เรื่องเศร้าหนุ่ม IT และผมอยากรู้เธอเป็นคนยังไงกันแน่น

เรื่องเศร้าหนุ่ม IT
คือ ผมจะเริ่มเรื่องของผมยังไรดีละ
    เอาเป็นเล่าตั้งแต่ผมเริ่มที่จะรู้จักกับเธอเลยละกัน เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อประมาณปลายปี 2556 ผมได้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง จริงๆเราก็เคยเห็นหน้ากันมาบ้าง เราทำงานอยู่บริษัทเดียวกัน ผมทำงานอยู่ แผนก IT ของบริษัท ส่วนเธออยู่หน่วยงานธุรการ ซึ่งผมก็คุ้นเคยกับหลายคนในหน่วยงานนี้ มีวันหนึ่งต้องเข้าไปประสานงานเกี่ยวกับเอกสารแล้วได้พูดคุยเล่นกันหลายคนจนจบด้วยการขอ Line คุยกันซึ่งรวมถึงเธอด้วย จากวันนั้นผมและเธอจึงได้คุยด้วยกันมาเรื่อยๆ จนเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น กลายเป็นเริ่มรับเริ่มส่งกัน และกลายเป็นผมเริ่มได้เข้าไปอยู่ในห้องของเธอได้ ช่วงแรกที่เราเริ่มคบกันทุกอย่างสำหรับผมมันดูดีไปหมด ไม่ว่าเธอจะพูดจะคุยอะไรทำมัยมันเหมือนที่ผมกำลังคิด กำลังรู้สึก ประมานว่าผู้หญิงคนนี้นิสัยเหมือนเราไม่มีผิด ผมเริ่มที่จะคิดจริงจังกับเธอมากขึ้น (เรายังไม่ได้เปิดตัวกันนะครับ แต่กลุ่มเพื่อนๆเธอผมก็รู้จักดี จึงไปไหนมาไหนด้วยกันได้ทั้งกลุ่ม หรือสองต่อสองกับเธอโดยที่ผมคิดว่าคนอื่นยังไม่เอะใจอะไร) ผมเริ่มให้เธอมากขึ้น เริ่มรักเธอมากขึ้น เอาใจใส่เธอมากขึ้น ซึ่งเธอก็ทำเช่นเดียวกับผมเหมือกัน ช่วงนั้นโลกทั้งโลกเกือบจะเป็นสีชมพูเลยที่เดียว ผ่านมาปีที่หนึ่งเริ่มเข้าปีที่สอง ช่วงต้นปีเรายังดูรักกัน สำหรับผมนะ สำหรับเธอผมไม่รู้ พอเข้าเดือนที่สี่ เดือนที่ห้าผมเริ่มดูเธอเปลี่ยนๆไป เธอเริ่มหงุดหงิดผมมากขึ้น ผมทำอะไรรู้สึกขวางหูขวางตาเธอตลอด  ช่วงที่เราคบกันใหม่ๆเธอชอบถามผมตลอดว่าเบื่อเธอหรือยัง อยากไปจากเธอหรือป่าว รักเธอไหม ผมนี้ยิ่งหลงเธอเข้าไปใหญ่ แต่พอเดียวนี้เธอเริ่มบอก เบื่อบ้างละ รำคราญบ้างละ กลับไปอยู่บ้านไปบ้างละ ผมนี้อึ่งเลย ออ ผมไม่ได้บอกปกติผมจะกลับบ้านผมบ้าง อยู่กับเธอบ้างไม่ได้อยู่กับเธอตลอด เพราะที่บ้านผมอยู่กับพ่อแม่ จึงอยากกลับไปดูท่านบ้าง จริงๆบ้านผมไม่ได้ไกลจากบริษัทที่ผมทำงานสักเท่าไหร่ขับโล่งๆไม่เกิน 30 นาทีก็ถึงบริษัทส่วนเธอพักอยู่หอแถวบริษัท กลับมาตอนเธอไล่ผมช่วงแรกแรกผมก็ยังเฉยๆ เพราะผมรักและยังเป็นห่วงเธอ แต่พอมากๆเข้าผมก็ทนไม่ไหวเลยบอกเธอว่า เอาเป็นว่าเธอไม่อยากให้ผมอยู่ก็ให้เธอบอกผมผมจะไป ที่เธอให้ผมมาอยู่ด้วยผมก็ไม่รู้เธอคิดอะไรกันแน่น เธอก็อึ่งไปสักพักผมเริ่มเห็นน้ำตาซึมๆ แล้วเธอก็บอกที่ผมอยู่ด้วยเธอก็รู้สึกสบายใจว่าไม่โดดเดียวเท่านั้นเธอพูดเท่านั้นจริงๆ แล้วเราก็นอนหลับไปด้วยกัน จากวันนั้นมาผมก็ยังอยู่กับเธอบ้างกลับบ้านบ้างเช่นเดิม ตั้งแต่เธอเริ่มหงุดหงิดใส่ผมเธอไม่ให้ผมกอดเธอนอนอย่างเดิม และไม่เคยมีอะไรกันเลยนอนบนเตียงเดียวกันแต่ผมรู้สึกผมนอนอยู่คนเดียว พอมาระยะเดือน ตุลาเริ่มหนักขึ้น และพอดีผมต้องเดินทางไปสิงค์โปรในช่วงนั้นพอดี แต่ก็ยังติดต่อกันผ่านทาง Line เหมือนเดิมแต่กลายเป็น ถามเธอคำ เธอก็ตอบมาคำ ความเป็นห่วง หรือ การพูดคุยอย่างคนรักกันหายไปหมด  พอผมกลับมาเธอก็บอกให้ผมกลับไปอยู่บ้านได้แล้วโดยเธอให้เหตุผลกับผมว่าไม่อยากเป็นขี้ปากคนใน office ผมก็งงมันเป็นขี้ปากเรื่องอะไรผมยังไม่รู้เหตุที่จะทำให้เราสองคนเสื่อมเสียเลย เอาเป็นว่าหลังจากนั้นผมก็กลับมานอนบ้านผมเอง ก็ประมาณต้นๆ ธันวา ครับ แต่ผมยังกลับเข้าห้องเธอไปทำความสะอาดห้องบ้าง กรอกน้ำใส่ตู้เย็นบ้าง ซื้ออาหารสดใส่ตู้เย็นให้เธอบ้างเป็นระยะๆ ในห้องมีเครื่องครัวครับ ผมหาไว้ให้เธอตอนรักกันใหม่ๆ และเธอก็ชอบทำอาหารให้ผมทานเป็นประจำ พอมามาปลายปีตอนบริษัทกำลังจะปิดยาวปีใหม่เธอ line มาบอกผมให้เอากุญแจห้อง ไปคืนเธอด้วย ตอนนั้นผมตัวชาไปทั้งตัวเลยแต่ก็ทำใจดีสู้เสือตอบเธอไปว่าได้ จะเอาเลยหรือป่าว เธอบอกไม่เป็นไรให้ผมเข้าไปเก็บของในห้องก่อนค่อยเอามาคือเธอก็ได้ ตอนนี้ผมคิดในใจเสร็จโดนผม copy เก็บไว้ก่อนแน่เอาไว้เข้าไปตรวจห้องที่หลังลืมบอก กุนแจเป็นระบบ key card นะครับเธอคงคิดว่าไม่สามารถ copy ได้แต่ผมเป็น IT ผมจึงรู้ระบบเป็นอย่างดี จากวันนั้นมาผมก็ว่าจะเว้นระยะสักสาม สี่เดือน จะค่อยแอบเข้าไปดูห้องเธอ แต่ดันเกิดเรื่องขึ้นสะก่อน ก็คือเมื่อไม่นานที่ผ่านมาประมาณกลาง มกรา 58 ผมกับเธอไปออกกำลังกายกับกลุ่มเพื่อนๆของเธอที่เดิม ผมดันเจอผู้ชายคนหนึ่งไปกับเธอด้วย ก็เลยคิดเอาหวะ จะเสียใจก็ให้มันเสียใจไปเลยจะได้รู้ๆ ไม่ต้องหวังว่าเธอจะยังรักผม และ ยอมให้ผมกลับไปหาเธออีก วันรุ่งขึ้นพอเธอไปทำงานผมจึงแอบเข้าไปในห้องเธอ ตอนจะเข้าไปผม สับสนไปหมด คิดว่าถ้าเข้าไปแล้วเราจะเจออะไร ใจหนึ่งก็หวังว่าทุกอย่างในห้องจะยังเหมือนเดิมเธอรอผมกับไป ใจหนึ่งก็คิดว่าถ้าเจออะไรที่เราไม่คิดว่าจะเจอเราจะเป็นอย่างไร จะเสียใจแค่ไหน จะรับได้หรือป่าว แต่แข็งใจไหนๆก็มาถึงขนาดนี้แล้วเอาหวะเป็นไงเป็นกัน พอเปิดห้องเข้าไปผมเห็นรองเท้าแตะของผมที่ชั้นวาง เดิมเข้าไปที่ราวตากผ้าในห้องนอนผมเห็นเสื่อผ้าผู้ชายแขวน แต่ ไม่ใช่ของผม และที่สำคัญยังมีเสื้อผ้าของผมแขวนอยู่ด้วย ในตะกล้าใส่ผ้าเตรียมสัก ผมเห็นชุดกีฬาที่ผู้ชายคนนั้นใส่ไปเมื่อวาน ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ ผมเห็นแปรง สี่ด้าม สองด้ามเป็นของเธอ หนึ่งด้ามเป็นของผม ส่วนด้ามที่สี่ผมก็รู้ละนะว่าเป้นของใคร วันนั้นผมตัวชาไปหมด แทบจะบ้า ทำอะไรไม่ถูก ใจหนึ่งก็เตรียมใจมาแล้ว ใจหนึ่งก็คิดว่าทำไมเธอทำกับผมอย่างนี้ ใจหนึ่งก็อยากจะฆ่าเธอให้ตาย ใจหนึ่งก็รู้สึกรักและเป็นห่วงเธอมาก เพราะผู้ชายที่อยู่กับเธอผมว่าไม่สามารถดูแลเธอได้เท่าผมแน่น ส่วนเรื่องอื่นๆ ผมก็ไม่อยากเอาความรู้สึกตัวเองมาตัดสินเขา พอได้สติผมก็ออกจากห้องเธอกลับมาที่รถ ขับรถเข้า office ทำงานตามปกติ ต้องยอมรับนะครับว่าทำอะไรไม่ถูเลย สับสนไปหมดวันนั้นระบบดันมีปัญหาพอดีด้วยไปกันใหญ่เลย ยังดียังควบคุมอารมณ์และความรู้สึกแก้ปัญหางานผ่านมาได้ พอแก้ไขงานเสร็จผม Line ไปหาเธอเลยถามเรื่องราวต่างๆ แกล้งถามว่า ผมจะยังกลับไปหาเธอได้ไหม เธอตอบอย่าเลย เธอไม่สามารถให้ผมกลับไปได้แล้ว หากผมอยากเกรียดเธอ เธอก็ยินดี ผมงง ผมไม่เข้าใจเธอจริงๆ เลยแกล้งถามไปอีกว่าผู้ชายคนเมื่อวานครบกันแล้วเหรอ ทำไมเร็วจัง เธอบอกรู้ได้ไง ผมแกล้งบอกว่าผมมองตาผู้ชายออกว่าไม่ชอบผม เธอยอมรับและเช่นเดิม หากผมอยากเกรียดเธอ เธอก็ยินดี ผมนี้เสียใจลงไปอีก จากที่แย่อยู่แล้ว แย่ยิ่งๆขึ้นไปอีก แต่ผมก็บอกเธอผมไม่เป็นไร ผมยังคุยกับเธอได้ทุกเรื่องเช่นเดิม ผมบอกเธอเรายังเหมือนเดิมนะ แม้สถานะเราจะเปลี่ยนก็ตาม .........
ปัจจุบันผมก็ยังคุย Line กับเธอเช่นเดิมแต่ ผมใช้วิธีหนีหน้าเธอแทน กลุ่มเพื่อนๆของเธอผมก็ถอยออกมา เอารูปตัวเองออกจากทุก social network ทุกรูปแบบ แต่ยังเล่นอยู่นะครับไม่ได้กีดกันเธอออกจากเพื่อนของผม
สิ่งที่ผมเป็นห่วงที่สุดคือเธอจะเป็นอย่างไรคนใหม่จะดูเธอได้แค่ไหน อ่อ ผมลืมบอกไปผมทำงาน IT อยู่ในระดับผู้จัดการ ฝ่ายครับ อย่าพึ่งคิดว่าผมแก่นะครับ ผมยังไม่แก่เท่าที่พวกคุณคิดครับ พวกลูกน้องยังกอดไหล่ได้ เพราะมันยังคิดว่าเป็นรุ่นเดียวกัน น้องนักศึกษาฝึกงานเห็นผม มันยังนึกว่าผมเป็นแค่ senior หน้าตาก็ไม่ได้แย่ขนาดดูไม่ได้ครับ ก็ยังมีสาวๆมาแอบชอบบ้าง
     ผมยังเป็นห่วงเธอมาก และมากขึ้นเมื่อคนที่เธอเลือก เป็นพนักงานบำรุงรักษาอาคาร ไม่ใช่ผมเป็นคนดูถูกคนนะครับผมจะไม่เสียใจเท่านี้เลยหากเธอได้คนที่ดีกว่าผม หรือ เท่าผม แต่ก็อย่างว่าแหละครับเรื่องของหัวใจ บังคับกันไม่ได้

สิ่งที่ผมไม่เข้าใจ คือ เธอเป็นคนยังไงกันแน่น และทำไมผมถึงรักเธอได้ขนาดนี้
ตอนนี้ผมดีขึ้นแล้วครับ ไม่เป็นไรแล้ว ก็ยังคุยกับเธออยู่ครับ
ขอบคุณครับ...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่