แอร์โฮสเตสเป็นสาเหตุที่การบินไทยขาดทุน คิดกันอย่างนี้เหรอ

แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 34
เสียใจกับประโยคนี้ของคุณแอร์การบินไทยมาก ๆ ค่ะ  

"ดิฉันขอย้ำว่าลูกเรือการบินไทยทั้งชายหญิง  คือบุคลากรที่ช่วยบริษัทการบินไทยอย่างมากที่สุด  เราเป็นแผนกที่เสียสละที่สุดเพื่อทำให้การบินไทยและคนการบินไทยอยู่รอด  ขอให้เข้าใจด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ"

คุณรู้ไหม ความคิดแบบนี้แหละที่ทำให้การบินไทยย่ำแย่ พนักงานทุกคนในบริษัทไม่ใช่หรอค่ะที่เสียสละกับบริษัทของตน การแบ่งแยกกันของแต่ล่ะฝ่ายของพนักงานเนี้ยแหละค่ะ ความคิดแบบนี้แหละค่ะที่ทำให้การบินแอร์การบินไทย สูงส่งกว่าคนปกติ

คุณเคยอ่านไหมค่ะ
ถ้าไม่มีพนักงานขายตั๋ว คุณจะบริการใคร
ถ้าไม่มีพนักงานเช็คอิน คุณจะรู้ได้ไงว่า ผดสที่คุณกำลังบริการเป็นใคร ถ้าเกิดเค้าแพ้ถั่วแล้วคุณเสริฟถั่วให้เค้าโดยไม่ทราบเพราะไม่มีพนักงานเช้คอินสกรีนให้ก่อน
ถ้าไม่มีพนักงานหน้าเกท ที่คุณต้องแตะนิ้วก่อนเปิดประตูเครื่อง คุณจะรู้ไหมผดสของคุณคนนั้นใช่จะไปไฟล์นี้รึเปล่า
ถ้าไม่มีพนักงานยกกระเป๋าloader คุณจะยกไหม
ถ้าไม่มี red cap คุณจะเติมน้ำมัน วางคอนเทนเนอร์ยังไง
ถ้าไม่มี พนักงานคอยบริการผดส vip คุณจะมาพาเค้าเช็คอิน พาไปเกทไหม คุณจะเข็นรถเข็นจากอาคารผดส ไปเครื่องไหม
นี่ยังแค่ส่วนน้อยที่ทำให้การบินไทยก้าวเดินอยู่ทุกวัน ทุกคนเสียสละไหมค่ะ

ใช่แผนกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินรึป่าวที่เสียสละที่สุด
ความคิดเห็นที่ 20
ต้องยอมรับนะครับ ส่วนหนึ่ง (ขอย้ำว่า ส่วนหนึ่ง) เป็นเพราะพวกคุณชอบเอาบริษัทลงมาเล่นการเมือง ซึ่งเป็นบริษัทที่ต้องบริการลูกค้าทั่วไปทุกกลุ่มทุกสี ดังนั้นพอล้มปุ๊บ ก็ไม่แปลกที่จะมีคนตามเหยียบทันที

ความคิดเห็นที่ 1
บอกตามตรง ผมเคยไปสมัครเป็นพนง.เข็นวีลแชร์ แล้วต้องไปสัมภาษน์กับพวกการบินไทย ท่านให้ผมไปนั่งรอเปล่าๆ4ชั่วโมง ให้สัมภาษน์พวกลูกน้องคนเก่าของท่านที่เปลี่ยนจากบริษัทเก่ามาที่ใหม่ คุยกันสรวลเสเฮฮา หัวเราะร่า โดยที่ไม่รู้เลยว่าลูกน้องของท่านพูดถึงท่านไว้ยังไงบ้างนอกห้อง พอผมเข้าไปไม่ถึง2นาที ท่านกระหน่ำด่าผม ว่าผมหน้าเหมือนโจร แต่งตัวไม่รู้จักกาลเทศะ ถามผมว่าคิดยังไงถึงมาสมัคร พอผมบอกก็ทำหน้าเหมือนกับผมเสแสร้งพูด จากนั้นก็ไล่ผมออกไปเหมือนหมาตัวนึง ทั้งๆที่ผมขอร้องเพราะไอ้งานวีลแชร์เค้าไม่ได้เปิดรับกันบ่อยๆ ผมบอกได้เลยว่าผมเข้าใจเลยว่าทำไมมันถึงเจ๊ง เพราะการบินไทยมีคนอย่างพวกคุณทุกคนอยู่นี่แหละ ผมยังจำได้กับแอร์ที่ลุกขึ้นทำเหมือนจะด่าผมเพียงเพราะผมเผลอเปิดหน้าต่างตอนเครื่องจะแลนดิ้งเที่ยวบินตอนที่ไปอังกฤษเมื่อ2ปีก่อนได้ดี ขอให้แมร่งเจ๊ง... จะให้มันเจ๊งวายวอดก็กระไรอยู่ เพราะเงินภาษีประเทศทั้งนั้น ให้ชิไหเฉพาะพนง.การบินไทยทั้งหมดนั่นแหละง่ายดี

ทำเป็นสูงส่งเย่อหยิ่ง สวยผยองจองหอง แต่งตัวสวยมีผ้าพันคอ โถ่ มันก็บริกรเหมือนกันนั่นแหละ
ความคิดเห็นที่ 18
ส่วนที่เจ้าของกระทู้บอกคนอื่นอิจฉา  ผมจะบอกว่าคนที่จบปริญญาตรีจำนวนมากมองอาชีพแอร์แค่พนักงานต้อนรับเหมือนพนักงงานต้องรับตามสถานที่ต่างๆนะ  

ผมมองว่าแอร์เป็นอาชีพที่ธรรมดามากครับ  วิศวะ สายการแพทย์ บัญชี  ต้องใช้ความรู้มากกว่า
ความคิดเห็นที่ 35
สิงคโปร์แอร์ไลน์ มีนโยบายที่ตอบรับกับนโยบายด้านสังคมของประเทศ จึงเป็นตัวอย่างที่น่าศึกษามาก อดีตท่านนายกฯสิงคโปร์เคยวางรากฐานการเป็นประชาชนสิงคโปร์คร่าวๆว่า (เคยอ่านนานมาแล้วนะคะ ตอนนั้นรู้สึกเป็นวันชาติของเค้าอ่ะค่ะ)

-คุณวุฒิของการศึกษาต้องเหมาะสมกับวิชาชีพ (ไม่สูงเกินไป ไม่ต่ำเกินไปต่ออาชีพที่ประกอบ) ไม่งั้นถือว่าขาดทุนทางปัญญา
-การสร้างครอบครัว คู่สมรสทั้งสองฝ่ายควรมีพื้นฐานทางสังคมในระดับเท่าๆกัน จะได้มีทัศนคติในการบริหารครอบครัวไปในทิศทางเดียวกัน
-การทำงานในอาชีพทั่วๆไปควรจำกัดระยะเวลาต่อวันไม่ให้มากกว่า 9am-5pm และวันอาทิตย์ควรได้หยุดพักผ่อน เพื่อใช้ชีวิตกับครอบครัว อบรมบุตรหลาน
(ไม่บังคับ...แต่แนะนำ 55555)

ดังนั้นกรณีของอาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจึงกำหนด minimum ของวุฒิการศึกษาแค่ระดับ High school/วิทยาลัย เนื่องจากสิงคโปร์ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง เราจึงจะไม่ค่อยพบลูกเรือที่จบแพทย์ จบวิศวกรรม หรือจบปริญญาโท ปริญญาเอกมาสมัครเป็นลูกเรือ (ด้วยถือว่าเป็นการสูญเปล่าทางการศึกษาเกินไป : ซึ่งต่างจากค่านิยมของไทย ที่มักคัดสรรคนที่จบสูง บางทีสูงเกินกว่าเหตุมาทำอาชีพนี้ )

จากที่อธิบายมานั้น ประชาชนสิงคโปร์ที่เรียนจบมหาวิทยาลัย จบสูงๆ เป็นครูบาอาจารย์ พนักงานแบ๊งค์ ทำงานทั่วไปจะไม่ตื่นเต้นกับอาชีพที่คนไทยให้ค่านิยมว่านางฟ้า พูดง่ายๆ เขาก็มองว่าอาชีพนี้ก็คืออาชีพธรรมดาๆ ไม่ได้วิเศษอะไร  และค่านิยมแบบนี้ เวลาผู้คนชาวสิงคโปร์(ชนชั้นกลาง)ที่ขึ้นเครื่องมาก็จะไม่ตื่นเต้นอะไรกับแอร์มากนัก ติดๆจะสั่งๆด้วยซ้ำ ไม่มีคำว่าต้องออมไม้ออมมือให้

และมันก็คือคำตอบว่าทำไมแอร์เค้าต้องเป๊ะเว่อร์ (ไม่งั้นจะโดนตำหนิจากผู้โดยสารชาติเดียวกันได้ง่ายๆ) เข้ามาตั้งแต่อายุยังน้อย สมัยก่อนคัดเลือกกันตั้งแต่หัวจรดเท้า ผิวพรรณ หุ่น บุคลิกภาพ ระยะการทำงานจนเกษียณก็สั้นกว่า มีการเทรนที่เข้มข้น standard สูง เขาง้องาน ค่าตอบแทนก็ไม่มากเท่าไหร่ คนทำงาน office บางที่ยังมีรายได้มากกว่า แต่โอกาสของชีวิตมีกว้างขึ้น และศักดิ์ศรีของการทำงานให้สายการบินแห่งชาติมันค้ำคออยู่ เด็กสาวเหล่านั้นถึงภูมิอกภูมิใจกันมาก ถ้าจำกันได้ เคยมี slogan ที่ว่า Singapore girl,A great way to fly. ทำงานจนติดโผ TOP 5 ในการแข่งขันระหว่างสายการบินแห่งชาติมาตลอด

ต้องมององค์รวมค่ะ...นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง เขาไม่ได้แค่สร้างสายการบินแห่งชาติ เขาสร้างค่านิยมเลยแหละ well plan มากๆ เครื่องแบบที่ใช้เคยเปลี่ยนที่ไหน เค้าคิดมาเยอะค่ะ ถึงอยู่ยงคงกระพัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่