เมื่อคืนบังเอิญได้ชมสารคดี “โลกหลากมิติ” ทางช่อง TPBS ซึ่งพูดถึงการก่อสร้างโดมของมหาวิหารแห่งฟลอเรนซ์ หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์แห่งยุค สำหรับคนที่พลาดชมเอา link มาฝากกันครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://cuptv.com/play/147/20940/%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4/27-%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1-2558-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3/
หากใครสนใจอยากอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แนะนำหนังสือ
Brunelleschi's Dome : The Story of the Great Cathedral in Florence ที่เขียนโดย Ross King ผู้เขียนอธิบายประวัติความเป็นมาของบรูเนลเลสคีและการสร้างโดม พร้อมกับสอดแทรกบริบททางสังคมของฟลอเรนซ์ ใครวางแผนจะไปฟลอเรนซ์ นี่เป็นหนังสือที่น่าสนใจครับ
สถาปนิกผู้สร้างโดมคือ ฟิลิปโป บรูเนลเลสคี (ค.ศ.1377-1446) เดิมทีบรูเนลเลสคีมีอาชีพเป็นช่างทองและช่างนาฬิกา ในฤดูร้อนปี ค.ศ.1400 เกิดโรคระบาดในฟลอเรนซ์ มีคนตายจำนวนมาก เพื่อเป็นการบูชาพระเจ้า พ่อค้าวาณิชแห่งฟลอเรนซ์ประกาศคัดเลือกช่างฝีมือเพื่อสร้างประตูบรอนซ์ขึ้นใหม่สำหรับ Baptistery ของโบสถ์ซาน โจวานนี โดยบรูเนสเลสคีได้เข้าประกวดแบบด้วย แต่คนที่ได้รับเลือกคือลอเรนโซ กีแบร์ติ ศิลปินผู้มีชื่อเสียงอีกคน (ในบันทึกอัตชีวประวัติของกีแบร์ติบอกว่า ตัวเองชนะการตัดสินจากคณะกรรมการโดยเอกฉันท์ ทว่ามาเน็ตติ ผู้เขียนประวัติบรูเนสเลสคีบอกว่า คณะกรรมการให้ทั้งสองคนทำงานร่วมกัน แต่บรูเนลเลสคีปฏิเสธ ไม่ยอมร่วมด้วย)
บรูเนลเลสคีผิดหวัง เขาเดินทางไปใช้ชีวิตในกรุงโรมเป็นเวลา 15 ปี ที่โรมเขาเป็นช่างนาฬิกา และใช้เวลาศึกษาสถาปัตยกรรมจากสิ่งก่อสร้างที่ตกทอดมาจากยุคโรมันโบราณ เขากลับมาฟลอเรนซ์ในปี ค.ศ.1416-1417
วันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ.1418 ในฟลอเรนซ์มีการประกาศแข่งขันการออกแบบสร้างโดมของวิหารซานตา มาเรีย เดล ฟิออเร (ดูโอโม) โดยต้องการสร้างโดมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ใครชนะจะได้เงินรางวัลถึง 200 ฟลอรินทอง ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงมากในยุคนั้น การแข่งขันครั้งนี้จึงดึงดูดช่างฝีมือทั่วทัสคานี บรูเนลเลสคีก็สมัครแข่งขันด้วย
สำหรับตัววิหารเริ่มสร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1296 นานกว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว จนกระทั่งปี ค.ศ.1366 ได้มีการออกแบบโดมโดย เนรี ดิ ฟิออราวันติ ซึ่งโมเดลของโดมไม่ได้เป็นรูปโค้งครึ่งวงกลมแบบวิหาร Pantheon ในกรุงโรม แต่มีลักษณะค่อนข้างพุ่งชันขึ้นไปข้างบน ที่สำคัญเป็นโดมที่มีขนาดใหญ่โตมาก
นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1366 ยังไม่มีใครรู้ว่า จะใช้วิธีไหนสร้างโดมที่มีขนาดใหญ่โตแบบนั้น จะนำหินทรายและหินอ่อนหนักหลายตันขึ้นไปที่สูงได้อย่างไร จะใช้อะไรรองรับน้ำหนักของโดม สิ่งนี้กลายเป็นปริศนาทางสถาปัตยกรรมแห่งยุคสมัย
บรูเนลเลสคีคือบุคคลที่มาแก้ปัญหาดังกล่าว เขาได้ออกแบบเครื่องชักรอกชนิดใหม่สำหรับการยกวัสดุหนักขึ้นที่สูงโดยใช้พลังงานจากวัว (ก่อนหน้านั้นอุปกรณ์ชักรอกใช้แรงคน) เครื่องมือนี้กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญแห่งยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยา และโดมของบรูเนลเลสคีเป็นโดม 2 ชั้นซ้อนกัน ซึ่งไม่ปรากฏมากนักในยุโรปสมัยนั้น โดยที่โดมชั้นในเป็นส่วนที่ค้ำยันโดมชั้นนอก และใช้สร้างสรรค์งานจิตรกรรมฝาผนัง ส่วนโดมชั้นนอกสร้างให้สูง เพื่อให้เกิดความประทับใจ
เขาเสียชีวิตในปี ค.ศ.1446 มีโอกาสได้เห็นโดมก่อสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1436 (เหลือเฉพาะยอดปลายด้านบน) ต่างจากมิเคลันเจโลที่ไม่มีโอกาสเห็นโดมของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ความตายของบรูเนลเลสคีสร้างความเสียใจต่อชาวฟลอเรนซ์ เขาเป็นบุคคลสำคัญที่พลิกโฉมหน้าวงการสถาปัตยกรรม
การเดินขึ้นยอดโดมที่นี่เหนื่อยกว่ายอดโดมของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เพราะบันไดทางขึ้นค่อนข้างชัน มีทั้งหมด 463 ขั้น ช่วงแรกเมื่อเดินขึ้นไปประมาณ 150 ขั้น จะเป็นส่วนระเบียงซึ่งสามารถเดินวนรอบได้ บริเวณนี้เป็นฐานของโดม เมื่อมองขึ้นไปบนเพดานจะเห็นภาพวาด Last Judgement ขนาดใหญ่ของวาซารี
วิวพาโนรามาบนยอดโดมข้างบนงดงามมาก มองลงไปเห็นฟลอเรนซ์ในทุกมุม ได้เห็นทั้งหอระฆังที่ออกแบบโดยจ็อตโต, โบสถ์ซานตา โครเช, ปาลาซโซเวคคิโอ, อุฟฟิซีแกลเลอรี วิวที่เห็นทอดยาวไกลข้ามแม่น้ำอาร์โนไปอีก
การก่อสร้างโดมอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ในศตวรรษที่ 15 ถือเป็นผลงานของอัจฉริยะโดยแท้
Brunelleschi's Dome : The Story of the Great Cathedral in Florence
เมื่อคืนบังเอิญได้ชมสารคดี “โลกหลากมิติ” ทางช่อง TPBS ซึ่งพูดถึงการก่อสร้างโดมของมหาวิหารแห่งฟลอเรนซ์ หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์แห่งยุค สำหรับคนที่พลาดชมเอา link มาฝากกันครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หากใครสนใจอยากอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แนะนำหนังสือ Brunelleschi's Dome : The Story of the Great Cathedral in Florence ที่เขียนโดย Ross King ผู้เขียนอธิบายประวัติความเป็นมาของบรูเนลเลสคีและการสร้างโดม พร้อมกับสอดแทรกบริบททางสังคมของฟลอเรนซ์ ใครวางแผนจะไปฟลอเรนซ์ นี่เป็นหนังสือที่น่าสนใจครับ
สถาปนิกผู้สร้างโดมคือ ฟิลิปโป บรูเนลเลสคี (ค.ศ.1377-1446) เดิมทีบรูเนลเลสคีมีอาชีพเป็นช่างทองและช่างนาฬิกา ในฤดูร้อนปี ค.ศ.1400 เกิดโรคระบาดในฟลอเรนซ์ มีคนตายจำนวนมาก เพื่อเป็นการบูชาพระเจ้า พ่อค้าวาณิชแห่งฟลอเรนซ์ประกาศคัดเลือกช่างฝีมือเพื่อสร้างประตูบรอนซ์ขึ้นใหม่สำหรับ Baptistery ของโบสถ์ซาน โจวานนี โดยบรูเนสเลสคีได้เข้าประกวดแบบด้วย แต่คนที่ได้รับเลือกคือลอเรนโซ กีแบร์ติ ศิลปินผู้มีชื่อเสียงอีกคน (ในบันทึกอัตชีวประวัติของกีแบร์ติบอกว่า ตัวเองชนะการตัดสินจากคณะกรรมการโดยเอกฉันท์ ทว่ามาเน็ตติ ผู้เขียนประวัติบรูเนสเลสคีบอกว่า คณะกรรมการให้ทั้งสองคนทำงานร่วมกัน แต่บรูเนลเลสคีปฏิเสธ ไม่ยอมร่วมด้วย)
บรูเนลเลสคีผิดหวัง เขาเดินทางไปใช้ชีวิตในกรุงโรมเป็นเวลา 15 ปี ที่โรมเขาเป็นช่างนาฬิกา และใช้เวลาศึกษาสถาปัตยกรรมจากสิ่งก่อสร้างที่ตกทอดมาจากยุคโรมันโบราณ เขากลับมาฟลอเรนซ์ในปี ค.ศ.1416-1417
วันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ.1418 ในฟลอเรนซ์มีการประกาศแข่งขันการออกแบบสร้างโดมของวิหารซานตา มาเรีย เดล ฟิออเร (ดูโอโม) โดยต้องการสร้างโดมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ใครชนะจะได้เงินรางวัลถึง 200 ฟลอรินทอง ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงมากในยุคนั้น การแข่งขันครั้งนี้จึงดึงดูดช่างฝีมือทั่วทัสคานี บรูเนลเลสคีก็สมัครแข่งขันด้วย
สำหรับตัววิหารเริ่มสร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1296 นานกว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว จนกระทั่งปี ค.ศ.1366 ได้มีการออกแบบโดมโดย เนรี ดิ ฟิออราวันติ ซึ่งโมเดลของโดมไม่ได้เป็นรูปโค้งครึ่งวงกลมแบบวิหาร Pantheon ในกรุงโรม แต่มีลักษณะค่อนข้างพุ่งชันขึ้นไปข้างบน ที่สำคัญเป็นโดมที่มีขนาดใหญ่โตมาก
นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1366 ยังไม่มีใครรู้ว่า จะใช้วิธีไหนสร้างโดมที่มีขนาดใหญ่โตแบบนั้น จะนำหินทรายและหินอ่อนหนักหลายตันขึ้นไปที่สูงได้อย่างไร จะใช้อะไรรองรับน้ำหนักของโดม สิ่งนี้กลายเป็นปริศนาทางสถาปัตยกรรมแห่งยุคสมัย
บรูเนลเลสคีคือบุคคลที่มาแก้ปัญหาดังกล่าว เขาได้ออกแบบเครื่องชักรอกชนิดใหม่สำหรับการยกวัสดุหนักขึ้นที่สูงโดยใช้พลังงานจากวัว (ก่อนหน้านั้นอุปกรณ์ชักรอกใช้แรงคน) เครื่องมือนี้กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญแห่งยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยา และโดมของบรูเนลเลสคีเป็นโดม 2 ชั้นซ้อนกัน ซึ่งไม่ปรากฏมากนักในยุโรปสมัยนั้น โดยที่โดมชั้นในเป็นส่วนที่ค้ำยันโดมชั้นนอก และใช้สร้างสรรค์งานจิตรกรรมฝาผนัง ส่วนโดมชั้นนอกสร้างให้สูง เพื่อให้เกิดความประทับใจ
เขาเสียชีวิตในปี ค.ศ.1446 มีโอกาสได้เห็นโดมก่อสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1436 (เหลือเฉพาะยอดปลายด้านบน) ต่างจากมิเคลันเจโลที่ไม่มีโอกาสเห็นโดมของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ความตายของบรูเนลเลสคีสร้างความเสียใจต่อชาวฟลอเรนซ์ เขาเป็นบุคคลสำคัญที่พลิกโฉมหน้าวงการสถาปัตยกรรม
การเดินขึ้นยอดโดมที่นี่เหนื่อยกว่ายอดโดมของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เพราะบันไดทางขึ้นค่อนข้างชัน มีทั้งหมด 463 ขั้น ช่วงแรกเมื่อเดินขึ้นไปประมาณ 150 ขั้น จะเป็นส่วนระเบียงซึ่งสามารถเดินวนรอบได้ บริเวณนี้เป็นฐานของโดม เมื่อมองขึ้นไปบนเพดานจะเห็นภาพวาด Last Judgement ขนาดใหญ่ของวาซารี
วิวพาโนรามาบนยอดโดมข้างบนงดงามมาก มองลงไปเห็นฟลอเรนซ์ในทุกมุม ได้เห็นทั้งหอระฆังที่ออกแบบโดยจ็อตโต, โบสถ์ซานตา โครเช, ปาลาซโซเวคคิโอ, อุฟฟิซีแกลเลอรี วิวที่เห็นทอดยาวไกลข้ามแม่น้ำอาร์โนไปอีก
การก่อสร้างโดมอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ในศตวรรษที่ 15 ถือเป็นผลงานของอัจฉริยะโดยแท้