เด็กเมืองมั่นหน้า อยากจะเป็นครูอาสาบนดอย ด้วยแนวคิด "โตแล้ว อยากไปไหนไป อยากทำอะไรทำ แม่ไม่รู้"

สวัสดีค่ะ เรื่องราวในวันนี้เป็นเรื่องของเจ้าของกระทู้กับเพื่อนๆที่ไปเป็นครูอาสาบนโรงเรียนตชด.แห่งหนึ่ง จะเรียกว่าจขกท.หลอกเพื่อนไปก็ได้ค่ะ เพราะบอกเพื่อนว่าจะพาไปเที่ยวเชียงใหม่นะ แล้ว "แวะ" ไปที่โรงเรียนสักพัก ไปสอนน้องๆบนนั้นกัน เพื่อนก็เชื่อใจค่ะ ตามจขกท.ไป แต่ละคนก็เตรียมชุดเตรียมกล้องไปแอ่วเชียงใหม่กันค่ะ โดยไม่มีใครเอะใจรอยยิ้มมุมปากของจขกท.แม้แต่น้อย.... หึๆๆๆ

ยังค่ะ ยังยิ้มๆ ยังไม่รู้ความจริง

หลังจาพาเพื่อนไปเที่ยวในเชียงใหม่ย้อมใจแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาของจริงค่ะ การเดินทางขึ้นไปบนรร.ที่จขกท หมายตาไว้นั้นขึ้นไปลำบากมากค่ะ  พวกเราต้องนั่งรถกะบะเข้าไป เพราะตลอดเส้นทางยังเป็นดินเลน เพราะเป็นพท.ของอุทยานแห่งชาติ ตอนนี้เพื่อนๆยังสนุกอยู่ค่ะ อากาศหนาวๆ กรึ่มๆ วิวก็สวย ยังถ่ายรูปถ่ายคลิปโพสต์ลงโซเชียลกันสนุกสนาน


พอเข้ามาได้ครึ่งทางความลำบากเริ่มมีให้เห็นแล้วค่ะ จขกท.เองก็เริ่มกังวลว่าเพื่อนเราจะอยู่ไหวมั้ยว้า...อย่าว่าแต่เพื่อนเลย จขกท.เองก็ชักไม่แน่ใจ แต่ดีที่ได้ "welcome drink " เข้าไป เลือดสูบฉีดค่ะ อากาศหนาวเท่าไหร่ก็บ่ยั่น เห็นอะไรก็ขำค่ะทีนี้ แก้มแดงหน้าแดงกันเป็นแถว


นี่เป็นจุดขายของในละแวกนั้นค่ะ อารมณ์เหมือน7-11บนพื้นราบ คิดถึงเปาแรบบิทอุ่นๆเลยทีเดียว

จากการเดินทางขาขึ้นไปนั้นทำให้เพื่อนๆค่อยๆตระหนักว่าการจะกลับลงไปเจอแสงสีที่ปายและเชียงใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป นี่คงไม่ใช่การพักผ่อน"ชิคๆ" อย่างที่คิดซะแล้ววววว  และในที่สุดเราก็ขึ้นไปถึงโรงเรียนได้สำเร็จ รร.ที่นั่นเป็นศูนย์พอสว.แห่งแรก เด็กๆเป็นชาวอาข่า จีน ปะหล่อง ทุกคนต่างได้สัญชาติไทย แต่ด้วยเป็นพท.ของอุทยานแห่งชาติ จึงไม่สามารถนำเอาสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างไฟฟ้าประปาเข้ามาได้ ก็จะใช้น้ำจากภูเขาและไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลแทน รพ.ที่ใกล้ที่สุดห่างออกไปอีกหลาย 10 กิโลทีเดียว...

พวกเรา 4 คนถึงแม้จะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็เลือกเรียนสาขาวิชาที่แตกต่างกัน คือเภสัช แพทย์ เศรษศาสตร์ และนิติ พวกเราวางแผนกันทันทีว่าจะสอนเด็กๆและพี่น้องในหมู่บ้านเรื่องการทำบัญชีง่ายๆ สุขอนามัยพื้นฐาน และการใช้ยาสามัญ...ในพื้นที่ที่ชาวบ้านทะเลาะกับป่าไม้เรื่องการบุกรุกป่าอยู่เนืองๆ ทั้งๆที่เค้าอยู่มาก่อนหลายสิบปี เด็กนิติอย่างจขกท.ดูจะไร้ประโยชน์ไปเลยล่ะค่ะ ==  จขกท.จึงรับผิดชอบเรื่องวิชาสามัญแทน ค่อยทำตัวมีประโยชน์ขึ้นมาหน่อย

วันแรกที่เราไปเราก็ลงไปเล่นเกมกับน้องๆเพื่อสร้างความสนิทสนมเลยค่ะ น้องๆน่ารักมาก ตื่นเต้น ให้ความร่วมมือ หลังจากเกมจบไปพวกเราก็สังเกตเห็นปัญหาทันที นั่นคือ
1.น้องๆที่นี่มีหลายช่วงอายุ หลายระดับชั้น ซึ่งเป็นการยากที่จะคิดกิจกรรมเดียวให้ทุกคนเล่นด้วยกันได้
2.เด็กๆพูดภาษาไทยเป็นภาษาที่สอง (ภาษาอังกฤษไม่ต้องพูดถึง) หลายๆครั้งมีหัวเราะคิกคักและแอบมองพี่ๆ น้องต้องแอบนินทาเราอยู่แน่ๆ แหม่
3.ความรู้ของเด็กๆที่นี่เทียบไมไ่ด้กับเด็กข้างล่างเลย เพราะการเรียนการสอนทำได้ไม่เต็มที่ คุณครูตชด.แต่ละคนต่างต้องรับผิดชอบงานมากกว่าการสอนด้วยกันทั้งนั้น

ขณะที่นอนลืมตาโพลงอยู่ในห้องพยาบาลกัน 4 คน (เข้านอนกันตั้งแต่3 ทุ่ม ) สิ่งหนึ่งที่จขกท.แน่ใจว่าทุกคนกำลังคิดเหมือนกันคือ...ทำไมมันแตกต่างกันแบบนี้ เด็กที่นี่ กับเด็กข้างล่าง ทั้งๆที่นั่งรถห่างออกไปไม่กี่ชม.เท่านั้น

ไทยกับไทย...ใยแตกต่างกัน...

นี่ขนาดเรายังไม่ได้เริ่มสอนอย่างจริงจัง ไม่ได้สัมผัสพวกเค้าอย่างเต็มที่...ตอนหน้าจะพาไปดูบทเรียนที่แกงค์เด็กแสบสอนให้กับคุณครูที่ไม่เจียมตัว บรรยากาศของโรงเรียนและหมู่บ้าน เรื่องผี และสิ่งที่พวกเราแอบเรียกกันขำๆว่า"ช้างเผือก" ในป่ากันค่ะ



ท่ามกลางอ้อมกอดของภูเขา มีหมู่บ้านเล็กๆซุกตัวอยู่ มารอดูกันว่าพวกเราจะทำอะไรให้ที่นี่ได้บ้าง หรือจะโดนกระทำแบบไหนบ้าง ==
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่