สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ผมว่าอาจารย์เฉลิมชัย ก็อ่อนเลขนะครับ (555 ขออภัยอาจารย์) เห็นคุณภาพ และแนวคิดที่สูงมากๆของอาจารย์ใหม เพราะฉะนั้น คนอ่อนคณิตศาสตร์จึงไม่ใช่อย่างที่ จขกท ตั้งกระทู้
แต่ สิ่งที่ จขกท บรรยายในเนื้อหา แสดงว่ายังไม่เข้าใจบริบท นักข่าวช่อง3 นั่นแสดงความไม่รู้และความรู้ผิดๆ สู่สังคม ถือว่า ขาดคุณสมบัติที่จะอยู่ตรงนั้น สมควรโดนตำหนิ คนที่ไปสมัครเป็นครู แต่ขาดพื้นฐานความรู้อย่างสูง แต่ต้องการไปสอนคน โดยไม่มองคุณภาพของตัวเอง ก็สมควรโดนตำหนิ
ผมว่า ทั้งผู้สื่อข่าว ทั้งคนที่สมัครเป็นครู ไปทำอาชีพอื่น ที่ไม่ได้เอาความไม่รู้ไปให้ความรู้ คงไม่มีใคร ตำหนิหรอกครับ
แต่ สิ่งที่ จขกท บรรยายในเนื้อหา แสดงว่ายังไม่เข้าใจบริบท นักข่าวช่อง3 นั่นแสดงความไม่รู้และความรู้ผิดๆ สู่สังคม ถือว่า ขาดคุณสมบัติที่จะอยู่ตรงนั้น สมควรโดนตำหนิ คนที่ไปสมัครเป็นครู แต่ขาดพื้นฐานความรู้อย่างสูง แต่ต้องการไปสอนคน โดยไม่มองคุณภาพของตัวเอง ก็สมควรโดนตำหนิ
ผมว่า ทั้งผู้สื่อข่าว ทั้งคนที่สมัครเป็นครู ไปทำอาชีพอื่น ที่ไม่ได้เอาความไม่รู้ไปให้ความรู้ คงไม่มีใคร ตำหนิหรอกครับ
ความคิดเห็นที่ 19
ประเด็นที่น่าเศร้าจริงๆ ก็คือ หลายคนพยายามทวงความยุติธรรมให้ "ความโง่-ความไม่ใส่ใจ"
ประหนึ่งว่าตนเองเป็นผู้เสียหายที่สังคมต้อง คอยโอ๋คอยเอาใจคอยให้อภัย ทั้งที่ "ความโง่-ความไม่ใส่ใจ" นั้นกเป็นผลจากการกระทำของตนเองทั้งสิ้น
แล้วเพราะอะไรคนเหล่าถึงควรจะได้รับการคุ้มครองจากการต้องรับรู้ว่าตนเองนั้น "โง่-ไม่ใส่ใจ" ในเรื่องหนึ่งๆ
ความโง่-ความไม่ใส่ใจ นั้นต่างกับความพิการ เพราะความพิการนั้นแก้ไขอะไรไม่ได้ ไม่ว่าผู้พิการจะพยายามแค่ไหน เขาก็งอกแขน ขา หรืออวัยวะอื่นที่ขาดไปไม่ได้ แต่ความโง่นั้นแก้ไขได้ ถ้าคนๆนั้นรู้จักพยายาม และเลิกแถข้างๆคูๆ ว่า "โง่แล้วจะทำไม" แล้วกลับมาคิดว่าทำอย่างไรตนเองถึงจะหายโง่ ทำอย่างไรจึงจะรู้เท่าทันคนอื่น
การคัดเลือกคนเข้าทำงานก็เช่นกัน เหมือนคุณจะซื้อรถสักคันหรือบ้านสักหลัก คุณจะไม่เลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดงั้นหรือถ้ามันราคาเท่ากัน?
อาชีพครูก็เหมือนกัน ครูไม่ได้มีหน้าที่แค่สอนในห้องเรียนตามวิชาที่ตนเองสังกัด แต่ยังต้องมีปฏิสัมพันธ์กับนักเรียน สามารถให้คำปรึกษาได้ มันเป็นเรื่องดีหรือที่เมื่อมีนักเรียนมาถามคำถามแล้ว ครูตอบว่า "ครูไม่รู้ ครูไม่สนใจ ไปถามครู... เอา" คุณอยากเห็นครูแบบนี้สอนลูกหลานคุณหรือ?
ประหนึ่งว่าตนเองเป็นผู้เสียหายที่สังคมต้อง คอยโอ๋คอยเอาใจคอยให้อภัย ทั้งที่ "ความโง่-ความไม่ใส่ใจ" นั้นกเป็นผลจากการกระทำของตนเองทั้งสิ้น
แล้วเพราะอะไรคนเหล่าถึงควรจะได้รับการคุ้มครองจากการต้องรับรู้ว่าตนเองนั้น "โง่-ไม่ใส่ใจ" ในเรื่องหนึ่งๆ
ความโง่-ความไม่ใส่ใจ นั้นต่างกับความพิการ เพราะความพิการนั้นแก้ไขอะไรไม่ได้ ไม่ว่าผู้พิการจะพยายามแค่ไหน เขาก็งอกแขน ขา หรืออวัยวะอื่นที่ขาดไปไม่ได้ แต่ความโง่นั้นแก้ไขได้ ถ้าคนๆนั้นรู้จักพยายาม และเลิกแถข้างๆคูๆ ว่า "โง่แล้วจะทำไม" แล้วกลับมาคิดว่าทำอย่างไรตนเองถึงจะหายโง่ ทำอย่างไรจึงจะรู้เท่าทันคนอื่น
การคัดเลือกคนเข้าทำงานก็เช่นกัน เหมือนคุณจะซื้อรถสักคันหรือบ้านสักหลัก คุณจะไม่เลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดงั้นหรือถ้ามันราคาเท่ากัน?
อาชีพครูก็เหมือนกัน ครูไม่ได้มีหน้าที่แค่สอนในห้องเรียนตามวิชาที่ตนเองสังกัด แต่ยังต้องมีปฏิสัมพันธ์กับนักเรียน สามารถให้คำปรึกษาได้ มันเป็นเรื่องดีหรือที่เมื่อมีนักเรียนมาถามคำถามแล้ว ครูตอบว่า "ครูไม่รู้ ครูไม่สนใจ ไปถามครู... เอา" คุณอยากเห็นครูแบบนี้สอนลูกหลานคุณหรือ?
ความคิดเห็นที่ 78
รู้สึกเหมือนสีซอให้ควายฟัง
สงสารและสมเพช จขกท เลยอยากขอกระทุ้งแรงๆเผื่อว่าจะเข้าใจครั้งสุดท้าย จริงๆ หลาย คห ก็พูดไปหมดแล้ว แต่ขอลองอีกที
สรุปนะครับ จขกท คิดผิด
คุณไม่ได้ "โง่เลข" แต่คุณเป็น "คนโง่" นะครับ ตอนนี้ อย่าเข้าใจตัวเองผิด
คุณเป็นคนโง่ที่คิดว่าตัวเองฉลาด หยิ่งผยอง เป็นกบในกะลา ไม่รู้จักเปิดมุมมองของตัวเองที่คับแคบ ให้เข้าใจความเป็นไปของโลก
ประเด็นที่สำคัญที่คุณพยายามทำให้ตัวเองเชื่อคือ คนเราเก่งไปทุกอย่างไม่ได้ แต่ที่ทุกคนกำลังบอกคุณคือ ความเข้าใจในภาษาของเลขเป็นหนึ่งในทักษะพื้นฐานของมนุษย์ที่มีการศึกษา (ระดับประถมหรือมัธยมด้วยซ้ำ ไม่ใช่ระดับมหาลัย)
ตัวอย่างแรก คือ กรณีนักข่าวไม่สามารถคำนวณพื้นที่ได้ถูกต้อง รวมทั้งที่คุณบอกว่าต่อให้เปิดสูตรคุณก็คำนวณไม่ได้ ซึ่งอันนี้ถือเป็นทักษะในการ "แก้ปัญหา" ซึ่งรวมถึง การทำความเข้าใจกับปัญหา การหาวิธีการแก้ปัญหา (คือโคตรง่ายไปหาสูตรมา) การทำความเข้าใจกับคำสั่งพื้นฐาน (ทำตามสูตร) การมีทักษะตรรกะเบื้องต้น (ไม่ใช่คณิตด้วยซ้ำ) ฯลฯ ซึ่งถ้าคุณไม่มีทักษะพวกนี้ งานอะไรคุณก็ทำไม่ได้
ย้ำอีกที การที่คุณไม่สามารถแก้ปัญหาเลขระดับประถมได้ แสดงว่าคุณมีความบกพร่องในการใช้สมองโดยรวม คุณเป็นคนโง่ คุณไม่ได้แค่โง่เลข
คำถามต่อมา เป็นคำถามที่ค่อนข้างจะอมตะ คือ เรียนเลขไปทำไม โดยเฉพาะในระดับมัธยม ที่ต้องเรียนเลขยากๆ ที่โตขึ้นมาไม่ได้ใช้ อันนี้ก็นานาทัศนะ จำเป็นหรือไม่ อาจจะไม่จำเป็น แต่อย่าลืมว่าคุณอยู่ระดับมัธยม ส่วนมากยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจบแล้วจะเรียนอะไรต่อ ต้องไปทำงานอะไร ซึ่งจริงๆ แล้วเลขเป็นภาษาที่สำคัญ (ย้ำอีกครั้ง) ศาสตร์ทุกอย่างในโลก ถูกสื่อสาร และ ต้องวิเคราะห์โดยใช้คณิตศาสตร์เป็นรากฐาน ไม่ใช่แค่สายวิทยาศาสตร์หรือวิศวะ สายธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ (อันนี้ชัดเจน) แต่รวมถึงสังคมศาสตร์ทั้งหมด ในปัจจุบันขึ้นอยู่กับระบบคณิตศาสตร์ในการวิจัย แม้กระทั่งศิลปะ (ตราบใดที่คุณไม่ใช่เป็นแค่ศิลปินอย่างเดียว แต่อยากมีความเข้าใจในพื้นฐานความเป็นมา เช่น ดนตรี ทุกอย่างคือเลข 1 octave มี 12 semitones ถูกกำหนดว่าหนึ่งห้องมีกี่จังหวะ ความเร็วโน๊ตตัวดำคิดเป็นกี่ครั้งต่อนาที ค่าความถี่พื้นฐานของโน๊ต A กลางเปียโนเท่ากับ 440 hz เป็นต้น ฯลฯ เลขหมดเลย หรือ การวาดภาพ การถ่ายภาพ โดยเฉพาะในยุคดิจิตัล สีทุกสีมีค่าที่เป็นเลข ฯลฯ เต็มไปหมด) ต่อให้คุณเป็น นักข่าว คุณเคยดูนักข่าวระดับโลกไหม ลองดูนะครับว่าพวกคนสัมภาษณ์ระดับโลก หรือ ผู้ประกาศข่าวระดับโลก เขาต้องมีความรู้รอบด้าน ความเข้าใจ ทักษะ ไหวพริบ ขนาดไหน เขาอาจจะไม่สามารถคำนวณพื้นที่ในหัวได้ แต่ถ้าเกิดเขาต้องเตรียมไปเพื่อประกาศข่าว เขาต้องสามารถที่จะแก้ปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน
แต่ประโยชน์พื้นฐานที่สุด ที่เป็นประโยชน์ของการเรียนเลขขั้นกลาง (อย่าเรียกขั้นสูงเลย) คือเลขเป็นวิธีที่คนเข้าใจโลก มันเป็นเครื่องมือ ถ้าคุณไม่มีเครื่องมือทำให้คุณสามารถอธิบายโลกนี้ได้ ก็เหมือนคุณเป็นกวีที่ไร้คำพูด และในระดับมหาวิทยาลัย คุณคิดดูดีๆว่าวิชาที่คุณเรียนมีกี่วิชาที่ใช้ได้จริงๆ คุณเรียนประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ศิลปะ ไปทำไมถ้าคุณจะไปเป็นนักวิทยาศาสตร์ เหตุผลคือคุณเกิดมาชีวิตเดียว คุณไม่มีความสนใจที่จะเข้าใจโลกคุณเลยใช่ไหม วันๆจะหลบอยู่ในกระดอง?
อีกอย่างผมว่าเลขเป็นอะไรที่ยาก เพราะมันเป็นทักษะ มันคือภาษา (เน้นอีกครั้ง) ซึ่งในภาษาถ้าคุณจำตัวอักษร สะระ วรรณยุกต์ ไม่ได้ คุณก็จะสะกดคำไม่ได้ คุณสะกดคำไม่เป็น ก็ไม่มีทางเขียนเรียงความได้ เลขก็เช่นกัน คุณต้องเริ่มบวก ลบ คูณ หาร ไปจนถึงกฎต่างๆของแต่ละสาย ถ้าพื้นฐานไม่แน่น ก็คงเหนื่อย และที่สำคัญคือเลขมันถูก 100% หรือ ผิด 100% ไม่มีตรงกลาง ทำให้คุณแถไม่ได้ ทำให้มันยากกว่าอย่างอื่น ดูนิสัยคุณแถๆแบบนี้ ยิ่งเข้าใจ
อันสุดท้าย ในเรื่องการงาน ผมฟันธงนะ ว่าถ้าคุณไม่มีความเข้าใจในเลขพื้นฐาน คุณอาจจะหางานที่มั่นคงได้ แต่มันก็คงเป็นแค่งานที่มั่นคงอยู่ในระดับล่างที่ไม่ต้องใช้สมอง งานระดับที่ต้องแค่ทำตามสิ่งที่คนชี้นิ้วสั่งโดยไม่ต้องมีความเข้าใจ ไม่ต้องมีการวิเคราะห์ ไม่ต้องตัดสินใจ
สรุป ขี้เกียจพิมพ์แล้ว ขอให้เปลี่ยนความคิดทัน
สงสารและสมเพช จขกท เลยอยากขอกระทุ้งแรงๆเผื่อว่าจะเข้าใจครั้งสุดท้าย จริงๆ หลาย คห ก็พูดไปหมดแล้ว แต่ขอลองอีกที
สรุปนะครับ จขกท คิดผิด
คุณไม่ได้ "โง่เลข" แต่คุณเป็น "คนโง่" นะครับ ตอนนี้ อย่าเข้าใจตัวเองผิด
คุณเป็นคนโง่ที่คิดว่าตัวเองฉลาด หยิ่งผยอง เป็นกบในกะลา ไม่รู้จักเปิดมุมมองของตัวเองที่คับแคบ ให้เข้าใจความเป็นไปของโลก
ประเด็นที่สำคัญที่คุณพยายามทำให้ตัวเองเชื่อคือ คนเราเก่งไปทุกอย่างไม่ได้ แต่ที่ทุกคนกำลังบอกคุณคือ ความเข้าใจในภาษาของเลขเป็นหนึ่งในทักษะพื้นฐานของมนุษย์ที่มีการศึกษา (ระดับประถมหรือมัธยมด้วยซ้ำ ไม่ใช่ระดับมหาลัย)
ตัวอย่างแรก คือ กรณีนักข่าวไม่สามารถคำนวณพื้นที่ได้ถูกต้อง รวมทั้งที่คุณบอกว่าต่อให้เปิดสูตรคุณก็คำนวณไม่ได้ ซึ่งอันนี้ถือเป็นทักษะในการ "แก้ปัญหา" ซึ่งรวมถึง การทำความเข้าใจกับปัญหา การหาวิธีการแก้ปัญหา (คือโคตรง่ายไปหาสูตรมา) การทำความเข้าใจกับคำสั่งพื้นฐาน (ทำตามสูตร) การมีทักษะตรรกะเบื้องต้น (ไม่ใช่คณิตด้วยซ้ำ) ฯลฯ ซึ่งถ้าคุณไม่มีทักษะพวกนี้ งานอะไรคุณก็ทำไม่ได้
ย้ำอีกที การที่คุณไม่สามารถแก้ปัญหาเลขระดับประถมได้ แสดงว่าคุณมีความบกพร่องในการใช้สมองโดยรวม คุณเป็นคนโง่ คุณไม่ได้แค่โง่เลข
คำถามต่อมา เป็นคำถามที่ค่อนข้างจะอมตะ คือ เรียนเลขไปทำไม โดยเฉพาะในระดับมัธยม ที่ต้องเรียนเลขยากๆ ที่โตขึ้นมาไม่ได้ใช้ อันนี้ก็นานาทัศนะ จำเป็นหรือไม่ อาจจะไม่จำเป็น แต่อย่าลืมว่าคุณอยู่ระดับมัธยม ส่วนมากยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจบแล้วจะเรียนอะไรต่อ ต้องไปทำงานอะไร ซึ่งจริงๆ แล้วเลขเป็นภาษาที่สำคัญ (ย้ำอีกครั้ง) ศาสตร์ทุกอย่างในโลก ถูกสื่อสาร และ ต้องวิเคราะห์โดยใช้คณิตศาสตร์เป็นรากฐาน ไม่ใช่แค่สายวิทยาศาสตร์หรือวิศวะ สายธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ (อันนี้ชัดเจน) แต่รวมถึงสังคมศาสตร์ทั้งหมด ในปัจจุบันขึ้นอยู่กับระบบคณิตศาสตร์ในการวิจัย แม้กระทั่งศิลปะ (ตราบใดที่คุณไม่ใช่เป็นแค่ศิลปินอย่างเดียว แต่อยากมีความเข้าใจในพื้นฐานความเป็นมา เช่น ดนตรี ทุกอย่างคือเลข 1 octave มี 12 semitones ถูกกำหนดว่าหนึ่งห้องมีกี่จังหวะ ความเร็วโน๊ตตัวดำคิดเป็นกี่ครั้งต่อนาที ค่าความถี่พื้นฐานของโน๊ต A กลางเปียโนเท่ากับ 440 hz เป็นต้น ฯลฯ เลขหมดเลย หรือ การวาดภาพ การถ่ายภาพ โดยเฉพาะในยุคดิจิตัล สีทุกสีมีค่าที่เป็นเลข ฯลฯ เต็มไปหมด) ต่อให้คุณเป็น นักข่าว คุณเคยดูนักข่าวระดับโลกไหม ลองดูนะครับว่าพวกคนสัมภาษณ์ระดับโลก หรือ ผู้ประกาศข่าวระดับโลก เขาต้องมีความรู้รอบด้าน ความเข้าใจ ทักษะ ไหวพริบ ขนาดไหน เขาอาจจะไม่สามารถคำนวณพื้นที่ในหัวได้ แต่ถ้าเกิดเขาต้องเตรียมไปเพื่อประกาศข่าว เขาต้องสามารถที่จะแก้ปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน
แต่ประโยชน์พื้นฐานที่สุด ที่เป็นประโยชน์ของการเรียนเลขขั้นกลาง (อย่าเรียกขั้นสูงเลย) คือเลขเป็นวิธีที่คนเข้าใจโลก มันเป็นเครื่องมือ ถ้าคุณไม่มีเครื่องมือทำให้คุณสามารถอธิบายโลกนี้ได้ ก็เหมือนคุณเป็นกวีที่ไร้คำพูด และในระดับมหาวิทยาลัย คุณคิดดูดีๆว่าวิชาที่คุณเรียนมีกี่วิชาที่ใช้ได้จริงๆ คุณเรียนประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ศิลปะ ไปทำไมถ้าคุณจะไปเป็นนักวิทยาศาสตร์ เหตุผลคือคุณเกิดมาชีวิตเดียว คุณไม่มีความสนใจที่จะเข้าใจโลกคุณเลยใช่ไหม วันๆจะหลบอยู่ในกระดอง?
อีกอย่างผมว่าเลขเป็นอะไรที่ยาก เพราะมันเป็นทักษะ มันคือภาษา (เน้นอีกครั้ง) ซึ่งในภาษาถ้าคุณจำตัวอักษร สะระ วรรณยุกต์ ไม่ได้ คุณก็จะสะกดคำไม่ได้ คุณสะกดคำไม่เป็น ก็ไม่มีทางเขียนเรียงความได้ เลขก็เช่นกัน คุณต้องเริ่มบวก ลบ คูณ หาร ไปจนถึงกฎต่างๆของแต่ละสาย ถ้าพื้นฐานไม่แน่น ก็คงเหนื่อย และที่สำคัญคือเลขมันถูก 100% หรือ ผิด 100% ไม่มีตรงกลาง ทำให้คุณแถไม่ได้ ทำให้มันยากกว่าอย่างอื่น ดูนิสัยคุณแถๆแบบนี้ ยิ่งเข้าใจ
อันสุดท้าย ในเรื่องการงาน ผมฟันธงนะ ว่าถ้าคุณไม่มีความเข้าใจในเลขพื้นฐาน คุณอาจจะหางานที่มั่นคงได้ แต่มันก็คงเป็นแค่งานที่มั่นคงอยู่ในระดับล่างที่ไม่ต้องใช้สมอง งานระดับที่ต้องแค่ทำตามสิ่งที่คนชี้นิ้วสั่งโดยไม่ต้องมีความเข้าใจ ไม่ต้องมีการวิเคราะห์ ไม่ต้องตัดสินใจ
สรุป ขี้เกียจพิมพ์แล้ว ขอให้เปลี่ยนความคิดทัน
ความคิดเห็นที่ 40
ใช่ครับ
เพราะ:
1. คุณไม่พยายามจะพัฒนาตัวเอง
2. คุณไม่พยายามจะเข้าใจว่ามันมีความรู้ขั้นต่ำที่จำเป็นจะต้องใช้ในการทำงาน
3. คุณใช้ข้ออ้างว่า "เกิดมาโง่" แล้วยอมแพ้แบบดื้อๆ นี่แค่เลข ถ้าเจอปัญหาอย่างอื่นแล้วคุณยอมแพ้อย่างนี้ มันก็คงตลก
4. เลขเป็นการอธิบายทุกอย่างโดยใช้ตรรกะ เป็นการวางกรอบปัญหาอย่างมีระบบ สามารถที่จะพิจารณาทางเลือกต่างๆได้โดยมีเหตุและผลสนับสนุน หากไม่มีตัวเลข คุณจะตัดสินใจโดยใช้อะไร? ไม่ว่าปัญหาจะเป็นอะไรก็ตาม คุณต้องพยายามประเมินผลกระทบ ซึ่งเครื่องมือที่ดีที่สุดที่มนุษย์มีคือตัวเลข ปัจจัยอื่นๆที่ประเมินค่าเป็นตัวเลขไม่ได้อาจมีส่วนในการตัดสินใจ
5. เลขคือภาษา ถ้าคุณบอกว่าคุณใช้ภาษาไทยไม่ได้ คุณคิดว่าคุณเป็นพลเมืองชั้นสองไม๊ล่ะ?
เพราะ:
1. คุณไม่พยายามจะพัฒนาตัวเอง
2. คุณไม่พยายามจะเข้าใจว่ามันมีความรู้ขั้นต่ำที่จำเป็นจะต้องใช้ในการทำงาน
3. คุณใช้ข้ออ้างว่า "เกิดมาโง่" แล้วยอมแพ้แบบดื้อๆ นี่แค่เลข ถ้าเจอปัญหาอย่างอื่นแล้วคุณยอมแพ้อย่างนี้ มันก็คงตลก
4. เลขเป็นการอธิบายทุกอย่างโดยใช้ตรรกะ เป็นการวางกรอบปัญหาอย่างมีระบบ สามารถที่จะพิจารณาทางเลือกต่างๆได้โดยมีเหตุและผลสนับสนุน หากไม่มีตัวเลข คุณจะตัดสินใจโดยใช้อะไร? ไม่ว่าปัญหาจะเป็นอะไรก็ตาม คุณต้องพยายามประเมินผลกระทบ ซึ่งเครื่องมือที่ดีที่สุดที่มนุษย์มีคือตัวเลข ปัจจัยอื่นๆที่ประเมินค่าเป็นตัวเลขไม่ได้อาจมีส่วนในการตัดสินใจ
5. เลขคือภาษา ถ้าคุณบอกว่าคุณใช้ภาษาไทยไม่ได้ คุณคิดว่าคุณเป็นพลเมืองชั้นสองไม๊ล่ะ?
แสดงความคิดเห็น
เกิดมาโง่เลข เรียนคณิตศาสตร์ไม่รู้เรื่องนี่มันแย่ กาก เป็นชนชั้นต่ำขนาดนั้นเลยหรอครับ?
http://m.pantip.com/topic/33169464
---------------
จริงๆ ว่าจะตั้งกระทู้นี้ตั้งแต่ตอนที่ข่าวช่อง 3 เสนอเรื่องวิธีคำนวณที่ดินผิดแล้วละ
.
แน่นอนผมเห็นด้วยกับเรื่องที่ว่าก่อนนำเสนออะไรผ่านสื่อ ถ้าไม่แน่ใจให้ตรวจสอบก่อน
.
แต่ที่ไม่พอใจ คือหลาย คห. เข้าไปถล่มว่า "แค่สูตรคำนวณพื้นที่ เรียนตั้งแต่ประถม ใครๆ ก็ต้องรู้"
.
ต่อมาก็เรื่องดราม่าคนสมัครสอบครูที่ ร.ร. แห่งนึง แล้ว ร.ร. ก็เขียนประจานขึ้นบอร์ดว่า "...% ของผู้เข้าสอบไม่สามารถ...ได้"
.
อันนี้ที่ไม่พอใจ เพราะหลาย คห. บอกว่า "ถึงจะไม่ได้สอนคณิตศาสตร์ แต่สูตรคณิตเบื้องต้นก็ต้องรู้"
.
ยังไม่นับกระทู้ปลีกย่อยที่มีคนบ่นเรื่องปวดหัวกับคณิตศาสตร์ แล้วก็จะ คห. ประเภทว่า "คนปกติถ้าสมองไม่มีปัญหา ก็น่าจะเรียนรู้เรื่องนะ"
.
-------------------
.
เรื่องของเรื่องคือพอมีกระทู้พวกนี้มาทีไร เจอ คห. พวกนี้แล้วมันอึดอัด ในฐานะที่ตัวเองเป็นพวกที่เรียนคณิตศาสตร์ไม่รู้เรื่องตั้งแต่จำความได้
.
ถ้าไม่มีระบบตกแล้วซ่อม ( ที่หลายๆ คนรังเกียจ ) คงไม่จบ ม.6 ด้วยซ้ำ
.
แล้วถ้าไม่มี ม.เปิด ชาตินี้ทั้งชาติผมคงไม่มีวันได้เรียนระดับ ป.ตรี แน่นอน ( ผมไม่เอ็นทรานซ์เพราะรู้ว่าเอ็นท์ไม่ติดแน่ๆ ตรงคณิตศาสตร์นี่แหละ จบ ม.6 ก็ไป ม.เปิดเลย )
.
สมการ ถอดราก ยกกำลัง แยกตัวประกอบ กราฟ พาราโบลา จำนวนเชิงซ้อน ฯลฯ อะไรพวกนี้อย่ามาถามผมเลย บอกตรงๆ คือถ้าร้องไห้ได้คงร้องไปแล้ว เพราะไม่รู้เรื่องจริงๆ มันไม่เข้าหัวเลย
.
อ่อ..มากกว่านั้นอีกครับ ถ้าวันนี้ใครมาให้ผมคำนวณพื้นที่อะไรสักอย่าง ผมทำให้ทันทีไม่ได้ครับ สูตรลืมหมดแล้ว เผลอๆ เปิดสูตรดูก็ทำไม่ได้ด้วย เพราะตอนเรียนก็ผ่านมาแบบงงๆ ( ข้อสอบชอยส์ เดาอย่างเดียว )
.
( ขนาดเปลี่ยนทศนิยมเป็นเศษส่วน มาถามผมวันนี้ผมยังทำไม่ได้เลย )
.
ตอนสอบ กพ. ภาค ก ( ที่บอกว่าผ่านรอบเดียวนั่นแหละ ) คณิตศาสตร์มี 5 ข้อ ผมกามั่วไม่คิดเลย เพราะคิดไปก็ไม่ออก ไม่รู้เรื่อง เอาเวลาไปคิดหมวดอื่นดีกว่า ทำแบบนี้ตั้งแต่ตอนหัดทำข้อสอบเก่าละครับ เรียกว่าเตรียมตัวในหมวดอื่นๆ เต็มที่ แต่คณิตนี่ไม่เอาเลย เพราะไม่ไหวจริงๆ
.
--------------
.
ผมเป็นพวกชั้นต่ำ ไพร่ กาก ฯลฯ ไม่สมควรจะเรียนต่อระดับมหา'ลัย จริงๆ หรอครับ?
.
ผมไม่สมควรได้ทำงานในระดับที่คนจบ ป.ตรี ทำจริงๆ หรอครับ?
.
เห็นพูดกันจัง..ไม่รู้สูตรนั้น แก้สมการนี้ไม่ได้ ไม่รู้ปล่อยจบมาได้ยังไง?
.
.
ขออภัยที่ดันเกิดมากาก สติปัญญาต่ำ แต่ดันใฝ่สูงเกินศักดิ์ อยากตีตนขึ้นมาเสนอหน้าเหล่าคนเก่งอย่างพวกคุณนะครับ
.
เห้อ
.
.
( ขอบ่นหน่อยเถอะ เห็น คห.แบบนั้นแล้วมันเจ็บ ทุกวันนี้นอกจากบวกลบคูณหาร ผมทำอะไรที่สูงกว่านี้ไม่ได้ครับ แต่วิชาอื่นผมไม่มีปัญหาเลยนะ )