06 Jan 2015
ได้เวลาเตรียมความพร้อม

ผมตื่นมา 7.30 น. ทำไรต่อไรเสร็จ ก็ไปรอหน้าบ้านพักครับ อยู่แถวหน้าบ้านหัวหน้าลูกหาบพอดี เลยเอากระเป๋าตัวเองไปช่างน้ำหนักดู ผลที่ได้คือ...... 13 kg. ยังไม่รวมเต็นท์อีก 1.5 kg ผมเลยตัดสินใจแบกกระเป๋าขึ้นเองเนี้ยแหละ แต่ฝากเต็นท์ให้พี่ลูกหาบไปขาขึ้นขาเดียว ขาลงน่าจะเอาไหว

น้ำผมเอาไปขวดใหญ่ 1.5 ลิตรกับขวดเล็กอีก 1 ขวดพอครับแล้วก็ของที่จำเป็นจริงๆ ส่วนหใญ่หนักกล้องและอุปกรณ์ ถุงนอน, หม้อต้มน้ำ ก่อนขึ้นผมก็เจอกับพี่คนนี้ครับ มีแรงเดินขึ้นอีกเยอะเลย

เราเริ่มออกเดินทางกันประมาณ 9.00 น. แล้วก็เดินตามพี่เจ้าหน้าที่ไปเรื่อยๆ

ถึงตรงป้ายนี้ 9.25 น. แล้วจากนั้นก็ลงทะเบียนครับว่าชื่อไร ต่อไร แล้วผมกับพี่อีกคนหนึ่งก็เดินไปก่อนเลยครับ พี่ผู้หญิงอีกคนแกชื่อพี่จิ๊บ แกมาเที่ยวคนเดียวเหมือนกันครับ มารู้อีกทีว่าเป็นหมอผมนี้อึ้งไปเลยกล้าได้ไงว่ะ ฮ่าๆ ผมก็เดินไปเรื่อยถ่ายรูปไปเรื่อยๆ

ระหว่างผมเดินไปเห็นพี่เขาแบกเยอะมาก ผม 13 kg ก็ต้องเอาให้ไหว

เขาช้างน้อย

ขนาดนี้ล่ะ(ตอนนี้เหนื่อยมาก) แล้วช้างเผือกจะขนาดไหนว่ะเนี้ย

แล้วก็มีน้องอีก 2 คนเดินแซงผมไปก่อน

ใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้วล่ะ

ใกล้ถึงแล้วโว๊ย แต่ก่อนถึงทางนี้แบบเอาเรื่องเลย มีน้องผู้หญิงแกเดินไปถึงเป็นคนแรกเลย โหดมาก ตามด้วยน้องผู้หญิงกับผู้ชายที่ตามมาถึงผมที่หลัง

ในที่สุดก็ถึงจนได้ ผมถึงจุดกางเต็นท์ประมาณ 11.40 น. เหนื่อย

ๆ แล้วก็ให้น้องผู้หญิงคนที่เดินมาถึงก่อน ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย น้องแกชื่อน้องเหมย ที่สำคัญน้องแกโบกรถมาทองภาภูมิเกือบทั้งทาง จากนั้นก็ทานข้าวที่เตรียมมา นั่งเล่นพักผ่อน รอเวลาขึ้นไปจุดสูงสุด ระหว่างรอมีเรื่องตื่นเต้นเล่นให้ฟัง
ขณะที่ผมนั่งพักผ่อนแล้วคุยกับ พี่จิ๊บและกลุ่มน้องเหมย ที่เดินกันมาเร็วมากๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งแกเดินมาถึงแล้วแบบเหนื่อยมากๆ ผมก็สังเกตแกเพราะดูแล้วอาการแปลกๆ พอไม่กี่นาทีหลังจากที่พวกเพื่อนๆ เขาก็มุงๆ พี่ผู้ชายแล้วทำเสียงโวยวายเหมือนเล่นๆ กัน ผมก็เริ่มสงสัยแล้วว่าพี่เขาเป็นไรป่าวก็เลยลองเดินไปดู แต่พอไปถึงเท่านั้นแหละอาการเหมือนจะชัก(มือ เท้ามีอาการชาและเกร็ง) ผมเลยเอาถุงพลาสติกคอบจมูกพี่แก จากนั้นก็อาการดีขึ้น มารู้ที่หลังว่าพี่แกชื่อเวีย ซึ่งแฟนพี่แกชวนมาเที่ยวด้วยพี่แกก็เลยต้องมา ^_^ ต่อครับต่อจากนั้นไม่นานพี่ลูกหาบคนแรกที่มาถึงแล้วครับ

จากนั้นก็นอนรอยาวๆ รอเวลาขึ้นจุดสูงสุด

ถึงเวลาแล้ว 15.00 น. ไปๆๆๆๆๆๆ พี่เจ้าหน้าที่ก็มาตามพวกเราว่ามีใครจะขึ้นไปบ้าง

ในที่สุดก็ถึงจนได้ อยากจะบอกพี่เขาว่ากางเต็นท์บนนี้เลยได้มั้ยไม่อยากลงแล้วววว

คนนี้ชื่อพี่โอ๊ค มีอุดมการณ์เดียวกับผมคือ ไม่จ้างพี่ลูกหาบแบกของ แต่ผมฝากเต็นท์พี่ลูกหาบแบกขึ้นมา พอพักให้หายเหนื่อยพวกผมก็เดินลงไปที่พักครับเพราะเกรงว่ากลับช้าแล้วจะมืดซะก่อน ^_^

หินที่ผมเอามาตั้งเป็นเห็นที่ไม่ยึดเกาะกับพื้นดินแล้วครับ ถ้าเหยียบไปอาจจะเกิดอันตรายได้ผมเลยเอามาตั้งเล่น และคืนนั้นเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงเลยอดถ่ายดาว ^^ ผมก็ไปนั่งคุยกับพี่จิ๊บและกลุ่มน้องเหมย แล้วก็แยกย้ายเข้าเต็นท์นอน......
07 Jan 2015
รีบตื่นมาแล้วเก็บของเพื่อที่จะไปเขาช้างน้อย เพื่อที่จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นครับ ก่อนไปก็แจ้งเจ้าหน้าที่สักนิดนะครับ

ผมมีวีดีโอสั้นๆ มาให้ดูครับ ผมตั้งถ่าย VDO ทิ้งไว้แล้วยืนนิ่งๆ ดูพระอาทิตย์ขึ้นอย่างช้าๆ ไปพร้อมกับสายลมและหมอกที่พัดผ่านมาเข้ามาปะทะตัวเราอย่างเบาๆ (เอาคลิปมาให้ชมกันครับ) เสียงลมอาจจะแรงไปน่ะครับขอโทษที
https://www.youtube.com/watch?v=YWfAKGoCuPc&feature=youtu.be

เหมือนอยู่บนอะไรสักอย่าง แต่ของจริงสวยกว่าที่ผมถ่ายเยอะครับ ^^

มาเขาช้างเผือกก็เจอแม่คะนิ้งนะคร๊าบบบบบบบบบบบบ

แอบเหมือนฟูจิซัง
จากนั้นก็เดินลงอย่างเดียวไม่ได้ถ่ายเลยครับแบตผมก็จะหมดด้วย พอมาถึงด้านล่างก็มีอีกกลุ่มกำลังเดินเข้าทางขึ้นเขาเลยครับ ได้แต่ยิ้มให้แล้วบอกว่า สู้ๆ ครับ จากนั้นผมก็กลับไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแล้วก็เจอเจ้าถิ่นรอต้อนรับ

ผมไม่ได้ใบประกาศว่าพิชิตเขาช้างเผือกเพราะว่าไม่ได้บุ๊คกิ้งไว้ว่าจะขึ้นมาครับ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ยังดีกว่าไม่ได้ขึ้น ^^ เพราะเสร็จกิจก็อำลาพี่จิ๊บ กลุ่มน้องเหมย แล้วก็พี่เวียที่ผมเข้าไปปฐมพยาบาลพี่เขาครับ จากนั้นผมก็รีบบิดกลับเข้า กทม. ให้ทัน 18.00 น. เพื่อที่จะต้องไปเชียงใหม่ต่อ คราวนี้พาเพื่อนไปเปิดประสบการณใหม่ครับ
ปล.ควรสวมใส่อุปกรณ์ safety ในการขับขี่และอย่าประมาทในการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ด้วยครับ อยากฝากถึงผู้ที่ขับรถยนต์ว่า เวลาคุณแซงในเขตห้ามแซงหรือว่าเห็นมอเตอร์ไซค์มาแล้วก็ยังจะแซงมันอันตรายมากเลยนะครับ ส่วนใหญ่ทะเบียนที่ผมเจอมากับตัวก็ กทม. ทั้งนั้นเลยและเป็นรถราคาแพงๆ ทั้งนั้นด้วย
ขอบคุณที่เสียเวลาเข้ามาอ่านจนจบครับ แล้วเดี๋ยวมีทริปที่น่าสนใจจะม่เล่าต่อให้ฟังครับ
สามารถติดตามเรื่องก่อนหน้าได้ที่
http://pantip.com/topic/33132239
ขอบคุณมากครับที่เสียเวลามาอ่าน
[CR] เรื่องเล่า 1,887 กม. ของ เด็กชายหนึ่งคนกับรถหนึ่งคัน (ตอนจบ ที่เขาช้างเผือก)
ได้เวลาเตรียมความพร้อม
ผมตื่นมา 7.30 น. ทำไรต่อไรเสร็จ ก็ไปรอหน้าบ้านพักครับ อยู่แถวหน้าบ้านหัวหน้าลูกหาบพอดี เลยเอากระเป๋าตัวเองไปช่างน้ำหนักดู ผลที่ได้คือ...... 13 kg. ยังไม่รวมเต็นท์อีก 1.5 kg ผมเลยตัดสินใจแบกกระเป๋าขึ้นเองเนี้ยแหละ แต่ฝากเต็นท์ให้พี่ลูกหาบไปขาขึ้นขาเดียว ขาลงน่าจะเอาไหว
น้ำผมเอาไปขวดใหญ่ 1.5 ลิตรกับขวดเล็กอีก 1 ขวดพอครับแล้วก็ของที่จำเป็นจริงๆ ส่วนหใญ่หนักกล้องและอุปกรณ์ ถุงนอน, หม้อต้มน้ำ ก่อนขึ้นผมก็เจอกับพี่คนนี้ครับ มีแรงเดินขึ้นอีกเยอะเลย
เราเริ่มออกเดินทางกันประมาณ 9.00 น. แล้วก็เดินตามพี่เจ้าหน้าที่ไปเรื่อยๆ
ถึงตรงป้ายนี้ 9.25 น. แล้วจากนั้นก็ลงทะเบียนครับว่าชื่อไร ต่อไร แล้วผมกับพี่อีกคนหนึ่งก็เดินไปก่อนเลยครับ พี่ผู้หญิงอีกคนแกชื่อพี่จิ๊บ แกมาเที่ยวคนเดียวเหมือนกันครับ มารู้อีกทีว่าเป็นหมอผมนี้อึ้งไปเลยกล้าได้ไงว่ะ ฮ่าๆ ผมก็เดินไปเรื่อยถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
ระหว่างผมเดินไปเห็นพี่เขาแบกเยอะมาก ผม 13 kg ก็ต้องเอาให้ไหว
เขาช้างน้อย
แล้วก็มีน้องอีก 2 คนเดินแซงผมไปก่อน
ใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้วล่ะ
ใกล้ถึงแล้วโว๊ย แต่ก่อนถึงทางนี้แบบเอาเรื่องเลย มีน้องผู้หญิงแกเดินไปถึงเป็นคนแรกเลย โหดมาก ตามด้วยน้องผู้หญิงกับผู้ชายที่ตามมาถึงผมที่หลัง
ในที่สุดก็ถึงจนได้ ผมถึงจุดกางเต็นท์ประมาณ 11.40 น. เหนื่อย
ขณะที่ผมนั่งพักผ่อนแล้วคุยกับ พี่จิ๊บและกลุ่มน้องเหมย ที่เดินกันมาเร็วมากๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งแกเดินมาถึงแล้วแบบเหนื่อยมากๆ ผมก็สังเกตแกเพราะดูแล้วอาการแปลกๆ พอไม่กี่นาทีหลังจากที่พวกเพื่อนๆ เขาก็มุงๆ พี่ผู้ชายแล้วทำเสียงโวยวายเหมือนเล่นๆ กัน ผมก็เริ่มสงสัยแล้วว่าพี่เขาเป็นไรป่าวก็เลยลองเดินไปดู แต่พอไปถึงเท่านั้นแหละอาการเหมือนจะชัก(มือ เท้ามีอาการชาและเกร็ง) ผมเลยเอาถุงพลาสติกคอบจมูกพี่แก จากนั้นก็อาการดีขึ้น มารู้ที่หลังว่าพี่แกชื่อเวีย ซึ่งแฟนพี่แกชวนมาเที่ยวด้วยพี่แกก็เลยต้องมา ^_^ ต่อครับต่อจากนั้นไม่นานพี่ลูกหาบคนแรกที่มาถึงแล้วครับ
จากนั้นก็นอนรอยาวๆ รอเวลาขึ้นจุดสูงสุด
ถึงเวลาแล้ว 15.00 น. ไปๆๆๆๆๆๆ พี่เจ้าหน้าที่ก็มาตามพวกเราว่ามีใครจะขึ้นไปบ้าง
ในที่สุดก็ถึงจนได้ อยากจะบอกพี่เขาว่ากางเต็นท์บนนี้เลยได้มั้ยไม่อยากลงแล้วววว
คนนี้ชื่อพี่โอ๊ค มีอุดมการณ์เดียวกับผมคือ ไม่จ้างพี่ลูกหาบแบกของ แต่ผมฝากเต็นท์พี่ลูกหาบแบกขึ้นมา พอพักให้หายเหนื่อยพวกผมก็เดินลงไปที่พักครับเพราะเกรงว่ากลับช้าแล้วจะมืดซะก่อน ^_^
หินที่ผมเอามาตั้งเป็นเห็นที่ไม่ยึดเกาะกับพื้นดินแล้วครับ ถ้าเหยียบไปอาจจะเกิดอันตรายได้ผมเลยเอามาตั้งเล่น และคืนนั้นเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงเลยอดถ่ายดาว ^^ ผมก็ไปนั่งคุยกับพี่จิ๊บและกลุ่มน้องเหมย แล้วก็แยกย้ายเข้าเต็นท์นอน......
07 Jan 2015
รีบตื่นมาแล้วเก็บของเพื่อที่จะไปเขาช้างน้อย เพื่อที่จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นครับ ก่อนไปก็แจ้งเจ้าหน้าที่สักนิดนะครับ
ผมมีวีดีโอสั้นๆ มาให้ดูครับ ผมตั้งถ่าย VDO ทิ้งไว้แล้วยืนนิ่งๆ ดูพระอาทิตย์ขึ้นอย่างช้าๆ ไปพร้อมกับสายลมและหมอกที่พัดผ่านมาเข้ามาปะทะตัวเราอย่างเบาๆ (เอาคลิปมาให้ชมกันครับ) เสียงลมอาจจะแรงไปน่ะครับขอโทษที
https://www.youtube.com/watch?v=YWfAKGoCuPc&feature=youtu.be
เหมือนอยู่บนอะไรสักอย่าง แต่ของจริงสวยกว่าที่ผมถ่ายเยอะครับ ^^
มาเขาช้างเผือกก็เจอแม่คะนิ้งนะคร๊าบบบบบบบบบบบบ
แอบเหมือนฟูจิซัง
จากนั้นก็เดินลงอย่างเดียวไม่ได้ถ่ายเลยครับแบตผมก็จะหมดด้วย พอมาถึงด้านล่างก็มีอีกกลุ่มกำลังเดินเข้าทางขึ้นเขาเลยครับ ได้แต่ยิ้มให้แล้วบอกว่า สู้ๆ ครับ จากนั้นผมก็กลับไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแล้วก็เจอเจ้าถิ่นรอต้อนรับ
ผมไม่ได้ใบประกาศว่าพิชิตเขาช้างเผือกเพราะว่าไม่ได้บุ๊คกิ้งไว้ว่าจะขึ้นมาครับ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ยังดีกว่าไม่ได้ขึ้น ^^ เพราะเสร็จกิจก็อำลาพี่จิ๊บ กลุ่มน้องเหมย แล้วก็พี่เวียที่ผมเข้าไปปฐมพยาบาลพี่เขาครับ จากนั้นผมก็รีบบิดกลับเข้า กทม. ให้ทัน 18.00 น. เพื่อที่จะต้องไปเชียงใหม่ต่อ คราวนี้พาเพื่อนไปเปิดประสบการณใหม่ครับ
ปล.ควรสวมใส่อุปกรณ์ safety ในการขับขี่และอย่าประมาทในการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ด้วยครับ อยากฝากถึงผู้ที่ขับรถยนต์ว่า เวลาคุณแซงในเขตห้ามแซงหรือว่าเห็นมอเตอร์ไซค์มาแล้วก็ยังจะแซงมันอันตรายมากเลยนะครับ ส่วนใหญ่ทะเบียนที่ผมเจอมากับตัวก็ กทม. ทั้งนั้นเลยและเป็นรถราคาแพงๆ ทั้งนั้นด้วย
ขอบคุณที่เสียเวลาเข้ามาอ่านจนจบครับ แล้วเดี๋ยวมีทริปที่น่าสนใจจะม่เล่าต่อให้ฟังครับ
สามารถติดตามเรื่องก่อนหน้าได้ที่ http://pantip.com/topic/33132239
ขอบคุณมากครับที่เสียเวลามาอ่าน