ตอนที่ 4 นี้ เล่าต่อสื่บเนื่องมาจาก 3 ตอนแรก
โดยท่านสามารถย้อนอ่านได้ ด้วยการคลิกลิงค์ด้านล่างนี้คะ
ตอนที่1 เรื่องเล่าจากคนโดนของ มาพร้อมอาการองค์ลง หรือ ผีเข้า จากคนธรรมดา สู่ทางที่ต้องเลือก..เจอกับตัวเลยอยากเล่า
http://pantip.com/profile/203018#topics
มาต่อกันในตอนที่ 4
ตอนที่ 4
ใกล้เข้ามาแล้วกับคำตอบที่รอคอย...
ตอนนี้หลายคน คงกำลังสับสน และสงสัยใช่ไมคะ
ว่าตกลงแล้ว ฉันมีองค์เทพหรือไม่ หรือ บางคนคิดแล้วว่าฉันโดนผีสิง
หรือบางคนอาจสรุปไปแล้วว่าฉัน บ้า...555
ตอนนี้บอกเลยว่าเรื่องผีสาง เทวดา คุณไสย์ ขาว ดำ..
เชื่อเต็ม100 ว่ามีอยู่จริง..
ถามว่าเรางมงายไม..?
เรามิได้งมงาย..เพราะเราเป็นคนมีเหตุผล..
เพียงแต่สิ่งที่เราทำตอนนี้คือการพยายามหาต้นเหตุ...
ทำให้เราขวนขวาย ประสบพบเจอสิ่งมากมาย
จนดูเหมือนว่าเรางมงาย..
ตอนนี้อะไรที่เราทำแล้วไม่เดือดร้อนใคร แล้วทำให้เรารู้ความจริงและการเลือกทางเดินของชีวิตเราก็จะทำ
เพราะตอนนี้เราทรมานเหลือเกิน...ไม่มีชีวิตเป็นปกติ
จนพี่ที่สนิทกันที่เป็นคนมีญาน และเหมือนเป็นเพื่อนคุยกับเราได้ในช่วงนี้
ก็บอกว่า..เราน่าจะไปบวชชีสักรอบก่อนวันเกิดนะ.. นั้นหมายความว่าเราต้องไปก่อนต้นเดือนธันวาคม
เราจึงตัดสินใจเลือกไปบวชชีที่ธรรมสถานแม่ชี...เพราะเป็นที่ที่เราเข้าไปแล้วรู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัย
ไม่น่ากลัว ที่สำคัญไม่เคร่งครัด..กับคนบวชใหม่อย่างเรา
สำหรับการเตรียมความพร้อมของเราคือเรากินอาหารมังสวิรัติไปล่วงหน้า 3 วัน
ตั้งใจว่าขณะถือบวช จะกินมัง.ตลอดอีก 3 วันเช่นเดียวกัน
และวันที่เราเลือกไป..ก็เป็นวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ สิ้นเดือน พย.
ในช่วงที่เราไปบวชชีที่นี้ทุกเย็นเราจะมีการสวดมนต์เช้าและสวดมนต์ทำวัดเย็น สวดนานมาก
และทุกครั้งที่สวดมนต์ เสียงก้องกังวานของปู่ที่นำสวดมนต์ มันช่างซึ่งกินใจ
ทำเอาเราร้องไห้สะอึกสะอื่น อีกแล้วคะ..นั้นแสดงว่า..คุณ...เขายังอยู่กะเรา
เอ้าอยากอยู่ อยู่ได้ก็อยู่กันไป...
และ ความเป็นโชคดีของฉันว่า ในวันอาทิตย์สิ้นเดือนนี้..
ที่ธรรมสถานมีพิธีบวงสรวงใหญ่..ของลูกศิษย์ ซึ่งประสบความสำเร็จและมาทำพิธีบวงสรวง
เป็นพิธีบวงสรวงเทวดาชุดใหญ่มูลค่าการจัดเตรียมงานเกือบแสนบาท
เพราะประกอบไปด้วยบายศรี ต่างๆ มากมาย ที่บรรจงพับและสรรสร้างได้สวยงาม
โดยเฉพาะพญานาคที่พับได้สวยงามวิจิตรพิสดารมากจนเหมือนมีชีวิต
ประกอบกับอาหารคาวหวาน ผลไม้ น้ำ นม อีกนับร้อย..
ดูแล้วงานคงจะใหญ่มากมาย..
แต่ในงานมีผู้มาร่วมพิธีแค่ไม่เกิน 50 คน..
เพราะเจ้าภาพเชิญเฉพาะคนในครอบครัว..ของตนเองเป็นหลัก
ส่วนเรา ก็ไปบวชชีพอดี..จึงได้อานิสงค์ร่วมบุญในวันนั้น
ในวันงานมีพระอาจารย์ซึ่งเป็นพระครูที่แม่ชี ท่านนับถือมาร่วมงานด้วย
แขกไปใครมาก็ต้องมาไหว้พระอาจารย์ องค์นี้ก่อน...และพระองค์นี้หละคะ
จะเป็นจุดเปลี่ยนให้กับชีวิตฉัน
ตอนเราไปบวชชีวันนั้น ดูเหมือนว่าที่ธรรมสถานทุกคนจะยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมงาน
ลูกศิษย์ประจำมีไม่กี่คน.คนมาอาศัยอย่างเราจึงได้เข้ามาช่วย
เตรียมดอกไม้ เตรียมข้าวของ..
และในวันงานนั้นเอง.....
เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีแล้วนั้น..
แม่ชี ท่านก็ได้ เบิกฟ้า.ด้วยการโยนติ้ว เสี่ยงทาย
พร้อมทั้งจุดธูป บอกเทวดา ฟ้าดิน ในการจะเริ่มพิธีกรรม
สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น... ทันใดนั่นเอง กลางแสงแดด ร้อน..นั้น
มีแสงคล้ายๆ ฟ้าฟาด ส่องลงมาจากฟ้า เหมือนสายฟ้าแลบ
เพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้น... เพียงแค่กระพริบตา..
ถือเป็นบุญตาที่ได้เห็น..เพราะมีหลายคนเล่าให้ฟังว่า แม่ชีท่านนี้มีบุญมาก..
มีปาฎิหารย์ เกิดขึ้นหลายอย่างกับท่าน
วันนี้เราได้ประจักษ์แก่สายตาแล้ว.....
ภายในงานนอกจากแขกญาติๆ ของเจ้าภาพแล้ว ก็จะมีลูกศิษย์ของแม่ชี
อีกประมาณ 20 คน และมี ร่างทรงพ่อปู่ฤษี (เขาเรียกกันแบบนั้น)
ซึ่งเราจำได้ว่า เราเคยเจอพี่เขาตั้งแต่เมื่อวันลอยกระทงแล้ว
ได้มาร่วมงานด้วย..
และเมื่อพิธีกรรมเริ่มขึ้น..
ปี่ ฆ้อง กลอง เริ่มบรรเลง..
บทสวดมนต์ อัญเชิญเทวดา...
ก็ปรากฏสิ่งมหัศจรรย์ ขึ้นมากมาย..
พี่ที่เป็นร่างทรงพ่อปู่ฤษี ...ดูเหมือนว่า จะเริ่มเข้าประทับทรง
เพราะกิริยาท่าทางเปลี่ยนไป..จากหนุ่มๆ กลายเป็นคนแก่..นั่งจิบน้ำชา..ยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาตั้งบนเก้าอีก
ส่วนทางด้านหลังลูกศิษย์อีกคนหนึ่ง ก็ มีองค์พ่อปูนาคา (หรือพญานาค )มา ก็เต้นรำรอบๆ งานพิธี.
หลายคน คงลุ้นระทึกละซิ ว่าเราจะเป็นอย่างไร ....แหม จะรอดหรือคะ..
อิฉันก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนจะขาดใจ.....เอาสะให้ได้..
ร้องอยู่นั้นหละ..ร้องจะรำคาญตนเอง..ว่าเฮ้อะ..เมื่อไหรจะหายเป็นแบบนี้สักที..
แล้วใครมาผ่านเรา...เราไม่เคยเห็นเลย..เขาต้องการอะไร..เฮ้อะ
ที่แน่นอน ทุกคนในงานมองเราเป็นตาเดียว..
บางคนก็เขามาพูดกับเราว่า..เอาน่า..เดียวก็เห็นเดียวก็รู้เอง..
ร้องไห้ได้ไม่นาน แม่ชี ท่านก็เดินมาพร้อมกับพระอาจารย์ มาหยุดตรงหน้าเรา
พระอาจารย์ก็รดน้ำมนต์แล้วพูดกับเราว่า...
“เปิด เปิด เจ้าจงเปิด...ขอให้เปิด..ต่อจากนี้ไป..เปิดแล้วจะได้มาช่วยคนมากมาย”
พอพูดจบ ก็รดน้ำมนต์และนำที่รดน้ำมนต์เคาะที่หัวเรา...
แล้วเราก็....
แล้วเราก็...
แล้วเราก็.... นิ่ง คะ..อยู่ๆ ก็นิ่ง...
แบบว่า หายเลย..เงียบเลย..หยุดกึกเลย..
เหมือนปิดสวิซ..แหมใครไม่รู้ ท่าจะพาไปเล่นหนังเป็นนางเอกเจ้าน้ำตาได้ดีทีเดียว
สั่งหยุดเป็นหยุด..
เออ เราก็แปลกใจ..เหมือนมีลมเย็นๆ พัดผ่าน..ทุกอย่างเบาสบาย
ความเงียบสงบกลับมาเยือน...อีกครั้งเป็นแน่...เรารู้สึกดีใจมาก
และเมื่อถึงช่วงบ่ายของพิธีกรรม ก็ได้มีคณะโซฮาน มาเล่นดนตรีอีกครั้ง
ครั้งนี้เรานั่งสมาธิตั่งจิตแนวแน่..พยายามเพ่งกระแสจิต..
ยิ่งเพ่งยิ่งปวดหัว..ยิ่งเพ่งก็ยิ่งมืดมิดไม่เห็นอะไร..
เราก็คิดอีกว่า..อ้าวไหนว่าเปิดแล้วไง เราก็น่าจะเห็นอะไรบ้างซิ
นี่แหละ..เพราะความที่เรามองอะไรไม่เห็นสักที ....ไม่เห็นสัมผัสอะไรได้เลย...
มันทำให้เรา รู้สึกว่า..เออ ตกลง นี่มันเป็นบุญ หรือ กรรมที่เราต้องชดใช้กันแน่
ทำไมคนอื่นเขาถึงเห็น.. แต่เราไม่เห็น หรือว่าเราต้องฝึกต่อไป
ก็เพราะเราไม่เห็น เราจึงพยายามหาคำตอบที่แท้จริงของชีวิต...
ถึงแม้ว่า ตอนนี้เราจะเริ่มทำใจบ้างแล้วว่า..
สงสัยชีวิตฉันคงต้อง..ได้เดินทางนี้เป็นแน่..
ฉันคงไม่สามารถ ไปเที่ยวเตร่ สังสรรค เฮฮา กินเบียร์วุ้นแสนอร่อย
ใช้ชีวิตร่าเริง เหมือนคนอื่นๆ ได้แล้ว...
หรือนานวันเข้าฉันอาจต้อง ถือศีลภาวนา กินมังสวิรัติไปตลอดชีวิต (โอ้วริบอาย มีเดี่ยมแร แสนอร่อย)
คิดไปก็เศร้าใจไป ..ปลอบใจตัวเองว่า เรามีบุญแล้วที่ท่านมามอบบารมีให้เรา..
เอาน่า มีคนเยอะแยะที่เป็นแบบเรา..เขายังอยู่ได้เลย
แต่ก็ยังไม่มีใครให้คำตอบในการใช้ชีวิตกับเราได้..
หลังจากเสร็จงานพิธีในวันนั้น..
เราก็กลับบ้านมาใช้ชีวิต...กลางวันทำงานแบบง่วงๆๆ
กลางคืน สวดมนต์ก่อนนอน..เข้านอนเร็ว เพราะต้องมีพลังงานบางอย่างปลุกให้ตื่นตี 3 อยู่ทุกคืน..
เพื่อนฝูงที่เคยนัดเจอก็ห่างหาย...
มีเวลาก็หาแต่ข้อมูลในอินเตอร์เนต เพื่อหาวิธีปฎิบัตตัว...
วันเวลาผ่านไปเหมือนจะมีความสุข...
ฉันพร่ำคิดกับตนเองเสมอว่า นี่เหรอความสุขของการมีองค์เทพ..คุ้มครอง..
ตอนที่4 เรื่องเล่าจากคนโดนของ มาพร้อมอาการองค์ลง หรือ ผีเข้า จากคนธรรมดา สู่ทางที่ต้องเลือก..เจอกับตัวเลยอยากเล่า
โดยท่านสามารถย้อนอ่านได้ ด้วยการคลิกลิงค์ด้านล่างนี้คะ
ตอนที่1 เรื่องเล่าจากคนโดนของ มาพร้อมอาการองค์ลง หรือ ผีเข้า จากคนธรรมดา สู่ทางที่ต้องเลือก..เจอกับตัวเลยอยากเล่า
http://pantip.com/profile/203018#topics
มาต่อกันในตอนที่ 4
ตอนที่ 4
ใกล้เข้ามาแล้วกับคำตอบที่รอคอย...
ตอนนี้หลายคน คงกำลังสับสน และสงสัยใช่ไมคะ
ว่าตกลงแล้ว ฉันมีองค์เทพหรือไม่ หรือ บางคนคิดแล้วว่าฉันโดนผีสิง
หรือบางคนอาจสรุปไปแล้วว่าฉัน บ้า...555
ตอนนี้บอกเลยว่าเรื่องผีสาง เทวดา คุณไสย์ ขาว ดำ..
เชื่อเต็ม100 ว่ามีอยู่จริง..
ถามว่าเรางมงายไม..?
เรามิได้งมงาย..เพราะเราเป็นคนมีเหตุผล..
เพียงแต่สิ่งที่เราทำตอนนี้คือการพยายามหาต้นเหตุ...
ทำให้เราขวนขวาย ประสบพบเจอสิ่งมากมาย
จนดูเหมือนว่าเรางมงาย..
ตอนนี้อะไรที่เราทำแล้วไม่เดือดร้อนใคร แล้วทำให้เรารู้ความจริงและการเลือกทางเดินของชีวิตเราก็จะทำ
เพราะตอนนี้เราทรมานเหลือเกิน...ไม่มีชีวิตเป็นปกติ
จนพี่ที่สนิทกันที่เป็นคนมีญาน และเหมือนเป็นเพื่อนคุยกับเราได้ในช่วงนี้
ก็บอกว่า..เราน่าจะไปบวชชีสักรอบก่อนวันเกิดนะ.. นั้นหมายความว่าเราต้องไปก่อนต้นเดือนธันวาคม
เราจึงตัดสินใจเลือกไปบวชชีที่ธรรมสถานแม่ชี...เพราะเป็นที่ที่เราเข้าไปแล้วรู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัย
ไม่น่ากลัว ที่สำคัญไม่เคร่งครัด..กับคนบวชใหม่อย่างเรา
สำหรับการเตรียมความพร้อมของเราคือเรากินอาหารมังสวิรัติไปล่วงหน้า 3 วัน
ตั้งใจว่าขณะถือบวช จะกินมัง.ตลอดอีก 3 วันเช่นเดียวกัน
และวันที่เราเลือกไป..ก็เป็นวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ สิ้นเดือน พย.
ในช่วงที่เราไปบวชชีที่นี้ทุกเย็นเราจะมีการสวดมนต์เช้าและสวดมนต์ทำวัดเย็น สวดนานมาก
และทุกครั้งที่สวดมนต์ เสียงก้องกังวานของปู่ที่นำสวดมนต์ มันช่างซึ่งกินใจ
ทำเอาเราร้องไห้สะอึกสะอื่น อีกแล้วคะ..นั้นแสดงว่า..คุณ...เขายังอยู่กะเรา
เอ้าอยากอยู่ อยู่ได้ก็อยู่กันไป...
และ ความเป็นโชคดีของฉันว่า ในวันอาทิตย์สิ้นเดือนนี้..
ที่ธรรมสถานมีพิธีบวงสรวงใหญ่..ของลูกศิษย์ ซึ่งประสบความสำเร็จและมาทำพิธีบวงสรวง
เป็นพิธีบวงสรวงเทวดาชุดใหญ่มูลค่าการจัดเตรียมงานเกือบแสนบาท
เพราะประกอบไปด้วยบายศรี ต่างๆ มากมาย ที่บรรจงพับและสรรสร้างได้สวยงาม
โดยเฉพาะพญานาคที่พับได้สวยงามวิจิตรพิสดารมากจนเหมือนมีชีวิต
ประกอบกับอาหารคาวหวาน ผลไม้ น้ำ นม อีกนับร้อย..
ดูแล้วงานคงจะใหญ่มากมาย..
แต่ในงานมีผู้มาร่วมพิธีแค่ไม่เกิน 50 คน..
เพราะเจ้าภาพเชิญเฉพาะคนในครอบครัว..ของตนเองเป็นหลัก
ส่วนเรา ก็ไปบวชชีพอดี..จึงได้อานิสงค์ร่วมบุญในวันนั้น
ในวันงานมีพระอาจารย์ซึ่งเป็นพระครูที่แม่ชี ท่านนับถือมาร่วมงานด้วย
แขกไปใครมาก็ต้องมาไหว้พระอาจารย์ องค์นี้ก่อน...และพระองค์นี้หละคะ
จะเป็นจุดเปลี่ยนให้กับชีวิตฉัน
ตอนเราไปบวชชีวันนั้น ดูเหมือนว่าที่ธรรมสถานทุกคนจะยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมงาน
ลูกศิษย์ประจำมีไม่กี่คน.คนมาอาศัยอย่างเราจึงได้เข้ามาช่วย
เตรียมดอกไม้ เตรียมข้าวของ..
และในวันงานนั้นเอง.....
เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีแล้วนั้น..
แม่ชี ท่านก็ได้ เบิกฟ้า.ด้วยการโยนติ้ว เสี่ยงทาย
พร้อมทั้งจุดธูป บอกเทวดา ฟ้าดิน ในการจะเริ่มพิธีกรรม
สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น... ทันใดนั่นเอง กลางแสงแดด ร้อน..นั้น
มีแสงคล้ายๆ ฟ้าฟาด ส่องลงมาจากฟ้า เหมือนสายฟ้าแลบ
เพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้น... เพียงแค่กระพริบตา..
ถือเป็นบุญตาที่ได้เห็น..เพราะมีหลายคนเล่าให้ฟังว่า แม่ชีท่านนี้มีบุญมาก..
มีปาฎิหารย์ เกิดขึ้นหลายอย่างกับท่าน
วันนี้เราได้ประจักษ์แก่สายตาแล้ว.....
ภายในงานนอกจากแขกญาติๆ ของเจ้าภาพแล้ว ก็จะมีลูกศิษย์ของแม่ชี
อีกประมาณ 20 คน และมี ร่างทรงพ่อปู่ฤษี (เขาเรียกกันแบบนั้น)
ซึ่งเราจำได้ว่า เราเคยเจอพี่เขาตั้งแต่เมื่อวันลอยกระทงแล้ว
ได้มาร่วมงานด้วย..
และเมื่อพิธีกรรมเริ่มขึ้น..
ปี่ ฆ้อง กลอง เริ่มบรรเลง..
บทสวดมนต์ อัญเชิญเทวดา...
ก็ปรากฏสิ่งมหัศจรรย์ ขึ้นมากมาย..
พี่ที่เป็นร่างทรงพ่อปู่ฤษี ...ดูเหมือนว่า จะเริ่มเข้าประทับทรง
เพราะกิริยาท่าทางเปลี่ยนไป..จากหนุ่มๆ กลายเป็นคนแก่..นั่งจิบน้ำชา..ยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาตั้งบนเก้าอีก
ส่วนทางด้านหลังลูกศิษย์อีกคนหนึ่ง ก็ มีองค์พ่อปูนาคา (หรือพญานาค )มา ก็เต้นรำรอบๆ งานพิธี.
หลายคน คงลุ้นระทึกละซิ ว่าเราจะเป็นอย่างไร ....แหม จะรอดหรือคะ..
อิฉันก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนจะขาดใจ.....เอาสะให้ได้..
ร้องอยู่นั้นหละ..ร้องจะรำคาญตนเอง..ว่าเฮ้อะ..เมื่อไหรจะหายเป็นแบบนี้สักที..
แล้วใครมาผ่านเรา...เราไม่เคยเห็นเลย..เขาต้องการอะไร..เฮ้อะ
ที่แน่นอน ทุกคนในงานมองเราเป็นตาเดียว..
บางคนก็เขามาพูดกับเราว่า..เอาน่า..เดียวก็เห็นเดียวก็รู้เอง..
ร้องไห้ได้ไม่นาน แม่ชี ท่านก็เดินมาพร้อมกับพระอาจารย์ มาหยุดตรงหน้าเรา
พระอาจารย์ก็รดน้ำมนต์แล้วพูดกับเราว่า...
“เปิด เปิด เจ้าจงเปิด...ขอให้เปิด..ต่อจากนี้ไป..เปิดแล้วจะได้มาช่วยคนมากมาย”
พอพูดจบ ก็รดน้ำมนต์และนำที่รดน้ำมนต์เคาะที่หัวเรา...
แล้วเราก็....
แล้วเราก็...
แล้วเราก็.... นิ่ง คะ..อยู่ๆ ก็นิ่ง...
แบบว่า หายเลย..เงียบเลย..หยุดกึกเลย..
เหมือนปิดสวิซ..แหมใครไม่รู้ ท่าจะพาไปเล่นหนังเป็นนางเอกเจ้าน้ำตาได้ดีทีเดียว
สั่งหยุดเป็นหยุด..
เออ เราก็แปลกใจ..เหมือนมีลมเย็นๆ พัดผ่าน..ทุกอย่างเบาสบาย
ความเงียบสงบกลับมาเยือน...อีกครั้งเป็นแน่...เรารู้สึกดีใจมาก
และเมื่อถึงช่วงบ่ายของพิธีกรรม ก็ได้มีคณะโซฮาน มาเล่นดนตรีอีกครั้ง
ครั้งนี้เรานั่งสมาธิตั่งจิตแนวแน่..พยายามเพ่งกระแสจิต..
ยิ่งเพ่งยิ่งปวดหัว..ยิ่งเพ่งก็ยิ่งมืดมิดไม่เห็นอะไร..
เราก็คิดอีกว่า..อ้าวไหนว่าเปิดแล้วไง เราก็น่าจะเห็นอะไรบ้างซิ
นี่แหละ..เพราะความที่เรามองอะไรไม่เห็นสักที ....ไม่เห็นสัมผัสอะไรได้เลย...
มันทำให้เรา รู้สึกว่า..เออ ตกลง นี่มันเป็นบุญ หรือ กรรมที่เราต้องชดใช้กันแน่
ทำไมคนอื่นเขาถึงเห็น.. แต่เราไม่เห็น หรือว่าเราต้องฝึกต่อไป
ก็เพราะเราไม่เห็น เราจึงพยายามหาคำตอบที่แท้จริงของชีวิต...
ถึงแม้ว่า ตอนนี้เราจะเริ่มทำใจบ้างแล้วว่า..
สงสัยชีวิตฉันคงต้อง..ได้เดินทางนี้เป็นแน่..
ฉันคงไม่สามารถ ไปเที่ยวเตร่ สังสรรค เฮฮา กินเบียร์วุ้นแสนอร่อย
ใช้ชีวิตร่าเริง เหมือนคนอื่นๆ ได้แล้ว...
หรือนานวันเข้าฉันอาจต้อง ถือศีลภาวนา กินมังสวิรัติไปตลอดชีวิต (โอ้วริบอาย มีเดี่ยมแร แสนอร่อย)
คิดไปก็เศร้าใจไป ..ปลอบใจตัวเองว่า เรามีบุญแล้วที่ท่านมามอบบารมีให้เรา..
เอาน่า มีคนเยอะแยะที่เป็นแบบเรา..เขายังอยู่ได้เลย
แต่ก็ยังไม่มีใครให้คำตอบในการใช้ชีวิตกับเราได้..
หลังจากเสร็จงานพิธีในวันนั้น..
เราก็กลับบ้านมาใช้ชีวิต...กลางวันทำงานแบบง่วงๆๆ
กลางคืน สวดมนต์ก่อนนอน..เข้านอนเร็ว เพราะต้องมีพลังงานบางอย่างปลุกให้ตื่นตี 3 อยู่ทุกคืน..
เพื่อนฝูงที่เคยนัดเจอก็ห่างหาย...
มีเวลาก็หาแต่ข้อมูลในอินเตอร์เนต เพื่อหาวิธีปฎิบัตตัว...
วันเวลาผ่านไปเหมือนจะมีความสุข...
ฉันพร่ำคิดกับตนเองเสมอว่า นี่เหรอความสุขของการมีองค์เทพ..คุ้มครอง..