สวัสดีครับ วันนี้ผมก็ไม่มีอะไรจะมาบ่นยืดยาวอะไรมากนะครับ
เอาเป็นว่าวันนี้จะมาขอพูดถึงตำนาน Music Game เกมส์หนึ่งที่ในบ้านเราก็มีกระแสตอบรับดีมาก
แต่ในปัจจุบันนี้ก็ได้ถูกปิดประตูลงแล้ว นั้นก็คือ DJMAX Series นั้นเอง
DJMAX เป็น Music Game ของสัญชาติเกาหลี ที่ได้กำเนิดขึ้นในปี 2003 โดยบริษัทที่มีชื่อว่า Pentavision
โดยเกมส์นี้ได้ออกเป็นภาคแรกโดยใช้ชื่อ DJMAX Online และเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2004
โดยเกมส์นี้เป็นเกมส์ที่ปฎิวัติวงการ Music Game เลยก็ได้ เพราะรูปการเล่นของเกมส์นี้ดูแปลกใหม่เป็นอย่างมาก
โดยการเล่นเกมส์นี้ จะเหมือนการกดตัวโน๊ตของเกมส์ที่มันหล่นลงมาให้ตรงจังหวะ
ซึ่งจะมีความยากที่แตกต่างกันไป แล้วแต่ที่ผู้เล่นต้องการจะเลือก
และในปี 2005 เนื่องจากกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจึงได้มี DJMAX Online Vol.2 ออกมาให้ทุกคนได้เล่นกัน
ซึ่งก็ได้มีการเพิ่มเพลงใหม่ๆเข้าไป โดยเพลงที่ได้ความนิยมเป็นอย่างมากก็คงหนีไม่พ้นเพลงที่มีชื่อว่า "Oblivion"
บอกเลยครับ ว่าเพลงแรกที่ผมเล่นใน DJMAX ก็คือเพลง Oblivion เนี่ยแหละครับ
แต่ตอนนั้นบ้านผมยังไม่มีเน็ตเลย ได้มาเล่นจริงๆ ก็ตอนไปบ้านเพื่อน ซึ่งตอนนั้นผมยังอยู่ประมาณ ป.3 เองครับ
และต่อมาในปี 2006 ก็ได้กำเนิด Series ใหม่ของ DJMAX อีกครั้ง ที่ตอนนั้นเครื่องเกมส์พกพาที่มาแรงแซงทางโค้งในขณะนั้น
ก็คงหนีไม่พ้นเครื่องเกมส์ PSP ที่เรียกว่าทันสมัยและเป็นของที่ผมในตอนนั้นโคตรอยากได้มาครอบครองมากๆเลย
ทางทีมผู้สร้างเกมส์นี้ จึงได้พัฒนาเกมส์นี้ต่อ และลงให้กับเครื่อง PSP โดยใช้ชื่อว่า DJMAX Portable มาโดยตลอด
โดยแต่ละภาคที่ปล่อยออกมานั้นมีตามนี้ครับ
2006 - DJMAX Portable
2007 - DJMAX Portable 2
และมาในปี 2008 ก็ได้มีโปรเจตใหม่ของ Series นี้
กับโปรเจต Metro Project ซึ่งโปรเจตนี้นั้นเป็นโปรเจตที่สามารถยั่วน้ำลายสาวก DJMAX ได้เป็นอย่างดี
มันเป็นยังไง ลองดูคลิปนี้ครับ
จะเห็นว่าเพลงและ BGA ในโปรเจตนี้นั้นดูดีและมีความสวยงาม
และทำมาให้เหมาะผู้เล่นที่ต้องการฟังเพลงหลากหลายแนวมากขึ้นด้วย
โดยเฉพาะโปรเจตตัวเกมส์ที่มีชื่อว่า DJMAX Technika ที่ผู้คนต่างก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
แต่ก่อนที่ตัวเกมส์นั้นจะออกมา ทาง Pentavision ก็ได้ทำการปล่อยเกมส์ของภาค Portable ออกมาเป็นน้ำจิ้มเล็กๆก่อน
นั้นก็คือ DJMAX Portable CLAZZIQUAI EDITION
ภาคนี้เป็นภาคที่ดูลงทุนดีนะครับ เพราะมีการเอาวงศิลปินเกาหลีที่ชื่อ CLAZZIQUAI มาแต่งเพลงให้กับเกมส์นี้เยอะมาก
เช่น Flea , Love Mode และอื่นๆอีกมากมาย ลงในภาคนี้เท่านั้น
และหลังจากปล่อยเกมส์ภาคนี้ออกไปได้ 7 วัน(?)ทางทีมผู้สร้างก็ได้ปล่อยของเด็ดออกมาแก้เผ็ดกันแล้ว
นั้นก็คือ DJMAX Technika นั้นเองครับ!
มันคืออะไร?
มันเป็นตู้เกมส์ Arcade ทั่วๆไปเลยครับ แต่จุดเด่นของเกมส์นี้ก็คือ มันเป็นระบบสัมผัสทั้งหมดเลย!
เห*ด!!! มันเป็นตู้เกมส์ที่แปลกมากในสมัยนั้นจริงๆครับ
เพราะมันเล่นโดยการใช้นิ้วมือของเราจิ้มๆๆๆๆๆตามตัวโน้ตที่ผ่านเส้นไปมานั้นเอง
Song - In my heart
เรียกว่าเป็นตู้เกมส์ที่เด่นและสะดุดตาของเหล่าผู้คนที่เดินผ่านไปมาเป็นอย่างมาก โดยในบ้านเรานั้นกว่าจะนำเข้ามาได้ก็ประมาณปี 2008
และได้ทำการเปิดเซิร์ฟเวอร์ของเกมส์นี้ในประเทศไทยอีกด้วย แต่ไม่ต้องถามถึงปัจจุบันนะ 55555
ส่วนกระแสตอบรับ บอกเลยว่าดีมากๆครับ มีทั้งกลุ่มแฟนที่ติดตามซี่รีย์นี้อยู่แล้ว และรวมทั้งกลุ่มใหม่ๆที่สนใจเกมส์นี้ด้วยเช่นกัน
และหลังจากนั้นประมาณ 2 เดือน ก็ยังไม่หยุดที่จะปล่อย 1 ในผลงานของโปรเจต Metro Project นี้ออกมาให้เราอิ่มกันอีกรอบ
กับซี่รีย์ภาค Portable น้องสุดท้อง นั้นก็คือ DJMAX Portable Black Square นั้นเอง
ดูๆแล้ว ภาคนี้ระบบทุกๆอย่างมันก็คล้ายภาค CLAZZIQUAI EDITION นั้นแหละ
แต่!!! .....ความเจ๋งของภาคนี้มันอยู่ที่ ภาคนี้มันโคตะระยากเลยครัช!
ซึ่งตอนนั้นผมเองก็เพิ่งได้ PSP ที่ตอนนั้นพ่อซื้อให้เป็นของขวัญที่เรียนได้เกรด 3
และผมก็ได้ลงเกมส์ๆนี้ลงในเครื่อง PSP ของผมในตอนนั้นด้วย บอกได้เลยว่า สาหัส มากๆเลยครับ 5555
ผมเล่นแล้ว Game Over หลายต่อหลายครั้ง จนนับไม่ถ้วน
แต่เพราะมันยากนี่แหละ มันท้าทายให้คนทุกๆคนควักกระเป๋าตังค์เพื่อซื้อเกมส์นี้กันนั้นเองครับ
และในวันเดียวกันที่ออกภาคนี้ จริงๆแล้วก็วันนั้นปล่อยมา 2 ภาคครับ อีกภาคนึงที่ว่าก็คือ DJMAX Trilogy ครับ
ถ้าถามว่าลงให้กับ PSP เหรอ? เปล่าครับ ลงเครื่อง PC ครับ
โดยในภาคนี้เป็นภาคที่มีเพลงรวมอยู่ในแผ่นเกมส์นี้ นับร้อยกว่าเพลงเลยก็ได้ครับ
แถมยังมีระบบออนไลน์ด้วย สามารถที่จะออนไลน์ได้ทั่วโลก เพื่อไป Battle กับคนอื่นๆได้เลยครับ
และแน่นอนในเมื่อมันมีระบบออนไลน์แล้ว DJMAX Online ก็ได้ถูกปิดเซิร์ฟเวอร์ไป
และก็หันมาเปิดเซิร์ฟเวอร์ของ Trilogy แทนภาค Online ที่ปิดไปแล้วนั้นเอง
และจากนั้นช่วงต้นปี 2009 ก็ได้ปล่อยภาคใหม่ของซี่รีย์ Portable อีกตามเคย
นั้นก็คือ DJMAX Portable Fever ครับ
โดยส่วนตัวของผมมองว่าภาคนี้ เหมือนเอาเพลงจากภาคก่อนๆมาหากิน ผมเลยเล่นภาคนี้ได้ไม่นานเท่าไหร่
ระบบทุกๆอย่าง ก็คล้ายๆกับของภาค 1 และ 2 แบบที่คุ้นเคยกันดีเหมือนเดิมครับ แต่ยังไงก็ยังยัดมาเล่นอยู่ดี อิอิ
และในช่วงปลายปี 2009 ก็ได้มี DJMAX Moblie เกิดมาให้ทุกๆคนได้เล่นกันบนมือถือ
แต่ดูเหมือนจะหากินไม่ค่อยรุ่งเท่าไหร่ เพราะรูปแบบการเล่นนั้น ดูค่อนข้างจะลำบากไม่เหมาะกับการเล่นบนมือถือในสมัยนั้นซะเท่าไหร่
กระแสเลยเงียบและดับไปนั้นเองครับ
หลังจากนั้นช่วงเดือนมิถุนายนปี 2010 ก็ได้มีการปล่อยภาค Portable มาหากินกันต่ออีกเช่นเคย
กับ DJMAX Portable Hot Tunes
ก็เช่นเคยครับ ทุกๆอย่างดูเหมือนเดิมครับ แต่ก็ได้มีการเพิ่มเพลงใหม่ๆเข้าไป เพื่อไม่ให้ดูน่าเบื่อที่จะต้องเล่นแต่เพลงเดิมๆมาเป็นเวลานาน
เช่นการนำเพลงจากภาค Technika มาใช้ในเกมส์ภาคนี้เป็นต้น
แต่ว่านะครับ! ทั้งโลกก็ต้องตะลึง! เพราะหลังจากนั้นไม่กี่วัน
DJMAX Technika 2 ก็ได้ปล่อยออกมาให้ทุกคนได้เล่นกัน! โอ้ว พระสงฆ์!
แต่เป็นการ Reuse นะครับ สำหรับตัวตู้ เพราะใช้ตู้เก่านั้นแหละ แต่แค่ใช้ชุดอัพเกรดตัวตู้ มาอัพใหม่เป็นเกมส์ใหม่ในทันทีครับ
ก็ประหยัดเวลาดีนะครับ 55555
ภาคนี้ก็สุดยอดครับ เพลงใหม่ๆมาเยอะมาก และมีโหมดตี Crew ของคนอื่น เพื่อเก็บแต้ม Win ให้สะใจกันเล่นๆด้วยครับ
และภาคนี้ปรับใหม่ทุกอย่าง ทั้งการคิดคะแนน จำนวน Stage และเพิ่มระบบ Fever เพื่อเป็นการเพิ่มคะแนนในระยะเวลาของ Fever ที่ใช้อยู่
และแน่นอนความยากที่เพิ่มขึ้นอย่างการกดโน้ต 3 ปุ่มในเพลง Rage Of Demon ความเร็วสุดนรก อย่างเพลง D2 ถ้าหากเป็นระดับ Maximum ล่ะ
ลองดูสิครับ...
พระเจ้า! มือคนธรรมดายังพวกตรูมันจะพังก็เพราะอีเพลงนี้แหละ! ไอ้
ดด! 5555
เรียกได้ว่า กลับมายิ่งใหญ่ขนาดนี้ กระแสตอบรับต้องดีอย่างล้นหลามสุดๆแหละ แต่ประเด็นคือ...
คนไทยกว่าจะได้เล่นก็ปาไปเกือบจะ 1 ปีแล้วนะครัช! แต่ก็เอาเถอะ ดีกว่าไม่มีให้เล่น เหอะๆ
หลังจากนั้นช่วงปลายปี 2010 ก็ได้ปล่อยซี่รีย์ Portable ในตำนานออกมาเป็นตัวสุดท้ายแล้วจริงๆ
โดยใช้ชื่อภาคว่า DJMAX Portable 3
ส่วนตัวภาคนี้ทำออกมาได้สวยและดูดีที่สุดแล้วครับ และเล่นค่อนข้างง่ายกว่าภาคก่อนๆเยอะครับ
เอาเพลงจากภาค Technika 2 มาลงในภาคนี้เยอะครับ
แต่ผิดหวังตรงที่ดันตัดระบบ Network ออก เลยไม่สามารถไปแข่งเล่นกับเครื่องคนอื่นๆได้ครับ
แต่โดยรวมก็ทำออกมาได้ดีครับ ส่วนตัวชอบภาคนี้สุดแล้วล่ะ อิอิ
และจากนั้นผ่านไปถึง 1 ปีเต็มๆ ก็ได้ปล่อยของเด็ดมาอีกแล้วกับ DJMAX Technika 3
ภาคนี้ก็ยั่วน้ำลายทุกคนตามเคยครับ เพลงเพิ่มมาเยอะมาก และที่สำคัญยังได้ลิขสิทธิ์เพลงของศิลปิน KPOP มาด้วย
โดยศิลปิน KPOP ที่ว่านั้นก็คือวง KARA ครับ มีเพลงของ KARA มาอยู่ในภาคนี้เพียบ เช่น Jumping , Step , Mister เป็นต้น
ภาคนี้มีระบบเก็บ Mission (Crew Challenge) เพื่อเอาป้าย Plate เป็นของรางวัลฟรีด้วยจ้า (แต่ผมไม่เคยกดเข้าไปเล่นเลยซักครั้ง ถถถ)
และช่วงหน้าร้อนปี 2012 ที่ตอนนั้น PSVITA กำลังมาแรงได้นำซี่รีย์ของ Technika มาทำลงบนเครื่อง PSVITA
ภาคที่ว่านั้นก็คือ DJMAX Technika Tune
เหมือนเป็นการพอร์ตจากเวอร์ชั่นตู้มาลงในเครื่อง PSVITA และเราก็จิ้มบนจอขนาด 5 นิ้วนั้นแทนครับ
(เพราะเกมส์นี้แหละ ถึงทำให้ผมซื้อ PSVITA อิอิ)
สุดท้ายในปี 2012 เช่นกันนั้นแหละ ก็ได้มีการปล่อย DJMAX Ray ออกมาบน Smartphone อย่าง iOS ครับ (Android ค่อยตามมาทีหลังประมาณ 3 เดือน)
รูปแบบเกมส์นั้นคล้ายๆ Tap Sonic ครับ แต่แค่เราเล่นแล้วจะมีเสียง Key Sound ตามแบบฉบับ DJMAX เป๊ะๆครับ ไม่ใช่กดตามเสียง ซึ่งดูไม่สนุก
และน่าเบื่อ และแน่นอนมันก็ต้องมีแต่เพลงของ DJMAX ครับ มีตั้งแต่ภาคแรกๆยันภาค Technika3 รวมทั้งตัวเพลงของภาคนี้เองด้วย
แต่แล้ว...ประตูก็ได้ปิดลง เมื่อสวรรค์ไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่ เพราะบริษัทพันธมิตรด้วยกันอย่าง Neowiz ที่เวลาเราเข้าเกมส์แล้วจะมีชื่อของบริษัทนี้
ขึ้นมาตลอดก็ได้ทำการ Take Over บริษัทนี้ ก็เท่ากับว่าทีมงานของ Pentavision ทุกๆคนก็ต้องไปอยู่ที่บ้านของ Neowiz แทนนั้นเอง
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ DJMAX ในตอนนั้นเงียบลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่สวรรค์ก็ยังเต็มใจ และส่งให้ทีมงาน DJMAX ที่คงหลงเหลืออยู่นั้นได้ปล่อย DJMAX Technika Q ออกมาช่วงปี 2013
แต่สุดท้ายแล้ว จนถึงบัดนี้ เซิร์ฟเวอร์ยังเปิดอยู่ก็จริง แต่เปิดไปก็เท่านั้น เพราะบรรดาแฟนเกมส์ซี่รีย์นี่เองก็คงจะเริ่มเบื่อ
และกระแสก็ได้เงียบลง และในช่วงสิ้นปี 2013 เซิร์ฟของ DJMAX Technika 3 รวมทั้ง Trilogy ก็ได้ปิดตัวลงไปแล้ว
แต่ในตอนนี้ทางทีมงานก็ยังไม่หายไปไหน เพราะทีมงานเก่าของ Pentavision ได้ไปเปิดบ้านใหม่ที่มีชื่อ Nurijoy แทนแล้ว
และได้ปล่อยเกมส์โดยทีมงานทีมเดิมของ Technika นั้นก็คือ Beatcraft Cyclon ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีให้เล่นในไทยครับ
และตอนนี้ก็คงจบแล้วล่ะครับ
มีอะไรก็พูดคุยกันได้ที่ Facebook - DJMAX Gamers Thailand ได้เลยนะครับ
ตำนาน Music Game ที่ไม่มีวันถูกลืม "DJMAX"
เอาเป็นว่าวันนี้จะมาขอพูดถึงตำนาน Music Game เกมส์หนึ่งที่ในบ้านเราก็มีกระแสตอบรับดีมาก
แต่ในปัจจุบันนี้ก็ได้ถูกปิดประตูลงแล้ว นั้นก็คือ DJMAX Series นั้นเอง
DJMAX เป็น Music Game ของสัญชาติเกาหลี ที่ได้กำเนิดขึ้นในปี 2003 โดยบริษัทที่มีชื่อว่า Pentavision
โดยเกมส์นี้ได้ออกเป็นภาคแรกโดยใช้ชื่อ DJMAX Online และเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2004
โดยเกมส์นี้เป็นเกมส์ที่ปฎิวัติวงการ Music Game เลยก็ได้ เพราะรูปการเล่นของเกมส์นี้ดูแปลกใหม่เป็นอย่างมาก
โดยการเล่นเกมส์นี้ จะเหมือนการกดตัวโน๊ตของเกมส์ที่มันหล่นลงมาให้ตรงจังหวะ
ซึ่งจะมีความยากที่แตกต่างกันไป แล้วแต่ที่ผู้เล่นต้องการจะเลือก
และในปี 2005 เนื่องจากกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจึงได้มี DJMAX Online Vol.2 ออกมาให้ทุกคนได้เล่นกัน
ซึ่งก็ได้มีการเพิ่มเพลงใหม่ๆเข้าไป โดยเพลงที่ได้ความนิยมเป็นอย่างมากก็คงหนีไม่พ้นเพลงที่มีชื่อว่า "Oblivion"
บอกเลยครับ ว่าเพลงแรกที่ผมเล่นใน DJMAX ก็คือเพลง Oblivion เนี่ยแหละครับ
แต่ตอนนั้นบ้านผมยังไม่มีเน็ตเลย ได้มาเล่นจริงๆ ก็ตอนไปบ้านเพื่อน ซึ่งตอนนั้นผมยังอยู่ประมาณ ป.3 เองครับ
และต่อมาในปี 2006 ก็ได้กำเนิด Series ใหม่ของ DJMAX อีกครั้ง ที่ตอนนั้นเครื่องเกมส์พกพาที่มาแรงแซงทางโค้งในขณะนั้น
ก็คงหนีไม่พ้นเครื่องเกมส์ PSP ที่เรียกว่าทันสมัยและเป็นของที่ผมในตอนนั้นโคตรอยากได้มาครอบครองมากๆเลย
ทางทีมผู้สร้างเกมส์นี้ จึงได้พัฒนาเกมส์นี้ต่อ และลงให้กับเครื่อง PSP โดยใช้ชื่อว่า DJMAX Portable มาโดยตลอด
โดยแต่ละภาคที่ปล่อยออกมานั้นมีตามนี้ครับ
2006 - DJMAX Portable
2007 - DJMAX Portable 2
และมาในปี 2008 ก็ได้มีโปรเจตใหม่ของ Series นี้
กับโปรเจต Metro Project ซึ่งโปรเจตนี้นั้นเป็นโปรเจตที่สามารถยั่วน้ำลายสาวก DJMAX ได้เป็นอย่างดี
มันเป็นยังไง ลองดูคลิปนี้ครับ
จะเห็นว่าเพลงและ BGA ในโปรเจตนี้นั้นดูดีและมีความสวยงาม
และทำมาให้เหมาะผู้เล่นที่ต้องการฟังเพลงหลากหลายแนวมากขึ้นด้วย
โดยเฉพาะโปรเจตตัวเกมส์ที่มีชื่อว่า DJMAX Technika ที่ผู้คนต่างก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
แต่ก่อนที่ตัวเกมส์นั้นจะออกมา ทาง Pentavision ก็ได้ทำการปล่อยเกมส์ของภาค Portable ออกมาเป็นน้ำจิ้มเล็กๆก่อน
นั้นก็คือ DJMAX Portable CLAZZIQUAI EDITION
ภาคนี้เป็นภาคที่ดูลงทุนดีนะครับ เพราะมีการเอาวงศิลปินเกาหลีที่ชื่อ CLAZZIQUAI มาแต่งเพลงให้กับเกมส์นี้เยอะมาก
เช่น Flea , Love Mode และอื่นๆอีกมากมาย ลงในภาคนี้เท่านั้น
และหลังจากปล่อยเกมส์ภาคนี้ออกไปได้ 7 วัน(?)ทางทีมผู้สร้างก็ได้ปล่อยของเด็ดออกมาแก้เผ็ดกันแล้ว
นั้นก็คือ DJMAX Technika นั้นเองครับ!
มันคืออะไร?
มันเป็นตู้เกมส์ Arcade ทั่วๆไปเลยครับ แต่จุดเด่นของเกมส์นี้ก็คือ มันเป็นระบบสัมผัสทั้งหมดเลย!
เห*ด!!! มันเป็นตู้เกมส์ที่แปลกมากในสมัยนั้นจริงๆครับ
เพราะมันเล่นโดยการใช้นิ้วมือของเราจิ้มๆๆๆๆๆตามตัวโน้ตที่ผ่านเส้นไปมานั้นเอง
Song - In my heart
เรียกว่าเป็นตู้เกมส์ที่เด่นและสะดุดตาของเหล่าผู้คนที่เดินผ่านไปมาเป็นอย่างมาก โดยในบ้านเรานั้นกว่าจะนำเข้ามาได้ก็ประมาณปี 2008
และได้ทำการเปิดเซิร์ฟเวอร์ของเกมส์นี้ในประเทศไทยอีกด้วย แต่ไม่ต้องถามถึงปัจจุบันนะ 55555
ส่วนกระแสตอบรับ บอกเลยว่าดีมากๆครับ มีทั้งกลุ่มแฟนที่ติดตามซี่รีย์นี้อยู่แล้ว และรวมทั้งกลุ่มใหม่ๆที่สนใจเกมส์นี้ด้วยเช่นกัน
และหลังจากนั้นประมาณ 2 เดือน ก็ยังไม่หยุดที่จะปล่อย 1 ในผลงานของโปรเจต Metro Project นี้ออกมาให้เราอิ่มกันอีกรอบ
กับซี่รีย์ภาค Portable น้องสุดท้อง นั้นก็คือ DJMAX Portable Black Square นั้นเอง
ดูๆแล้ว ภาคนี้ระบบทุกๆอย่างมันก็คล้ายภาค CLAZZIQUAI EDITION นั้นแหละ
แต่!!! .....ความเจ๋งของภาคนี้มันอยู่ที่ ภาคนี้มันโคตะระยากเลยครัช!
ซึ่งตอนนั้นผมเองก็เพิ่งได้ PSP ที่ตอนนั้นพ่อซื้อให้เป็นของขวัญที่เรียนได้เกรด 3
และผมก็ได้ลงเกมส์ๆนี้ลงในเครื่อง PSP ของผมในตอนนั้นด้วย บอกได้เลยว่า สาหัส มากๆเลยครับ 5555
ผมเล่นแล้ว Game Over หลายต่อหลายครั้ง จนนับไม่ถ้วน
แต่เพราะมันยากนี่แหละ มันท้าทายให้คนทุกๆคนควักกระเป๋าตังค์เพื่อซื้อเกมส์นี้กันนั้นเองครับ
และในวันเดียวกันที่ออกภาคนี้ จริงๆแล้วก็วันนั้นปล่อยมา 2 ภาคครับ อีกภาคนึงที่ว่าก็คือ DJMAX Trilogy ครับ
ถ้าถามว่าลงให้กับ PSP เหรอ? เปล่าครับ ลงเครื่อง PC ครับ
โดยในภาคนี้เป็นภาคที่มีเพลงรวมอยู่ในแผ่นเกมส์นี้ นับร้อยกว่าเพลงเลยก็ได้ครับ
แถมยังมีระบบออนไลน์ด้วย สามารถที่จะออนไลน์ได้ทั่วโลก เพื่อไป Battle กับคนอื่นๆได้เลยครับ
และแน่นอนในเมื่อมันมีระบบออนไลน์แล้ว DJMAX Online ก็ได้ถูกปิดเซิร์ฟเวอร์ไป
และก็หันมาเปิดเซิร์ฟเวอร์ของ Trilogy แทนภาค Online ที่ปิดไปแล้วนั้นเอง
และจากนั้นช่วงต้นปี 2009 ก็ได้ปล่อยภาคใหม่ของซี่รีย์ Portable อีกตามเคย
นั้นก็คือ DJMAX Portable Fever ครับ
โดยส่วนตัวของผมมองว่าภาคนี้ เหมือนเอาเพลงจากภาคก่อนๆมาหากิน ผมเลยเล่นภาคนี้ได้ไม่นานเท่าไหร่
ระบบทุกๆอย่าง ก็คล้ายๆกับของภาค 1 และ 2 แบบที่คุ้นเคยกันดีเหมือนเดิมครับ แต่ยังไงก็ยังยัดมาเล่นอยู่ดี อิอิ
และในช่วงปลายปี 2009 ก็ได้มี DJMAX Moblie เกิดมาให้ทุกๆคนได้เล่นกันบนมือถือ
แต่ดูเหมือนจะหากินไม่ค่อยรุ่งเท่าไหร่ เพราะรูปแบบการเล่นนั้น ดูค่อนข้างจะลำบากไม่เหมาะกับการเล่นบนมือถือในสมัยนั้นซะเท่าไหร่
กระแสเลยเงียบและดับไปนั้นเองครับ
หลังจากนั้นช่วงเดือนมิถุนายนปี 2010 ก็ได้มีการปล่อยภาค Portable มาหากินกันต่ออีกเช่นเคย
กับ DJMAX Portable Hot Tunes
ก็เช่นเคยครับ ทุกๆอย่างดูเหมือนเดิมครับ แต่ก็ได้มีการเพิ่มเพลงใหม่ๆเข้าไป เพื่อไม่ให้ดูน่าเบื่อที่จะต้องเล่นแต่เพลงเดิมๆมาเป็นเวลานาน
เช่นการนำเพลงจากภาค Technika มาใช้ในเกมส์ภาคนี้เป็นต้น
แต่ว่านะครับ! ทั้งโลกก็ต้องตะลึง! เพราะหลังจากนั้นไม่กี่วัน
DJMAX Technika 2 ก็ได้ปล่อยออกมาให้ทุกคนได้เล่นกัน! โอ้ว พระสงฆ์!
แต่เป็นการ Reuse นะครับ สำหรับตัวตู้ เพราะใช้ตู้เก่านั้นแหละ แต่แค่ใช้ชุดอัพเกรดตัวตู้ มาอัพใหม่เป็นเกมส์ใหม่ในทันทีครับ
ก็ประหยัดเวลาดีนะครับ 55555
ภาคนี้ก็สุดยอดครับ เพลงใหม่ๆมาเยอะมาก และมีโหมดตี Crew ของคนอื่น เพื่อเก็บแต้ม Win ให้สะใจกันเล่นๆด้วยครับ
และภาคนี้ปรับใหม่ทุกอย่าง ทั้งการคิดคะแนน จำนวน Stage และเพิ่มระบบ Fever เพื่อเป็นการเพิ่มคะแนนในระยะเวลาของ Fever ที่ใช้อยู่
และแน่นอนความยากที่เพิ่มขึ้นอย่างการกดโน้ต 3 ปุ่มในเพลง Rage Of Demon ความเร็วสุดนรก อย่างเพลง D2 ถ้าหากเป็นระดับ Maximum ล่ะ
ลองดูสิครับ...
พระเจ้า! มือคนธรรมดายังพวกตรูมันจะพังก็เพราะอีเพลงนี้แหละ! ไอ้
เรียกได้ว่า กลับมายิ่งใหญ่ขนาดนี้ กระแสตอบรับต้องดีอย่างล้นหลามสุดๆแหละ แต่ประเด็นคือ...
คนไทยกว่าจะได้เล่นก็ปาไปเกือบจะ 1 ปีแล้วนะครัช! แต่ก็เอาเถอะ ดีกว่าไม่มีให้เล่น เหอะๆ
หลังจากนั้นช่วงปลายปี 2010 ก็ได้ปล่อยซี่รีย์ Portable ในตำนานออกมาเป็นตัวสุดท้ายแล้วจริงๆ
โดยใช้ชื่อภาคว่า DJMAX Portable 3
ส่วนตัวภาคนี้ทำออกมาได้สวยและดูดีที่สุดแล้วครับ และเล่นค่อนข้างง่ายกว่าภาคก่อนๆเยอะครับ
เอาเพลงจากภาค Technika 2 มาลงในภาคนี้เยอะครับ
แต่ผิดหวังตรงที่ดันตัดระบบ Network ออก เลยไม่สามารถไปแข่งเล่นกับเครื่องคนอื่นๆได้ครับ
แต่โดยรวมก็ทำออกมาได้ดีครับ ส่วนตัวชอบภาคนี้สุดแล้วล่ะ อิอิ
และจากนั้นผ่านไปถึง 1 ปีเต็มๆ ก็ได้ปล่อยของเด็ดมาอีกแล้วกับ DJMAX Technika 3
ภาคนี้ก็ยั่วน้ำลายทุกคนตามเคยครับ เพลงเพิ่มมาเยอะมาก และที่สำคัญยังได้ลิขสิทธิ์เพลงของศิลปิน KPOP มาด้วย
โดยศิลปิน KPOP ที่ว่านั้นก็คือวง KARA ครับ มีเพลงของ KARA มาอยู่ในภาคนี้เพียบ เช่น Jumping , Step , Mister เป็นต้น
ภาคนี้มีระบบเก็บ Mission (Crew Challenge) เพื่อเอาป้าย Plate เป็นของรางวัลฟรีด้วยจ้า (แต่ผมไม่เคยกดเข้าไปเล่นเลยซักครั้ง ถถถ)
และช่วงหน้าร้อนปี 2012 ที่ตอนนั้น PSVITA กำลังมาแรงได้นำซี่รีย์ของ Technika มาทำลงบนเครื่อง PSVITA
ภาคที่ว่านั้นก็คือ DJMAX Technika Tune
เหมือนเป็นการพอร์ตจากเวอร์ชั่นตู้มาลงในเครื่อง PSVITA และเราก็จิ้มบนจอขนาด 5 นิ้วนั้นแทนครับ
(เพราะเกมส์นี้แหละ ถึงทำให้ผมซื้อ PSVITA อิอิ)
สุดท้ายในปี 2012 เช่นกันนั้นแหละ ก็ได้มีการปล่อย DJMAX Ray ออกมาบน Smartphone อย่าง iOS ครับ (Android ค่อยตามมาทีหลังประมาณ 3 เดือน)
รูปแบบเกมส์นั้นคล้ายๆ Tap Sonic ครับ แต่แค่เราเล่นแล้วจะมีเสียง Key Sound ตามแบบฉบับ DJMAX เป๊ะๆครับ ไม่ใช่กดตามเสียง ซึ่งดูไม่สนุก
และน่าเบื่อ และแน่นอนมันก็ต้องมีแต่เพลงของ DJMAX ครับ มีตั้งแต่ภาคแรกๆยันภาค Technika3 รวมทั้งตัวเพลงของภาคนี้เองด้วย
แต่แล้ว...ประตูก็ได้ปิดลง เมื่อสวรรค์ไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่ เพราะบริษัทพันธมิตรด้วยกันอย่าง Neowiz ที่เวลาเราเข้าเกมส์แล้วจะมีชื่อของบริษัทนี้
ขึ้นมาตลอดก็ได้ทำการ Take Over บริษัทนี้ ก็เท่ากับว่าทีมงานของ Pentavision ทุกๆคนก็ต้องไปอยู่ที่บ้านของ Neowiz แทนนั้นเอง
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ DJMAX ในตอนนั้นเงียบลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่สวรรค์ก็ยังเต็มใจ และส่งให้ทีมงาน DJMAX ที่คงหลงเหลืออยู่นั้นได้ปล่อย DJMAX Technika Q ออกมาช่วงปี 2013
แต่สุดท้ายแล้ว จนถึงบัดนี้ เซิร์ฟเวอร์ยังเปิดอยู่ก็จริง แต่เปิดไปก็เท่านั้น เพราะบรรดาแฟนเกมส์ซี่รีย์นี่เองก็คงจะเริ่มเบื่อ
และกระแสก็ได้เงียบลง และในช่วงสิ้นปี 2013 เซิร์ฟของ DJMAX Technika 3 รวมทั้ง Trilogy ก็ได้ปิดตัวลงไปแล้ว
แต่ในตอนนี้ทางทีมงานก็ยังไม่หายไปไหน เพราะทีมงานเก่าของ Pentavision ได้ไปเปิดบ้านใหม่ที่มีชื่อ Nurijoy แทนแล้ว
และได้ปล่อยเกมส์โดยทีมงานทีมเดิมของ Technika นั้นก็คือ Beatcraft Cyclon ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีให้เล่นในไทยครับ
และตอนนี้ก็คงจบแล้วล่ะครับ
มีอะไรก็พูดคุยกันได้ที่ Facebook - DJMAX Gamers Thailand ได้เลยนะครับ