไป แล้ววันนั้นเราก็ไม่รู้อะไรดลใจเราให้ถือถุงขวดน้ำมันนั้น ทั้งๆ ที่ตะกร้าหน้ารถก็ไม่ได้ตั้งอะไรไว้เลย ปกติถ้าซื้อของเยอะแล้วตั้งไม่พอเราก็จะถือของให้แม่ แต่นี่เราดันไปถือขวดน้ำมัน (โหย ไม่ปกติสินะ!) แล้วมือถือเครื่องโตที่เพิ่งถอยมาได้เดือนนึงหล่ะ ((เห่อ นางมากๆ คร่า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยใช้มือถือหะรูหะราแบบนี้เลย แถมยังไม่ทันได้ผ่อนงวดแรกเลย บ้าจริง!)) เราดันไปเสียบไว้ด้านหลังกระเป๋ากางเกง!
บ้านเราไม่ไกลจากห้างแห่งนั้น เราเลยไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่าไม่เป็นไรใกล้บ้าน เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว (เฮ้ยยย เพราะคำว่าไม่เป็นไรนี่แหล่ะ ถึงได้เป็นไร อยากจิกหัวตัวเองจริงๆ!!) เราก็นั่งซ้อนท้ายแม่เรา ซึ่งดรีมคันเก่านางก็เต่าคลานไม่ค่อยมีแรง ระหว่างทางก็เม้าส์มอยฝอยขัดหม้อกับแม่อย่างเมามัน ทันใดนั้นเอง
พรึ่บ! เรารู้สึกตัวแทบจะในทันที รู้เลยมีมือมืดดึงมือถือไปจากด้านหลัง เราหันควับ แล้วตีแม่ บอก “ม๊าๆๆๆๆๆๆๆ หยุดๆๆ รถ จอดๆๆๆ มันเอามือถือไปแล้ว” แม่ได้ยินไม่ชัด ยังขับต่อไปช้าๆ - - เรากระโดดลงจากรถ วิ่งตามไป (มือยังถือถุงน้ำมันอยู่) ด้วยความตกใจ แต่วิ่งตามไปพยายามจะจำป้ายทะเบียนมัน แต่ว่ามันเร็วมากๆๆ
แล้วมันก็หายวับไปกับตา เราวิ่งไปจะตะโกนก็ตะโกนไม่ออก จุกอยู่ในคอหมด (เพราะในใจคิดแล้วว่าไปพ้นแล้วหล่ะ) เรายืนหอบอยู่ตรงหัวมุมถนน มีป้าสองคนที่ขับรถตามมาแล้วเห็นเหตุการณ์ ป้าแกมาก็บอกว่า เห็นไอ้สองตัวนี้มันตามมาจากหลังห้างแล้วหล่ะ สักแปปนึงแม่เราก็วนมาเราเลยให้แม่วนรถไปดักเส้นที่ตัดไปอีกเส้น แต่ก็ไร้ร่องรอย (แม่เราบอกว่าได้ยินว่าเราตะโกนว่า จอดๆๆๆ รถชนหมาๆๆ เอิ่ม...ไม่เกี่ยวเลยจ้า 555)
แล้วเราก็กลับมาที่บ้าน ตอนนั้นน่าจะประมาณสัก ทุ่มนึงได้ แม่เรากับเราก็พยายามโทรไปที่เครื่องของเรา ติด แต่สักพักก็โทรไม่ติดแล้ว มันคงถอดซิมทิ้งไปแล้ว เราเลยโทรไปคอลเซ็นเตอร์ 1-2 call เค้าก็ระงับสัญญาณให้เราเรียบร้อย แล้วเราก็เปลี่ยนพาสทุกอย่างที่เรานึกออก เปลี่ยนใหม่หมด
ประมาณสองทุ่ม เราก็ให้ลุงเรามารับพาไปโรงพัก ไปแจ้งความ พอไปถึงโรงพัก ปรากฏว่า ตำรวจนายคนที่อยู่เวรไม่อยู่ อีกคนรับเลยเรื่องแทน (อย่าเพิ่งทำหน้าเหนื่อยสิคะ นู๋ยังไม่ได้แจ้งความเลยนะคะ) ตำรวจก็ซักถามข้อมูล เราก็แจ้งไปตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มีสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกแย่กว่ามือถือหายซะอีก ก็คือว่านายตำรวจคนนั้นพูดว่า “ตำรวจก็แค่คนธรรมดาจะไปหาเจอได้ไง เทคโนโลยีก็ยังไม่พัฒนา ยังไงก็คงไม่ได้คืน” (คือเค้าพูดประมาณนี้แหล่ะมั้ง เราก็ลืมๆ ไปละ) คือเราเข้าใจที่เขาพูด แต่ประเด็นคือช่วยพูดเหมือนทำอะไรให้ดีขึ้นบ้างจะได้ไหม พูดเหมือนจะไม่ทำอะไรเลย (เอ๊ะ หรือไม่ทำจริง
คืนนั้น เรากลับบ้านมาด้วยความรู้สึกหดหู่ เสียใจ โกรธตัวเอง ทั้งเจ็บแค้น อยากเอามือถือตีหัวไปโจรบ้านั่น หลายสิ่งอย่าง (ก็ตังกว่าจะได้มานี่ แถมยังต้องผ่อนต่อไปอีก เจ็บใจสุดๆเลย) เราเลยเข้าใจกับคำว่าเจ้าทุกข์ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
เช้าวันต่อมา เราก็วุ่นวายใจมาก เลยลาสายที่ทำงาน แล้วให้แม่พาไปสถานที่เกิดเหตุ ไปดูว่ากล้องวงจรมีตรงไหนบ้าง ปรากฏว่าถนนเส้นนั้นทั้งสาย เต็มไปด้วยกล้องวงจรปิด พระเจ้า เรามีความหวังขึ้นมา ไล่ถามไปตั้งแต่หัวมุมถนน (ซึ่งเค้าก็ปฏิเสธที่จะให้ดู ทำไหมกันนะ หรือกระดาษชิ้นเล็กของเราไม่มีความหมาย T^T)
เราก็เห็นกล้อง cctv ของเทศบาล หูวววว ต้องได้เรื่องแน่ๆ เราเลยไปที่เทศบาล หลังจากสอบถามเจ้าหน้าที่ก็ได้ความว่า เป็นกล้องตัวใหม่ที่ติดอยู่ในเมือง ต้องไปที่สำนักงานอีกที่ เราก็วนรถกลับมาในเมืองอีกที่พอติดต่อเจ้าหน้าที่ ได้ความว่ากล้องนั้นยังไม่เสร็จสิ้น (ติดไว้เฉยๆ ว่างั้น เห้ย! นั่นมันติดไว้เฉยๆ นานเกิลไปแล้วนะเว้ยเห้ย!)
แต่แล้วใจเราก็ชื้นขึ้นมา เมื่อจุดที่เราโดนฉกมือถือไปนั้นเป็นร้านๆ หนึ่งซึ่งหันกล้องวงจรปิดมาหน้าร้าน แล้วเจ้าของร้านทั้งสองคนก็ใจดีมากๆ ค่ะ ช่วยเหลือ จนได้ภาพคนร้ายมา แต่กล้องเจ้ากรรมก็ดันเห็นไม่ชัด เพราะเป็นเวลาโพล้เพล้เลยเห็นเป็นแสงสะท้อนไปหมด แต่เราก็ได้แผ่นไรท์เป็นคลิปมา (ต้องขอขอบคุณมากๆ มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ)
เย็นวันนั้นเราแวะไปอีกที่นึงเป็นอพาร์ทเม้นใหญ่หลังห้าง (ที่นี่เราเสียความรู้สึกมาก ทำให้เราเสียเวลา) เราไปตอนเย็นเค้าบอกเจ้าหน้าที่ไม่อยู่ ให้มาตอนเช้า พอมาตอนเช้า ให้รออยู่พักใหญ่แล้วถึงมาบอกว่าดูไม่ได้ แม้ว่าเราจะบอกว่าเรารู้เวลาที่จะขอดูชัดเจน ยื่นกระดาษชิ้นน้อย(ใบแจ้งความ) เค้าก็บอกไม่ได้ ปฏิเสธไม่ให้ดูอย่างเดียวเลย เราเลยไปหาที่ห้างต่อ คืนนั้นเราหาโปรแกรมต่างๆ นาๆ ที่จะมาตัดแสง เสิร์จมั่วตั้ว ลองปรับโฟโต้ช้อปบ้าง โหลดโปรแกรมอะไรไม่รู้มาบ้าง ลองทำดูแต่ก็เหลว เศร้าเลย
วันถัดมาเราก็ไปที่ห้าง เราไปประจำ ยามจำได้เลยพาไปพบเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็ดีมาก เลยได้รูปที่แคปมาเหมือนจะชัด แต่ไม่ชัด - - เราไรท์ทุกอย่างใส่แผ่น แล้วเอาไปให้เจ้าหน้าที่เจ้าของเรื่องเราที่โรงพัก พอไปถึงเค้าก็ไม่อยู่แล้วเลยถามคนในนั้น เค้าก็ให้เราไปฝากเรื่อง(แผ่น) กับหน่วยๆ หนึ่งในนั้นไว้ แต่ก็โดนปัดออกมา มีพี่ตำรวจคนนึงเค้าแลดูใจดีมาก พี่เค้าบอกจะรับฝากแผ่นไว้ให้
หลังเลิกงานวันเดียวกัน เราก็ไปรีบไปที่ศูนย์เอไอเอส พร้อมกระดาษแผ่นน้อย ติดต่อฝ่ายกฎหมาย ปรากฏว่ามันใช้ไม่ได้ค่ะ เศษกระดาษนั้นมันไม่ใช่ใบแจ้งความค่ะ เอ้า กรรม เช้าวันถัดมาเราเลยกลับไปที่โรงพัก พอไปติดต่อเรื่องขอใบแจ้งความใบใหม่ และยังต้องวิ่งไปวิ่งมาเพราะเจ้าหน้าที่บอกให้ไปหาเจ้าหน้าที่คนนั้น คนนี้ คนโน้น วิ่งพล่านทั่วโรงพัก แล้วก็ได้รับปฏิกิริยาที่ทำให้เรารู้สึกลบๆๆๆ ก็ซึ้งเลยค่ะ แถมโดนลุงแก่ๆ คนเดียวกันกับที่เขียนกระดาษใบน้อยให้ในตอนแรกว่ามา ทำไมไม่ขอตั้งแต่วันแรกๆ นู่นนี่นั่น บลาๆๆ แล้วเราหล่ะยอมที่ไหน “ก็ลุงนั่นแหล่ะ ที่เขียนให้นู๋! แล้วนู๋จะไปรู้ไหมว่าไอ้ที่ลุงเขียนให้นั้นมันเป็นใบชั่วคราว! แล้วทำไมลุงไม่เขียนใบจริงให้นู๋หล่ะ!” สุดเสียงเลยค่ะ คือเหนื่อยค่ะ มาเจอแบบนี้มีขึ้นค่ะ ลุงตำรวจแกก็ทำเนียนๆ เออ จริงด้วย (เห็นลายมือตัวเองแล้วอึ้งสิลุง เห้อ)
กลับไปที่ศูนย์อีกครั้ง ไปถึงยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ ก็พบว่าเอกสารไม่ครบ อ่าว อะไรอีกหล่ะทีนี้ ปรากฏว่า ต้องมีเอกสารตราครุฑด้วย แล้วก็อะไรอีกใบนี่แหล่ะค่ะ เอ๊ะนี่มันอะไรกัน ตำรวจไม่เคยรับเรื่องมือถือหายแล้วขอใบแจ้งความกับเอกสารสำคัญไปยื่นกับศูนย์เครือข่ายมือถือหรือยังไง เลขอีม่งอีมี่ก็ไม่ถงไม่ถาม ไอเราก็เพิ่งโดนครั้งแรก ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเล้ยยย เราเลยถอดใจยอมแพ้ ซึ่งก่อนหน้านั้นเราก็ได้ส่งเรื่องไปที่ศูนย์มือถือไว้เบื้องต้นแล้ว เราก็ทำใจว่าไม่ได้คืนแล้วหล่ะ
หลังจากนั้นมา เราก็กลายเป็นพวกหลอนๆ ประเภทว่าเดินไม่เป็นสุข หวาบๆ (ภาษาใต้: หวาดระแวง) อยู่ตลอดเวลา จ้องมองคนด้วยสายตาแปลกๆ โดยเฉพาะผช.ที่ลักษณะคล้ายไอ้โจรสองตัวนั้น (เรารู้ตัวเลย) เดี๋ยวๆ หันหลัง นั่งซ้อนท้ายก็หันดู 360 องศาตลอดเวลา (บ้าไปแล้ว) แต่พฤติกรรมนั้นก็เปลี่ยนกลับมาคือน้อยลงและตามความสมควรขึ้นในเวลาต่อมา
เค้าว่า เบญจเพศ อ่ะ มือถือเครื่องนั้นเราซื้อฉลองครบ 25 ปี ผ่านวันเกิดไปเดือนนึงโดนเข้าเลย (อาจจะจริง) เรื่องนี้ทำให้เรากับแม่เราเวลาไปที่ไหนแล้วเห็นคนเอามือถือ/กระเป๋าตังเหน็บไว้กระเป๋าหลังกางเกงมักจะไปเตือนเขา กลัวก็กลัวว่าเขาจะหาว่าเราบ้ารึป่าว แต่ถ้าไม่เจอกับตัวก็คงไม่รู้สึก ดังนั้นเราเลยอยากจะแชร์เรื่องนี้
เราบอกกับตัวเองนะว่าไม่ว่าจะทำอะไร เราจะต้องมีสติแล้วก็ระมัดระวังมากขึ้น เพราะสมัยนี้มีคนที่จ้องเอาเปรียบคนอื่นจากความเผลอเรออยู่ตลอดเวลา ไม่มีที่ไหนปลอดภัย ดังนั้นเราจะต้องดูแลตัวเองและทรัพย์สินตัวเองอย่างรอบคอบ
ขอบคุณที่อ่านจนมาถึงตรงนี้ค่ะ แล้วก็สำหรับคนที่ชอบสะพายกระเป๋ายาวๆ หรือตั้งกระเป๋าไว้ที่ตั้งขา(รถออโตเมติก) ควรระวังมากๆ ด้วย เคสแบบนี้ก็เยอะ (คุณตำรวจเล่าให้ฟัง) ระวังนะคะคุณผู้หญิงที่สะพายกระเป๋า ให้เอามาไว้ที่ระหว่างขา อย่าสะพายข้าง เพราะง่ายต่อการถูกกระชากกระเป๋าและถีบรถล้ม หลายรายเสียชีวิตเพราะโจรกระจอกพวกนี้ หลายรายโชคดีแค่บาดเจ็บเล็กน้อย แต่จะโชคดีกว่าค่ะ ถ้ารอดพ้นพวกเปรตพวกนั้น(ขออนุญาตหยาบคายนะคะ)
Take care of your self นะคะ
แปะลิงค์ไว้ เผื่อใครอยากดูรูปค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้